ตอนที่หนึ่ง
ต้องแต่งงาน
“พวกเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะพี่หญิงใหญ่ ท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่มีข่าวคราว ท่านอาทั้งสองก็จ้องแต่จะฉกฉวยโอกาส” เฉินฟางเฟิน น้องสาวคนที่สี่ร้องโวยวายออกมาตามนิสัยช่างพูดช่างเจรจา
“ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา หากพูดมากนัก พี่จะจับหักแขนหักขาเสียเลย” เฉินฟางหนิงพี่สาวคนที่สามซึ่งฝึกวิชาการต่อสู้มาหลายปีจนพอมีฝีมือลุกขึ้นมาออกท่าออกทางฮึดฮัดหักนิ้วตัวเอง
“ใจเย็นกันก่อน ค่อยๆคิดเถิด” เฉินฟางหรง พี่สาวคนรองซึ่งมักใช้ความคิดมากที่สุดเอ่ยขึ้น
“หากพี่จะแต่งงานเพื่อให้มีผู้ชายในบ้านสักคน อารองและอาสามจะได้หมดข้ออ้างในเรื่องนี้ พวกเจ้าจะว่าอย่างไร” เฉินเป่าลี่ พี่สาวคนโตเอ่ยบอกน้องๆทั้งหกหลังจากใคร่ครวญดูดีแล้ว
“จะมีชายหนุ่มยินยอมแต่งเข้ามาหรือเจ้าคะ” เฉินเฟยเจิน น้องสาวคนที่ห้าเงยหน้าขึ้นจากตำราเพื่อเอ่ยถาม
“พี่เองอายุมากแล้ว คงหาชายหนุ่มได้ยากเต็มที ความจริงพี่ไม่มีความคิดเรื่องแต่งงานมาก่อน แต่ในเมื่อนี่เป็นหนทางที่จะช่วยไม่ให้อาทั้งสองเข้ามาก้าวก่ายวุ่นวายได้ พี่ก็เห็นว่าคงต้องยอมทำเช่นนี้” เฉินเป่าลี่มองหน้าน้องสาวอย่างจนใจ
“เรื่องนี้ความจริงท่านพ่อเองก็ได้วางแผนไว้นานแล้ว เพียงแต่อยากให้การแต่งงานเกิดจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย” พี่สาวคนโตหันใบหน้างดงามมองไปทางประตูบ้านพลางจ้องไปที่ร่างแน่นของชายหนุ่มนาม’ซูเทียนอี้’ซึ่งกำลังสั่งการคนงานชายอยู่ด้านหน้า
“พี่หญิงใหญ่หมายถึงพี่อี้หรือเจ้าคะ” เฉินซินหลิน น้องสาวคนเล็กซึ่งมองตามสายตาของพี่สาวไปเอ่ยถามอย่างข้องใจ
“ใช่ พวกเจ้าเองก็คงรู้ว่าท่านพ่อรับอาอี้มาเลี้ยงดูด้วยติดหนี้บุญคุณบิดาของเขาที่เคยช่วยเหลือ แม้ยามนี้อาอี้จะเป็นกำพร้าแต่ท่านพ่อก็หวังให้พวกเราสักคนแต่งงานกับเขาเพื่อรับเขาเข้าสกุลเฉินอย่างเป็นทางการ ยามนี้อาอี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หากพวกเจ้าสักคนจะชอบพอและแต่งงานกับเขาอย่างเต็มใจ พี่ก็จะยินดียิ่ง” เฉินเป่าลี่มองใบหน้าของน้องสาวทีละคนอย่างคาดคั้นหาความจริงจากใจ
น้องสาวทั้งหกต่างก้มหลบสายตาของพี่สาวด้วยพวกเขาคิดกับซูเทียนอี้อย่างพี่น้อง จึงไม่อยากแต่งงานกับเขา แม้ชายหนุ่มผู้นี้จะมีใบหน้าหล่อเหลาจนเดินไปทางใดสาวๆล้วนเหลียวมอง อีกทั้งยังมีร่างกายกำยำจากการฝึกวิชาต่อสู้เพื่อปกป้องพี่น้องสาวๆทั้งเจ็ด แต่การเติบโตด้วยกันมานานปีจะให้พวกเขาคิดเช่นชู้สาวก็คงจะฝืนใจเกินไป
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีใครคิดจะแต่งกับเขา พี่ก็คงต้องแต่งด้วยตนเอง” เฉินเป่าลี่สรุปในที่สุด
“พี่หญิงใหญ่ชอบพี่อี้หรือเจ้าคะ” เฉินฟางลู่น้องสาวคนที่หก เอ่ยถามอย่างใสซื่อ
“พี่เห็นเขาเป็นเพียงน้องชายเท่านั้น แต่ยามนี้ชอบหรือไม่ชอบหาใช่เรื่องสำคัญ พี่เพียงต้องแต่งชายหนุ่มสักคนเข้าตระกูลเท่านั้น หากรอนานไปกว่านี้ อารองอาจหาโอกาสและใช้เล่ห์กลยัดเยียดหลานชายของตนเองเข้ามา ดังนั้นซูเทียนอี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและเร็วที่สุด” เฉินเป่าลี่ตอบอย่างเด็ดเดี่ยว
“อาอี้เป็นเพียงเด็กที่ท่านพ่อเลี้ยงไว้ ท่านอาทั้งสองจะยอมรามือหรือ” เฉินฟางหรง น้องสาวคนรองซึ่งรับรู้ความตั้งใจของพี่สาวเอ่ยทักท้วงด้วยไม่อยากให้ความพยายามต้องสูญเปล่า
“ขอเพียงเป็นชายหนุ่มสักคน ไม่ว่าผู้ใดก็เหมือนกัน อาอี้กลับมีข้อดีตรงที่รู้เรื่องกิจการของพวกเราและสามารถช่วยเหลือได้มาก สำคัญที่พวกเจ้าจะยอมรับเขาได้หรือไม่เท่านั้น” เฉิยเป่าลี่เอ่ยถาม
“พวกเราย่อมยอมรับได้ ดีเสียอีกที่เป็นเขา เพราะหากเป็นผู้อื่นอาจจะเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ก็เป็นได้ แต่พี่หญิงใหญ่จะไม่ฝืนใจจนเกินไปหรือ” เฉินฟางหรง น้องสาวคนรองตอบแทนน้องๆทุกคน
“พี่ตัดสินใจแล้วย่อมไม่ฝืนใจ เช่นนั้นตกลงตามนี้ พี่จะคุยกับอาอี้เอง” เฉินเป่าลี่สรุปการพูดคุยในหมู่พี่น้องก่อนจะครุ่นคิดถึงการเจรจากับซูเทียนอี้ ชายหนุ่มซึ่งนางเห็นว่าเป็นน้องชายมาหลายปี
เมื่อนั่งคิดถึงสิบกว่าปีที่แล้วซึ่งวันหนึ่งบิดาของนางจูงเด็กชายตัวอวบอ้วนน่ารักเข้ามาพลางบอกให้พวกนางดีต่อเขาและช่วยกันดูแลอย่างพี่น้องด้วยเขาไม่มีบิดามารดาแล้ว
เด็กน้อยแสนเชื่อฟังในวันนั้นซึ่งนางช่วยดูแลดั่งน้องชายมาโดยตลอด เติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีและช่วยเหลือกิจการสกุลเฉินอย่างเต็มกำลัง แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เห็นกันมาแต่เยาว์วัย อีกทั้งซูเทียนอี้ยังอ่อนวัยกว่านางถึง2ปี
ทำเช่นนี้ จะโดนกล่าวหาว่ากินเด็กหรือไม่นะ
ตอนที่หก เฝ้าระวังภัยฮัวหลีเหวินอุ้มร่างบางลงมาก่อนจะพาเดินอย่างระมัดระวังจนถึงเรือนสกุลเฉิน “บ้านของเจ้ามีผู้มีฝีมืออยู่บ้างหรือไม่” “พี่เขยใหญ่และพี่เขยรองพอมีฝีมืออยู่บ้าง ส่วนพี่เขยสามนับว่าเป็นยอดฝีมือ แต่ยามนี้เขาไม่อยู่” “เช่นนั้นนับไม่ได้” “เจ้าเข้าบ้านไปเถอะ ระวังตัวด้วย หากมีสิ่งใดผิดสังเกตให้ตะโกนร้องออกมาข้าจะรีบเข้าไป” “อืม”&nb
ตอนที่ห้า เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่ฮัวหลีเหวินอธิบายยืดยาวจนหญิงสาวเริ่มเข้าใจ “แต่ข้าต้องช่วยกิจการค้าที่นี่ ไม่สามารถไปอยู่เมืองหลวงได้” เฉิยฟางเฟินรีบยกเหตุผลขึ้นมาโต้แย้ง “เรื่องนี้พวกเราค่อยมาตกลงกันภายหลังได้ ข้าอาจจะขอย้ายมาหรือไม่เจ้าก็ขยายกิจการไป หรืออาจจะไปๆมาๆ” ฮัวหลีเหวินกลับไม่รับฟังด้วยไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ “ท่านจะแต่งงานกับข้าจริงหรือ”&nbs
ตอนที่สี่ ท่อนไม้หรือ“ท่อนไม้หรือ เจ้าบอกว่าท่อนทวนคู่กายของข้าคือท่อนไม้หรือ” ฮัวหลีเหวินตะโกนออกมาเสียงดัง “จะโวยวายไปเพื่ออันใด จะท่อนไม้หรือท่อนทวนก็เหมือนกัน แข็งทื่อไร้ราคา ชิ” “เฉินฟางเฟิน เจ้าหาเรื่องเองนะ” ฮัวหลีเหวินเรียกชื่อเต็มของหญิงสาวก่อนจะเข้าโอบอุ้มร่างบางกระโดดออกมาจากรถม้าอย่างรวดเร็ว “ว๊ายยย เจ้าทำอันใด”
ตอนที่สาม ขอโทษตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด“ท่านรู้ว่าข้าคือใคร แล้วท่านเล่า”“ข้าคือชายผู้หนึ่งซึ่งผ่านทางมา”“แม้กระทั่งความจริงท่านก็ยังไม่ยอมบอกออกมา จะแสดงความจริงใจได้อย่างไร หึ เก็บความรับผิดชอบจอมปลอมของท่านเอาไว้เถอะ”“หากข้าบอกความจริง เจ้าจะรับปากได้หรือไม่ว่าจะไม่แพร่งพราย”“ข้าควรต้องป่าวประกาศออกไปหรือไร เชอะ ความลับอันใดจะมากเรื่องเช่นนั้น”“ข้าเพียงไม่อยากให้เจ้าเดือดร้อน”“เพียงข้ออ้างเช่นนี้ ก็ยังเอ่ยออกมา พวกเราไม่มีเรื่องต้องคุยกันแล้ว ข้าขอตัว” เฉินฟางเฟินผุดลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ“เดี๋ยว...ใจเย็น นั่งลงก่อน” ชายหนุ่มหล่อรีบเอื้อมมือมาจับหญิงสาวให้นั่งลงคุยกันต่อ“มีอันใดต้องคุยอีก เพียงชื่อแซ่ยังไม่กล้าบอก แล้วจะคุยอันใดได้”เฉินฟางเฟินเป็นนักเจรจา นางเจรจาการค้าทุกวันจนช่ำชอง ให้ต่อรองกับชายหนุ่มแปลกหน้าผู้ไม่รู้ที่มาที่ไปย่อมเป็นการไม่คุ้มค่าจึงต้องการรับรู้
ตอนที่สาม ขอโทษตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเพียงครั้งเดียวยังไม่ทันได้ซ่านเสียวอย่างเต็มที่ ความคับแน่นนี้ยังคงชวนให้ค้นหาอีกหลายคราชายหนุ่มคิดอย่างย่ามใจก่อนจะเปล่งเสียงต่ำด้วยความสุขแห่งการเสพสมแล้วนอนซบลงบนอกคู่งามเมื่อเงยหน้าขึ้นพบมือบางซึ่งแดงเถือกจากการดิ้นรน เขาจึงคลายผ้าซึ่งผูกมัดหญิงงามไว้แล้วจับร่างบางคว่ำหน้ากระแทกสะโพกจนเด้งไหวสะท้านสะเทือนเฉินฟางเฟินโดนขย่มโยกกระแทกไปถึงสามคราวกว่าชายหนุ่มจะทิ้งตัวลงนอนหลับไปในที่สุดหญิงสาวหอบหิ้วร่างบอบช้ำเดินย่องหลบออกมาจากสำนักเริงรมย์แล้วผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถม้าอย่างรวดเร็วก่อนจะกลับเข้าเรือนสกุลเฉินอย่างเงียบเชียบโดยไม่ปริปากบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ใด นางพลาดเอง ไม่ควรอยู่จนเย็นย่ำเพียงนั้น นางแต่งกายยั่วยวนอยู่ในสำนักเริงรมย์ จะร้องโวยวายว่ามิใช่หญิงคณิกา ผู้ใดจะเชื่อ
ตอนที่สอง ความคับแน่นนี้ชวนให้ค้นหาอีกหลายคราว “ข้าไม่ใช่หญิงคณิกาที่นี่จริงๆ หากไม่เชื่อควรไปสอบถามเถ้าแก่เนี้ยดู ข้าเป็นบุตรสาวพ่อค้ามาเจรจาค้าขาย ท่านไม่ควรทำเช่นนี้กับข้า”“จะบอกว่าเจ้าไม่เคยมือชายเพื่อเรียกราคาให้สูงขึ้นหรือ ย่อมได้ หากร่องรูของเจ้าคับแคบจริง ข้าจะเพิ่มเงินให้อีกสองเท่า”ชายหนุ่มแปลเจตนาอย่างผิดเพี้ยนก่อนจะก้มลงดูดดึงก้อนเต้าหู้อิ่มอีกโดยไม่แยแสการดิ้นรนด้วยแรงอันน้อยนิด“ท่านปล่อยข้าก่อน อย่าได้ทำเช่นนี้” เฉินฟางเฟินทั้งทุบทั้งถีบทั้งเตะเพื่อหลีกหนีแต่ชายตรงหน้าช่างแข็งแรงนัก เขากดทับนางเอาไว้ทั้งตัวก่อนจะปลดสายคาดเอวของนางออกแล้วจับแขนเรียวผูกรั้งไว้กับหัวเตียง“อย่า...ปล่อยข้าเถิด ข้ามิใช่หญิงคณิกาจริงๆ” ถึงตอนนี้เฉินฟางเฟินหลั่งน้ำตาด้วยความหวาดกลัวออกมาแล้ว“คณิกาที่นี่ช่างน่าสนใจ มีลูกล่อลูกชนและลีลาเรียกเงินทองไม่น้อย มิน่าชายหนุ่มพวกนั้นถึงติดใจนัก” ชายหนุ่มยังเข้าใจไปอีกทางจนหญิงสาวทดท้อใจมือหนาฉีกเสื้