เข้าสู่ระบบปลายจมูกคมก้มลงมาใกล้ ลมหายใจอุ่นรินรดผิวแก้มบาง กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นผสมกลิ่นกายของเขาลอยคลุ้งทำให้หัวใจเธอเต้นแรงจนเหมือนจะออกมาอยู่ข้างนอก “คุณวางแผนใส่ฉันเหรอ” “ฮ่าๆ” เขาหัวเราะเสียงต่ำ นิ้วปัดปรอยผมที่บังแก้มนวลออกทัดหู เพื่อจะมองใบหน้าที่กำลังงอนตุ้บป่องให้ชัดๆ วรรณนรีกลับรู้สึกไม่ปลอดภัย “ปล่อยค่ะ” “หิวจัง” ปลายจมูกคมจ่อลงตรงแก้ม แต่วรรณนรีเอียงหลบ ทำให้พลาดเป้าไปซุกซอกคอขาวเนียนแทน“หิวก็ไปกินข้าวสิ” ความรู้สึกจั๊กจี้แผ่ซ่านไปทั้งตัว ปลายเท้าจิกเกร็ง ก่อนจะสะดุ้งโหยงเพราะฝ่ามือที่ลูบไล้ลงมาล็อกเอว ทำให้เธอขยับลำบาก “นะนี่... อ๊ะ!”กำลังจะทักท้วง เขาก็กดร่างเธอลงบนโซฟา วรรณนรีเบิกตาโพลง มองใบหน้าหล่อเหลาของคนด้านบนหัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ“คุณ! นี่...”“ขอกินได้ไหม”“หา...” ท้องน้อยอุ่นวาบไม่มีสาเหตุ ร่างกายปั่นป่วนไปหมด เพียงแค่โดนสายตาร้อนแรงของลุคคาจ้องมอง วรรณนรีอ้าปากค้าง แววตากระสับกระส่ายมองตอบลุคคาถามดื้อๆ แบบนี้เธอเองก็ทำอะไรไม่ถูก และไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเธอแค่มาเพราะเป็นห่วง ไม่ได้คิดเผื่อเรื่องแบบนี้เ
วรรณนรียืนเงอะงะอยู่หน้าประตูบ้านลุคคา หลังกดกริ่ง ระหว่างยืนรอใจก็เต้นตุบๆ สงสัยว่าทำถูกหรือเปล่าที่มาหาเขาโดยไม่นัดล่วงหน้า แต่เธอกับเขาเป็นแฟนกัน อีกอย่างเธอก็เป็นห่วงเขาด้วย เขาน่าจะไม่ว่าอะไรแหละ “สวัสดีครับคุณหนู” เป็นคนสวนที่มาเปิดประตูให้ “มาหาใครครับ” แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกับวรรณนรี แต่ก็เจอแค่แวบๆ ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน แม้แต่หน้าวรรณนรีลุงก็ยังไม่เคยมองชัดๆ จึงไม่แปลกถ้าจะจำไม่ได้ วรรณนรีแม้จะรู้สึกเหมือนโดนมองข้าม แต่ก็ไม่ใส่ใจอะไร ตอบกลับเสียงอ่อนหวาน “คุณลุคคาอยู่บ้านไหมคะ” “อยู่ครับ ช่วยรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปแจ้งให้ ให้บอกว่าใครมาหาครับ” “วรรณนรีค่ะ” “สักครู่ครับ” “....” รอไม่นาน คนสวนก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้ วรรณนรีไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณอีกครั้งก่อนก้าวผ่านประตูบ้านเข้ามา ภายในบ้านลุคคายังคงบรรยากาศเงียบสงบ ของทุกชิ้นถูกจัดวางเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้านไร้ฝุ่น แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำยาทำความสะอาด ให้ความรู้สึกสดชื่
เวลาเลิกงาน หลายคนเริ่มเก็บโต๊ะ วรรณนรียกมือขึ้นยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะเห็นโต๊ะฝั่งตรงข้ามลุกขึ้น “มารุต ญาดา พรุ่งนี้มีอะไรให้ช่วยบอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ” “อื้ม ได้สิ กลับก่อนนะ” ญาดายิ้มรับน้ำใจแล้วเดินออกจากห้อง “กลับแล้ว บาย” มารุตเอ่ยลาสั้นๆ ตามหลังญาดาไป “กลับยังวรรณนรี” จิราพรลุกขึ้นหลังเก็บของเสร็จ เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเธอยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ของบนโต๊ะยังวางเกลื่อน ไม่เป็นระเบียบ “ยังค่ะ ว่าจะอยู่ต่ออีกหน่อย” “เหรอ งั้นฉันกลับก่อนนะ บาย” “บายค่ะ กลับดีๆ” ทั้งโต๊ะเหลือแค่วรรณนรีคนเดียว เธอเริ่มเก็บของบ้าง แต่ยังไม่เสร็จ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทักไปหาลุคคา ถามเขาว่าจะกลับหรือยัง กำลังรอคำตอบในแชต ริกะที่หายไปกับฝ่ายการตลาดก็กลับมา “วรรณนรี ยังไม่กลับเหรอ” คำแรกที่ริกะถาม “กำลังจะกลับค่ะ เอกสารที่ให้ผู้อำนวยการเซ็น ฉันวางไว้บนโต๊ะนะคะ” “อ๋อ นี่เหรอ อื้ม ขอบใจมาก” ริกะเปิดเช็กแฟ้มบนโต๊ะแล้วก็คลี่ยิ้มอย่างพอใจ เอ่ยชมวรรณนรีสองสามคำ ก่
“เดี๋ยวผมส่งต่อไปที่ฝ่ายบริหาร” “ไม่มีเอกสารอะไรที่ต้องเซ็นแล้วใช่ไหม” “ครับ” คเชนทร์ค้อมศีรษะ เมื่อลุคคาพยักหน้า เขาก็เดินออกจากห้องทำงานของผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟไปเงียบๆ เหลือเพียงเจ้าของห้อง นั่งเคาะนิ้วอยู่บนโต๊ะทำงาน สายตาคมหยุดอยู่ตรงริมโต๊ะ ภาพวรรณนรีนอนอ้าขาในตอนนั้นทอวาบเข้ามาในหัวทันที ลุคคาร้อนวาบ รีบส่ายหัวไล่ความคิดน่าอายทิ้ง แล้วดึงสติตัวเองกลับมา ...เขาก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ช่างกล้าทำเรื่องแบบนั้นในห้องทำงานอันศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองได้ลง คิดไปคิดมาก็นึกสงสัยว่าตอนนี้แฟนสาวของเขาทำอะไรอยู่ ตั้งแต่เมื่อเช้าที่เธอรีบกลับไปตอนเช้ามืด นอกจากทักข้อความไปตอนนั้นเขาก็ไม่ได้คุยกับเธออีกเลย เพราะวันนี้งานเอกสารยุ่งทั้งวัน เพิ่งจะได้มีเวลาพักหายใจนี่แหละ มือหนาคว้าโทรศัพท์มา กำลังจะกดหาคนในใจ เสียงประตูก็ดังขึ้น ก๊อกๆ “เข้ามา” ลุคคาวางโทรศัพท์ลง มองไปทางประตู เห็นหัวหน้าทีมครีเอทีฟคนหนึ่งสวมแว่น แต่งตัวด้วยชุดสูทสีเทาทะมัดทะแมง เดิน
“มีบริษัทอาหารเสริมติดต่อมาน่ะ ใครจะรับงานนี้” เสียงริกะเอ่ยขึ้น แต่พอเงยหน้ามองเพื่อนในทีมกลับมีแค่วรรณนรีกับอีกคนเท่านั้น “อาหารเสริมตัวไหนคะหัวหน้า” “เวย์โปรตีนน่ะ” “ฉันติดโปรตีนรสชาเขียวอยู่ จะทับไลน์กันไหม” “อืม... อย่าดีกว่า วรรณนรี สนใจไหม ถ้าสนใจก็ไปพบลูกค้าวันนี้ตอนบ่ายสองที่ร้านกาแฟใต้ตึก” “วันนี้เลยเหรอ” “อืม ลูกค้านัดมาน่ะ เห็นว่างานด่วน ต้องการออกให้ทันอีเวนต์กลางเดือนหน้า” “กลางเดือนหน้า! งานเผาชัดๆ” เพื่อนข้างโต๊ะวรรณนรีอุทาน “ว่าไงวรรณนรี” ริกะยังรอคำตอบ “ไม่รอมารุตกับญาดาเหรอคะ” วรรณนรีมองโต๊ะที่ยังว่างอยู่สองที่ แอบเป็นห่วง ไม่รู้ประชุมงานเป็นยังไงกันบ้าง “ไม่รู้จะคุยกันเสร็จเมื่อไหร่ ถ้าวรรณนรียังตัดสินใจไม่ได้ เดี๋ยวฉันลงไปคุยกับลูกค้าเอง” ริกะรวบรัดฉับไว แม้การถามความเห็นคนในทีมจะจำเป็น แต่บางครั้งการรออย่างไร้จุดหมายก็ทำให้งานล่าช้า คนเป็นหัวหน้า ต้องรู้จักจัดการสถานการณ์เฉพาะหน้าเช่นนี้ถูกแล้ว
“ฉันกลับแล้วนะ” “หืม” ลุคคางัวเงีย เมื่อได้ยินเสียงพูดที่คล้ายลอยมาจากที่ไกลๆ วรรณนรีมองคนที่ยังหลับอยู่บนเตียง รู้ว่ายังเช้าอยู่ จึงไม่อยากรบกวน บอกเขาเสร็จ เธอก็ออกมาทันที ออกจากบ้านลุคคาตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงที่พักก็เช้าพอดี ลุคคา : อยู่ไหน เพิ่งเข้ามาในห้องพัก เสียงข้อความแจ้งเตือนก็ผุดขึ้นมา ใบหน้าประดับรอยยิ้มบางเมื่อเห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาคือใคร วรรณนรี : ห้องค่ะ เพิ่งถึง ลุคคา : กลับทำไมไม่ปลุก จะได้ไปส่ง วรรณนรี : คุณหลับ ไม่อยากกวน ลุคคา : แล้วกลับยังไง วรรณนรี : เรียกรถค่ะ วรรณนรีจ้องจอโทรศัพท์ครู่หนึ่ง เมื่อไม่เห็นเขาตอบกลับมาอีก จึงละความสนใจไปทำอย่างอื่น รีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน พอแยกจากลุคคา เรื่องโปรเจกต์เมื่อวานก็วกเข้ามากวนใจ เมื่อคืนประชุมกันหนักมากกว่าจะได้ข้อสรุปสุดท้าย แล้ววันนี้ รอแค่ลูกค้าคอนเฟิร์มอีกรอบก็สามารถผลิตได้... และคนที่ต้องไปคุยกับลูกค้าก็คือหัวหน้าทีมครีเอทีฟ คุณตุ๊กตา แต่เดิมควรเป







