“มุกทำหมี่ลำบากมากไหม ถ้าไม่โอเคเดี๋ยวต่อไปเวลาเจอนายกระทิงเฮียจะไปกับมุกเอง”
มัญชุพรสงสารจิรัฎฐ์ ขาวอวบเป็นซาลาเปาแบบเขาคงแหลกแน่เมื่อตกอยู่ท่ามกลางพายุอารมณ์ของทั้งสอง
“ไม่เป็นไรค่ะ หมี่ยังไหว เฮียคอยช่วยเตี่ยทำงานดีกว่า”
เธอเรียนรู้ที่จะเป็นเด็กดี อดทนกับทุกอย่าง ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ ...บ้านที่มีพระคุณเลี้ยงดูเธอกับแม่ให้มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข
“ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกเฮียนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
เพราะมัญชุพรอยู่ใกล้แล้วเย็น เหมือนสายน้ำชื่นใจ จิรัฎฐ์จึงชอบ ...มากขนาดมีใจเสน่หา แต่ยังหาจังหวะคุยกับเสี่ยจิวไม่ได้เสียที ความจริงแล้วจิรัฎฐ์รู้ว่าคนมีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในบ้านคือแม่เลี้ยง
นางพิสมัยไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ไม่รู้มีแผนจะทำอะไรกับมัญชุพรหรือเปล่า การจับคู่ของพรสรวงกับพงศพัศนำพาความหวั่นใจมาสู่เขา กลัวว่านางพิสมัยมีแผนจะให้มัญชุพรแต่งงานกับใครอีก
เด็กดีอยู่ในโอวาทแบบเธอต้องยอมแน่ ...แต่จิรัฎฐ์ไม่ยอมหรอก เขาจะปกป้องมัญชุพรเอง หนุ่มขาวอวบให้สัญญา
พรสรวงกลับบ้านมาเสียดึก เมื่อเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของน้องมัญชุพรก็สงสารจนไม่กล้าว่าอะไรแรง
“พี่ไม่ชอบเรื่องที่มุกทำวันนี้เลย รู้ไหมนายกระทิงเกือบจะกินหัวพี่อยู่แล้ว”
เธอนั่งลงบนเตียง ส่วนเจ้าของห้องกำลังเช็ดเครื่องสำอางจากใบหน้า
“หัวพี่หมี่ก็ยังอยู่ดีนี่ ยังสวย”
คนหาเรื่องยุ่งให้เธอส่งยิ้มทะเล้น
“ไม่แหว่งหรือโดนกินเสียหน่อย”
“พี่เปรียบเทียบต่างหากล่ะ เขาโกรธมุกมากเลยรู้ไหม”
“ยิ่งโกรธมาก ๆ สิดี”
พรสรวงโยนสำลีลงถังขยะระบายอารมณ์
“จะได้ยกเลิกงานแต่งเสีย”
“ถ้ายกเลิกงานแต่ง เราก็ต้องคืนเงินยี่สิบล้านเขานะ”
เหตุผลนี้สร้างความอึดอัดให้พรสรวงเหลือเกิน เพราะเธอก็ไม่รู้จะไปหาเงินจากไหนมาคืน ได้ข่าวว่ามารดาเอาไปปิดหนี้ธนาคารแล้ว บิดาก็เตรียมนัดช่างมาขยายร้าน
“บางทีมุกก็อยากย้อนกลับเป็นเด็กนะ ไม่พอใจอะไรก็ร้องไห้ นอนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น”
ยามยังเยาว์พรสรวงมีนิสัยเช่นนั้น เมื่อโตมาก็ได้เรียนรู้วิธีอื่นที่ดีกว่า แต่กับเตี่ย เธอไม่กล้าทำลายความหวังของท่าน รู้ว่าบิดาไม่ได้รู้สึกแย่จนแสดงออกนอกหน้ากับเจมส์เหมือนมารดา แต่ท่านก็ไม่ได้สนับสนุนการมีแฟนคนนี้ของเธอ
“ชีวิตการเป็นผู้ใหญ่นี่เซ็งเนอะนะ ทั้งงาน ทั้งครอบครัว”
บรรยากาศชักจะเศร้าซึมไป มัญชุพรจึงเปลี่ยนเรื่อง
“ติดต่อเจมส์ได้หรือยัง”
“อือ...ได้คุยกันแล้ว”
แทนที่น้องจะร่าเริงเสียงกลับยิ่งหดหู่
“มุกยังไม่ได้บอกเรื่องเงินยี่สิบล้าน ไม่อยากถูกมองว่าหาประโยชน์จากเขา”
“แต่มุกต้องแต่งงานนะ ควรคุยกันให้เข้าใจ ตัดบัวอย่าเหลือใย”
น้องหันมาเผชิญหน้ากับเธอ ไร้เครื่องสำอางพรสรวงดูหมองซีด
“มุกไม่ได้อยากแต่งงานนี่ พี่หมี่ก็รู้”
ความอึดอัดคับห้อง จนรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่สะดวก
“มุกเครียดมากเลยนะพี่หมี่”
“พี่รู้ ๆ” มัญชุพรลุกขึ้นมากอดปลอบขวัญ
“มุกไม่อยากเจอหน้านายกระทิง ไม่งั้นต้องเผลออาละวาดออกมาแน่”
ข้อนี้มัญชุพรเห็นด้วย เธออยู่กับเขาไม่กี่ชั่วโมงอารมณ์ยังขึ้นขนาดนี้ ทั้ง ๆ ปรกติคิดว่าตนอารมณ์เย็น รับมือได้กับทุกสถานการณ์ หากเป็นพรสรวงที่เป็นคนอารมณ์ร้อนได้เจอกับเขา ไฟกับไฟคงยิ่งเผาผลาญ แล้วความบรรลัยคงบังเกิด
“มุกขอโทษที่เอาพี่หมี่มาเอี่ยวด้วย แต่มุกไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว เรามีกันอยู่แค่นี้”
พรสรวงซบหน้ากับอกพี่ ปากบอกเสียงอู้อี้
“พี่หมี่ช่วยเก็บเป็นความลับที อย่าบอกม๊าให้รู้นะ”
“โอเค ๆ”
...ก็นี่แหละ การอ้อนของน้องเล็ก ทำให้พี่สาวใหญ่อย่างเธอทั้งสงสารทั้งใจอ่อน ยอมทำตาม จนจิรัฎฐ์มองว่าเธอตกเป็นเบี้ยล่างของพรสรวงอยู่ร่ำไป
ไม่กี่วันต่อมาเว็ดดิ้งแพลนเนอร์ก็มาคุยเรื่องการ์ด ของชำร่วยและธีมงานแต่ง ยายบัวแก้วคุมพงศพัศมาถึงบ้านเสี่ยจิว ฝั่งนางพิสมัยก็จิกแขนพรสรวง บังคับให้ยิ้มออกมารับแขก มัญชุพรได้แต่ส่งสายตาให้กำลังใจกับน้อง
ว่าที่บ่าวสาวต่างมึนตึงหน้าบึ้ง ฝ่ายที่ร่าเริงเป็นผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่ง เลือกของชิ้นโน้น เปรียบเทียบของชิ้นนี้กันอย่างสนุกสนาน
ดูเหมือนหน้าที่พงศพัศกับพรสรวงจะมีแค่เป็นบ่าวสาว งานอย่างอื่นยายบัวแก้วและนางพิสมัยจัดการหมด ...สมกับเป็นการแต่งงานแบบคลุมถุงชน
ว่าที่บ่าวสาวต่างพยายามหาเรื่องให้ไม่ว่าง เจอกันให้น้อยที่สุด ขนาดถ่ายพรีเว็ดดิ้งยังไม่ยอมทำกันเลย
“ยุ่งยาก ยังไงก็ต้องแต่งงานอยู่ดี ชื่อผมก็หราอยู่บนการ์ด ไม่ต้องมีรูปถ่ายหน้างานให้แขกเห็นหรอก”
พงศพัศให้เหตุผลที่ทำเอานางพิสมัยคิ้วกระตุก
“จะได้เก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกไง”
ยายบัวแก้วแอบหยิกขาหลาน แต่เนื้อแข็งเหลือเกิน เจ้าตัวไม่สะดุ้งสะเทือน
“ถ้าอยากได้ของที่ระลึกก็เอาการ์ดแต่งใส่กรอบติดฝาบ้านไว้สิครับ”
“ทิง...”
ผู้เป็นยายเรียกเสียงเข้ม พร้อมส่งสายตาปราม เขาทิ้งหลังลงพิงเก้าอี้หลุยส์อย่างหงุดหงิด เพิ่มบรรยากาศกดดันในห้องรับแขกอีกมากโข
“มุกก็ไม่อยากให้มีรูปถ่ายพรีเว็ดดิ้งวางหน้างานค่ะ ...ไม่ชอบ”
นี่ก็อีกคนที่ออกฤทธิ์ นางพิสมัยขึงตาใส่ลูกสาว พรสรวงหยิบมือถือมาเล่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เว็ดดิ้งแพลนเนอร์เห็นแล้วละเหี่ยใจ ภาวนาหวังว่างานแต่งจริงคงไม่ล่ม ให้เสียประวัติร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์อันดับหนึ่งของอำเภอ
สัปดาห์ต่อมาก็เป็นงานยกน้ำชา งานแต่งนี้ยายบัวแก้วกับนางพิสมัยตั้งใจให้เป็นแบบไทยปนจีน งานจึงเป็นไปตามความเชื่อแต่ละฝ่าย ทุกอย่างราบรื่นท่ามกลางอาการหน้าหงิกของหนุ่มสาว
จนกระทั่งถึงวันแต่ง นางพิสมัยจ้างช่างแต่งหน้าฝีมือดีการันตีเคยแต่งหน้าในกองถ่ายให้ดารามาเพื่อเสริมให้พรสรวงสวยที่สุดโดยเฉพาะ
บ้านเสี่ยจิวเปิดไฟสว่างไสวทั้ง ๆ ที่ยังตีสาม เพื่อตระเตรียมตัวเจ้าสาว มัญชุพรในชุดนอนถูกปลุกมาอยู่เป็นเพื่อนน้อง แต่เมื่อเคาะประตูห้องนอนพรสรวง กลับไม่มีใครมาเปิด ลองบิดลูกบิดดู พบว่ามันล็อก
“มุก ตื่นเร็ว ช่างแต่งหน้ามาแล้ว ช้ากว่านี้เดี๋ยวไม่ทันพิธี”
มีเพียงความเงียบงัน มารดามองตาเธอ
“มุก เป็นอะไรหรือเปล่า เปิดให้พี่หน่อย”
มัญชุพรเคาะเป็นจังหวะคุ้นเคย แต่ประตูห้องยังไม่เปิดออก
“หมี่ไปหามาสเตอร์คีย์มา”
นางพิสมัยชักเริ่มร้อนรน มัญชุพรวิ่งไปห้องทำงานบิดาเลี้ยง หากุญแจมาให้มารดาอย่างทันใจ
ภายในห้องไร้เงาเจ้าของ นางพิสมัยไปเปิดดูตู้ มีเสื้อผ้าหายไปบางส่วน ตากลมโตของมัญชุพรไปกวาดไปกระทบกับบางอย่างสีขาวเป็นแท่ง วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
เมื่อสาวเท้าไปหยิบมาดูพบว่าเป็นที่ตรวจตั้งครรภ์ แสดงผลเป็นสองขีด ใจหญิงสาวหายวาบ รีบเก็บหลักฐานไม่ให้มารดาเห็น
“โทรหายัยมุกสิ ไปถามยามหน้าหมู่บ้านว่าเห็นยัยมุกไหม”
นางพิสมัยสั่งด้วยกายสั่นเทิ้ม ตาวับวาวดังมีไฟปะทุอยู่ในนั้น พรสรวงปิดมือถือ และปิดการติดต่อทุกอย่าง
จิรัฎฐ์ที่ถูกปลุกมาเช่นกัน ขับรถออกไปที่ป้อมยามหน้าหมู่บ้าน บอกรูปพรรณสัณฐานและลักษณะรถของพรสรวง รปภ.กะดึกบอกว่าเห็นรถป้ายทะเบียนนั้นขับออกไปจากหมู่บ้านหลังเที่ยงคืนเล็กน้อย
“ผมยังแปลกใจที่เห็นผู้หญิงขับรถออกไปไหนกลางดึกคนเดียว”
รปภ.เล่า สมาชิกที่เหลือในบ้านมาประชุมพร้อมกันในห้องทำงานเสี่ยจิว คนรับใช้ถูกปลุกขึ้นมาทั้งบ้านเพื่อบริการแขก
“เราจะทำยังไงต่อล่ะน้าไหม”
จิรัฎฐ์เป็นคนแรกที่เริ่มขอความเห็นคนต้นคิดงานแต่งนี้ขึ้นมา
“น่าสงสารอามุกอี คงไม่อยากแต่งงานจริง ๆ ไม่รู้ตอนนี้จะไปลำบากอยู่ที่ไหน อาไหมเอาเงินคืนบ้านนั้นไปเลย ยกเลิกงานแต่งให้หมด”
เสี่ยจิวโวยวายใส่ภรรยา
“จะบ้าเหรอเฮีย เงินเป็นสิบล้าน จะปล่อยทิ้งไปฟรี ๆ เรอะ ไม่ว่ายัยมุกอยู่ไหน ฉันจะต้องตามมาแต่งงานให้ได้”
นางพิสมัยกดมือถือหาคุณนายสารวัตร ขอโทษขอโพยที่รบกวนตอนดึก แล้ววานให้ช่วยพูดกับสามีให้ตามหาทะเบียนรถพรสรวง หนึ่งชั่วโมงต่อมาก็พบว่ารถจอดอยู่ในลานหน้าเซเว่น สอบถามวินมอเตอร์ไซด์เล่าว่าได้ไปส่งหญิงสาวที่ท่ารถบขส.ตอนตีหนึ่ง แต่ไม่รู้เธอนั่งรถบัสโดยสารสายไหนไป
“ป่านนี้มุกคงหนีออกนอกจังหวัดไปแล้ว”
พี่ชายเอ่ยอย่างหมดหวัง
“เล้งมีเพื่อนเรียนโรงเรียนเดียวกันเป็นตำรวจทางหลวงไม่ใช่เหรอ ให้เขาสกัดจับน้องสิ”
“จะบ้าเหรอน้าไหม เรายังไม่รู้เลยว่ามุกนั่งรถไปที่ไหน แล้วใครมันจะไปมีอำนาจสกัดจับรถโดยสารขนาดนั้น เดี๋ยวเพื่อนผมก็ซวยตาย”
นางพิสมัยทำท่าฮึดฮัด หันมาทางมัญชุพร
“หมี่ น้องบอกอะไรแกบ้างไหม ว่าจะหนีไปที่ไหน”
“หมี่ไม่รู้เลยค่ะแม่ มุกไม่ได้บอกอะไรเลย”
เธอตอบพร้อมกับมือเย็นเฉียบ เข้าใจในเหตุผลที่แท้จริงที่พรสรวงหนีไปแล้ว
“นายเจมส์ล่ะ ติดต่อได้ไหม มุกต้องหนีไปหามันแน่” แต่แฟนน้องก็ไม่รับสาย
“โอ๊ย! ฉันอยากจะบ้า ใกล้จะเช้าแล้ว เดี๋ยวขบวนขันหมากก็จะมา”
มารดายกมือขึ้นทึ้งศีรษะ ท่าทางใกล้เสียสติจริงตามเจ้าตัวบอก
“บอกว่ามุกป่วยหนักดีไหมน้า แก้ผ้าเอาหน้ารอดไป”
“ขายผ้าเว้ยอาเล้ง!” เสี่ยจิวที่เชี่ยวชาญภาษาไทยอย่างยิ่งแก้คำพังเพยให้ลูกชาย
“แบบเกิดอุบัติเหตุ ตกส้วม ตกบันไดแบบนี้อ่ะ” หนุ่มหน้าซาลาเปายังเสนอความคิดเห็น
“ใครเขาจะเชื่อ ฟังก็รู้ว่าโกหก”
นางพิสมัยตัดบททันที เพราะมุกนี้คนใช้กันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา
“แต่ก็ดีกว่าไปบอกเขาว่ามุกหายไปนะคะแม่”
“ใช่ ๆ นายกระทิงจะได้ไม่โกรธ ผมเคยได้ข่าวว่าเขาเคยอัดนักเลงต่างถิ่นโทษฐานที่มาเจ๊าะแจ๊ะอีตัวขาประจำของเขาด้วย”
มัญชุพรย่นจมูก ต้องหื่นกามแค่ไหนกันเชียว พงศพัศถึงมีผู้หญิงขายบริการขาประจำ แล้วนี่ติดโรคมาหรือเปล่า ดีแล้วที่พรสรวงหนีจากเขาไปได้
“ฉันจะได้โดนนายกระทิงถอนหงอกเอานะสิ”
รู้ว่าเขาไม่ชอบนาง แต่ด้วยเห็นว่าเดี๋ยวต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน นางพิสมัยจึงทำเป็นไม่สนใจท่าทีแข็ง ๆ กับวาจาห่าม ๆ นั้น แล้วนางจะทำอย่างไรดี เวลาก็เดินไปไม่หยุด อีกไม่นานก็สว่าง
พงศพัศและมัญชุพรกลับมาที่ไร่ดาวเรืองอีกครั้ง และนี่คือชีวิตแต่งงานที่แท้จริง เขาพาเธอไปร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์ ลองชุด ถ่ายรูปพรีเว็ดดิ้ง“สวยหล่อสมกันมากเลยค่ะ”เจ้าของร้านกรี๊ดกร๊าด การได้เงินสองรอบจากคู่รักคู่เดิมเกิดขึ้นง่าย ๆ เสียที่ไหน ต้องชมไว้ก่อน เผื่อมีรอบสาม“เอารูปใหญ่ ๆ เลย จะเอาไปติดฝาบ้าน”“รูปติดผนังก็พอมั้งคุณกระทิง”มัญชุพรต้องปราม เขาร่าเริงมากต่างกับพงศพัศคนเดิมเป็นคนละคน“จะเอาติดตามที่ว่างตรงบันไดด้วย ลูกเกิดมาจะได้เห็นว่าแม่น่าเจี๊ยะขนาดไหน”การหยอกล้อ ดูจะเป็นเรื่องปรกติของเขาไปเสียแล้ว“พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย ลูกเราต้องเกิดมาหน้าตาดีแน่”คนขี้เห่อลูบพุงที่เริ่มแข็งขึ้นมาแล้วบ้างของเธอ“เกิดลูกได้หน้าดุ ๆ ของคุณ กับผิวตองเหลืองอย่างฉันล่ะ”พงศพัศยักไหล่“ถือว่าหน้าตาดีนะ แบบเอ็กโซติคส์”มัญชุพรกลอกตา ตกลงแบบที่เขาว่ามามันตีความได้กว้างเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไร หากเป็นลูกเขาและเธอ มัญชุพรก็จะรักแกมาก ๆอีกกลุ่มที่เห่อหลานคือเหล่าผู้สูงวัย ต่างหายาจีนและสารพัดเคล็ดลับในการดูแลตัวเองช่วงตั้งครรภ์มาให้เธอ“โชคดีจริง ๆ ที่มุกอยู่ภูเก็ต”น้องสาวหัวเราะยามเฟซไทม์คุยกัน“ไม่มีใค
“รู้ได้ยังไง”“ก็พี่หมี่เศร้า...ร้องไห้ คนรักกันมันต้องไม่เป็นแบบนี้”กลายเป็นเรื่องถกเถียงกันระหว่างสามีภรรยาไปเสียแล้ว คนอีกจังหวัดได้แต่เฝ้าดู“นั่นเพราะพี่หมี่รักเขา คุณกระทิงก็รักพี่หมี่ ไม่งั้นคงไม่มาตากหน้าตามถึงบ้าน ให้โดนด่าฟรี ๆ หรอกใช่ไหมครับเตี่ย”เสี่ยจิวเม้มปากไม่คัดค้าน“ถ้าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง เราก็ควรปล่อยให้เขาได้ทำความเข้าใจกัน เด็กที่โตมาในครอบครัวที่ขาดพ่อหรือแม่ ต่อให้รวยขนาดไหนก็ไม่มีความสุขหรอกนะครับ”พรสรวงจับแขนเสื้อเขา เพราะนั่นเป็นชีวิตจริงของเจมส์ เขาขาดแม่ พ่อก็ใฝ่หาอำนาจ มีอีหนูเป็นพรวน เจมส์จึงไม่อยากเป็นอย่างนั้น อยากสร้างครอบครัว ธุรกิจเอง“แล้วถ้าเขาทำร้ายหมี่ล่ะ”จิรัฐฎ์ยังไม่ยอม“ผมจะให้คุยกันในที่เปิดโล่ง มีคนของผมดูอยู่ตลอด”เจมส์อาสาเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาครั้งนี้ เพราะเรื่องคาราคาซังของพี่ ก็ทำให้พรสรวงไม่สบายใจเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นคนที่รักทุกข์ เขาพลอยไม่สบายใจไปด้วย“เตี่ยกับม๊าก็อยากเห็นพี่หมี่มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ใช่ไหมครับ”เจมส์ส่งยิ้มอบอุ่น นี่แหละที่สาวเปรี้ยวอย่างเธอหลงเสน่ห์เขา หนุ่มเนิร์ดดธรรมดา ๆ หน้าตาเรี
มือนวลลออจับที่หน้าท้องแบนราบของตน ใบหน้าของคนที่ตั้งอกตั้งใจทำลูกลอยมาในห้วงกมล มัญชุพรจะมีลูกกับพงศพัศจริง ๆ นะหรือ เด็กที่เกิดจากความปรารถนาของบิดาว่าอยากมี แต่ปราศจากความรักเด็กที่หากพงศพัศรู้ เขาจะเอาลูกไปจากเธอ มัญชุพรกุมหน้าท้องอย่างหวงแหน เธอจะไม่ยอมให้ใครเอาลูกไปได้ตอนนี้มัญชุพรอยู่นอกเหนือเขตอาณัติของเขา เธอเป็นอิสระ เธอจะไม่ให้ลูกกับเขาหรอก จะคลอดที่นี่ ลูกดูให้เติบโตเป็นคนน่ารัก อ่อนโยน ไม่หน้าบึ้ง เคราเฟิ้ม เหมือนผู้เป็นพ่อแต่ก่อนอื่นต้องรู้ให้แน่ว่าท้องจริงหรือเปล่า คืนนี้เธอแอบสั่งที่ตรวจครรภ์จากแอปพลิเคชันมาหลายอัน ไม่กี่วันก็มาถึง แบบพรสรวงไม่รู้เพราะมัญชุพรบอกให้ผู้จัดการเก็บไว้ให้ก่อนเมื่อยามดึกมาถึงและเธออยู่ตัวคนเดียว เวลาห้านาทีที่จะเปลี่ยนชีวิตมัญชุพรก็เริ่มขึ้น เธอวางที่ตรวจไว้ในห้องน้ำ ตัวเองออกไปเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอนลมทะเลพัดมาโชยชื่น แต่ไม่อาจระบายความชื้นเหงื่อบนใบหน้าเธอได้ ใจมัญชุพรก็ร้อน จวนเจียนจะระเบิด ในห้องเงียบจนแทบได้ยินเสียงหัวใจตัวเองนาฬิกาที่มือถือตั้งไว้ดังขึ้น บอกว่าเวลาแห่งการรอคอยจบลงแล้ว และที่ตรวจครรภ์มีขีดแดงสองขีดMi_Mhi:
“คุณรักอาหมี่เหรอ”คำถามเสี่ยจิวดังก้องในหัว พงศพัศแค่อยากให้เธออยู่ด้วย เป็นแม่ของลูก กลับมาจากทำงานเหนื่อยก็อยากเห็นหน้าเธอ ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันหนุ่มจากของไร่ดาวเรืองนิ่งต่อหน้าชามก๋วยเตี๋ยว คิดถึงวันที่พาเธอไปกินอาหารด้วยกันครั้งแรก นึกถึงใบหน้าพึงพอใจ เสียงใส ๆ ท่าทางเธอที่ร่าเริงตอนกินไอศกรีม นึกถึงยามกอดกัน กลิ่นกายหอม ผมนุ่มลื่นเหมือนเส้นไหม ริมฝีปากเธอที่ครวญครางชื่อเขา ความแน่นที่ตอดรัด...นี่เขาเกิดอารมณ์ทางเพศในร้านก๋วยเตี๋ยวกลางตลาดอย่างนั้นหรือพงศพัศหยิบน้ำเย็นมาดื่ม หวังดับอะไรที่ตื่นให้สงบลง การันต์กับส้มจี๊ดคุยกันกะหนุงกะหนิง ลูกน้องแบ่งลูกชิ้นที่เป็นของโปรดให้ภรรยา ขณะอีกฝ่ายคีบถั่วงอกที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ชอบให้สามีอิจฉาเขาเพิ่งรู้ซึ้งกับคำนี้ ชีวิตแต่งงานที่ราบเรียบธรรมดา ๆ แค่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันก็สุขเหลือล้น หากเขาอยู่กับมัญชุพรคงเป็นสุขนักยอมรับเสียเถิด ...เขาหลงรักเธอ เสียงในสมองชายหนุ่มสรุป ที่ทำไปทุกอย่าง ยอมไปเฝ้าหน้าบ้าน ยอมเจ็บตัว เขาทำเพราะรัก...คำเดียวเท่านั้นเขาไม่รู้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มัญชุพรเข้ามาแทรกในชีวิต เธอทำให้เขาติดและโหยห
สวนทางกับพงศพัศที่ขับรถมาดักรอหน้าบ้านตั้งแต่เช้า ทำเอารถเจ้าบ้านออกไปไหนไม่ได้“ฉันอยากเจอหมี่”ชายหนุ่มเกาะซี่กรงลูกประตูรั้วแจ้งกับคนรับใช้ จิรัฐฎ์วางช้อนตักโจ้ก กะจะไปฉะฝีปากเสียหน่อย แต่เสี่ยจิวยกมือห้าม“อั้วจะไปคุยกับอาคุณกระทิงเอง”เมื่อเรื่องทั้งหมดคลี่คลาย เสี่ยใหญ่ก็กลับมาแจ่มใส มีแรงต่อสู้กับทุกอย่าง“มันหน้าด้านหน้าทนนะเตี่ย บอกอะไรก็ไม่ฟัง เดี๋ยวความดันจะขึ้น”นางพิสมัยพยักหน้าเห็นด้วย“อั้วจัดการได้น่า อั้วอาบน้ำร้อนมาก่อน”เสี่ยจิวอยากไปดูหน้าอดีตเขย ขอดูหน่อยเถิดว่ามาตามลูกสาวเพราะเหตุใด ดื้อดึง อยากเอาชนะ หรือมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น“สวัสดีครับเตี่ย”คนนอกรั้วยกมือไหว้ สรรพนามเรียกเปลี่ยนไป เพราะเห็นว่าเป็นบิดาของมัญชุพร“ผมมาหาหมี่”เขาบอกความตั้งใจแบบไม่อ้อมค้อม ตาเล็กหยีสบตาคนหนุ่มนิ่ง“มาหาเรื่องอะไร เงินเราก็คืนคุณไปหมดแล้ว”เสี่ยจิวใช้น้ำเสียงราบเรียบ ผู้เป็นพ่อใจเย็นกว่าลูกชาย“ผมมีเรื่องจะคุยกับหมี่ เรื่องส่วนตัว”พงศพัศยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะพูดอะไรกับเธอ รู้เพียงอย่างเดียว...เขาอยากเจอ“คุณกับอาหมี่ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว เรื่องวันหย่านัดมาเลย ทางฝั่งผมพร้อม”“ผ
“กูไม่ให้เจอ มึงออกไปจากบ้านกูเลย ไม่งั้นจะเรียกตำรวจ”เมื่อพูดกันดี ๆ สุภาพ ๆ อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง จิรัฐฎ์จึงใช้ภาษาพ่อขุน“เรียกมาเลยสิ กูไม่กลัว หมี่...อยู่ไหน มาหาฉันหน่อย”มือใหญ่จับซี่ประตูเหล็ก ส่งเสียงตะโกนเข้าไปในบ้าน จิรัฐฎ์หน้าแดงจัด“พวกแกเฝ้ามันไว้!”แม้เขาจะดูด้อยกำลังกว่า แต่จิรัฐฎ์ก็มีวิธีจัดการเรื่องยุ่งในแบบของตน เขาโทรหาพรสรวง กระซิบบอกว่าพงศพัศมาตามมัญชุพร ให้หลอกล่อเธอให้อยู่แต่ในบ้าน อย่าอยู่ใกล้หน้าต่างเป็นอันขาด เพื่อไม่ให้เห็นพงศพัศจากนั้นก็โทรหานายตำรวจที่เป็นเพื่อนกัน ขอให้ช่วยมาจับพงศพัศไปโรงพัก“ผมมาตามเมีย”ผู้มาเยือนบอกตำรวจเสียงกร้าว“มันทำร้ายน้องสาวผม”จิรัฐฎ์กล่าวหา คะเนจากน้ำตาของมัญชุพรที่เห็น“ผมไม่เคยทำร้ายหมี่ เรียกเธอมาถามได้”ขนาดตำรวจมาถึงสามนายยังเกรง ๆ บรรยากาศมาคุรอบตัวพงศพัศ“มันกำลังจะบุกรุกบ้านผม มาโวยวายสร้างความเดือดร้อน”“กูแค่จะมาเอาเมียคืน”เขาเขย่าลูกกรงเป็นผลให้ประตูทั้งบานสั่น ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด“เห็นไหมคุณตำรวจ มันพยายามจะเข้ามาก่อความวุ่นวาย บ้านผมมีแต่คนแก่กับคนท้องอ่อน ๆ นะครับ”จิรัฐฎ์ผันตัวเป็นลูกอีช่างฟ้อง พร้อมส่งสายตาขอความ