“แม่เธอหลอกยายฉัน”
พงศพัศหรี่ตามองพี่ว่าที่เจ้าสาว
“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกคุณ”
“ยายฉันแก่แล้ว ไม่ทันเล่ห์แม่เธอหรอก”
มีลมร้อนพัดมาวูบ ทำให้ชายกระโปรงชุดแซกยกขึ้นจนเห็นปลีน่องเรียวกลมกลึง ...มีเรื่องให้แปลกใจเยอะจริง ๆ พี่ว่าที่เจ้าสาวเขา
“แม่ฉันไม่ใช่คนร้าย”
ดวงตากลมโตวาววับเมื่อได้ยินชายหนุ่มพาดพิงถึงมารดา
“เขาร้ายมาตั้งแต่ยังสาวนี่ ถึงมาจับเสี่ยจิวได้”
ประวัติพิสมัยเป็นที่รู้กันทั่ว นางคือสาวนักขุดทองที่ได้มาเจอเป้าหมายกระเป๋าหนัก จากแม่ม่ายลูกติดผู้ยากจนกลายเป็นเมียเศรษฐีในพริบตา
“คุณยายบัวแก้วก็ดูเป็นคนดี ทำไมถึงได้มีหลานปากร้าย ใจสกปรกอย่างคุณ ว่าคนอื่นเขาไปหมด”
มัญชุพรหน้าแดง อาจเพราะอากาศปนอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง
“อย่าเอายายฉันมาเกี่ยวด้วย!”
เขาก็มีจุดอ่อนเรื่องบุพการีเหมือนกัน
“ตกลงจะขึ้นรถมากับฉันดี ๆ หรือจะให้ลากขึ้นมา อุตส่าห์ใจดีเห็นไม่มีรถกลับ เธอยังมีตีฝีปากใส่ฉันอีก”
“คุณปากร้ายใส่ฉันก่อนนะ แล้วอีกอย่างฉันไม่ยอมนั่งรถไปกับคุณเด็ดขาด”
มัญชุพรไม่รู้เลย ว่าคำพูดตนเป็นชนวนให้อะไรในตัวพงศพัศขาดผึ่ง ชายหนุ่มลงจากรถ เดินอาด ๆ มาหาสาวร่างบาง เธอกลัวจนใจไปตกที่ตาตุ่ม ขยับเท้าเตรียมซอยหนี แต่มือสากแข็งก็มาจับแขนไว้ก่อน
“ปล่อย ไม่งั้นฉันจะเรียกให้คนช่วย ...ใครก็ได้ช่วยทีค่ะ ผู้ชายคนนี้จะทำร้ายฉัน”
เธอฝืนดึงมือกลับ ปากก็ร้อง รปภ.ป้อมยามรีบวิ่งมาดู ทว่าก็คอย่นเมื่อเจอสายตาพิฆาตของคนขับรถกระบะ
“ฉันช่วยเธอเพราะไม่อยากให้ยืนรอแท็กซี่กลางแดดเฉาตายหรอกนะ กลัวเป็นภาพติดตา”
พงศพัศออกแรงกระตุกนิดเดียว ร่างหญิงสาวก็ลอยมากระทบหน้าอกแกร่ง ได้กลิ่นแดดปนอะไรบางอย่างที่หวาน ๆ ตาโตเงยมองสบเขา ริมฝีปากเธอชมพูจาง ๆ ไม่รู้สีจริงหรือลิปสติก ยิ่งอยู่ใกล้ก็เห็นใบหน้าเนียน พวงแก้มแดงระเรื่อ
“ขึ้นรถ!”
เขายกตัวเธอจับยัดใส่รถ ปิดประตู ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปอีกทาง ขึ้นประจำหน้าที่คนขับ
“อย่าทุบประตูมาก ตัวล็อกยิ่งไม่ดีอยู่ มันเคยหลุดออกมาแล้ว”
เป็นผลให้มือที่กำลังทั้งผลักทั้งทุบถึงกับชะงัก พงศพัศหัวเราะหึในลำคอ อารมณ์ค่อยรื่นรมย์ขึ้นมาบ้าง
“นั่งนิ่ง ๆ ฉันจะพาไปส่งบ้าน”
“ถ้าไม่เต็มใจ ปล่อยฉันลงไว้ที่เซเว่นแถวนี้ก็ได้” มัญชุพรเม้มปาก ทำคอแข็ง รวบรวมสติให้มั่นคงขึ้น
“ฉันบอกแล้วว่าจะไปส่งก็ต้องไปส่งสิ”
แค่พูดเฉย ๆ ยังเหมือนดุ คะแนนในใจของเธอที่มีต่อเขายิ่งติดลบเข้าไปใหญ่ นึกสงสารพรสรวงที่มีเจ้าบ่าวเป็นเขา น้องต้องกลับมาบ้านภายในครึ่งชั่วโมงเป็นแน่ ขนาดเธอที่ว่าใจเย็น อยู่กับเขาชั่วโมงกว่ายังปรี๊ดแตก แล้วพรสรวงจะเหลือหรือ
รถคันเก่าแล่นมาสักพักก็เลี้ยวเข้าซอยติดถนนใหญ่
“จะพาฉันไปไหน”
มัญชุพรมองอย่างไม่ไว้ใจ เพราะในซอยนั้นมีแต่บ้านเรือนที่ปิดเงียบ
“กินข้าว เธอไม่หิวหรือยังไง”
เวลานี้ก็บ่ายแล้ว เธอที่ทำงานนั่งโต๊ะตลอดยังไม่หิว แต่คนใช้แรงงานนั้นหิวมาก ยิ่งต้องขับรถเข้ามาเมืองมาให้ทันเวลานั้นยิ่งแล้วใหญ่ เขาจึงต้องการจัดหนักจัดเต็มใส่ท้อง
ร้านที่พงศพัศพามาหยุดเป็นเพิงเล็ก ๆ ติดคลอง ป้ายเขียนว่าอาหารตามสั่ง มีหม้อก๋วยเตี๋ยวร้อนส่งควันฉุย
เขาเดินลงไปก่อน ส่วนเธอแลกวาดไปทั่วบริเวณ เห็นวินมอเตอร์ไซด์เสื้อสีส้มนั่งกินข้าวสองสามคน
“ฉันเลี้ยงเอง แต่ไม่มีหมูเห็ดเป็ดไก่อาหารขึ้นเหลาหรอกนะ”
เจ้าของรถมายืนอยู่ประตูฝั่งเธอ
“ฉันไม่หิว”
“งั้นลงมานั่งเป็นเพื่อนฉันหน่อยก็ได้”
“คุณกินข้าวคนเดียวไม่ได้หรือไง”
เป็นครั้งที่สองที่มัญชุพรโดนเขาลาก
“เฮีย...เอาเกาเหลาเนื้อสด ข้าวกะเพรานรกแตกเผ็ดพิเศษไข่ดาวไม่สุก มีต้มยำพวงไข่ไหม เอาด้วยนะ แล้วก็ปลาอะไรทอดกับผัดผักมาสักอย่าง”
พงศพัศสั่งแบบไม่ดูเมนู แสดงว่าคุ้นเคยกับที่นี่ เขาจับเธอนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกสีแดง โต๊ะปูผ้าใบเป็นรูปโฆษณาน้ำอัดลม ส่วนเจ้าตัวโน่น...ไปตักน้ำแข็งใส่ถังพร้อมถือแก้วเปล่ามาให้เธอ
“บริการตัวเองนะ”
แต่ชายหนุ่มก็คีบน้ำแข็งใส่แก้วให้ เธอมองหาน้ำดื่มบรรจุขวด เขากลับเทน้ำจากเหยือกสีเขียวใส่แก้วแทน
“ที่นี่มีแต่น้ำฝนเย็นชื่นใจ ไม่มีน้ำขวดหรอก”
เจ้าตัวพิสูจน์โดยยกดื่มอึกใหญ่ เธอกล้า ๆ กลัว ๆ ยกจิบตาม น้ำมีความหวานอย่างที่ไม่เคยได้ลิ้มรสมานานแล้ว ทำให้นึกถึงน้ำในตุ่ม นึกถึงยามยังลำบากอยู่กับแม่ ร้านอย่างนี้มัญชุพรเคยมากินข้าวเมื่อตอนเป็นเด็ก ไม่ได้รังเกียจบรรยากาศ แต่ไม่ชอบคนพามา
เกาเหลาเนื้อสดมาวางบนโต๊ะเป็นอย่างแรก กลิ่นหอมกระตุ้นให้เธอต้องแอบกลืนน้ำลาย
พงศพัศปรุงพริกตามใจชอบ ไม่เกรงใจคนร่วมโต๊ะเลย เธอฉุนในอารมณ์ ก่อนจะฉุนจริงจากผัดกะเพราจนต้องจามออกมา หลังจากนั้นจานต้นเหตุก็มาวางเป็นจานที่สอง
มัญชุพรทำหน้าแขยงเมื่อเห็นพริกท่วมจานมิดใบกะเพรา จานต่อมาเป็นปลาอินทรีทอด สุดท้ายคือกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา หอมเสียจนท้องร้อง
“นั่นไง เธอหิวแล้ว กินเถอะ ฉันเลี้ยง”
หญิงสาวมองเขาอย่างสองจิตสองใจ หิวก็หิว ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเสียศักดิ์ศรี พงศพัศเคี้ยวข้าวยั่ว
“หรือเธอกินของธรรมดาบ้าน ๆ พวกนี้ไม่เป็น”
เขาแกล้งใช้มือพัดกลิ่นเกาเหลาเข้าหาตัว แต่เธอกลับได้กลิ่นด้วย ไม่ไหวแล้ว!
มัญชุพรหยิบช้อนตักผัดกะหล่ำปลีเป็นอย่างแรก ผักรสหวานและกรอบ กลิ่นเค็มของน้ำปลาที่โดนความร้อนชวนให้ยิ่งเจริญอาหาร เธอตักกับข้าวเข้าปากไปถึงสองรอบ อีกจานที่พอกินได้คือปลาทอด บีบมะนาวนิด กินกับหอมแดงหั่น อร่อยจนข้าวหมดไปครึ่งจาน
พงศพัศมองภาพมัญชุพรกินข้าวอร่อยอย่างพึงพอใจ
เลี้ยงง่าย เขาคิด
พอหมดฤทธิ์แล้วเธอก็ดูน่ารักดี เรียบ ๆ แต่มีเรื่องให้ได้แปลกใจ
เหมือนกับร้านที่พามาวันนี้ เป็นเพิงเหมือนจะโทรม กลับมีลูกค้าเข้าตลอด เพราะพ่อครัวเคยเป็นกุ๊กในภัตตาคารมาก่อน พออายุมากขึ้นจึงมาเปิดร้านเล็ก ๆ พอมีรายได้เลี้ยงครอบครัว
มัญชุพรเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขามาพา เขาไม่ได้ติดใจเธอขนาดพามากินร้านที่ชอบ แค่วันนี้หิวมากเท่านั้นเอง มื้อนี้จบลงที่ไอติมถั่วดำคนละแท่ง พงศพัศเห็นเธอตาโตกับมัน มุมริมฝีปากประดับรอยยิ้ม
ทำไมยายบัวแก้วถึงไม่ได้ให้เขาเลือกเจ้าสาวเองหนอ ถ้าเห็นทั้งสองสาวตั้งแต่แรก เขาจะเลือกมัญชุพร เธอดูควบคุมง่ายกว่าน้องสาวแสนเปรี้ยว ผู้หญิงอย่างนี้เขาหว่านเสน่ห์เพื่อเอาอีกยี่สิบล้านของตนคืนมาได้ไม่ยาก
“พาฉันไปส่งที่บ้านได้หรือยัง”
เธอแปลกใจที่คนดุอยู่ ๆ ก็มองหน้าเธอนิ่ง ไอศกรีมถั่วดำละลายลงมือเขาแล้ว
“เธอน่ะอิ่มแล้วใช่ไหม จะได้ไปกันเลย”
เขาทิ้งไอศกรีมที่ละลายแล้วลงจานอาหาร หยิบทิชชูมาเช็ดมือ
“ค่ะ”
เห็นแก่ที่เขาเลี้ยง พามาร้านอร่อย มัญชุพรยอมมารยาทดีด้วยก็ได้ รถกระบะคันเก่าจึงได้แล่นอีกครั้ง มีจุดมุ่งหมายที่บ้านเสี่ยจิว
เมื่อเข้ามาในบ้านมัญชุพรต้องทำตัวลีบ ๆ แอบย่องขึ้นบันได
“อะแฮ่ม! ทำอะไรน่ะ”
จิรัฎฐ์แกล้งส่งเสียงจนเธอสะดุ้ง
“โธ่เฮีย ตกใจหมด”
หญิงสาวเอามือทาบอกฝั่งซ้ายของร่างกาย
“มุกไปลองชุดแต่งงานมาเป็นยังไงบ้าง”
ทุกคนในบ้านรู้ว่าวันนี้เธอไปไหนมา แต่ที่ไม่รู้คือไร้เงาว่าที่เจ้าสาวไปลองชุด
“ตีกับนายกระทิงเยอะไหม”
พี่ชายคุ้นกับพงศพัศดี เพราะเป็นลูกค้าประจำ และเดาจากนิสัยน้องเล็กสุดของบ้านว่าไม่ยอมแต่งแต่โดยดีแน่
“ก็พอสมควรค่ะ”
มัญชุพรปด ตั้งใจจะชำระความกับพรสรวงทีหลัง
“น้าไหมไม่น่ารีบไปเอาเงินฝั่งนั้นมาเร็วเลย”
เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องเงินยี่สิบล้านตั้งแต่แรก ทว่านางพิสมัยก็หว่านล้อมด้วยเหตุผล
“ไม่อยากเห็นเฮียจิวเหนื่อยหาดอกเบี้ยส่งธนาคาร”
เงินจำนวนนี้เกินดอกเบี้ยธนาคารไปมากโข จ่ายรวมได้ถึงเงินต้น แถมขยายร้านได้อีก พี่น้องสองสาวรู้เพียงค่าสินสอดยี่สิบล้าน ไม่รู้เชิงลึกว่านางพิสมัยกับยายบัวแก้วตกลงกันว่าจะโอนคืนให้พงศพัศสิบล้านเพื่อเป็นเหยื่อล่อให้เขายอมแต่งงาน ส่วนอีกสิบล้านจะเข้าบ้านเสี่ยจิว
“แต่งงานกันแล้ว เงินของผัวก็เหมือนเงินของเมีย ยังไงเราก็ได้ยี่สิบล้านอยู่ดี”
แผนนี้รู้กันเพียง เขา นางพิสมัย เสี่ยจิว
“ทำอย่างนี้ เกิดนายกระทิงฆ่ายัยมุกหมกป่าเพื่อเอาเงินล่ะน้า”
จิรัฎฐ์ถามด้วยความสงสัย ผู้เป็นพ่อบ่นว่าเขาปากไม่เป็นมงคล ส่วนแม่เลี้ยงจิกตามอง
“เชื่อมือยัยมุกเถอะ จะต้องทำให้นายกระทิงรักหลงแน่ ๆ คนอยู่ป่าอยู่ไร่ ไม่เคยเจอสาวขาว ๆ อวบ ๆ มาเอาใจ ขี้คร้านจะให้เงินเพิ่ม”
ลูกชายคนโตเสี่ยจิวนึกภาพพรสรวงเอาใจใครไม่ออกจริง ๆ เธอต่างหากล่ะที่เป็นฝ่ายถูกเอาใจ
พงศพัศและมัญชุพรกลับมาที่ไร่ดาวเรืองอีกครั้ง และนี่คือชีวิตแต่งงานที่แท้จริง เขาพาเธอไปร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์ ลองชุด ถ่ายรูปพรีเว็ดดิ้ง“สวยหล่อสมกันมากเลยค่ะ”เจ้าของร้านกรี๊ดกร๊าด การได้เงินสองรอบจากคู่รักคู่เดิมเกิดขึ้นง่าย ๆ เสียที่ไหน ต้องชมไว้ก่อน เผื่อมีรอบสาม“เอารูปใหญ่ ๆ เลย จะเอาไปติดฝาบ้าน”“รูปติดผนังก็พอมั้งคุณกระทิง”มัญชุพรต้องปราม เขาร่าเริงมากต่างกับพงศพัศคนเดิมเป็นคนละคน“จะเอาติดตามที่ว่างตรงบันไดด้วย ลูกเกิดมาจะได้เห็นว่าแม่น่าเจี๊ยะขนาดไหน”การหยอกล้อ ดูจะเป็นเรื่องปรกติของเขาไปเสียแล้ว“พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย ลูกเราต้องเกิดมาหน้าตาดีแน่”คนขี้เห่อลูบพุงที่เริ่มแข็งขึ้นมาแล้วบ้างของเธอ“เกิดลูกได้หน้าดุ ๆ ของคุณ กับผิวตองเหลืองอย่างฉันล่ะ”พงศพัศยักไหล่“ถือว่าหน้าตาดีนะ แบบเอ็กโซติคส์”มัญชุพรกลอกตา ตกลงแบบที่เขาว่ามามันตีความได้กว้างเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไร หากเป็นลูกเขาและเธอ มัญชุพรก็จะรักแกมาก ๆอีกกลุ่มที่เห่อหลานคือเหล่าผู้สูงวัย ต่างหายาจีนและสารพัดเคล็ดลับในการดูแลตัวเองช่วงตั้งครรภ์มาให้เธอ“โชคดีจริง ๆ ที่มุกอยู่ภูเก็ต”น้องสาวหัวเราะยามเฟซไทม์คุยกัน“ไม่มีใค
“รู้ได้ยังไง”“ก็พี่หมี่เศร้า...ร้องไห้ คนรักกันมันต้องไม่เป็นแบบนี้”กลายเป็นเรื่องถกเถียงกันระหว่างสามีภรรยาไปเสียแล้ว คนอีกจังหวัดได้แต่เฝ้าดู“นั่นเพราะพี่หมี่รักเขา คุณกระทิงก็รักพี่หมี่ ไม่งั้นคงไม่มาตากหน้าตามถึงบ้าน ให้โดนด่าฟรี ๆ หรอกใช่ไหมครับเตี่ย”เสี่ยจิวเม้มปากไม่คัดค้าน“ถ้าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง เราก็ควรปล่อยให้เขาได้ทำความเข้าใจกัน เด็กที่โตมาในครอบครัวที่ขาดพ่อหรือแม่ ต่อให้รวยขนาดไหนก็ไม่มีความสุขหรอกนะครับ”พรสรวงจับแขนเสื้อเขา เพราะนั่นเป็นชีวิตจริงของเจมส์ เขาขาดแม่ พ่อก็ใฝ่หาอำนาจ มีอีหนูเป็นพรวน เจมส์จึงไม่อยากเป็นอย่างนั้น อยากสร้างครอบครัว ธุรกิจเอง“แล้วถ้าเขาทำร้ายหมี่ล่ะ”จิรัฐฎ์ยังไม่ยอม“ผมจะให้คุยกันในที่เปิดโล่ง มีคนของผมดูอยู่ตลอด”เจมส์อาสาเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาครั้งนี้ เพราะเรื่องคาราคาซังของพี่ ก็ทำให้พรสรวงไม่สบายใจเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นคนที่รักทุกข์ เขาพลอยไม่สบายใจไปด้วย“เตี่ยกับม๊าก็อยากเห็นพี่หมี่มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ใช่ไหมครับ”เจมส์ส่งยิ้มอบอุ่น นี่แหละที่สาวเปรี้ยวอย่างเธอหลงเสน่ห์เขา หนุ่มเนิร์ดดธรรมดา ๆ หน้าตาเรี
มือนวลลออจับที่หน้าท้องแบนราบของตน ใบหน้าของคนที่ตั้งอกตั้งใจทำลูกลอยมาในห้วงกมล มัญชุพรจะมีลูกกับพงศพัศจริง ๆ นะหรือ เด็กที่เกิดจากความปรารถนาของบิดาว่าอยากมี แต่ปราศจากความรักเด็กที่หากพงศพัศรู้ เขาจะเอาลูกไปจากเธอ มัญชุพรกุมหน้าท้องอย่างหวงแหน เธอจะไม่ยอมให้ใครเอาลูกไปได้ตอนนี้มัญชุพรอยู่นอกเหนือเขตอาณัติของเขา เธอเป็นอิสระ เธอจะไม่ให้ลูกกับเขาหรอก จะคลอดที่นี่ ลูกดูให้เติบโตเป็นคนน่ารัก อ่อนโยน ไม่หน้าบึ้ง เคราเฟิ้ม เหมือนผู้เป็นพ่อแต่ก่อนอื่นต้องรู้ให้แน่ว่าท้องจริงหรือเปล่า คืนนี้เธอแอบสั่งที่ตรวจครรภ์จากแอปพลิเคชันมาหลายอัน ไม่กี่วันก็มาถึง แบบพรสรวงไม่รู้เพราะมัญชุพรบอกให้ผู้จัดการเก็บไว้ให้ก่อนเมื่อยามดึกมาถึงและเธออยู่ตัวคนเดียว เวลาห้านาทีที่จะเปลี่ยนชีวิตมัญชุพรก็เริ่มขึ้น เธอวางที่ตรวจไว้ในห้องน้ำ ตัวเองออกไปเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอนลมทะเลพัดมาโชยชื่น แต่ไม่อาจระบายความชื้นเหงื่อบนใบหน้าเธอได้ ใจมัญชุพรก็ร้อน จวนเจียนจะระเบิด ในห้องเงียบจนแทบได้ยินเสียงหัวใจตัวเองนาฬิกาที่มือถือตั้งไว้ดังขึ้น บอกว่าเวลาแห่งการรอคอยจบลงแล้ว และที่ตรวจครรภ์มีขีดแดงสองขีดMi_Mhi:
“คุณรักอาหมี่เหรอ”คำถามเสี่ยจิวดังก้องในหัว พงศพัศแค่อยากให้เธออยู่ด้วย เป็นแม่ของลูก กลับมาจากทำงานเหนื่อยก็อยากเห็นหน้าเธอ ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันหนุ่มจากของไร่ดาวเรืองนิ่งต่อหน้าชามก๋วยเตี๋ยว คิดถึงวันที่พาเธอไปกินอาหารด้วยกันครั้งแรก นึกถึงใบหน้าพึงพอใจ เสียงใส ๆ ท่าทางเธอที่ร่าเริงตอนกินไอศกรีม นึกถึงยามกอดกัน กลิ่นกายหอม ผมนุ่มลื่นเหมือนเส้นไหม ริมฝีปากเธอที่ครวญครางชื่อเขา ความแน่นที่ตอดรัด...นี่เขาเกิดอารมณ์ทางเพศในร้านก๋วยเตี๋ยวกลางตลาดอย่างนั้นหรือพงศพัศหยิบน้ำเย็นมาดื่ม หวังดับอะไรที่ตื่นให้สงบลง การันต์กับส้มจี๊ดคุยกันกะหนุงกะหนิง ลูกน้องแบ่งลูกชิ้นที่เป็นของโปรดให้ภรรยา ขณะอีกฝ่ายคีบถั่วงอกที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ชอบให้สามีอิจฉาเขาเพิ่งรู้ซึ้งกับคำนี้ ชีวิตแต่งงานที่ราบเรียบธรรมดา ๆ แค่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันก็สุขเหลือล้น หากเขาอยู่กับมัญชุพรคงเป็นสุขนักยอมรับเสียเถิด ...เขาหลงรักเธอ เสียงในสมองชายหนุ่มสรุป ที่ทำไปทุกอย่าง ยอมไปเฝ้าหน้าบ้าน ยอมเจ็บตัว เขาทำเพราะรัก...คำเดียวเท่านั้นเขาไม่รู้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มัญชุพรเข้ามาแทรกในชีวิต เธอทำให้เขาติดและโหยห
สวนทางกับพงศพัศที่ขับรถมาดักรอหน้าบ้านตั้งแต่เช้า ทำเอารถเจ้าบ้านออกไปไหนไม่ได้“ฉันอยากเจอหมี่”ชายหนุ่มเกาะซี่กรงลูกประตูรั้วแจ้งกับคนรับใช้ จิรัฐฎ์วางช้อนตักโจ้ก กะจะไปฉะฝีปากเสียหน่อย แต่เสี่ยจิวยกมือห้าม“อั้วจะไปคุยกับอาคุณกระทิงเอง”เมื่อเรื่องทั้งหมดคลี่คลาย เสี่ยใหญ่ก็กลับมาแจ่มใส มีแรงต่อสู้กับทุกอย่าง“มันหน้าด้านหน้าทนนะเตี่ย บอกอะไรก็ไม่ฟัง เดี๋ยวความดันจะขึ้น”นางพิสมัยพยักหน้าเห็นด้วย“อั้วจัดการได้น่า อั้วอาบน้ำร้อนมาก่อน”เสี่ยจิวอยากไปดูหน้าอดีตเขย ขอดูหน่อยเถิดว่ามาตามลูกสาวเพราะเหตุใด ดื้อดึง อยากเอาชนะ หรือมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น“สวัสดีครับเตี่ย”คนนอกรั้วยกมือไหว้ สรรพนามเรียกเปลี่ยนไป เพราะเห็นว่าเป็นบิดาของมัญชุพร“ผมมาหาหมี่”เขาบอกความตั้งใจแบบไม่อ้อมค้อม ตาเล็กหยีสบตาคนหนุ่มนิ่ง“มาหาเรื่องอะไร เงินเราก็คืนคุณไปหมดแล้ว”เสี่ยจิวใช้น้ำเสียงราบเรียบ ผู้เป็นพ่อใจเย็นกว่าลูกชาย“ผมมีเรื่องจะคุยกับหมี่ เรื่องส่วนตัว”พงศพัศยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะพูดอะไรกับเธอ รู้เพียงอย่างเดียว...เขาอยากเจอ“คุณกับอาหมี่ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว เรื่องวันหย่านัดมาเลย ทางฝั่งผมพร้อม”“ผ
“กูไม่ให้เจอ มึงออกไปจากบ้านกูเลย ไม่งั้นจะเรียกตำรวจ”เมื่อพูดกันดี ๆ สุภาพ ๆ อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง จิรัฐฎ์จึงใช้ภาษาพ่อขุน“เรียกมาเลยสิ กูไม่กลัว หมี่...อยู่ไหน มาหาฉันหน่อย”มือใหญ่จับซี่ประตูเหล็ก ส่งเสียงตะโกนเข้าไปในบ้าน จิรัฐฎ์หน้าแดงจัด“พวกแกเฝ้ามันไว้!”แม้เขาจะดูด้อยกำลังกว่า แต่จิรัฐฎ์ก็มีวิธีจัดการเรื่องยุ่งในแบบของตน เขาโทรหาพรสรวง กระซิบบอกว่าพงศพัศมาตามมัญชุพร ให้หลอกล่อเธอให้อยู่แต่ในบ้าน อย่าอยู่ใกล้หน้าต่างเป็นอันขาด เพื่อไม่ให้เห็นพงศพัศจากนั้นก็โทรหานายตำรวจที่เป็นเพื่อนกัน ขอให้ช่วยมาจับพงศพัศไปโรงพัก“ผมมาตามเมีย”ผู้มาเยือนบอกตำรวจเสียงกร้าว“มันทำร้ายน้องสาวผม”จิรัฐฎ์กล่าวหา คะเนจากน้ำตาของมัญชุพรที่เห็น“ผมไม่เคยทำร้ายหมี่ เรียกเธอมาถามได้”ขนาดตำรวจมาถึงสามนายยังเกรง ๆ บรรยากาศมาคุรอบตัวพงศพัศ“มันกำลังจะบุกรุกบ้านผม มาโวยวายสร้างความเดือดร้อน”“กูแค่จะมาเอาเมียคืน”เขาเขย่าลูกกรงเป็นผลให้ประตูทั้งบานสั่น ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด“เห็นไหมคุณตำรวจ มันพยายามจะเข้ามาก่อความวุ่นวาย บ้านผมมีแต่คนแก่กับคนท้องอ่อน ๆ นะครับ”จิรัฐฎ์ผันตัวเป็นลูกอีช่างฟ้อง พร้อมส่งสายตาขอความ