LOGINอนรรฆเอ่ยถามลูกน้องด้วยน้ำเสียงยียวนเล็กน้อยเพราะรู้ดีทีเดียวว่าแดนไทยไม่พอใจเรื่องอะไร
“ก็จะอะไรล่ะฮะ...คุณคริสเรียกแดนนี่ว่าไอ้แดน...แดนนี่รับไม่ได้อ่ะ”
น้ำเสียงสะดีดสะดิ้งของบอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวกลับทำให้คุณคริสหัวเราะออกมาเสียงดังในขณะที่คุณอรรดายิ้มออกมาอย่างขำ ๆ เช่นเดียวกัน ส่วนอนรรฆมองแดนไทยอย่างหมั่นไส้ที่มันออกอาการมากเกิน
“เออ ๆ...sorry...ฉันลืมทุกที”
คุณคริสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะกับบอดี้การ์ดของผู้เป็นลูกชาย ถึงแม้แดนไทยจะเป็นแบบนี้แต่ก็ดูถูกฝีมือของบอดี้การ์ดผู้นี้ไม่ได้เลย
“ช่วยหาทีว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแถวนี้มีกี่ที่...และมีผู้หญิงที่ชื่อแก้มอยู่หรือเปล่า...ถ้าเจอให้นายพาผู้หญิงคนนั้นมาหาฉันที”
ถึงแม้จะสงสัยว่าคริสให้ตามหาหญิงสาวคนนั้นไปทำไมแต่แดนไทยก็ต้องเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้พร้อมกับพยักหน้าตอบรับคำสั่งของคริสทันที
“โธ่...พ่อครับ...เรื่องแค่นี้เองผมตามให้ก็ได้”
“ไม่หรอก...รอแกคงได้เจอยัยหนูแก้มปีหน้าโน่น”
คริสอดเหน็บลูกชายเสียไม่ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอนรรฆถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาเป็นอริกับคนที่ช่วยชีวิตเขาอย่างนี้ หรือว่าโลกแห่งวงการธุรกิจที่มีแต่ชิงดีชิงเด่นเอาแต่ได้มันกำลังทำร้ายความคิดของอนรรฆจนกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป และถ้าเป็นแบบนั้นมันก็คงไม่เป็นผลดีกับอนรรฆ อาจจะต้องมองหาใครสักคนที่เปลี่ยนทัศนคติด้านลบของเจ้าลูกชายใหม่ ความคิดบางอย่างฉายชัดในหัวสมองของคริสทันที จริงสิ...สายตาหมายมั่นของคนเป็นพ่อมองหน้าลูกชายด้วยประกายตาวาววับ อนรรฆไม่เคยขัดใจหรือกล้าปฏิเสธเขากับภรรยาสักครั้ง นี่คือสิ่งที่ดีในตัวอนรรฆที่รักและเทิดทูนคนเป็นพ่อกับแม่อย่างมาก ถ้าเขาคิดจะขอให้ อนรรฆตามใจเขาอีกสักครั้งมันคงไม่หนักหนาหรือบังคับจิตใจลูกชายจนเกินไปหรอก
“ดี...แม่ก็อยากเจออยากขอบใจอีกสักครั้งสำหรับความมีน้ำใจของยัยหนูแก้ม”
อนรรฆส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยเมื่อเห็นมารดากับบิดาเออออห่อหมกกันเอง คอยดูนะ...ถ้าเจอยัยหนูแก้มหนูกุ้งอะไรนี่เขาพิสูจน์ให้ทั้งบิดาและมารดาเห็นเลยว่าคนเราไม่ได้คิดหวังช่วยใครโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนหรอก...ขึ้นชื่อว่าเงินมันสามารถทำให้คนดีกลายเป็นคนเลวมานักต่อนักแล้ว นับประสาอะไรกับคนอย่างผู้หญิงคนนั้น อนรรฆคิดอย่างเยาะหยันนึกอยากเห็นหน้ายัยหนูแก้มของมารดาขึ้นมาตงิดๆ
ร่างบอบบางของกมิตตรากำลังรดน้ำแปลงผักที่เธอกับน้อง ๆ ช่วยกันปลูกด้วยสีหน้าที่ปลาบปลื้มเมื่อเห็นแปลงผักของเธอเจริญงอกงาม ทั้งคะน้า ผักบุ้งจีน กวางตุ้ง และมะเขือเทศที่ปลูกใส่กระถางเรียงกันนับสิบแข่งกันออกลูกจนเก็บกินแทบไม่ทัน ยังไม่นับต้นพริก ต้นมะเขือเปราะที่แข่งกันออกลูกเช่นเดียวกัน
“พี่แก้มทำไร”
คำถามของเด็กน้อยที่เปล่งออกมาไม่ชัดที่เดินเข้ามาทำให้กมิตตรายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แก้วเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่นำมาทิ้งไว้ที่หน้าโบสถ์เพียงเพราะเขาพิการ แก้วมีความผิดปกติทางด้านสมอง เขาเป็นเด็กพิเศษหรือที่ใคร ๆ เรียกว่าเด็กออทิสติก เด็กพวกนี้ถ้าได้รับการสอนที่ถูกวิธีก็สามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนคนปกติ แต่แก้วหนักกว่าเด็กพิเศษคนอื่น ๆ ตรงที่ว่าระดับสติปัญหาของแก้วต่ำกว่าเด็กพิเศษพวกนั้น แต่แก้วก็สามารถสื่อสารหรือพูดจาคุยกับคนอื่นได้รู้เรื่อง ถึงแม้จะเป็นเฉพาะกับคนสนิทเท่านั้น เพราะถ้าเป็นคนอื่นแก้วจะไม่พูดด้วยเลย
“เอาไปเยี่ยมคนป่วยครับแก้ว ม่ะ...มาช่วยพี่เก็บมะเขือเทศพวกนี้หน่อย”
แก้วยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าเร็ว ๆ รีบช่วยเหลือกมิตตราอย่างเต็มใจ ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าพี่แก้มใจดีมากแค่ไหน ในความรู้สึกของเด็กน้อยพี่แก้มสวยที่สุด ใจดีที่สุด
สาวน้อยร่างบางในชุดกระโปรงกับเสื้อติดกันจั๊มเอวด้วยเข็มขัดผ้าสีเดียวกับชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มลายจุดมันกลับทำให้กมิตตราดูน่ารักสด ในมือของสาวน้อยถือกระเช้าตะกร้ามะเขือเทศสีแดงสดน่ากินที่เรียงไว้อย่างสวยงามด้วยใบหน้าที่สดใส
“ขอโทษนะคะ คุณคริสที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่ออาทิตย์ก่อนพักอยู่ห้องไหนคะ”
เสียงหวานของกมิตตราสอบถามหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลทันที เพียงครู่เดียวเธอก็ได้รับคำตอบ กมิตตราจึงเดินไปยังห้องพักผู้ป่วยด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม แต่พอใกล้จะถึงหน้าห้องพักของคนป่วยคิ้วเรียวของหญิงสาวก็ต้องขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็นบุรุษสามคนยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องพักของคริส ดูอย่างนี้แล้วคริสคงไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว เธอเองก็สงสัยตั้งแต่วันที่เธอคุณอรรดาวันแรก คุณอรรดาก็มีคนตามมาด้วยสองคน เท้าเล็กของกมิตตราชะลอการเดิน สีหน้าเต็มไปด้วยความสบสนว่าจะเข้าไปดีหรือไม่
“ขอโทษครับ...มาหาใครหรือครับ”
ร่างบางหันขวับไปมองด้านหลังของตัวเองทันทีเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังลอยมา ดวงตากลมโตของกมิตตราเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนด้วยไม้ค้ำยันรักแร้ ส่วนขาอีกข้างหนึ่งใส่เฝือกสีขาวเอาไว้ เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ...รอยยิ้มของกมิตตราแย้มออกมาทันทีเมื่อคิดได้ว่าเธอเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหน ก็เมื่ออุบัติเหตุวันนั้นนั่นแหละ เช่นเดียวกับกันต์ที่เบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาอย่างยินดีเพราะจำได้แล้วว่าหญิงสาวคนนี้คือใคร
“สวัสดีครับ...วันนั้นยังไม่ได้ขอบคุณ...เอ่อ...คุณ...”
“แก้มค่ะ...แล้วคุณ...”
“กันต์ครับ...เรียกพี่กันต์ก็ได้ ผมอายุมากกว่าคุณอยู่แล้ว”
ใบหน้าหวานย่นปลายจมูกเล็กน้อยเพราะไม่คุ้นกับคำเรียกอย่างเป็นทางการแบบนี้
“อย่าเรียกว่าคุณเลยค่ะ...ฟังดูเป็นทางการยังไงก็ไม่รู้...พี่กันต์ดีขึ้นแล้วหรือคะ”
กันต์ยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาอย่างเป็นกันเอง แสดงว่าเธอรับไมตรีและมิตรภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ดีขึ้นแล้วครับ...นี่ของเยี่ยมคุณคริสหรือเปล่าครับ มา...พี่ถือให้”
กระเช้าตะกร้ามะเขือเทศถูกดึงให้พ้นมือของกันต์ทันที ก่อนที่กมิตตราจะพูดออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ...แก้มถือเองได้ ถ้าให้พี่กันต์ถือเดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าแก้มรังแกคนป่วย”
แปลก...ปกติเขาไม่เคยให้ความสนิทชิดเชื้อกับใครคนไหน แต่...เพียงได้เห็นหน้ากมิตตรา ความคุ้นเคย เหมือนเคยรู้จักกันก่อนเกิดอุบัติเหตุมานานก็เกิดขึ้น ความอุ่นวาบไหลรินเข้าสู่หัวใจเหมือน... กันต์เองก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันแต่มันอบอุ่นเหมือนได้กลับบ้าน
“งั้น...เราไปกันเถอะ”
กันต์ผายมือให้กมิตตราเดินนำหน้าไปก่อน เมื่อเห็นป้ายชื่อหน้าห้องกมิตตราก็หยุดมอง คริส แบรนดอน นี่คือชื่อนามสกุลของคนที่เธอช่วยชีวิตเอาไว้หรือ เรียวปากบางของหญิงสาวยกสูงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูสองครั้งและผลักเข้าไป
สีหน้าหงุดหงิดของอนรรฆไม่อาจรอดพ้นสายตาของแดนไทยได้เลย บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวจึงหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่เก็บอารมณ์จนคนเป็นเจ้านายตวัดสายตาคมกริบไปมองลูกน้องตัวเองเขม็ง“แกจะหัวเราะอะไรไอ้แดน”“เอ๊า...ก็หัวเราะอะไรเน่า ๆ แถวนี้ เจ้านายดมหัวแดนนี่หน่อยได้ไหม พักนี้แดนนี่รู้สึกตัวเองหัวเหม็น ๆ เน่า ๆ ยังไงก็ไม่รู้”เมื่อสบตาวาววับของคนเป็นเจ้านายบอดี้การ์ดหัวใจสาวก็วิ่งปนหัวเราะไปหากันต์กับกมิตตราพลางกระซิบอะไรบางอย่างกับหญิงสาวจนหญิงสาวหันมามองอนรรฆด้วยสีหน้าร้อนรน ยิ่งเมื่อเห็นร่างสูงของอนรรฆเดินหนีไปแบบนั้น กมิตตราถึงกับหันไปมองกันต์อย่างขอความคิดเห็นว่าเธอควรจะทำอย่างไร“ไปง้อหน่อยเถอะ...คนแก่งอนง้อยากหน่อยนะ”นับเป็นครั้งแรกที่ได้ยินกันต์พูดออกมาแบบนั้น แดนไทยถึงกับมองเพื่อนหนุ่มอย่างอึ้ง ๆ ปกติเห็นกันต์เงียบขรึมตลอดเวลา“แกพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอวะกันต์”“ฉันฟังแกมาเยอะไง...แดนนี่”พูดจบกันต์ก็เดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้แดนนี่ยืนทบทวนคำพูดของเพื่อนรักว่ามันด่าหรือว่าชมเขากันแน่ กว่าจะนึกออกกันต์ก็เดินหายไปแล้วทิ้งให้แดนไทยก่นด่าเพื่อนรักอยู่ในใจ“โกรธอะไรคะ”“เปล่า”กมิตตราย
ทั้งอนรรฆและแดนไทยเดินออกมาห่าง ปล่อยให้พี่น้องได้มีโอกาสคุยกันหลังจากที่พลัดพรากจากกันมานาน แต่ทั้งคู่ก็ยังอยู่ในสายตาของอนรรฆตลอดเวลา บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวมองภาพประทับใจนั้นด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเต็มสองตา ในที่สุด...กันต์ก็ได้หัวใจตัวเองกลับคืนมา ต่อไปนี้เพื่อนหนุ่มของเขาคงยิ้มได้เต็มหน้าเสียที ไม่ต่างอะไรกับอนรรฆ นับตั้งแต่ได้กันต์มาทำงานด้วยกัน เขาไม่เคยเห็นลูกน้องคนนี้มีความสุขจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง รอยยิ้มที่มีก็เป็นแค่การแยกเรียวปากออกจากกัน มันไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุข ไม่ใช่รอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ แต่ว่า...สองคนนี้จะกอดกันอีกนานไหม ถึงแม้จะเป็นพี่น้องก็เถอะ หัวใจของเขามันคัน ๆ ชอบกล อนรรฆรีบหลับตาพึมพำนิด ๆ ราวกับสวดมนต์บอกกับตัวเองว่าพี่น้อง...พี่น้อง ไอ้อาการหึงหวงนี่เขาก็ห้ามมันไม่ได้เสียด้วย และอาการทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของแดนไทยถนัดตา“เจ้านายเป็นอะไรฮะ ทำปากขมุบขมิบเหมือนจะแช่งใคร หรือว่า...”คำพูดของแดนไทยหยุดเพียงแค่นั้น เมื่อหันไปมองกันต์กับกมิตตราที่กอดกันแน่น พอจะเดาอาการของคนเป็นเจ้านายถูก เขาก็อยากจะหัวเราะออกมาให้ดังลั่น แต่ก็หวั่นใจว่าปลายเท้าของเจ้านายจะตวัด
กันต์พยักหน้าก่อนจะมองแหวนอีกวงหนึ่งซึ่งอยู่ในมือของอนรรฆราวกับว่ามันคือสิ่งประหลาด หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก“นายดูแหวนวงนี้สิ...ว่าเหมือนของนายหรือเปล่า”อนรรฆยื่นแหวนอีกวงที่เขาถือเอาไว้ให้กันต์ทันที มือที่ยื่นไปรับแหวนจากอนรรฆสั่นเล็กน้อย หัวใจแทบจะหยุดเต้น นับเป็นครั้งแรกที่เขานึกวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอให้เรื่องที่เขารอคอยมานานเป็นจริงเสียทีเถอะกันต์มองแหวนวงน้อยในมือก่อนจะพลิกดูด้านใน ดวงตาของกันต์เบิกกว้างมองอนรรฆอย่างดีใจ รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเคร่งขรึม นับเป็นรอยยิ้มอย่างดีใจรอยยิ้มแรกที่อนรรฆเห็นจากใบหน้าของกันต์ก็ว่าได้“เจ้านายได้แหวนวงนี้มาจากใครครับ เขาอยู่ที่ไหน...บอกผมเถอะครับ”น้ำเสียงกับสีหน้ายินดีของกันต์ ทำให้หญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงมองหน้ากันต์อย่างพิจารณาเป็นครั้งแรก“มันเป็นของแก้มเองค่ะ”สิ้นเสียงสั่น ๆ ของกมิตตราสายตาของกันต์หันไปมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างตกตะลึงและคาดไม่ถึง“มะ...หมายความว่ายังไง...แก้มเป็นเจ้าของแหวนวงนี้หรือ”“ค่ะ...คุณแม่อธิการบอกว่ามันห้อยคอแก้มมาตั้งแต่เด็ก”กมิตตราตอบออกไปอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมโตคลอค
บทส่งท้ายสายตาเหม่อลอยของหญิงสาวทอดมองไปยังท้องทะเลด้านหน้า ความฝันเมื่อคืนยังคงติดตาติดใจของเธอจนถึงตอนนี้ กระบอกตาของหญิงสาวร้อนผ่าวยามที่คิดถึงคนเป็นพี่...ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ ป่านนี้เขาจะอยู่ที่ไหนจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร“หนีพี่ออกมาแบบนี้...คืนนี้จะลงโทษให้ครางทั้งคืนเลยคอยดูเถอะ”ร่างสูงเดินเข้ามากอดหญิงสาวทางด้านหลัง ใบหน้าคมเข้มก้มลงจุมพิตหัวไหล่บอบบางของกมิตตราหนึ่งทีก่อนจะกระชับวงแขนที่รัดเอวบางของหญิงสาวให้แน่นขึ้นอีกนิด“คิดเรื่องอะไร...เรื่องฝันร้ายเมื่อคืนนี้เหรอ”กมิตตราพยักหน้าหงึก ๆ ยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำตาที่ซึมออกมา“พี่ช่วยตามหาพี่ชายให้เอาไหม เรื่องยุ่ง ๆ ทุกอย่างมันจบลงไปหมดแล้ว ทีนี้คงมีเวลาที่จะตามหาพี่ชายของแก้มได้”ร่างบางหันขวับมามองคนตัวสูงทันทีอย่างดีใจ“จริงนะคะ”อนรรฆพยักหน้าอย่างหนักแน่น ก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากกลมมนของหญิงสาวคนรักเบา ๆ“จริงสิจ๊ะ”สายตาของอนรรฆทอดมองไปยังชายหาดด้านล่าง เมื่อเห็นร่างสูงของกันต์ คิ้วหนาของชายหนุ่มก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง“โน่นก็อีกคน...น้องหาย ถ้าเอาแก้มกับกันต์มาอยู่ด้วยกันคงเหมือนพี่น้องกันเลย อีกคนตามหาพี่ อี
ประโยคแรกหญิงสาวตะโกนหมายจะบอกให้เขาทั้งสองได้รับรู้ในสิ่งที่เธอพูดไป ในขณะที่ประโยคถัดมาเธอตะโกนเสียงดังเพื่อให้อนรรฆตอบเธอมาเสียงดังด้วยเช่นเดียวกัน อนรรฆหลับตาลงพลางนึกสีหน้าของลูกน้องทั้งสองคนออกเลยทีเดียวโดยเฉพาะแดนไทย“เร็ว ๆ สิฮะคุณเอียน แดนนี่รอเป็นพยานอยู่นะ”เมื่ออนรรฆยังไม่ตอบออกมาแดนไทยจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเสียก่อน“รัก”“อะไรนะ...รัก...รักใคร...รักแดนนี่หรือฮะ”อนรรฆหลับตาลงนิดพลางนึกคาดแค้นแดนไทยในใจ อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะแดนนี่ ฉันจะซัดแกให้น่วม ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าปอดพลางมองหญิงสาวที่รอคอยคำตอบจากเขาด้วยความหวัง“พี่รักแก้ม...รักที่สุด”เสียงหัวเราะของแดนนี่ดังออกมาทันทีที่เขาพูดจบ ในขณะที่กันต์ยิ้มออกมาอย่างดีใจ ในที่สุดอนรรฆก็พูดออกมาเสียที ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นปล่อยให้คนทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพัง“แสบนักนะ...ยัยตัวร้าย”“เอาคืนนิดหน่อยเอง โทษฐานที่พี่เอียนหลอกแก้มก่อน...เล่นน้ำทะเลกันดีกว่า”หญิงสาวตัวเล็กจูงมืออนรรฆลงเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน กมิตตรากวักน้ำใส่หน้าอนรรฆจนอีกฝ่ายหลบไม่ทัน เสียงเข้มห้ามปรามหญิงสาวแล้วแต่อีกฝ่ายหาเชื่อไม่ มือหนาของ
กมิตตรามองหน้าอนรรฆอย่างยั่วเย้า หญิงสาวถอยหลังลงไปในทะเลอีกนิดก่อนจะตัดสินใจปลดกางเกงขาสั้นที่สวมออก มือหนาของอนรรฆกำที่วางแขนบนรถเข็นแน่น มองไปรอบด้านว่ามีใครนอกเหนือจากเขาอีกหรือเปล่าที่จะเห็นภาพกมิตตราในตอนนี้อนรรฆพยายามนับหนึ่งถึงร้อยไม่ให้ตัวเองวิ่งถลาเข้าไปโอบร่างบางของกมิตตราเอาไว้เมื่อคิดว่าจะมีใครเห็นเนื้อนวลขาวที่ตัดกับชุดว่ายน้ำสีส้มนั้นอีกนอกจากเขา“แต่แก้มว่า...เล่นแบบไม่ใส่อะไรเลยดีกว่า”นิ้วเรียวของกมิตตราปลดสายชุดว่ายน้ำออกจากหัวไหล่บอบบางของตัวเองออกจนมันหล่นลงไปกองกับต้นแขนเพียงเท่านั้นอนรรฆก็ทนมองอีกไม่ไหว ร่างสูงวิ่งเข้าไปกอดรัดร่างบางของกมิตตราไว้แน่น พร้อมกับต่อว่าหญิงสาวเสียงขรม“ผู้หญิงบ้าอะไร ไม่อายคนอื่นหรือยังไง”“จะอายทำไม แก้มใส่ชุดว่ายน้ำอยู่นะคะ”อนรรฆมองซ้ายมองขวาก่อนจะรัดร่างบางไว้แน่น พยายามใช้ร่างหนาของตัวเองบดบังไม่ให้ใครได้เห็นสาวน้อยคนนี้ในชุดที่เรียกอารมณ์หนุ่มของเขาให้สูงขึ้น“แดน กันต์ ออกไปไกล ๆ เลย ไม่ต้องอยู่ตรงนี้”เสียงดังลั่นของอนรรฆเรียกรอยยิ้มจากกมิตตราได้ทันที ดูเหมือนอนรรฆจะลืมตัวแล้วว่ากำลังเล่นบทคนพิการกับเธออยู่ ถึงได้ถลาเข้ามาบั







