LOGINกันต์ผายมือให้กมิตตราเดินนำหน้าไปก่อน เมื่อเห็นป้ายชื่อหน้าห้องกมิตตราก็หยุดมอง คริส แบรนดอน นี่คือชื่อนามสกุลของคนที่เธอช่วยชีวิตเอาไว้หรือ เรียวปากบางของหญิงสาวยกสูงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูสองครั้งและผลักเข้าไป
“ตายแล้ว...ยัยหนูแก้ม...มาได้ยังไงลูก”
คุณอรรดาหันไปมองที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะก่อนที่รอยยิ้มของนางจะแย้มออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นคนที่เธอนึกถึงอยู่ในเวลานี้ และเสียงเรียกของอรรดาทำให้คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงหันมามองด้วยเช่นเดียวกัน คริสยิ้มออกมาอย่างยินดี สายตาจับจ้องที่ใบหน้าหวานของกมิตตราด้วยสายตาอ่อนโยน
“สวัสดีค่ะคุณป้า...สวัสดีค่ะคุณลุง...ค่อยยังชั่วขึ้นหรือยังคะ”
“ในที่สุดก็ได้เจอกันเสียที...ลุงนึกว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นผู้มีพระคุณของลุงเสียแล้ว”
คริสเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่ม สายตามองกมิตตราอย่างยินดี
“มานั่งใกล้ ๆ ลุงสิลูก”
น้ำเสียงปรานีของคริสทำให้กมิตตราหันไปมองหน้าคุณอรรดาทันทีเมื่อเห็นนางพยักหน้าน้อย ๆ หญิงสาวจึงเขยิบเข้าไปชิดเตียงของคนป่วย
“แก้มเอามะเขือเทศที่ปลูกเองมาฝากค่ะ...ขอโทษนะคะแก้มไม่ได้ซื้อของมีราคามาเยี่ยมคุณลุง”
“ถ้าหนูซื้อของแพงแบบนั้นมา ลุงจะไม่รับของเยี่ยมของหนูเด็ดขาด”
กมิตตรายิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นของคริส กระเช้ามะเขือเทศของเธอถูกส่งให้คริสทันที คนป่วยจึงรับเอาไว้และเป็นคุณอรรดาที่ยื่นมือเข้าไปช่วยคริสถือและหยิบมาวางบนโต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียงคนป่วย
“ลุงขอบใจหนูมากที่ช่วยชีวิตลุงเอาไว้ ถ้าไม่ได้หนู...ลุงคงไม่มีโอกาสมานั่งอยู่ตรงนี้”
สายตาขอบใจอย่างจริงใจของคริสมองมาที่กมิตตราอย่างอ่อนโยน ในขณะที่หญิงสาวกลับยิ้มออกมาอย่างจริงใจเช่นเดียวกัน
“ไม่ต้องขอบคุณแก้มหรอกค่ะ...ต่อให้ใครมาเจอแบบแก้มก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”
“เห็นไหมคุณ...ผมมองไม่ผิด ไม่เหมือนไอ้ลูกชายตัวแสบของคุณหรอก...มองโลกในแง่ร้าย”
คริสหันไปพูดกับอรรดาทันที ทิ้งให้กมิตตรามองอย่างงง ๆ ว่าคริสพูดถึงเรื่องอะไร
“รู้ไหมลุงให้คนไปสืบเสาะหาที่อยู่ของหนูเพราะคิดว่าจะไม่ได้เจอกัน...ลุงยังไม่ได้ขอบใจหนูเลย แต่โชคก็เข้าข้างส่งหนูมาหาลุงจนได้”
“แก้มก็ดีใจนะคะที่คุณลุงปลอดภัย”
รอยยิ้มอบอุ่นของกมิตตราอดทำให้คริสยิ้มตอบกลับมาไม่ได้ คุณอรรดาก็เช่นเดียวกัน...เธอรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวคนนี้อย่างประหลาด นึกถึงสิ่งที่คริสบอกกับเธอขึ้นมาทันที
“รู้ไหมไอ้ลูกชายตัวแสบของคุณน่ะมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป ถ้ามีใครสักคนมาช่วยเปลี่ยนทัศนคติของมันได้คงดี...คุณว่าไหม”
ในตอนนั้นนางทำได้เพียงแค่มองคนเป็นสามีอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าคริสพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม
“คุณจะว่ายังไง...ถ้าเราจะจับคู่ให้ยัยหนูแก้มกับตาเอียน”
คุณอรรดาจำได้ว่าเธออึ้งไปครู่ใหญ่เพราะคิดไม่ถึงว่าสามีจะมีความคิดเดียวกับเธอที่ได้แต่แอบคิดคนเดียว แต่เมื่อได้ยินสามีพูดออกมาแบบนั้นนางจึงยิ้มออกมาอย่างยินดีพร้อมกับพยักหน้าเร็ว ๆ เห็นด้วยกับความคิดของสามี
“เมื่อวันก่อนเรายังคุยกันไม่เต็มที่เลย...หนูแก้มทำงานหรือยังลูก”
อรรดาเอ่ยปากถามกมิตตราด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ยังค่ะคุณป้า...แก้มกำลังหางานอยู่...อยากหาให้ได้เร็ว ๆ เหมือนกันค่ะ เพราะอยากแบ่งเบาภาระของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แค่ส่งให้แก้มเรียนจบปริญญาตรีนี่ก็ใช้เงินมากพออยู่แล้ว”
คริสมองหน้าภรรยานิดก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ให้เธอดำเนินการต่อ คุณอรรดาจึงเอื้อมไปหยิบซองสีขาวในกระเป๋าถือของตัวเองก่อนจะส่งให้กมิตตรา
“อะไรคะคุณป้า”
“ป้ากับลุงไม่รู้จะตอบแทนหนูยังไง...ถ้าหนูไม่รังเกียจช่วยรับสิ่งนี้ไว้แทนคำขอบคุณของลุงกับป้าได้ไหม”
กมิตตราเอื้อมมือไปหยิบซองขาวตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เพียงแค่เปิดออกดู ดวงตากลมโตของเธอถึงกับเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นกระดาษที่เป็นเช็คเงินสดหนึ่งใบ และพอเห็นจำนวนเงินกมิตตราก็ตกใจจนบอกไม่ถูก
“นี่มันเงินนี่คะ...เอามาให้แก้มทำไม”
“ถือเสียว่ามันเป็นสินน้ำใจจากลุงกับป้า...หนูช่วยรับไว้ได้ไหม”
กมิตตรามองหน้าอรรดาสลับกับคริสก่อนจะส่งซองสีขาวคืนกลับให้คุณอรรดาที่ไม่ยอมรับมันจากเธอ
“การที่ช่วยเหลือคุณลุง แก้มไม่ได้ถือว่ามันเป็นบุญคุณและต้องจ่ายค่าตอบแทนแบบนี้ คุณลุงกับคุณป้ามองแก้มผิดไปแล้ว”
น้ำเสียงสั่นเครือของกมิตตราดังออกมาเพราะไม่คิดว่าอรรดากับคริสจะตีราคาน้ำใจของเธอเป็นตัวเงิน เมื่อเห็นรอยแดงในดวงตาคู่กลม อรรดากับคริสถึงกับตกใจ ร้อนใจและนึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง
“ไม่ใช่อย่างนั้นลูก...เอาเป็นว่าป้าขอโทษแล้วกันที่คิดตีราคาน้ำใจของหนูแบบนี้...ไม่รับก็ไม่รับ”
“ลุงก็ขอโทษด้วยลูก...นี่เป็นความคิดของลุงคนเดียว ได้ฟังจากป้าเขาว่าหนูเป็นเด็กกำพร้าก็คิดว่าหนูคงจะลำบากน่าดู ลุงก็แค่อยากช่วย”
รอยยิ้มอย่างอ่อนโยนของกมิตตราแย้มออกมาดวงตาที่มีน้ำใสคลอหน่วยตามองคริสอย่างอ่อนโยน ไม่เหลือเค้าความโกรธหรือไม่พอใจอยู่อีกเลย
“แก้มเข้าใจค่ะว่าคนสมัยนี้ต้องการช่วยเหลือคนเพียงเพื่อหวังผลตอบแทนเท่านั้น...แต่แก้มไม่ได้คิดแบบนั้น แก้มช่วยคุณลุงอย่างที่เพื่อนมนุษย์คนหนึ่งพึงจะกระทำให้แก่กัน ไม่ได้ต้องการค่าตอบแทนหรือหวังผลอะไรทั้งสิ้น”
ทั้งคุณอรรดาและคริสมองหน้ากันอย่างปลาบปลื้มเมื่อนางและสามีมองคนไม่ผิดจริง ๆ และการให้เงินนี่ก็เป็นความคิดของสามีที่ต้องการลองใจหญิงสาวตรงหน้า ทั้ง ๆ ที่เชื่ออยู่เต็มอกว่ากมิตตราไม่มีทางรับเงินจำนวนนี้อย่างแน่นอนและมันก็เป็นอย่างที่นางกับสามีคิดจริง ๆ
“นั่นไง...เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด...คนที่ไหนจะช่วยกันง่าย ๆ มันก็หวังผลประโยชน์กันทั้งนั้น”
น้ำเสียงเหยียดหยันของใครบางคนที่ดังเข้ามาภายในห้องทำให้กมิตตราหันไปมองยังต้นเสียงทันที ดวงตากลมโตประดุจตากวางมองจ้องใบหน้าคนที่เข้ามาใหม่อย่างตกตะลึง เธอยอมรับว่าผู้ชายตรงหน้าหล่อเหลาอย่างหาตัวจับได้ยาก เธอไม่เคยเห็นใครหน้าตาดีแบบนี้นอกจากพวกดารา พอเห็นรอยเยาะหยันในแววตาสีน้ำเงินจนเกือบดำของเขา กมิตตราก็ดึงสติตัวเองให้คืนมา
สีหน้าหงุดหงิดของอนรรฆไม่อาจรอดพ้นสายตาของแดนไทยได้เลย บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวจึงหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่เก็บอารมณ์จนคนเป็นเจ้านายตวัดสายตาคมกริบไปมองลูกน้องตัวเองเขม็ง“แกจะหัวเราะอะไรไอ้แดน”“เอ๊า...ก็หัวเราะอะไรเน่า ๆ แถวนี้ เจ้านายดมหัวแดนนี่หน่อยได้ไหม พักนี้แดนนี่รู้สึกตัวเองหัวเหม็น ๆ เน่า ๆ ยังไงก็ไม่รู้”เมื่อสบตาวาววับของคนเป็นเจ้านายบอดี้การ์ดหัวใจสาวก็วิ่งปนหัวเราะไปหากันต์กับกมิตตราพลางกระซิบอะไรบางอย่างกับหญิงสาวจนหญิงสาวหันมามองอนรรฆด้วยสีหน้าร้อนรน ยิ่งเมื่อเห็นร่างสูงของอนรรฆเดินหนีไปแบบนั้น กมิตตราถึงกับหันไปมองกันต์อย่างขอความคิดเห็นว่าเธอควรจะทำอย่างไร“ไปง้อหน่อยเถอะ...คนแก่งอนง้อยากหน่อยนะ”นับเป็นครั้งแรกที่ได้ยินกันต์พูดออกมาแบบนั้น แดนไทยถึงกับมองเพื่อนหนุ่มอย่างอึ้ง ๆ ปกติเห็นกันต์เงียบขรึมตลอดเวลา“แกพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอวะกันต์”“ฉันฟังแกมาเยอะไง...แดนนี่”พูดจบกันต์ก็เดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้แดนนี่ยืนทบทวนคำพูดของเพื่อนรักว่ามันด่าหรือว่าชมเขากันแน่ กว่าจะนึกออกกันต์ก็เดินหายไปแล้วทิ้งให้แดนไทยก่นด่าเพื่อนรักอยู่ในใจ“โกรธอะไรคะ”“เปล่า”กมิตตราย
ทั้งอนรรฆและแดนไทยเดินออกมาห่าง ปล่อยให้พี่น้องได้มีโอกาสคุยกันหลังจากที่พลัดพรากจากกันมานาน แต่ทั้งคู่ก็ยังอยู่ในสายตาของอนรรฆตลอดเวลา บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวมองภาพประทับใจนั้นด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเต็มสองตา ในที่สุด...กันต์ก็ได้หัวใจตัวเองกลับคืนมา ต่อไปนี้เพื่อนหนุ่มของเขาคงยิ้มได้เต็มหน้าเสียที ไม่ต่างอะไรกับอนรรฆ นับตั้งแต่ได้กันต์มาทำงานด้วยกัน เขาไม่เคยเห็นลูกน้องคนนี้มีความสุขจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง รอยยิ้มที่มีก็เป็นแค่การแยกเรียวปากออกจากกัน มันไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุข ไม่ใช่รอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ แต่ว่า...สองคนนี้จะกอดกันอีกนานไหม ถึงแม้จะเป็นพี่น้องก็เถอะ หัวใจของเขามันคัน ๆ ชอบกล อนรรฆรีบหลับตาพึมพำนิด ๆ ราวกับสวดมนต์บอกกับตัวเองว่าพี่น้อง...พี่น้อง ไอ้อาการหึงหวงนี่เขาก็ห้ามมันไม่ได้เสียด้วย และอาการทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของแดนไทยถนัดตา“เจ้านายเป็นอะไรฮะ ทำปากขมุบขมิบเหมือนจะแช่งใคร หรือว่า...”คำพูดของแดนไทยหยุดเพียงแค่นั้น เมื่อหันไปมองกันต์กับกมิตตราที่กอดกันแน่น พอจะเดาอาการของคนเป็นเจ้านายถูก เขาก็อยากจะหัวเราะออกมาให้ดังลั่น แต่ก็หวั่นใจว่าปลายเท้าของเจ้านายจะตวัด
กันต์พยักหน้าก่อนจะมองแหวนอีกวงหนึ่งซึ่งอยู่ในมือของอนรรฆราวกับว่ามันคือสิ่งประหลาด หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก“นายดูแหวนวงนี้สิ...ว่าเหมือนของนายหรือเปล่า”อนรรฆยื่นแหวนอีกวงที่เขาถือเอาไว้ให้กันต์ทันที มือที่ยื่นไปรับแหวนจากอนรรฆสั่นเล็กน้อย หัวใจแทบจะหยุดเต้น นับเป็นครั้งแรกที่เขานึกวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอให้เรื่องที่เขารอคอยมานานเป็นจริงเสียทีเถอะกันต์มองแหวนวงน้อยในมือก่อนจะพลิกดูด้านใน ดวงตาของกันต์เบิกกว้างมองอนรรฆอย่างดีใจ รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเคร่งขรึม นับเป็นรอยยิ้มอย่างดีใจรอยยิ้มแรกที่อนรรฆเห็นจากใบหน้าของกันต์ก็ว่าได้“เจ้านายได้แหวนวงนี้มาจากใครครับ เขาอยู่ที่ไหน...บอกผมเถอะครับ”น้ำเสียงกับสีหน้ายินดีของกันต์ ทำให้หญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงมองหน้ากันต์อย่างพิจารณาเป็นครั้งแรก“มันเป็นของแก้มเองค่ะ”สิ้นเสียงสั่น ๆ ของกมิตตราสายตาของกันต์หันไปมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างตกตะลึงและคาดไม่ถึง“มะ...หมายความว่ายังไง...แก้มเป็นเจ้าของแหวนวงนี้หรือ”“ค่ะ...คุณแม่อธิการบอกว่ามันห้อยคอแก้มมาตั้งแต่เด็ก”กมิตตราตอบออกไปอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมโตคลอค
บทส่งท้ายสายตาเหม่อลอยของหญิงสาวทอดมองไปยังท้องทะเลด้านหน้า ความฝันเมื่อคืนยังคงติดตาติดใจของเธอจนถึงตอนนี้ กระบอกตาของหญิงสาวร้อนผ่าวยามที่คิดถึงคนเป็นพี่...ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ ป่านนี้เขาจะอยู่ที่ไหนจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร“หนีพี่ออกมาแบบนี้...คืนนี้จะลงโทษให้ครางทั้งคืนเลยคอยดูเถอะ”ร่างสูงเดินเข้ามากอดหญิงสาวทางด้านหลัง ใบหน้าคมเข้มก้มลงจุมพิตหัวไหล่บอบบางของกมิตตราหนึ่งทีก่อนจะกระชับวงแขนที่รัดเอวบางของหญิงสาวให้แน่นขึ้นอีกนิด“คิดเรื่องอะไร...เรื่องฝันร้ายเมื่อคืนนี้เหรอ”กมิตตราพยักหน้าหงึก ๆ ยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำตาที่ซึมออกมา“พี่ช่วยตามหาพี่ชายให้เอาไหม เรื่องยุ่ง ๆ ทุกอย่างมันจบลงไปหมดแล้ว ทีนี้คงมีเวลาที่จะตามหาพี่ชายของแก้มได้”ร่างบางหันขวับมามองคนตัวสูงทันทีอย่างดีใจ“จริงนะคะ”อนรรฆพยักหน้าอย่างหนักแน่น ก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากกลมมนของหญิงสาวคนรักเบา ๆ“จริงสิจ๊ะ”สายตาของอนรรฆทอดมองไปยังชายหาดด้านล่าง เมื่อเห็นร่างสูงของกันต์ คิ้วหนาของชายหนุ่มก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง“โน่นก็อีกคน...น้องหาย ถ้าเอาแก้มกับกันต์มาอยู่ด้วยกันคงเหมือนพี่น้องกันเลย อีกคนตามหาพี่ อี
ประโยคแรกหญิงสาวตะโกนหมายจะบอกให้เขาทั้งสองได้รับรู้ในสิ่งที่เธอพูดไป ในขณะที่ประโยคถัดมาเธอตะโกนเสียงดังเพื่อให้อนรรฆตอบเธอมาเสียงดังด้วยเช่นเดียวกัน อนรรฆหลับตาลงพลางนึกสีหน้าของลูกน้องทั้งสองคนออกเลยทีเดียวโดยเฉพาะแดนไทย“เร็ว ๆ สิฮะคุณเอียน แดนนี่รอเป็นพยานอยู่นะ”เมื่ออนรรฆยังไม่ตอบออกมาแดนไทยจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเสียก่อน“รัก”“อะไรนะ...รัก...รักใคร...รักแดนนี่หรือฮะ”อนรรฆหลับตาลงนิดพลางนึกคาดแค้นแดนไทยในใจ อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะแดนนี่ ฉันจะซัดแกให้น่วม ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าปอดพลางมองหญิงสาวที่รอคอยคำตอบจากเขาด้วยความหวัง“พี่รักแก้ม...รักที่สุด”เสียงหัวเราะของแดนนี่ดังออกมาทันทีที่เขาพูดจบ ในขณะที่กันต์ยิ้มออกมาอย่างดีใจ ในที่สุดอนรรฆก็พูดออกมาเสียที ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นปล่อยให้คนทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพัง“แสบนักนะ...ยัยตัวร้าย”“เอาคืนนิดหน่อยเอง โทษฐานที่พี่เอียนหลอกแก้มก่อน...เล่นน้ำทะเลกันดีกว่า”หญิงสาวตัวเล็กจูงมืออนรรฆลงเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน กมิตตรากวักน้ำใส่หน้าอนรรฆจนอีกฝ่ายหลบไม่ทัน เสียงเข้มห้ามปรามหญิงสาวแล้วแต่อีกฝ่ายหาเชื่อไม่ มือหนาของ
กมิตตรามองหน้าอนรรฆอย่างยั่วเย้า หญิงสาวถอยหลังลงไปในทะเลอีกนิดก่อนจะตัดสินใจปลดกางเกงขาสั้นที่สวมออก มือหนาของอนรรฆกำที่วางแขนบนรถเข็นแน่น มองไปรอบด้านว่ามีใครนอกเหนือจากเขาอีกหรือเปล่าที่จะเห็นภาพกมิตตราในตอนนี้อนรรฆพยายามนับหนึ่งถึงร้อยไม่ให้ตัวเองวิ่งถลาเข้าไปโอบร่างบางของกมิตตราเอาไว้เมื่อคิดว่าจะมีใครเห็นเนื้อนวลขาวที่ตัดกับชุดว่ายน้ำสีส้มนั้นอีกนอกจากเขา“แต่แก้มว่า...เล่นแบบไม่ใส่อะไรเลยดีกว่า”นิ้วเรียวของกมิตตราปลดสายชุดว่ายน้ำออกจากหัวไหล่บอบบางของตัวเองออกจนมันหล่นลงไปกองกับต้นแขนเพียงเท่านั้นอนรรฆก็ทนมองอีกไม่ไหว ร่างสูงวิ่งเข้าไปกอดรัดร่างบางของกมิตตราไว้แน่น พร้อมกับต่อว่าหญิงสาวเสียงขรม“ผู้หญิงบ้าอะไร ไม่อายคนอื่นหรือยังไง”“จะอายทำไม แก้มใส่ชุดว่ายน้ำอยู่นะคะ”อนรรฆมองซ้ายมองขวาก่อนจะรัดร่างบางไว้แน่น พยายามใช้ร่างหนาของตัวเองบดบังไม่ให้ใครได้เห็นสาวน้อยคนนี้ในชุดที่เรียกอารมณ์หนุ่มของเขาให้สูงขึ้น“แดน กันต์ ออกไปไกล ๆ เลย ไม่ต้องอยู่ตรงนี้”เสียงดังลั่นของอนรรฆเรียกรอยยิ้มจากกมิตตราได้ทันที ดูเหมือนอนรรฆจะลืมตัวแล้วว่ากำลังเล่นบทคนพิการกับเธออยู่ ถึงได้ถลาเข้ามาบั







