แอเรียนพูดอะไรไม่ออกและหันกลับไปที่ห้องนอนด้วยความฉุนเฉียว เธออยากจะปิดประตู ทว่าเธอก็กังวลว่าเขาจะไม่ได้รับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเลยไม่นานเกินรอ ไบรอันก็นำอาหารเย็นของพวกเขามาส่ง ดูที่บรรจุภัณฑ์คร่าว ๆ ก็บอกได้ว่าอาหารเย็นของพวกเขามากจากร้านอาหารไวท์ วอเตอร์ เบย์ หลังจากที่ไบรอันกลับไปแล้ว มาร์คก็ตะโกนเรียกมาทางห้องนอน “อาหารเย็นมาแล้ว”แอเรียนไม่ได้ตอบกลับ พลางแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่ได้ยินเขาแม้ว่าเขาจะมีเพียงผ้าขนหนูพันกาย ทว่ามาร์คก็รู้สึกร้อน ด้วยความหงุดหงิดที่โดนกวนประสาท “เธอจะกินไหม? ฉันจะได้โยนทิ้งถ้าเธอไม่กิน!”แอเรียนยังคงเงียบ เธออดคิดไม่ได้ว่าการที่เขามาที่นี่เพื่อทำให้เธอเป็นบ้า พวกเขาเข้ากันไม่ได้!มาร์คลุกขึ้นไปที่ห้องนอนและอุ้มเธอไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว “ฉันอารมณ์ไม่ดี ทานอาหารเย็นของเธอซะ!”แอเรียนเปิดอาหารที่ซื้อมาและทานเงียบ ๆ เครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนไม่สามารถแผ่ความเย็นออกมาครอบคลุมได้ถึงห้องนั่งเล่นได้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกร้อนขึ้นมาในไม่ช้า เธอรู้สึกเบื่ออาหารและไม่สามารถทำอาหารเย็นจนเสร็จได้แม้มันจะเป็นเพียงอาหารจานเล็ก ๆ ก็ตามมาร์คที่
เธอตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกร้อนในวันรุ่งขึ้น แขนของมาร์คพาดอยู่บนหน้าอกของเธอทำให้เธอรู้สึกหายใจลำบาก เธอร้อนมากจนผมติดอยู่ตามใบหน้าของเธอลมหายใจของเขาเป่าระอยู่ที่ลำคอของเธอ และเขาก็ไม่ได้ห่มผ้าห่มเลยด้วย เขาหลับโดยการหนุนศีรษะของเขาอยู่ด้านบนของร่างกายของเธอและมันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่รู้สึกร้อน!เธอไม่ชอบความรู้สึกที่มีเหงื่อเปียกโชกจริง ๆ เธอพยายามดิ้นออกมาจากขอบเขตของเขาและผ้าห่ม ก่อนจะลุกขึ้นและไปอาบน้ำ เมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำ เธอก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ทันใดนั้นเอง เธอก็สังเกตเห็นเจ้าข้าวปั้นไม่ได้หลับอยู่ในที่นอนของมัน เธอเรียกมันแล้วเจ้าข้าวปั้นก็กระโดดลงมาจากโซฟาและเดินไปหาเธอด้วยท่าทางสง่างามของมัน เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วัน ทว่าเจ้าแมวอ้วนก็สามารถลดน้ำหนักลงได้มากแล้ว อย่างน้อยตอนนี้มันก็เดินได้แล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ดีขณะที่เธอกำลังจะอุ้มเจ้าข้าวปั้นเข้าสู่อ้อมแขนของเธอด้วยความสงสาร มาร์คก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู “จับมัน เห็นไหมว่าเป็นยังไง”ด้วยความผิดที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอจึงรู้สึกกลัวที่จะยั่วโมโหเขาอีกครั้ง “วันนี้เป็นวันเสาร์ ฉันไม่ได้ไปทำงาน ดังนั้นฉันสามาร
แอเรียนยื่นแก้วน้ำแข็งให้กับเธอ “ดื่มน้ำซะ จะทำให้สดชื่นมากขึ้น แน่นอนว่าฉันจะชวนเธอทุกครั้งที่มีอะไรดี ๆ ทาน เหมือนกับที่เธอคิดถึงฉันทุกครั้ง”ทิฟฟานี่หัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกอาย “เธอทำให้มันดู… น่าอาย เอาล่ะ ระหว่างเธอกับมาร์คเป็นอย่างไรบ้าง? ฉันพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยเธอห้ามแอรี่จากการเข้าไปในออฟฟิศครั้งสุดท้าย ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ เธอช่างไร้ยางอายจริง ๆ !”แอเรียนขยับ “ฉันรู้... ขอบใจนะทิฟฟ์ อย่างไรก็ตาม... มาร์คและฉันก็เป็นเหมือนเดิม เขามาอยู่ที่บ้านของฉันในช่วงสองสามวันที่ผ่านแล้วก็ช่วยดูแลเจ้าข้าวปั้นด้วย บางครั้งเราก็ยังทะเลาะกันอยู่บ้าง ฉันสงสัยว่าเราคงเกิดมาตรงกันข้ามกัน บุคลิกของเราไม่เข้ากัน มันอาจจะเป็นเพราะช่องว่างระหว่างวัยที่มากจนเกินไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็แก่กว่าฉันสิบปี”ทิฟฟานี่โบกมือของเธอ “เธอหมายถึงอะไร? ช่องว่างระหว่างวัยทำให้บุคลิกเข้ากันไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? ลืมเรื่องนั้นไปเถอะ แอรี่เด็กกว่าเธออีก ทำไมเธอถึงจ้องแต่จะแย่งผู้ชายของเธอ? ปัญหามันอยู่ที่เธอ เธอไม่รู้วิธีมัดใจผู้ชาย แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับว่าผู้ชายคนนั้นคุ้มค่าที่จะพยายามหรื
แจ็คสันขมวดคิ้วและพูดขึ้น “เขาไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่นมานานกว่าสิบปีแล้ว แบบนั้นยังทุ่มเทไม่พออีกเหรอครับ? ผมไม่เคยมีผู้หญิงมานานที่สุดคือครึ่งปี นานสำหรับผมที่สุดคือครึ่งปี มาร์คทุ่มเทมากพอแล้ว”ทิฟฟานี่ปฏิเสธที่จะเห็นด้วยกับความคิดของเขาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า “คุณหมายความว่ายังไงที่ว่า ‘มากกว่าสิบปี’ ตอนนั้นแอริยังเด็กมากไม่ใช่เหรอ? มาร์คมีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในตอนท้ายไม่ใช่เหรอ? เอาใจใส่กับผีน่ะสิ พวกผู้ชายคิดว่าการเอาใจใส่ถูกนิยามโดยการไม่ทิ้งผู้หญิงหรือเปล่า? การเอาใจใส่ความหมายคือมอบกายและมอบใจทั้งหมดของคุณกับคน ๆ เดียว ไม่ใช่หน้าตาเพียงอย่างเดียวควรจะเหลือ...” เธอรู้สึกได้ถึงความไม่เหมาะสมก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค “ฉันขอโทษนะแอริ… ฉันพูดผิดไป...”แอเรียนดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไรหรอก มันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับแอรี่ใช่ไหม? ฉันไม่รังเกียจที่คุณสองคนจะพูดถึงเรื่องนี้ มันไม่เป็นไรจริง ๆ “แม้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ แจ็คสันและทิฟฟานี่ก็หยุดพูดคุยเรื่องนี้กันทันที สุดท้ายแล้ว ไม่มีใครมีนิสัยชอบใช้ความเจ็บปวดของคนอื่นเป็นหัวข้อสนทนาหรอกหลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว แจ็คสันทำตามหน้าท
ยืนยันความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่อย่างนั้นเหรอ? ทิฟฟานี่พบว่านี่เรื่องกะทันหันและรวดเร็วจนเกินไป “นั่นมันเร็วเกินไปหรือเปล่า? ฉันคิดว่าเราควรจะคุยกันต่ออีกสักหน่อย...”เคนปฏิเสธข้อเสนอของเธอ “ที่นี่พวกเราเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วนะครับ เราจะรู้ว่าเราเหมาะสมกันไหมเพียงแค่มองแวบแรกเท่านั้น คืนนี้คุณว่างไหม? คุณจะให้เกียรติมารับประทานอาหารค่ำกับผมได้หรือเปล่า?”ทิฟฟานี่หมดสิทธิ์ที่จะคิดและตอบกลับไป “ตกลง...”ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอลุกขึ้นยืนพลางแสดงความขอโทษและรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”“มีจดหมายถึงคุณ ฉันทิ้งมันเอาไว้ที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยที่ชั้นล่าง อย่าลืมไปรับมัน”จดหมายอะไร? สิ่งที่เธอเดาเป็นอันดับแรกคือ จอร์จ ลีไวน์ เป็นคนที่ส่งจดหมายมาอีกฉบับ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับแอเรียน ดังนั้นแน่นอนมันจึงสำคัญกับเธอเช่นกัน เธอวางโทรศัพท์และพูดกับเคน “ฉันต้องไปแล้ว มีเรื่องเร่งด่วนเกิดขึ้น เรื่องของพวกเราคืนนี้ค่อยว่ากัน ขอโทษนะ!” เธอออกไปจากคาเฟ่ก่อนที่เคนจะได้ทันได้ตอบเธอเธอรู้สึกดีใจมากเมื่อเธอได้รับจดหมาย มันมาจากจอร์จ ลีไวน์จริง ๆ เธอขึ้นรถแท็กซี่และเดินทางไปหาแอ
แน่นอน แอเรียนสรรเสริญเยินยอ “ก็ไม่เลว หน้าตาโดยรวมก็ใช้ได้นะแล้วเธอรู้สึกอย่างไร” ในที่สุดมาร์คก็รู้ว่าทิฟฟานี่อยู่ที่นี่เช่นกัน ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังมาเดท เขาพยักหน้าให้เธอซึ่งถือได้ว่าเป็นการทักทายทันใดนั้นเอง ก็มีลูกค้าไม่กี่คนตะเกียกตะกายออกมาจากห้องน้ำ จากนั้นพนักงานสองสองคนก็รีบเข้าไปข้างในพร้อมกัน บอกได้ง่ายมากว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ทิฟฟานี่ไม่เห็นเคนออกมา เธอจำได้ว่ามันคือห้องน้ำผู้ชายและคงจะไม่สะดวกสำหรับเธอที่จะเข้าไป เธอจึงหันไปบอกมาร์ค “มาร์ค คุณช่วยไปดูให้ฉันหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? เคนอยู่ข้างในนั้นสักพักแล้วและยังไม่ออกมาเลย ฉันคิดว่าอาจจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา”ในตอนแรก มาร์คไม่ได้ตั้งใจที่จะไป อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นว่าแอเรียนจ้องมองมาที่เขาด้วยความคาดหวัง เขาจึงลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของเขา เขาเคลื่อนตัวผ่านผู้คนและเห็นคราบเลือดอยู่เต็มพื้น แจ็คสันตรึงเคนลงกับพื้นและต่อยเขาอย่างรุนแรง ขณะที่เขาไม่สามารถตอบกลับอะไรได้เลย เคนถูกทำร้ายอย่างยับเยินจนเขาดูเกือบจะไร้ซึ่งความปราณีแม้จะไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริง ทว่าเขาก็ก้าว
ระหว่างทางที่กลับบ้าน แอเรียนหันไปหามาร์คและถามขึ้น “คุณคุยกับแจ็คสันแล้วใช่ไหมคะ? ทำไมเขาถึงทำมันลงไป?”มาร์คจึงบอกความจริงกับเธอ “ผู้ชายคนนั้นเป็นขยะ บอกให้ทิฟฟานี่อยู่ห่างจากเขา”ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “ทำไมคุณไม่พูดแบบนั้นตั้งแต่ทีแรกล่ะ? ฉันจะบอกทิฟฟ์ แต่ทำไมคุณถึงไม่อธิบายกับเธออย่างตรงไปตรงมา? เรื่องมันจะได้ง่ายกว่านี้”เขาจ้องมองไปที่เธอราวกับว่าเขากำลังมองคนโง่ “บางครั้งการพูดอย่างตรงไปตรงมาก็ทำให้เธอเป็นเหมือนคนโง่เธอรู้ไหม? มันไม่ใช่เรื่องผิดที่จะมีไหวพริบ”เวลาห้าทุ่มในคืนนั้น ไวท์ วอเตอร์ เบย์ คาเฟ่ ปิดทำการในวันนั้น แจ็คสันเดินไปที่โรงรถพร้อมกับกุญแจรถของเขาในมือ เขาเพิ่งมาถึงยังรถของเขา เมื่อจู่ ๆ ก็มีกลุ่มผู้ชายปรากฏตัวขึ้นในความมืด เคนโผล่ออกมาจากรถเบนซ์ของเขาด้วยท่าทางหยามใจ “เฮ้ ไอ้โง่ แกต่อยฉันสนุกไหม?”แจ็คสันจ้องมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ตอนนี้แกคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาลถ้าไม่มีใครมาห้ามฉันเอาไว้”เคนแตะที่ใบหน้าของเขาซึ่งพันด้วยผ้าพันแผล แล้วเขาก็ถ่มน้ำลายลงกับพื้น “พูดมา แกต่อยฉันทำไม? ฉันไม่ได้คิดที่จะปล่อยแกไป แต่ฉันอยากรู้ว่าทำไม ฉันไม่คิดฉันเค
ในใจของทิฟฟานี่เต็มไปด้วยคำถามขณะที่เธอถามขึ้น “สักครู่นะคะ คุณคือ… คุณแม่ของแจ็คสันใช่ไหมคะ? ยินดีที่ได้พบคุณค่ะคุณนายเวสต์ ดิฉันรู้จักกับเขาค่ะ เขาเป็นเจ้านายของดิฉันและเป็นเพื่อนของสามีของเพื่อนสนิทดิฉัน อย่างไรก็ตาม… ฉันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น”คุณนายเวสต์ดึงเอกสารที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือออกมาจากที่ด้านหลังของเธอ “ฉันไม่อยากจะอธิบายเรื่องนี้กับเธอ ดูด้วยตัวเองแล้วกัน นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่ฉันได้รับมา”ทิฟฟานี่เหงื่อแตกพลั่ก เธอรับเอกสารมาและอ่านอย่างละเอียด เธอจ้องมองด้วยความเคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เอกสารได้อธิบายทุกอย่างเอาไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การต่อสู้ที่รุนแรงของแจ็คสันกับเคนในไวท์ วอเตอร์ เบย์ คาเฟ่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น รู้สึกผสมปนเปไปหมดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เช่นนั้น เเจ็คสันชกต่อยกับใครสักคนเพราะเธออย่างนั้นหรือ? และเขาลงเอยด้วยการได้รับบาดเจ็บจากการตอบโต้เช่นกัน...“ดิฉันเสียใจค่ะ คุณนายเวสต์... ดิฉันไม่เคยตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้เลย... ดิฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงชกต่อยกับผู้ชายคนนั้น เขาอยู่ที่โรงพยาบาลไหนคะ? ดิฟฟฉันอยากจะไปเยี่ยมเขาค่ะ” เธอพูดขึ้นพร้อมกับเรี