ดิคไม่เคยรู้ถึงความคิดของเอลลี่ที่มีต่อแอเรียน เขาไม่กล้าตั้งข้อสังเกตใด ๆ เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย เอลลี่ดูแคลนดิคมากขึ้นไปอีกที่ไม่กล้าแม้แต่จะพูดความคิดของเขาออกมาและเดินออกไปพร้อมกับแก้วน้ำในมือ ในออฟฟิส มาร์คโทรหาพ่อบ้านเฮนรี่ และบอกเขาเกี่ยวกับการจัดการงานศพของข้าวปั้น เขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้สร้างปัญหาระหว่างเขากับแอเรียนไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงพยายาม อย่างที่สุดในการทำอะไรก็ตามที่เขาจะทำได้ ในอพาร์ทเม้น แอเรียนได้ยินเสียงเคาะประตูทันทีที่เธอตื่นนอนก่อนนาฬิกาจะปลุก ความทรงจำของเธอเลือนราง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอกลับมาที่ห้องนอนได้อย่างไร เมื่อเธอเดินผ่านห้องนั่งเล่น เธอสังเกตเห็นผ้าห่มผืนบางที่ถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยบนโซฟา แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีการใช้ แต่เธอก็รู้ได้ว่าเมื่อคืนมาร์คไม่ได้กลับ เธอเปิดประตูออกมา ก็เห็นช่อดอกไม้ที่ใหญ่มากจนบังคนส่งของที่อยู่ข้างหลังเกือบครึ่งตัว กลิ่นหอมของดอกไม้พลันเตะจมูกเธอทันที เธออึ้งไปชั่วขณะ มาร์คกำลังพยายามจะทำอะไร? ทำไมเขาส่งดอกไม้มาให้เธอทุกวัน? “คุณผู้หญิงครับ ช่อดอกไม้ของคุณครับ รบกวนเซ็นตรงนี้หา
“มันควรจะเกิดขึ้นมานานแล้ว ชีวิตของเธอจะต้องเป็นไปได้ดีเพราะตอนนี้เธอได้เริ่มใช้ชีวิตแบบครอบครัวสามคนอย่างเป็นทางการแล้ว แค่เพิกเฉยต่อแม่สามีและพยายามหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ฉันรู้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นเขาแล้วว่าเขาไม่ใช่คนดี” นายายิ้มแต่ไม่พูดอะไร คนฉลาดและใจดีอย่างเธอจะไม่พูดร้ายถึงแม่สามีลับหลังไม่ว่าเขาจะร้ายแค่ไหนก็ตามหลังจากที่ร้านขนมปิดในตอนเย็น แอเรียนและทิฟฟานี่ก็นั่งแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาล วันนี้แจ็คสันไม่ได้มาให้เห็นเลยแต่พวกเธอกลับไปเจอเขาที่โรงพยาบาลแทน มาร์คก็อยู่ที่นั่นด้วยห้องพยาบาลเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นทันที เอริกนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงพลางเคี้ยวแอปเปิ้ลที่แจ็คสันปอกให้เขาอย่างมีความสุข “พวกคุณเป็นอย่างไรกันบ้าง? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาการของผมกำเริบ แต่ไม่มีอะไรร้ายแรง ดังนั้นพวกคุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้นานหรอก ผู้หญิงที่คุณแนะนำมาให้ ดูแลผมเป็นอย่างดี ผมต้องขึ้นค่าแรงให้เธอสักหน่อยแล้ว!”ทิฟฟานี่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและพูดอย่างมีชีวิตชีวา “แน่นอน! ฉันกับแอริคัดเลือกเธอมาเอง! ฉันคิดว่าในอีกไม่กี่วันคุณน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จากนี้ไปคุณจะต้องดูแลร่างกา
'ไม่นับแอรี่ คินซีย์เหรอ?' คือสิ่งที่แอเรียนต้องการจะพูดแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ สิ่งนี้ได้รบกวนเธอมาเสมอ จริง ๆ แล้วเธอไม่อยากถูกเตือนว่าสามีของเธอเคยออกเดทกับน้องสาวของเธอเองมาร์ครู้ว่าเธอคิดมากอีกแล้วเมื่อจู่ ๆ เธอก็เงียบไป “เธอคิดอะไรอยู่? อย่าเก็บมันไว้ คุยกับฉันสิ”เธอขดริมฝีปากของเธอ “ฉันแค่คิดว่าคุณโหดร้ายเกินไป แอรี่เคยเดทกับคุณ แต่สุดท้ายคุณกลับส่งเธอเข้าคุก ตอนนี้ชีวิตของเธอพังทลายไปแล้ว”เธอตั้งใจสังเกตสีหน้าของเขาขณะที่เธอพูดโดยต้องการดูว่าเขาจะตอบสนองอย่างไร“จริงอยู่ว่าแอรี่กับฉันเคยเดทกันมาก่อน” มาร์คตอบอย่างใจเย็น “แต่ฉันยอมคนที่มาทำร้ายเธอไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”แอเรียนไม่พอใจกับคำตอบของเขา เขาไม่ได้ร่วมทำร้ายเธอพร้อมกับแอรี่เหรอ? แต่ตอนนี้เขากลับมาชำระบาปของตัวเองและยอมรับด้วยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเขากับแอรี่อย่างนั้นเหรอ?'จริงอยู่ว่าแอรี่กับฉันเคยเดทกันมาก่อน' คำพูดเหล่านี้ทำให้ปากของเธอมีรสเปรี้ยว “คุณทั้งคู่ทำสิ่งเดียวกัน คุณไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย ในเมื่อคุณจะไม่ยอมคนที่ทำร้ายฉัน คุณควรจำไว้ว่าคุณไม่ควรให้อภัยตัวเองด้วย”จู่ ๆ มาร์คก็หัวเราะออกมา “เฮ
เขาสงบอารมณ์ของตนเองและสั่งอาหารกลับบ้านให้ทิฟฟานี่ จากนั้นเขาก็เดินออกไปที่ห้องโถงทางเดินและโทรหาเบอร์แปลกนั้น ไม่นานนักเสียงผู้หญิงก็รับสาย “คุณต้องการอะไรแจ็คสัน? ลูกชายของเรากำลังงอแง เราคุยกันทีหลังได้ไหม?"ความหงุดหงิดของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อได้ยินเสียงร้องของเด็ก "ผมแค่อยากจะบอกว่าอย่ารบกวนผมจนกว่าผลการตรวจจะออกและอย่าโทรหาผมด้วย เมื่อผลออกมาและพิสูจน์ว่าเด็กคนนี้เป็นของผม ผมจะจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้คุณ ถ้าทำไม่ได้ก็อยู่ให้ห่างจากผม!”เขาวางสายทันทีและแอบเช็ดเหงื่อเย็นออกจากคิ้วของเขา ทิฟฟานี่จะตรวจสอบโทรศัพท์ของเขาเป็นครั้งคราว เขาสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาหากเธอได้เห็นข้อความนั้นหลังจากที่ลบข้อความที่ไม่เหมาะสมทั้งหมดเขาก็กลับไปที่ห้องราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นทิฟฟานี่ก็ออกมาจากห้องน้ำพลางพันเพียงผ้าเช็ดตัวรอบตัวเธอ น้ำหยดลงจากผมสีเข้มของเธอ ขาที่ยาวและเรียบเนียนของเธอน่าดึงดูดเป็นพิเศษ ทว่าวันนี้เขาไม่มีอารมณ์ เขาไม่สามารถเข้าสู่อารมณ์นั้นด้วยภาระที่อยู่ในใจของเขาได้ทิฟฟานี่ไม่คุ้นเคยกับด้านที่จริงจังของเขา เธอเดินไปหาเขาและนั่งบนตักของเขา
แจ็คสันถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่รู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน เมื่อเขาพาเธอมาที่นี่เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเรื่องมันจะจริงจังขนาดนี้ ตอนนั้นเขาเพียงได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนนั้นโดยบอกว่าเธอมีเรื่องสำคัญจะบอกเขา เขาไม่ได้สนใจมันมากนักแต่เพราะกลัวว่าซัมเมอร์จะรู้เรื่องในอดีตของเขาและจู้จี้เขาอย่างไม่รู้จบ เขาจึงตัดสินใจมาที่นี่โดยแสร้งทำเป็นว่ามาร์คต้องการความช่วยเหลือจากเขาที่บริษัทและจัดการนัดพบกับผู้หญิงคนนั้นในเมืองนี้ จากนั้นเขาก็พาทิฟฟานี่มาด้วยเพื่อให้เธอได้สนุกกับแอเรียนและให้กำลังใจเธอเขาไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องนี้จะวนเวียนอยู่เหนือการควบคุม สภาพทางอารมณ์ของเขาพังทลายเมื่อเขาได้เจอเด็กคนนั้น วันนี้เขาเพิ่งไปพบผู้หญิงคนนั้นและพากันไปตรวจดีเอ็นเอก่อน เขาหลีกเลี่ยงการติดต่อกับทิฟฟานี่เพราะเขากลัวว่ามันจะชัดเจนเกินไปและเธอจะจับได้วันรุ่งขึ้น ทิฟฟานี่ถ่ายทอด “การค้นพบ” ของเธอจากเมื่อคืนนี้ให้แอเรียนเมื่อเธอไปถึงร้านกาแฟ “มีคนส่งข้อความถึงแจ็คสันเมื่อวานนี้ตอนกลางดึก ฉันคิดว่าเป็นแฟนเก่าคนหนึ่งของเขาส่งมาและฉันบอกตัวเองว่าฉันจะฆ่าเขาถ้าเขายังคงติดต่อกับผู้หญิงเหล่านั้น กลายเป็นว่ามันเป็นแค่คำขอ
เอลลี่รู้สึกประหลาดใจ มาร์คเหลือบมองเครื่องแต่งกายที่พิถีพิถันของเธอแต่ไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ได้ค่ะ… ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”เธอข้ามถนนภายใต้แสงแดดอันร้อนระอุไปยังร้านกาแฟ เอลลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่ออากาศที่เย็นและสดชื่นในร้านกาแฟกระทบเธอ เธอเดินทอดน่องไปหานายาและพูดว่า “ชาดำเย็นสองแก้วค่ะ”นายาสังเกตเห็นชุดของเอลลี่ด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว เธอพูดไม่ออก เธอเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวมากเสมอ แต่เธอยอบรับเสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงขาสั้นหรือกระโปรงสั้นได้ อย่างไรก็ตาม ลุคของเอลลี่นั้นดูมากกว่าแค่เสื้อสายเดี่ยว...“ได้ค่ะ...”นายารู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธออายเกินกว่าจะจ้องมองเอลลี่นานเกินไปถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้หญิงทั้งคู่ก็ตามทิฟฟานี่ซึ่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ได้ยินเสียงของเอลลี่จึงหันกลับไปมอง เธออารมณ์เสียทันที “ชุดทำงานของคุณมีบุคลิกอย่างแน่นอน คุณไปเป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้าในไนต์คลับได้เลยนะ มาร์คช่างมีรสนิยมที่พิเศษ ผู้หญิงทุกคนในที่ทำงานของคุณแต่งตัวแบบนั้นเหรอ?”เอลลี่สะบัดผมของเธออย่างมั่นใจ “เฉพาะคนที่มีรูปร่างดีเท่านั้นที่จะกล้าแต่งตัวแบบนี้ เ
จิตใจของเอลลี่ว่างเปล่าไปชั่วขณะก่อนที่จะตามมาด้วยคลื่นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจเป็นเพราะเธอทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในทุก ๆ ด้าน ใช่ไหม? เธอเอื้อมมือไปทัดผมของเธอไว้ข้างหลังใบหูแล้วถามอย่างเขินอาย “ทำไมเหรอคะ?”“เพราะเมื่อก่อนคุณจะทุ่มเทความตั้งใจทั้งหมดไปกับงานและไม่เคยพยายามจะยั่วยวนผม”สีหน้าของเอลลี่เปลี่ยนไปและเธอก็รีบลุกขึ้นทันที “ฉัน-ฉันขอโทษ…”มาร์คปฏิเสธที่จะให้โอกาสเธอ “คุณไปรับเงินจากแผนกการเงินได้เลย คุณถูกไล่ออก แต่คุณจะได้รับแพ็คเกจชดเชยที่ค่อนข้างดี”เอลลี่ไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้ เธอมีเรื่องจะพูดมากกว่านี้แต่เธอก็หุบปากเมื่อจ้องไปที่สายตาอันเยือกเย็นของมาร์ค ในที่สุดความจริงก็โจมตีเธอ เธอสามารถรักษางานที่ยอดเยี่ยมนี้ไว้ได้หลายปีเพราะความสามารถทางวิชาชีพของเธอไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ที่ดี ความตั้งใจที่จะหลอกลวงไม่เพียงแต่ทำให้เธอสูญเสียโอกาสในการบรรลุเป้าหมายของเธอเท่านั้นแต่เธอยังสูญเสียรางวัลที่ใหญ่กว่าไปโดยสิ้นเชิง!เธอรู้จักมาร์คดี หลังจากที่ทำงานให้กับเขามาหลายปี เธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมาโดยตลอด เมื่อเธอเดินออกจากอาคารสำนักงานเธอก็โยนของใช้ส่วนตัวทั้งหมดที่เธ
แจ็คสันขมวดคิ้ว “ผมกำลังจะไปแล้ว ผมเพิ่งถึงรถ เลิกเร่งผมได้แล้ว จนกว่าผลตรวจจะมาถึง ผมจะไม่เพิกเฉยต่อคุณ แต่อย่างอแง!”เขารีบไปที่โรงแรมของผู้หญิงคนนั้นแล้วรีบอุ้มทารกไว้ในอ้อมแขนก่อนจะรีบไปที่โรงพยาบาล ขณะที่แจ็คสันอุ้มเจ้าตัวเล็กอ้วน ๆ ไว้ในอ้อมแขน เขาก็รู้สึกถึงความรู้สึกแปลก ๆ ความกลัว ความกลัวอย่างแท้จริง ไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลย ถ้าเขาเป็นพ่อของเด็กคนนี้ เขาตายแน่!ในโถงทางเดินของโรงพยาบาล แจ็คสันนั่งเงียบ ๆ บนม้านั่งยาว อดีตเพื่อนร่วมเตียงของเขาจ้องมองเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ขอบคุณที่ไม่เมินพวกเรา…”เขาปฏิเสธที่จะมองผู้หญิงคนนั้นและตอบอย่างเย็นชาว่า “ผมไม่ได้ไร้มนุษยธรรมขนาดนั้น ไหน ๆ เราก็อยู่ที่นี่แล้ว ผมจะบอกคุณว่า ผมไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็ก แม้ว่าจะเป็นลูกของผมก็ตาม ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะหายไป?”ความรู้สึกที่แทบจะมองไม่เห็นปรากฏบนใบหน้าที่สวยงามของผู้หญิงคนนั้น “ฉันเข้าใจ ตอนนี้คุณคบกับคนใหม่อยู่และฉันไม่คิดว่าคุณจะเลิกกับเธอ เธอจะไม่กลายเป็นอดีตเหมือนฉันใช่ไหม? ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณแต่นี่คือลูกชายของคุณ ทำไมคุณไม่ต้องการเขาล่ะ? เขาจะไม่มีวันมีชีวิตที่ดีกับแม่เล