แจ็คสันยิ้มปริ่ม “ฉันบอกเธอแล้วว่าข่าวการลอกเลียนแบบน่ะไม่สำคัญหรอก มันได้รับการจัดการไปแล้ว เธอไม่ต้องมานั่งคิดมากเรื่องนี้แล้ว ฉันรู้ว่าเธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับทิฟฟ์ เธอเองก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเหมือนกัน ผลลัพธ์ของมันเป็นเรื่องที่เรารู้กันอยู่สองคน เธอไม่จำเป็นต้องมาวนเวียนอยู่ในความเละเทะนี่หรอก ขอฉันให้คำแนะนำเธอนะ เพื่อนที่ดีจะต้องอยู่ข้างเพื่อนเสมอ เธอจะต้องอยู่ข้างเดียวกับทิฟฟ์ไม่ว่าทิฟฟ์จะเป็นยังไง ความเป็นเพื่อนของเธอจะเละเทะไม่มีชิ้นดีถ้าเธอเข้าข้างฉัน เธอรู้สึกดีขึ้นไหมหลังจากที่เธอได้ระบายมันออกมาแล้ว? ถ้างั้นฉันจะไปส่งเธอกลับบ้านนะ”ธัญญ่าพยักหน้า ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “แต่ฉันก็ไม่อยากเป็นปรปักษ์กับคุณนะ ฉันเห็นว่าคุณดีกับเธอขนาดไหนและฉันเองก็รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก จะให้ฉันทำเป็นไม่เห็นก็คงไม่ได้ ฉันรู้สึกดีชึ้นมากหลังจากได้คุยกับคุณ ขอบคุณนะคะ”แจ็คสันยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ “งั้นไปกันเถอะ”ธัญญ่ามองใบหน้าด้านข้างของแจ็คสันอย่างตั้งอกตั้งใจ “คุณจะไม่มีปัญหากับพี่ทิฟฟานี่เพราะเรื่องที่ฉันบอกคุณหรอกใช่ไหม? ฉันแค่ประสาทเสียน่ะ ฉันเลยมาที่นี่ ปกติก
มาร์ครู้สึกหงุดหงิด “โอ้ เธอปฏิบัติกับเราเหมือนเราเป็น Grab งั้นเหรอ? ได้เลย พระเจ้าช่วย ช่วยดูหน่อยได้ไหมว่าลูกทรมานแค่ไหน? เขาดูน่าสงสารอย่างยิ่ง! แหวะ นั่นน้ำมูกเหรอที่กำลังหยดลงในปากของเขาอ่ะ? ใครก็ได้ช่วยเช็ดมันออกเดี๋ยวนี้ โอ๊ยย... "เมื่อเห็นความรังเกียจบนใบหน้าของเขา แอเรียนก็หงุดหงิดอย่างแท้จริง “คุณ คุณรังเกียจลูกชายของตัวเองเหรอ! มาร์ค เทรมอนต์ คุณเพิ่งสั่งให้คนเช็ดน้ำมูกของเขาเพราะมันสกปรกเกินไปสำหรับมือของราชวงศ์อย่างคุณงั้นเหรอ?”ด้วยเหตุผลบางอย่างที่มีเพียงมาร์คเท่านั้นที่รู้ เขาเกลียดชังความคิดที่จะทำความสะอาดเสมหะของลูกชายตนเองราวกับว่าการกระทำนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่เขาเคยประสบในความโชคร้ายของเขาเมื่ออยู่ในรถ มาร์คก็ไปนั่งที่เบาะผู้โดยสารโดยอัตโนมัติและทิ้งเบาะหลังไว้ให้แอเรียนและแมรี่ ในขณะเดียวกัน แอเรียนก็ได้มอบหน้ากากให้กับแมรี่และไบรอัน เนื่องจากเธอต้องการลดจำนวนคนที่ลูกชายของเธอจะเอาเชื้อไปแพร่ได้ การที่ทุกคนในคฤหาสน์เทรมอนต์ต้องประสบกับโรคภัยไข้เจ็บแบบเดียวกันพร้อม ๆ กันจะเป็นความโกลาหลเกินไประหว่างทางไปโรงพยาบาล สมอร์ก็เริ่มดื่มนม ทว่าน่าเสียดายที
สิ่งแรกที่มาร์คทำหลังการประชุมคือโทรหาแอเรียน “เป็นยังไงบ้าง? ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม? ไม่มีเหตุให้ต้องกังวลใช่ไหม?”แอเรียนเพิ่งจะจบธุระที่แผนกกุมารเวชศาสตร์ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกอยากกวน “หืม คุณถามถึงลูกหรือฉัน?”ริมฝีปากของมาร์คสั่น “ฉันถามถึงเธอทั้งคู่นั้นแหละ อย่าพยายามหลอกล่อฉันเลย”แอเรียนสอดแนมสมอร์ที่หลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของแมรี่และตอบว่า “ไม่มีอะไรมาก ไม่มีไข้ เขาแค่ป่วยเป็นหวัดเล็กน้อย น้ำมูกไหลและไอ หมอบอกว่าเขายังเด็กเกินไปที่จะกินยา ดังนั้นจึงต้องทำให้แน่ใจว่าร่างกายเขาจะอบอุ่นพอและให้เขาดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ นั่นเป็นคำสั่งเดียวกันสำหรับฉันด้วย ฉันต้องให้นมลูก ฉันเลยกินยาไม่ได้ ก็นั้นแหละ ได้โปรดให้ไบรอันไปส่งเรากลับบ้านด้วย”มาร์คเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ “ฉันจะไปเอง ฉันว่างพอดี”เขาขับรถและพาคนกลุ่มนี้กลับไปที่คฤหาสน์เทรมอนต์ เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน แมรี่ก็พาเด็กไปที่ห้องเขาทันที ขณะที่มาร์คดึงแอเรียนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวออกมาและเข้าไปในห้องนอนของพวกเขา“เมื่อคืนเราไม่สนุกเลยใช่ไหม? ให้ฉันแก้มือให้นะ” เขาประกาศแก้มของแอเรียนเริ่มแดงก่ำ “ตอนกลางวันเนี่ยนะ?” เธออุทานเบา ๆ “นี่
เมื่อพูดถึงคุณย่า ตัวแอเรียนก็เย็นเฉียบขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตาม แอเรียนผงกหัวและตอบว่า "โอเค"ในขณะเดียวกัน การที่เธอตัวเปียกปอนจากฝนที่ตกหนักเมื่อวานจึงทำให้ธัญญ่ามีอาการเป็นหวัดอย่างเห็นได้ชัด วันนี้เธอไม่เพียงแค่จามอย่างหนักหน่วงเท่านั้นแต่เธอเริ่มมีอาการไข้อีกด้วยทิฟฟานี่ทนเห็นเพื่อนของเธอในสภาพนี้ไม่ได้ เธอจึงไปซื้อยามาให้ "เมื่อคืนไปไหนมาล่ะ? เป็นครั้งแรกเลยนะที่เห็นเธอกลับบ้านดึกกว่าฉันอีก แถมกลับมาตัวก็เปียกปอนซะขนาดนั้น มันคงแย่มากเลยใช่ไหม? จริง ๆ นะธัญ ถ้ามันแย่ขนาดนั้นฉันว่าเธอหยุดงานแล้วพักอยู่ที่บ้านเถอะ”"หนูไม่เหมือนคุณหรอกนะ" ธัญญ่าบ่นพึมพำ "ถ้าไม่ทำงานหนูจะเอาตัวไม่รอดนะ"ทิฟฟานี่ทำปากบูดเบี้ยวเล็กน้อย "พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง? ฉันเองก็ต้องทำงานช่วยเหลือตัวเองเหมือนกันนะ แม่ไม่เคยให้เงินฉันซักนิด มีแต่ตัวฉันเองที่ต้องส่งเงินให้เขา เอาอย่างนี้นะ ตามใจเธอแล้วกัน ถ้าเธออยากไปทำงานก็แล้วแต่ที่เธอเห็นว่าสมควรเลย ถ้าไม่ไหวก็บอกฉันนะ"ธัญญ่าผงกหัวอย่างเงียบ ๆทันใดนั้นก็มีรูปร่างปรากฏขึ้นที่ประตู ทิฟฟานี่เอาข้อศอกสะกิดธัญญ่า "ดูสิว่าใครมา"แค่มองวิกกี้แค่ครั้งเดีย
“อุ๊ย งั้นฉันว่าฉันเข้าใจผิดแล้วล่ะ แต่ถามจริง จะกล่าวหาฉันแบบนั้นน่ะเหรอ? คุณทำอะไรฉันไม่ได้เลย และฉันไม่เคยหาเรื่องด้วย คุณแค่หัวร้อนง่ายเกินไปเอง” ทิฟฟานี่พูดขึ้นพร้อมยักไหล่ “ยังไงก็เถอะ คุณไม่ได้มาที่นี่เพราะมาหาเอริกเหรอ? ทำไมไม่ไปล่ะ? ไปสิ เราไม่สามารถถูกจับได้ว่าทำเรื่องไร้สาระระหว่างทำงานนะ คุณรู้ไหม?”วิกกี้เดินไปที่ห้องทำงานของเอริกอย่างโกรธจัด รองเท้าส้นสูงของเธอแทงลงไปที่พื้นทุกย่างก้าวและเธอยังปิดประตูอย่างแรง เอริกสะดุ้งแล้วถามว่า “คุณเป็นอะไร? ใครทำให้คุณอารมณ์เสียขนาดนั้นเหรอ?”เธอกระทืบเท้า “ทิฟฟานี่ไง! เธอและธัญญ่า! พวกเขารวมตัวกันและตะโกนใส่ฉันด้วยคำตำหนิต่าง ๆ ! เพื่ออะไรกัน? ฉันไม่ได้ทำอะไรให้พวกเขาสักหน่อย โอ๊ยยยยยย! จริง ๆ นะที่รัก คุณเก็บพวกเขาไว้และให้งานพวกเขาในบริษัทของคุณและจ่ายค่าจ้างให้พวกเขา แล้วนี่เป็นวิธีที่พวกเขาตอบแทนคุณเหรอ? ปฏิบัติต่อแฟนสาวของคุณด้วยทัศนคติที่น่ารังเกียจแบบนั้นน่ะเหรอ? มันเหมือนกับว่าพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะเป็นเจ้านายพวกเขาในอนาคตหรืออะไรทำนองนั้น!”เอริกงงงวย “พวกเขาจะทำแบบนั้นกับคุณทำไมถ้าคุณไม่ได้ไปยั่วโมโหพวกเขาก่อน?
วิกกี้รู้สึกถึงความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตัวเธอเองก็รู้ด้วยว่าถ้าเธอยังโมโหต่อไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เมื่อถึงจุดนึงเธอคงต้องลดราวาศอกลง“เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว งั้นฉันไปล่ะ อย่าเครียดมากเกินไปแล้วกันนะ” เธอเริ่มแผ่วลงขณะกำลังเดินทาง เธอก็ผ่านพื้นที่ออฟฟิศรวมและจ้องเขม็งไปที่ธัญญ่า ถึงแม้จะสามารถปล่อยวางความโกรธให้ทิฟฟานี่ได้อย่างน่าประหลาด แต่ความจริงแล้วเหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก ในความคิดของวิกกี้นั้น ธัญญ่าน่ารำคาญและน่าสงสัยที่สุดเพราะเธอเคยอยู่ภายใต้ความดูแลของแฟนเธอ ธัญญ่าเคยอยู่กับแฟนของเธอเมื่อครั้งยังไม่ได้เจอหน้าคร่าตากับเขาในชีวิตจริงด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครที่เจอก็คงต้องรู้สึกเคียดแค้นทั้งนั้น อย่างไรก็ตามวิกกี้ก็ต้องกลั้นใจทำตัวไม่รู้สึกอะไรถึงแม้จะมีความรู้สึกในใจที่ไม่เป็นเช่นนั้นก็ตามธัญญ่ารอจนวิกกี้ออกไปจากบริษัทก่อนจะเข้าไปหาเอริกในออฟฟิศ “คุณนาธาเนียล เอ่อ ก่อนหน้านี้พี่ทิฟฟานี่เหมือนจะมีปัญหากับแฟนคุณเล็กน้อย ฉันเลยเดาว่าเธอน่าจะมาบอกคุณแล้วใช่ไหม?” เธอกล่าว “ได้โปรดอย่าโกรธพี่ทิฟฟานี่เลย บางทีเธอก็พูดสิ่งเธอคิดโดยไม่ได้กลั่นกรอง มันเป็นธรรมชาติของเ
”เมื่อเธอมีความรัก หัวใจเธอจะเต้นแรงทุกครั้งที่เธอเห็นเขา เธอจะรู้สึกตื่นเต้นทันที” ทิฟฟานี่ตอบหลังจากที่คิดดูแล้ว “ไม่ว่าจะยังไง เธอจะต้องกล้าพอที่จะเริ่มเข้าหาเขาก่อน ถ้าเธอจะชอบใครสักคน เธอจะต้องกล้าหาญมากพอที่จะจีบเขาก่อน อาจจะใช้กลวิธีบ้างก็ได้ ถ้าเธอไม่ทำอะไรข้ามเส้นเกินไป เธอก็จะไม่มีอะไรให้ต้องอายทีหลัง ไม่ต้องห่วง ฉันจะสนับสนุนเธอไม่ว่าเธอจะทำอะไร ถ้าเธอเจอเป้าหมายเธอแล้วจริง ๆ ก็เลิกคิดมากและลงมือเถอะ” “แล้วถ้าฉันบอกพี่ว่าเป้าหมายฉันคือ… พี่แจ็คสันล่ะ? คุณจะยังสนับสนุนฉันอยู่ไหม?”คำถามของธัญญ่าทำให้ทิฟฟานี่ผงะ เธอถึงกับไม่แน่ใจว่าจะต้องตอบธัญญ่าอย่างไรชั่วขณะหนึ่ง แต่แล้วจู่ ๆ ธัญญ่าก็หัวเราะคิกคัก “ฉันแค่ล้อเล่น คุณคิดว่าฉันพูดจริงจริง ๆ เหรอ? แต่เอาจริง ๆ นะ ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณจะทำยังไง?” ทิฟฟานี่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเชื่อว่ามันเป็นแค่เรื่องขำขัน “ฮ่า ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เธอก็ลุยเลย เธอจะน่าเกรงขามมากถ้าเธอทำอย่างนั้นได้ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก… เราเลิกกันแล้ว เขาโสดแล้ว และเธอก็โสด…” ธัญญ่าแลบลิ้น “คุณพูดเองนะ… อีกอย่าง เราไม่ได้กินข้าวนอกบ้านด้วยกั
ทิฟฟานี่ลงจากรถเพื่อเอาน้ำให้ธัญญ่า “รู้สึกดีขึ้นไหม? ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่รึเปล่า? บางทีเธอควรจะไปนั่งข้างหน้าดีกว่า เธอจะได้รู้สึกดีขึ้น”“มันจะดีเหรอ?” ธัญญ่าถาม “ฉันได้ยินมาว่าหลายคนเชื่อว่าเบาะหน้าของรถผู้ชายควรจะเป็นที่สำหรับแฟนเขาเท่านั้น… คุณกับพี่แจ็คสันจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”ทิฟฟานี่ที่ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้วไม่เคยคิดแบบนั้นเลย “เธอพูดบ้าอะไร? เราเป็นอะไรกัน? เราต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ? จะให้ฉันปล่อยให้เธอนั่งเวียนหัวอยู่เบาะหลังต่องั้นเหรอ? ฉันทำไม่ได้หรอก เลิกพล่ามและขึ้นรถแล้วไปนั่งข้างหน้าเลย” แจ็คสันขมวดคิ้วเมื่ออยู่ ๆ ก็มีคนอื่นที่ไม่ใช่ทิฟฟานี่เปิดประตูมานั่งเบาะหน้า “เกิดอะไรขึ้น? พวกเธอเปลี่ยนที่นั่งกันทำไม?”“ธัญเป็นหวัดและรู้สึกไม่ค่อยดี เธอเมารถน่ะ” ทิฟฟานี่อธิบาย “ให้เธอนั่งข้างหน้านั่นแหละ มันไม่สำคัญว่าใครจะนั่งไหนอยู่แล้ว ฉันว่าเบาะหลังก็กว้างดีออก ขับต่อเลย พักหลัง ๆ นี้ฝนตกบ่อยจนเกือบทุกวันเลย น่ารำคาญชะมัด ทำไมไม่ตกหนัก ๆ ทีเดียวแทนทีจะตกกะปริบกะปรอยแบบนี้? ฉันแค่ลงจากรถไปแปบเดียวผมฉันก็เปียกหมดแล้ว…” แจ็คสันไม่อยากจะพูดอะ