”เมื่อเธอมีความรัก หัวใจเธอจะเต้นแรงทุกครั้งที่เธอเห็นเขา เธอจะรู้สึกตื่นเต้นทันที” ทิฟฟานี่ตอบหลังจากที่คิดดูแล้ว “ไม่ว่าจะยังไง เธอจะต้องกล้าพอที่จะเริ่มเข้าหาเขาก่อน ถ้าเธอจะชอบใครสักคน เธอจะต้องกล้าหาญมากพอที่จะจีบเขาก่อน อาจจะใช้กลวิธีบ้างก็ได้ ถ้าเธอไม่ทำอะไรข้ามเส้นเกินไป เธอก็จะไม่มีอะไรให้ต้องอายทีหลัง ไม่ต้องห่วง ฉันจะสนับสนุนเธอไม่ว่าเธอจะทำอะไร ถ้าเธอเจอเป้าหมายเธอแล้วจริง ๆ ก็เลิกคิดมากและลงมือเถอะ” “แล้วถ้าฉันบอกพี่ว่าเป้าหมายฉันคือ… พี่แจ็คสันล่ะ? คุณจะยังสนับสนุนฉันอยู่ไหม?”คำถามของธัญญ่าทำให้ทิฟฟานี่ผงะ เธอถึงกับไม่แน่ใจว่าจะต้องตอบธัญญ่าอย่างไรชั่วขณะหนึ่ง แต่แล้วจู่ ๆ ธัญญ่าก็หัวเราะคิกคัก “ฉันแค่ล้อเล่น คุณคิดว่าฉันพูดจริงจริง ๆ เหรอ? แต่เอาจริง ๆ นะ ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณจะทำยังไง?” ทิฟฟานี่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเชื่อว่ามันเป็นแค่เรื่องขำขัน “ฮ่า ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เธอก็ลุยเลย เธอจะน่าเกรงขามมากถ้าเธอทำอย่างนั้นได้ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก… เราเลิกกันแล้ว เขาโสดแล้ว และเธอก็โสด…” ธัญญ่าแลบลิ้น “คุณพูดเองนะ… อีกอย่าง เราไม่ได้กินข้าวนอกบ้านด้วยกั
ทิฟฟานี่ลงจากรถเพื่อเอาน้ำให้ธัญญ่า “รู้สึกดีขึ้นไหม? ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่รึเปล่า? บางทีเธอควรจะไปนั่งข้างหน้าดีกว่า เธอจะได้รู้สึกดีขึ้น”“มันจะดีเหรอ?” ธัญญ่าถาม “ฉันได้ยินมาว่าหลายคนเชื่อว่าเบาะหน้าของรถผู้ชายควรจะเป็นที่สำหรับแฟนเขาเท่านั้น… คุณกับพี่แจ็คสันจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”ทิฟฟานี่ที่ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้วไม่เคยคิดแบบนั้นเลย “เธอพูดบ้าอะไร? เราเป็นอะไรกัน? เราต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ? จะให้ฉันปล่อยให้เธอนั่งเวียนหัวอยู่เบาะหลังต่องั้นเหรอ? ฉันทำไม่ได้หรอก เลิกพล่ามและขึ้นรถแล้วไปนั่งข้างหน้าเลย” แจ็คสันขมวดคิ้วเมื่ออยู่ ๆ ก็มีคนอื่นที่ไม่ใช่ทิฟฟานี่เปิดประตูมานั่งเบาะหน้า “เกิดอะไรขึ้น? พวกเธอเปลี่ยนที่นั่งกันทำไม?”“ธัญเป็นหวัดและรู้สึกไม่ค่อยดี เธอเมารถน่ะ” ทิฟฟานี่อธิบาย “ให้เธอนั่งข้างหน้านั่นแหละ มันไม่สำคัญว่าใครจะนั่งไหนอยู่แล้ว ฉันว่าเบาะหลังก็กว้างดีออก ขับต่อเลย พักหลัง ๆ นี้ฝนตกบ่อยจนเกือบทุกวันเลย น่ารำคาญชะมัด ทำไมไม่ตกหนัก ๆ ทีเดียวแทนทีจะตกกะปริบกะปรอยแบบนี้? ฉันแค่ลงจากรถไปแปบเดียวผมฉันก็เปียกหมดแล้ว…” แจ็คสันไม่อยากจะพูดอะ
แจ็คสันถึงกับพูดไม่ออก ทำไมไม่มีใครถามความเห็นของเขาเลย? เขาไม่มีตัวตนหรอกเหรอ?หลังจากที่ทานอาหารค่ำเสร็จ แจ็คสันก็ขับไปส่งทิฟฟานี่และธัญญ่า ทั้งสามคนตกลงกันว่าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้พร้อมกัน…เช้าวันรุ่งขึ้น ณ คฤหาสน์เทรมอนต์แอเรียนได้เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าสีดำ พร้อมที่จะไปที่สุสานแอริสโตเติลยังเล็กเกินไปและเขาก็เป็นไข้หวัดใหญ่ด้วย มิหนำซ้ำข้างนอกยังฝนตกอีกด้วย เพราะฉะนั้นมาร์คและแอเรียนจึงตัดสินใจว่าจะไม่เอาลูกไปด้วยดีกว่า พวกเขาจึงปล่อยแอริสโตเติลไว้ในความดูแลขอแมรี่มาร์คเองก็ใส่ชุดสูทสีดำเหมือนกัน ซึ่งทำให้เขาดูโอ่อ่ามาก ทั้งคู่นำช่อดอกไม้ติดตัวไปหนึ่งช่อแล้วออกจากบ้านไป พวกเขาต้องขับรถเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่าจะถึงที่สุสาน เมฆดำบนท้องฟ้าก่อให้เกิดแสงที่น่าขนลุกปกคลุมสุสาน มันแทบจะร้างเปล่า ยกเว้นแต่คนดูแลสุสานที่แก่เฒ่าและใส่แว่นซึ่งกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ของวันนี้ในกระท่อมเล็ก ๆแอเรียนรู้สึกหดหู่มาก คุณย่าของเธอเสียชีวิตมานานแล้วแต่เธอเพิ่งจะมาเยี่ยมเขา เธอรู้สึกขุ่นเคืองและสิ้นหวังเมื่อนึกถึงการกระทำของโซอี้และสามีของเธอ ชีวิตนั้นแสนสั้นและไม่มีใครได้เพลิดเพลินกับมันอย่
มาร์คกางร่มบังฝนให้แม่ลูก ทว่าเสื้อผ้าของเขากลับเปียกโชก เฮเลนที่สังเกตเห็นดังนั้นจึงพูดว่า “แอเรียน แม่คิดว่าเราได้เวลากลับกันแล้วแหละ ฝนกำลังจะตกหนักขึ้นและมาร์คก็เปียกโชกไปหมดแล้ว”แอเรียนหันไปมองมาร์ค “โอเค งั้นกลับกันเถอะ”เฮเลนได้ขับรถมาที่นี่เอง แอเรียนจึงหยุดก่อนที่จะขึ้นรถ “ถ้าคุณไม่ติดอะไร มาทานข้าวเย็นที่บ้านเราสิ คุณจะได้เจอหลานชายด้วย” เฮเลนเกือบจะร้องไห้จากความดีใจ “โอ-โอเค!” เธอพูดตะกุกตะกักด้วยความลำบาก เธอรู้ว่าในที่สุดแอเรียนก็ได้ให้อภัยเธอและเห็นเธอเป็นแม่ของหล่อนเสียทีระหว่างทางกลับบ้าน แอเรียนก็หันไปถามมาร์คว่า “คุณหนาวไหม? คุณเปียกโชกไปหมดเลย”มาร์คส่ายหน้าด้วยร้อยยิ้ม “ไม่ ฉันไม่หนาว เธอโตขึ้นแล้วนะเนี่ย”เธอยิ้มตอบ “คราวที่แล้วที่คุณพูดกับฉันแบบนี้… ไม่ใช่ลางที่ดีเลยนะ...”เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เขามีความทรงจำเกี่ยวกับเธอมากเกินไปจนเต็มสมองไปหมด เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาพูดกับเธอแบบนั้นเมื่อไหร่ คงจะเป็นช่วงก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นของเขา เธอถึงจำมันได้ "ด้วยความรัก" ที่อายาเช่แจ็คสัน ทิฟฟานี่ และธัญญ่าเดินทางไปถึงที่โรงแรมที่พวกเขาได้จองไว้แล้ว
แจ็คสันผลักทิฟฟานี่ลงที่ขอบเตียง “เดี๋ยวผมนวดให้ แล้วจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ? คุณเลือกที่จะใส่รองเท้าส้นสูงไปเดินเล่นทำไม? การใส่ส้นสูงบ่อยเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพนะ” เขายกขาของเธอมาวางบนตักตัวเองแล้วเริ่มนวดพวกมันเบา ๆ เขานวดค่อนข้างเก่งเลยทีเดียวทิฟฟานี่จ้องมองเขาอย่างสงบ “ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ว่าคุณมีความสามารถพิเศษด้านนี้เลย? เราคบกันมาตั้งนานแต่คุณก็ยังมีความลับต่อฉัน! ฉันไม่ได้ชอบใส่ส้นสูงซะหน่อย ก็พวกผู้ชายรอบตัวฉันมีแต่พวกสูง ๆ นี่ ราวกับว่าพวกคุณกินฮอร์โมนเพื่อให้สูงงั้นแหละ ถ้าฉันไม่ใส่ส้นสูงฉันจะดูเตี้ยมาก เหมือนกับฟักทองข้าง ๆ ต้นไผ่ คุณคิดว่าฉันเลือกที่จะไม่ใส่มันได้จริงเหรอ? คุณ มาร์ค แล้วก็เอริก มีใครเตี้ยบ้างล่ะ?” แจ็คสันหัวเราะคิดคักใส่เธอ “ฮ่าฮ่า… คุณนี่นะ… ถามจริง… ต้องอธิบายถึงตัวเองแบบนั้นด้วยเหรอ? ผมชอบคุณแบบที่คุณเป็น แบบนี้ก็ดีเกินพอแล้ว ทำไมคุณต้องห่วงว่าคนอื่นจะมองคุณยังไงด้วย? แอเรียนก็ไม่ได้สูงกว่าคุณ และเธอก็ใส่รองเท้าส้นเตี้ยเวลาอยู่กับมาร์คตลอดอยู่ดี ดูมาร์คสิ คุณคิดว่าเขากล้าที่จะบอกว่าไม่ชอบอะไรในตัวเธอไหม?” จุดกดที่ด้านล่างของเท้ามักเป็นจุดที่บอบบาง
ทิฟฟานี่แสร้งทำเป็นเมินแจ็คสันและส่งผลต่อความใจเย็นของเขา “ฉัน… ฉัน เอ่อ ฉันไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ตอนนี้ฉันอยู่ที่อายาเช่และอาจจะกลับไปถึงในคืนพรุ่งนี้เท่านั้น ไว้วันอื่นได้ไหม? ใช่ ไว้ค่อยนัดกัน”แจ็คสันสูดลมหายใจเข้ายาว ๆ ลึก ๆ ก่อนจะเคลื่อนตัวออกจากเธอ เขาเดินไปที่หน้าต่างแล้วจุดบุหรี่หลังจากที่วางสาย ทิฟฟานี่ก็ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยพูดพึมพำสั้น ๆ “ฉัน… ฉันไปนอนก่อนนะ”แจ็คสันไม่ตอบอะไรเลย เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเธอ ในความเงียบของเขา เธอก็รีบออกจากห้องราวกับว่าเธอกำลังหนีจากไฟถือเป็นความโชคดีของเธอที่จู่ ๆ แอเรียนก็โทรหา เธอไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากแอเรียนไม่ได้โทรมากลับมาที่คฤหาสน์เทรมอนต์ แอเรียนที่ค่อนข้างกระสับกระส่ายทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาพลางครุ่นคิดกับความเบื่อหน่ายที่ซึมซาบเข้ามาในชีวิตของเธอตั้งแต่ที่เธอตั้งครรภ์และมีลูกชายคนหนึ่ง เธอลังเลที่จะไม่มีงานทำในชีวิต และทุก ๆ วันเธอก็พบว่าตัวเองต้องค้นหาอะไรทำตลอดย้อนกลับไปเมื่อเธอยังมีงานทำ ชีวิตประจำวันของเธอมีอะไรให้ทำเสมอ และเธอก็มีกลุ่มเพื่อนที่ต่างทุ่มเทกับการงานของตัวเอง แล้วตอนนี้ล่ะ? ตอนน
“พวกผู้หญิงอย่างเธอไม่มีเหตุผลเลย” มาร์คบ่น “ผู้หญิงคนอื่น ๆ ทุกคนข้างนอกนั่นต่างใฝ่ฝันที่จะมีชีวิตของเธอ แต่เธอก็ยังต้องการจะใช้ชีวิตเหมือนคนที่ต้องหาเช้ากินค่ำ เธอรู้ไหมว่ามีผู้หญิงที่อยากใช้ชีวิตอย่างสบายแบบนี้โดยไม่ต้องแม้แต่กระดิกนิ้วกี่คน? ฉันเชื่อว่าเธอกำลังมีความคิดพวกนี้เพียงเพราะเธอไม่มีอย่างอื่นในชีวิตให้ต้องกังวล บอกตามตรงนะ ฉันอยากให้เธอใช้เวลาทั้งวันดูแลลูกชายของเราที่บ้านนี่ บางครั้งถ้าเบื้อก็ออกไปช้อปปิ้ง และรอฉันกลับบ้านในช่วงเย็น อันที่จริง ฉันอยากให้เธอทำตัวเหมือนแม่บ้านคนอื่น ๆ ไปร้านเสริมความงามบ่อย ๆ และเป็นผู้อุปถัมภ์ร้านค้าหรูหราแทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับการออกไปทำงาน”แอเรียนหมดความอดทน “แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ฉันไม่เคยต้องการอย่างนั้นเลย! คุณไม่สามารถควบคุมชีวิตฉันหรือจำกัดสิ่งที่ฉันสามารถทำได้เพียงเพราะเราแต่งงานกันนะ! ฉันไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แบบไร้สาระและไม่มีความสุขแบบนี้นะมาร์ค ชีวิตที่คุณอธิบายไปเมื่อกี้เป็นคำจำกัดความของการดำรงอยู่ที่ไม่มีความหมายสำหรับฉัน แน่นอนว่าฉันรู้ว่าเรารวยมาก ฉันรู้ว่าเงินที่คุณหามาได้นั้นเพียงพอที่จะให้เรา
มุมปากของมาร์คสั่นเล็กน้อย หลังจากที่อดทนมานาน ในที่สุดเขาก็ได้รับอนุญาตให้นอนกับผู้หญิงที่เขารักและสนุกกับเธอในตอนกลางคืนโดยไม่ต้องลังเล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการต้องนอนคนเดียวตลอดชีวิตที่เหลือของเขา ในเวลาเดียวกัน เขาก็ขมวดคิ้วกับความคิดที่ว่าแอเรียนจะออกไปทำงานแล้วไม่ใช่ว่าเขาคลั่งไคล้หรือหัวโบราณ เขาแค่ไม่อยากให้คนรักของเขาต้องเสียเหงื่อแม้แต่น้อยก็ได้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่เล็กน้อยก็คือ ข้างนอกนั้นมีจำนวนผู้ชายที่จะตกหลุมรักความงามของเธอมากเกินไป และมาร์คไม่พอใจกับปัจจัยนั้นอย่างมากแอเรียนไม่รู้แม้แต่น้อยว่าความคิดมาร์คไปไกลขนาดนั้น เธอตื่นเต้นมากที่จะได้ยินคำตอบของเขาในวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าเธอมั่นใจมากว่าในที่สุดเขาจะยินยอมตามคำร้องขอของเธอและปล่อยให้เธอได้ไปทำงานจากนั้น ในความมืด เธอก็ได้ยินเสียงของซองพลาสติกที่ถูกฉีกออกความเย็นวูบวิ่งผ่านร่างกายของเธอ “คุณกำลังทำบ้าอะไร?”เขากลิ้งพลางกดทับเธอไว้ใต้ตัวเขา “เธอคิดว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ? ทำไม เธอจะหยุดฉันเหรอ? เอางี้ ถ้าเธอสามารถดูแลทั้งความต้องการของลูกและของฉันได้ งั้นได้ บางทีเธออาจมีความสามารถพ