ทิฟฟานี่ถึงกับอึ้ง “เดี๋ยวก่อนนะ แล้วคุณรู้ได้ยังไง?”เอมี่หันไปมองกระจกและจัดผมของตัวเองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย "คุณเวสต์ตอบสนองเมื่อเธอกำลังจะตกจากเก้าอี้ด้วยปฏิกิริยาที่เหนือมนุษย์ ปฏิกิริยาตอบสนองที่คนเราจะสงวนไว้ให้เฉพาะคนที่มีความสำคัญในใจของเราเท่านั้น ไม่มีใครสามารถพร้อมที่จะช่วยเหลือหญิงสาวในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วขนาดนั้นได้หรอก! นั่นรวมถึงขอเท็จจริงที่ว่าตอนนั้นเขาหันหลังให้เธออยู่! นอกจากนี้เธอยังเป็นคนเดียวในบริษัทที่กล้าตอบเขาด้วยวิธีแบบนั้นด้วย”ความเศร้าโศกที่ขมขื่นผุดขึ้นที่หน้าอกของทิฟฟานี่ “สิ่งที่เราเคยมีล้วนแต่เป็นอดีตไปแล้ว และขอบอกตามตรงว่าฉันไม่เคยต้องการที่จะมาที่นี่ผ่าน 'เส้นสาย' พระเจ้า มันน่าอายมาก แต่ช่างมันเถอะ ฉันคิดว่าฉันซ่อนอยู่ในนี้มานานพอแล้วแหละ ฉันไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป มันค่อนข้างน่าสะอิดสะเอียน”เอมี่ตบไหล่ทิฟฟานี่ราวกับพี่สาวที่ให้กำลังใจน้องสาว “ล้วนแต่เป็นอดีตไปแล้วงั้นเหรอ? งั้นก็ปล่อยมัน ไม่ใช่เธอ ไว้ในอดีต ตอนนี้เธอเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการในสาขาย่อยของบริษัทที่เซาธ์ พาร์กและเขาเป็นหัวหน้าและเจ้านายของเธอ เธอเข้าใจฉันไหม?"ไม่ ทิฟฟาน
เอมี่และทิฟฟานี่มองหน้ากันและส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่กังวลมากจนไม่กล้าเดินเข้าไปในห้องทันทีหลังจากที่พนักงานของแผนกการเงินถูกตะโกนใส่จนจบแล้ว ทุกคนก็ออกมาจากห้องด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ทั้งสองเข้าไปในห้องทำงานตัวเองด้วยความหวาดกลัว พวกเธอแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไรก่อนที่จะเข้าไปและเพ่งเล็งความสนใจไปที่งานของพวกเธอโดยตั้งใจเมินแจ็คสันเพราะความกลัวอย่างชัดเจนทว่าโชคร้ายที่บางครั้งก็ไม่ต้องใช้อะไรเพื่อจุดชนวนของมันเลย ดังนั้น แม้ว่าเอมี่จะยังไม่ทันได้ทำอะไรผิด แจ็คสันก็เอาความโกรธที่เหลือทั้งหมดมาลงที่เธอ“ผมรู้สึกว่าคุณทำงานกับเรามาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอคุณเวลาซเคซ? หื้มมม? คุณรู้หรือไม่ว่าก่อนที่เราจะขยายบริษัทของเรา สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทมาก่อน ปกครองโดยแม่ของผมก่อนที่เขาจะมอบหน้าที่ให้ผม กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ที่นี่เป็นเหมือนสำนักงานใหญ่ที่สองของเรา! ดังนั้นบอกผมทีว่าทำไม 'สำนักงานใหญ่สาขาสอง' ของผมจึงมีปัญหาการเงินอย่างหนักในปีที่แล้ว? ฮะ? และตอนนี้ แค่ดูจากผลงานที่ถูกบันทึกไว้ในช่วงครึ่งปีที่แล้วผมก็เห็นได้แล้วว่าพวกคุณมีปัญหาที่หนักกว่าผลงานอันเลวร้ายของ
แจ็คสันกลับไปนั่งที่หลังโต๊ะและพึมพำ “อืม”เอมี่หายใจถี่จากความตกใจและเดินกลับไปที่ที่นั่งของเธออย่างรีบร้น ตอนนั้นเองที่จู่ ๆ แจ็คสันก็ถามขึ้นว่า “แล้วคุณสองคนจะไปหาของว่างที่ไหนทานกัน? ผมนึกว่าในอาคารนี้มีอาหารขายไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่ได้ทานอาหารเย็นกันล่ะ?”ดูเหมือนว่าเขาจะพูดกับเอมี่ แต่เห็นได้ชัดว่าทิฟฟานี่คือประเด็นหลักของคำถามนั้นเอมี่ครุ่นคิดหาคำตอบของเธอเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ก็ช่วงนี้คุณเลนทำงานหนักมาก ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาที่จะกินอะไร ส่วนของว่างที่ฉันพูดถึงก็คือถนนใกล้ ๆ ที่นี่ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารทะเลข้างทางที่เพิ่งเปิดทำการใหม่ ฉันได้ยินคำชมจากเพื่อนร่วมงานที่เคยไปที่นั่นมาแล้วและฉันก็อยากจะไปลองดูเหมือนกัน คุณสนใจที่จะไปด้วยกันไหมค คุณเวสต์?”ทิฟฟานี่สาบานได้เลยว่าสมองของเอมี่ต้องหยุดทำงานแล้วแน่ ๆ ถึงได้คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดี พวกเธอเฝ้ารอเวลาที่จะได้ออกจากสำนักงานและให้รางวัลตัวเองด้วยการรับประทานอาหารดี ๆ เพื่อผ่อนคลายมาทั้งวันแล้ว แต่แล้วเอมี่ก็กลับเชิญต้นตอของความเครียดของพวกเธอไปด้วยอีก แล้วทีนี้ใครจะสามารถผ่อนคลายได้ล่ะ? แล้วทำไมเอมี่ถึงสงบได้ขนาดนี้? เธอ
มาร์คผู้ยิ่งใหญ่กำลังชดใช้บาปของเขาอย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นครั้งแรกที่แอเรียนได้เห็นเขาแสดงความรู้สึกผิดอย่างใหญ่หลวงต่อความผิดพลาดทั้งหมดในอดีตของเขา เธอรู้สึกเหมือนถูกสะกดให้กอดเขาเธอจ้องไปที่แอริสโตเติลซึ่งยังคงมีพลังหล่นหลามและแนะนำว่า “บางที... เราอาจจะลองส่งแอริสโตเติลให้แมรี่ดูแลก่อนดีไหม? เขายังไม่ง่วง ดังนั้นเขาคงไม่โวยวายหรอก”มาร์คต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของแอเรียน โดยปกติแล้วเขาจะต้องเป็นคนที่คอยบังคับให้เธอยอมเอาก้างขวางคอตัวน้อยนั้นออกไป ทว่าวันนี้มันเป็นโอกาสที่หายากเมื่อเธอเป็นผู้ริเริ่มก่อน แน่นอนว่าเขาจะต้องมีความสุขมาก "เอาสิ เอาเขาไป ฉันจะไปรอในห้องนอน”แอเรียนหน้าแดงขณะที่เธออุ้มแอริสโตเติลออกไป เธอพบแมรี่และพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด เธอยังพยายามที่จะควบคุมการหายใจของเธออย่างยิ่งอีกด้วย “แมรี่ คุณช่วยดูแลสมอร์ก่อนได้ไหม? เดี๋ยวฉันค่อยพาเขาไปนอนด้วยทีหลัง”แมรี่รับแอริสโตเติลเข้าไปในอ้อมแขนของเธอด้วยความยินดี "ได้เลย ไม่ต้องห่วง มารับเขาทีหลังก็ได้ ตอนนี้เขายังไม่ง่วง งั้นฉันจะพาเขาไปเดินเล่นที่สวนสักหน่อยแล้วกันนะ เขาจะป่วยง่ายเกินไปถ้
"เกิดอะไรขึ้น?" แอเรียนถามมาร์คกำโทรศัพท์แน่นขึ้น “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเอริก ฉันรู้มาโดยตลอดเลยว่าปัญหาท้องไส้ของเขาจะจบลงด้วยหายนะ… ฉันต้องไปก่อนนะ”จิตใจของแอเรียนสั่นไหว เธอนึกถึงครั้งแรกที่เธอพบเอริกทันที เขามีนิสัยร่าเริง ยิ้มแย้มอยู่เสมอและเป็นกันเองมาก ๆ และเขาก็ยังดูแพรวพราวเมื่ออยู่กับมาร์คและแจ็คสันอีกด้วย แม้ว่าเขาจะตัดขาดความผูกพันกับครอบครัวและสร้างธุรกิจของตัวเอง แต่เขาก็ยังเปล่งประกายราวกับดวงดาวและทำงานอย่างหนักเพื่อส่องแสงด้วยตัวเขาเอง...ดูจากสีหน้าของมาร์คแล้ว เอริกอาจจะ...“ฉันจะไปกับคุณ! เอริกไม่ใช่แค่เพื่อนของคุณนะ เขาเป็นเพื่อนของฉันด้วย” เธอยืนยันอย่างแน่วแน่คราวนี้มาร์คไม่ได้คัดค้าน เขาเพียงแต่ถามว่า "แล้วถ้าสมอร์ร้องล่ะ? ใครจะไปรู้ว่าเราจะได้กลับบ้านกี่โมง เราอาจจะต้องไปจนเช้า”แอเรียนเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ “สำคัญด้วยเหรอว่าเราจะต้องออกไปนานแค่ไหน? เอริกตัดครอบครัวเขาไปนานแล้ว เราเป็นเพื่อนคนเดียวของเขา ถ้าสมอร์อยากจะร้องก็ปล่อยให้เขาร้องไปทั้งคืนเลย ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะกลับมาก่อนถ้าเขาร้องมากเกินไป ไปกันเถอะ เลิกลีลาได
ที่โรงพยาบาลเมื่อมาร์คและแอเรียนไปถึง เอริกก็อยู่ในระหว่างการผ่าตัดแล้ว ไม่มีใครรออยู่นอกห้องผ่าตัดก่อนที่พวกเขาจะไปถึงเลย มันเป็นภาพที่ทำให้หัวใจสลายได้มากแอเรียนนั่งลงบนม้านั่งยาวในโถงทางเดิน “ใครโทรหาคุณเหรอ? ทำไมไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย?”“ธัญญ่า” มาร์คเหลือบมองเธอจากด้านข้างแอเรียนขมวดคิ้ว “ทำไมถึงเป็นเธอได้? แต่ฉันว่ามันก็สมเหตุสมผลแล้วแหละ… เธอจากไปหลังจากที่โทรหาคุณแล้ว อาจเป็นเพราะเธอไม่ต้องการที่จะเจอเรา”“คอนโดที่หล่อนอาศัยอยู่อยู่ตรงข้ามกับสำนักงานของเอริกพอดี หล่อนคงจะบังเอิญเห็นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา หล่อนจึงมาส่งเขาที่โรงพยาบาลและโทรหาเรา” เขาเดา “แจ็คสันกำลังกลับมาเหมือนกัน”แอเรียนไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีก อย่างน้อยธัญญ่าก็ไม่ได้ชั่วร้ายโดยสิ้นเชิงและยังไม่ได้ลืมความเมตตาที่เอริกเคยมีต่อเธอการผ่าตัดใช้เวลามากกว่าห้าชั่วโมง เมื่อไฟในห้องผ่าตัดดับลง มาร์คก็รีบไปที่ประตูของห้องผ้าตัดและรอให้มันเปิดหน้าผากของหัวหน้าศัลยแพทย์เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเมื่อเขาเดินออกมา “คุณเป็นสมาชิกครอบครัวของผู้ป่วยหรือเปล่าครับ?”มาร์คพยักหน้าอย่างรุนแรง “เขาเป็นอย่าง
เอริกยังคงรู้สึกอ่อนแอมาก เขาใช้เวลาสักครู่ก่อนที่จะสามารถตอบได้ในที่สุด "นายพูดอะไรของนาย? ฉันแค่… รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว พอฉันรู้ตัวว่าฉันเป็นอะไรมันก็ถึงระยะสุดท้ายแล้ว ยังไงก็รักษาไม่ได้อยู่ดี”เสียงของแจ็คสันเริ่มแหบแห้ง “นายหมายความว่ายังไง 'รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว'? ถ้านายรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ แล้วนายจะมีแฟนทำไม? เห็นได้ชัดว่านายยังต้องการที่จะมีชีวิตอยู่…”เอริกหลับตาลงแล้วส่ายหัว “ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบไปหมดก่อนที่เราจะคบกัน และฉันก็เริ่มมีความหวังในอนาคต แต่จริง ๆ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใคร ๆ จะอยากแต่งงานด้วย เธอเหมาะที่จะคบเพื่อสนุกสนานเท่านั้น และเธอก็ห่วงแต่เรื่องหาความสุขให้ตัวเองเท่านั้น เธอยังไม่พร้อมที่จะปักหลักปักฐานกับใคร เรามาจากโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉันสนุกมามากพอแล้ว และตอนนี้ฉันต้องการความมั่นคง แต่เธอกลับเพิ่งได้เริ่มใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน เป้าหมายของเราแตกต่างกันตั้งแต่เริ่มแล้ว ถ้าฉันเดาไม่ผิด เมื่อคืนนี้เธอก็คงจะออกไปดื่มและยังไม่ได้กลับบ้านจนถึงตอนนี้ แต่ไม่เป็นไร ยังไงเราก็จะเลิกกันอยู่แล้ว อีกอย่าง หลังจากที่ขฉันตาย เปลี่
แอเรียนและทิฟฟานี่ทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาไม่ได้รู้มาก่อนว่าเอริกได้โทรหาวิกกี้เป็นคนแรก วิกกี้ปฏิเสธสายของเขาในขณะที่เขากำลังจะตายจริง ๆ ทั้งหมดเพื่อที่เธอจะได้เที่ยวอย่างสนุกสนานต่อไป และตอนนี้เธอยังกล้าที่จะอ้างว่าเธอเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเอริกมากที่สุดอีก!เรื่องที่น่าเยาะเย้ยที่สุดก็คือ ธัญญ่า คนที่วิกกี้เกลียดมากที่สุด เป็นคนที่ช่วยชีวิตเอริกไว้ได้ในขณะนั้นวิกกี้สูญเสียการควบคุมรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ แต่เธอก็ยังยืนกราน "คุณกำลังพูดอะไร? คุณรู้สึกสับสนเหรอ? คุณกำลังเข้าใจฉันผิดนะ ฉันไม่ได้ทำทั้งหมดเพื่อมรดกของคุณ! ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณโทรหาฉันเมื่อคืนนี้ ฉันไปเข้าห้องน้ำและเพื่อนฉันก็เป็นคนปฏิเสธสายคุณ เธอไม่ได้บอกฉันด้วยซ้ำ ฉันเพิ่งตระหนักเมื่อเช้านี้ตอนที่ฉันไม่สามารถโทรหาคุณได้และเห็นว่าคุณอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อฉันตรวจสอบตำแหน่งของคุณ ฉันถามพยาบาลที่ชั้นล่างเมื่อฉันมาถึง… และพบวอร์ดของคุณ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะละเลยคุณจริง ๆ ได้โปรดอย่าคิดกับฉันแบบนั้นเลย ฉันจะอยู่กับคุณตลอดทุกวันที่เหลือของคุณ ได้โปรด… ให้ฉันได้อยู่กับคุณนะ…”ทิฟฟานี่สามารถบอกได้ว่าเอริกไม่มีแรงพอที่จะจัดการกับวิก