ที่โรงพยาบาลเมื่อมาร์คและแอเรียนไปถึง เอริกก็อยู่ในระหว่างการผ่าตัดแล้ว ไม่มีใครรออยู่นอกห้องผ่าตัดก่อนที่พวกเขาจะไปถึงเลย มันเป็นภาพที่ทำให้หัวใจสลายได้มากแอเรียนนั่งลงบนม้านั่งยาวในโถงทางเดิน “ใครโทรหาคุณเหรอ? ทำไมไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย?”“ธัญญ่า” มาร์คเหลือบมองเธอจากด้านข้างแอเรียนขมวดคิ้ว “ทำไมถึงเป็นเธอได้? แต่ฉันว่ามันก็สมเหตุสมผลแล้วแหละ… เธอจากไปหลังจากที่โทรหาคุณแล้ว อาจเป็นเพราะเธอไม่ต้องการที่จะเจอเรา”“คอนโดที่หล่อนอาศัยอยู่อยู่ตรงข้ามกับสำนักงานของเอริกพอดี หล่อนคงจะบังเอิญเห็นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา หล่อนจึงมาส่งเขาที่โรงพยาบาลและโทรหาเรา” เขาเดา “แจ็คสันกำลังกลับมาเหมือนกัน”แอเรียนไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีก อย่างน้อยธัญญ่าก็ไม่ได้ชั่วร้ายโดยสิ้นเชิงและยังไม่ได้ลืมความเมตตาที่เอริกเคยมีต่อเธอการผ่าตัดใช้เวลามากกว่าห้าชั่วโมง เมื่อไฟในห้องผ่าตัดดับลง มาร์คก็รีบไปที่ประตูของห้องผ้าตัดและรอให้มันเปิดหน้าผากของหัวหน้าศัลยแพทย์เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเมื่อเขาเดินออกมา “คุณเป็นสมาชิกครอบครัวของผู้ป่วยหรือเปล่าครับ?”มาร์คพยักหน้าอย่างรุนแรง “เขาเป็นอย่าง
เอริกยังคงรู้สึกอ่อนแอมาก เขาใช้เวลาสักครู่ก่อนที่จะสามารถตอบได้ในที่สุด "นายพูดอะไรของนาย? ฉันแค่… รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว พอฉันรู้ตัวว่าฉันเป็นอะไรมันก็ถึงระยะสุดท้ายแล้ว ยังไงก็รักษาไม่ได้อยู่ดี”เสียงของแจ็คสันเริ่มแหบแห้ง “นายหมายความว่ายังไง 'รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว'? ถ้านายรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ แล้วนายจะมีแฟนทำไม? เห็นได้ชัดว่านายยังต้องการที่จะมีชีวิตอยู่…”เอริกหลับตาลงแล้วส่ายหัว “ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบไปหมดก่อนที่เราจะคบกัน และฉันก็เริ่มมีความหวังในอนาคต แต่จริง ๆ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใคร ๆ จะอยากแต่งงานด้วย เธอเหมาะที่จะคบเพื่อสนุกสนานเท่านั้น และเธอก็ห่วงแต่เรื่องหาความสุขให้ตัวเองเท่านั้น เธอยังไม่พร้อมที่จะปักหลักปักฐานกับใคร เรามาจากโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉันสนุกมามากพอแล้ว และตอนนี้ฉันต้องการความมั่นคง แต่เธอกลับเพิ่งได้เริ่มใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน เป้าหมายของเราแตกต่างกันตั้งแต่เริ่มแล้ว ถ้าฉันเดาไม่ผิด เมื่อคืนนี้เธอก็คงจะออกไปดื่มและยังไม่ได้กลับบ้านจนถึงตอนนี้ แต่ไม่เป็นไร ยังไงเราก็จะเลิกกันอยู่แล้ว อีกอย่าง หลังจากที่ขฉันตาย เปลี่
แอเรียนและทิฟฟานี่ทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาไม่ได้รู้มาก่อนว่าเอริกได้โทรหาวิกกี้เป็นคนแรก วิกกี้ปฏิเสธสายของเขาในขณะที่เขากำลังจะตายจริง ๆ ทั้งหมดเพื่อที่เธอจะได้เที่ยวอย่างสนุกสนานต่อไป และตอนนี้เธอยังกล้าที่จะอ้างว่าเธอเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเอริกมากที่สุดอีก!เรื่องที่น่าเยาะเย้ยที่สุดก็คือ ธัญญ่า คนที่วิกกี้เกลียดมากที่สุด เป็นคนที่ช่วยชีวิตเอริกไว้ได้ในขณะนั้นวิกกี้สูญเสียการควบคุมรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ แต่เธอก็ยังยืนกราน "คุณกำลังพูดอะไร? คุณรู้สึกสับสนเหรอ? คุณกำลังเข้าใจฉันผิดนะ ฉันไม่ได้ทำทั้งหมดเพื่อมรดกของคุณ! ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณโทรหาฉันเมื่อคืนนี้ ฉันไปเข้าห้องน้ำและเพื่อนฉันก็เป็นคนปฏิเสธสายคุณ เธอไม่ได้บอกฉันด้วยซ้ำ ฉันเพิ่งตระหนักเมื่อเช้านี้ตอนที่ฉันไม่สามารถโทรหาคุณได้และเห็นว่าคุณอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อฉันตรวจสอบตำแหน่งของคุณ ฉันถามพยาบาลที่ชั้นล่างเมื่อฉันมาถึง… และพบวอร์ดของคุณ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะละเลยคุณจริง ๆ ได้โปรดอย่าคิดกับฉันแบบนั้นเลย ฉันจะอยู่กับคุณตลอดทุกวันที่เหลือของคุณ ได้โปรด… ให้ฉันได้อยู่กับคุณนะ…”ทิฟฟานี่สามารถบอกได้ว่าเอริกไม่มีแรงพอที่จะจัดการกับวิก
สีหน้าของแอเรียนแข็งกระด้าง เธอยกมือขึ้นและตบหน้าวิกกี้อย่างแรง การอบรมเลี้ยงดูของแอเรียนขัดขวางไม่ให้เธอพูดจาหยาบคาย ดังนั้นการตบครั้งนี้จึงเป็นการแสดงออกของอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของเธอ "ไปซะ"วิกกี้กัดฟันแต่กลัวเกินกว่าที่จะทำอะไรแอเรียน ดังนั้นเธอจึงจากไปด้วยความโกรธแอเรียนได้ใช้กำลังมากในการตบนั้นเพราะเธอโกรธจัดจริง ๆ จนมือของเธอยังคงเจ็บและชาอยู่เมื่อเธอกลับเข้าไปในวอร์ด มาร์คดึงเธอออกมาข้าง ๆ “เดี๋ยวพวกเราดูแลเอริกต่อเอง เธอควรกลับบ้านได้แล้ว สมอร์จะทนได้ไม่นานนักถ้าเธอหายไปนะ”แอเรียนที่เห็นว่าทิฟฟานี่เหนื่อยแค่ไหนจึงได้ลากเธอกลับไปด้วย “ไปกันเถอะ กลับบ้านกับฉันดีกว่า เราจะกลับมาที่นี่หลังจากที่เราตื่นแล้ว ฉันต้องกลับบ้านไปดูลูกก่อน”ทิฟฟานี่รู้ว่าแจ็คสันและมาร์คคงจะไม่ไปไหนและจะยังมีคนคอยดูแลเอริกอยู่ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรและเพียงสั่งอาหารให้พวกเขาก่อนที่จะกลับไปที่คฤหาสนเทรมอนต์กับแอเรียนวันนั้นเป็นวันที่สดใสและมีแดดจ้าเมื่อพวกเธอออกจากโรงพยาบาล และเมื่อพวกเธอตื่นจากการงีบหลับ พระอาทิตย์ก็ยังคงสว่างอยู่บนท้องฟ้า วันนี้รู้สึกจะเป็นวันที่ยาวนานกว่าปกติ แต่พวกเขาก็ยังหวังว่ามันจะ
ความรู้สึกของธัญญ่าที่มีต่อเอริกไม่สามารถอธิบายได้ ตอนแรกเธอคิดว่ามันคือความรัก ต่อมา เธอก็ตระหนักว่ามันแตกต่างออกไปจากสิ่งที่เธอรู้สึกต่อแจ็คสันโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เธอเชื่อว่าเอริกคงเหมือนพี่ชายสำหรับเธอ เหมือนคนในครอบครัว ตอนนั้นเธอต้องการที่จะอยู่ที่โรงพยาบาล แต่เธอกลัวว่าเธอจะต้องเจอแอเรียนและคนอื่น ๆ เธอยังคงรู้สึกผิดมากกับสิ่งที่เธอทำไปขณะที่เธอเริ่มกระสับกระส่าย เธอก็ได้ยินเสียงกุญแจหมุนที่ลูกบิดประตู มีเพียงเจตต์เท่านั้นที่มีกุญแจของห้องเธอเจตต์ได้บอกว่าเขาต้องเดินทางไปที่เซาธ์ พาร์กกับอเลฮานโดรและว่าเขาอาจจะต้องอยู่ที่นั่นประมาณหนึ่งสัปดาห์ เธอจึงประหลาดใจที่เขากลับมาเร็วขนาดนี้ เธอลุกขึ้น "กินข้าวหรือยังคะ?" เธอถาม “ฉัน… ฉันไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาเร็วขนาดนี้ ฉันเลยไม่ทันได้มีเวลาทำอาหาร”“ไม่ต้องห่วงฉัน” เจตต์ตอบเรียบ ๆ “เธอจะออกไปข้างนอกเหรอ?”ตอนนั้นเองที่ธัญญ่ารู้สึกตัวว่าเธอกำลังถือโทรศัพท์และกุญแจอยู่ราวกับว่าเธอพร้อมที่จะออกไปข้างนอก เธอชะงักและตัดสินใจที่จะซื่อสัตย์ “ฉันกำลังจะไปที่โรงพยาบาล เอริกกำลังรักษาตัวอยู่ที่นั่น ฉันพบเขาหมดสติอยู่บนพื้นหลังจากที่ไอเป็นเลื
คำพูดของทิฟฟานี่ก้องอยู่ในหัวของธัญญ่า เอริกกำลังจะตาย...เธอจ้องไปที่ผนังสีขาวนอกโรงพยาบาล เธอไม่ได้ต้องการที่จะออกมาแบบนี้ แต่เธอไม่สามารถหาเหตุผลที่จะกลับเข้าไปข้างในได้ ท่ามกลางความลังเลของเธอ เธอก็สังเกตเห็น BYD สีดำข้างถนน กระจกของรถถูกเลื่อนลงและเผยให้เห็นเจตต์ที่สวมแว่นตาและพยักหน้ามาทางเธอเธอมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครที่รู้จักเธออยู่ใกล้ ๆ แล้วจึงขึ้นรถ "คุณมาทำอะไรที่นี่?"เจตต์สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ "ฉันกังวลไง ฉันต้องกลับไปหาอเลฮานโดรแต่ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อน”ธัญญ่ากัดริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้เข้าไปในวอร์ดเลยเพราะฉันเจอกับทิฟฟานี่ก่อน ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”เจตต์ไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแต่โยนถุงพลาสติกจากโรงพยาบาลมาให้เธอ ในนั้นมีขวดยาเล็ก ๆ อยู่สองขวด เธอหยิบขวดเหล่านั้นออกมาแล้วพบว่ามันคือวิตามินบี 9 “นี่… ให้ฉันเหรอ?”เจตต์พยักหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรที่อบอุ่น แต่มันก็ยังทำให้ธัญญ่ารู้สึกซึ้งใจได้อยู่ดี ความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะสามีและภรรยานั้นปลอม แต่ทารกในครรภ์ของเธอนั้นเป็นเรื่องจริง เห็นได้ชัดว่า
ชีวิตก็ตลกแบบนั้นแหละ คุณจะหวังแล้วหวังอีกให้สิ่งใดเกิดขึ้น แต่มันก็จะไม่เกิดขึ้นเลย จากนั้นเมื่อคุณไม่ได้คาดหวังมันแล้ว มันก็จะเกิดขึ้นเองดั่งอุบัติเหตุแจ็คสันที่สังเกตเห็นทิฟฟานี่จ้องเขาจึงหันหน้ามาด้านข้างเพื่อมองเธอ “มองผมทำไม? มีอะไรติดอยู่บนหน้าผมเหรอ?”ทิฟฟานี่รีบหันหน้าหนีทันที “เปล่า ฉันดูทิวทัศน์ต่างหาก อย่าไร้สาระเลย”แจ็คสันไม่มีอารมณ์ที่จะล้อเล่นกับเธอ เขาเพียงแต่ส่งเธอลงที่ชั้นล่างของคอนโดเธอ "ถึงแล้ว"เธอเปิดประตูแล้วลงจากรถก่อนที่จะหยุดอย่างกะทันหัน “ถ้าฉันบอกคุณว่าฉันเป็นคนที่ท้องและไม่ใช่ธัญญ่า คุณจะรับผิดชอบไหม?”แจ็คสันจ้องเธอราวกับว่าเขาคิดไม่ออกแล้วพูดว่า “ถ้าคุณท้องได้จริง ๆ ผมก็อยากจะเห็นคุณท้องนะ แม้แต่ไก่ก็ยังสามารถวางไข่ได้แล้วหลังจากที่ดูแลมันมานานขนาดนั้น”มุมปากของทิฟฟานี่กระตุก “ฉัน… ไม่น่าเสียใจเวลาถามคุณเลย ก็ได้ ก็ได้ กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ ขับรถดี ๆ ล่ะ”เธอยิ้มเมื่อมองดูรถของเขาหายไปสุดสายตา จากนั้นเธอก็เดินเตร่เข้าไปในคอนโดของเธออย่างมีความสุข ชีวิตช่างเหมือนกับส่วนสนุก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงลิเลียนเห็นเธอฮัมเพลงเมื่อเธอเข้าไ
แอริสโตเติลจ้องไปทางเอริกขณะที่เขาดูดนิ้วและน้ำลายไหล ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเป็นภาพของความไร้เดียงสาและบริษุทธิ์โดยไม่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศที่หม่นหมอนจากความเจ็บป่วยในวอร์ดโดยสิ้นเชิงเอริกยิ้มให้แอริสโตเติล “น่ารักจังเลย… น่าเสียดายที่ผมจะไม่มีวันมีลูก และผมจะไม่มีวันได้เห็นเขาเติบโตด้วย”แอเรียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เธอรู้สึกว่าดวงตาของเธอเริ่มก่อน้ำตา “อย่าพูดแบบนั้น ถ้าเกิดว่าปาฏิหาริย์มีจริงล่ะ? คุณดูปกติสำหรับฉันนะ คุณจะต้องหายดี คุณต้องมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น”เอริกถอดหน้ากากออกซิเจนออกและหยุดชั่วคราว “ผมดูเหมือนคนที่มองโลกในแง่ร้ายงั้นเหรอ? พวกคุณทุกคนเศร้ากว่าผมอีก ซึ่งไม่จำเป็นเลยจริง ๆ ผมคิดว่าผมดีขึ้นแล้วแหละ การสวมสิ่งนี้ทำให้การหายใจรู้สึกแปลก ๆ ผมจะไม่ตายตอนนี้หรอก แล้วทำไมผมยังต้องใส่มันไว้ด้วยล่ะ?”มาร์คบังคับใส่หน้ากากออกซิเจนกลับคืนให้เขา "นายบ้าไปแล้วเหรอ? ถ้าหมอบอกให้นายใส่นายก็ต้องใส่ จะถอดทำไมล่?”เอริกกลอกตาใส่มาร์คอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ ฉันจะใส่ไว้ โอเคไหม? ฉันคิดว่าฉันน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ในวันมะรืนนี้ แผลของฉันไม่ได้เจ็บมากแล้ว ฉั