ทุก ๆ เช้าหากฉัตรนลินทร์กลับมานอนที่บ้าน ก่อนออกไปมหาวิทยาลัยฉัตรนลินทร์ก็ไม่ลืมสั่งกิ่งกาญจน์ให้ขึ้นไปปลุกศิวัฒน์เพื่อไปทำงาน เพราะตั้งแต่เกวลินย้ายเข้ามาพวกเขาก็มักจะพากันออกไปเที่ยวแล้วกลับมาดึก ๆ เกือบทุกคืนทำให้ศิวัฒน์ตื่นสาย
ที่เธอต้องทำแบบนี้เพื่อไม่ให้ศศิณีทราบว่าเธอกับศิวัฒน์ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะศศิณีจะสั่งให้เลขาของศิวัฒน์ส่งตารางงานและการประชุมของศิวัฒน์ให้เธอ เพื่อให้เธอช่วยเตือนเขา
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คุณไตร คุณไตรคะ” กิ่งกาญจน์เรียกอยู่หลายรอบแล้วแต่ไม่มีเสียงตอบรับ “คุณไตรคะ”
แกร็ก!!
“เรียกทำไมแต่เช้าครับ”
“วันนี้คุณไตรมีประชุมตอนเก้าโมงนะคะ คุณฉัตรเลยฝากให้ป้าปลุกคุณ”
ศิวัฒน์ขมวดคิ้ว เกิดคำถามขึ้นในหัวเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แสดงว่าทุกครั้งที่กิ่งกาญจน์มาปลุกเพราะฉัตรนลินทร์สั่งไว้อย่างนั้นเหรอ แล้วเธอจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
“ป้าเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้วนะคะ พอดีคุณฉัตรตื่นมาช่วยทำเลยเสร็จไว วันนี้ป้าไม่ค่อยสบายค่ะ”
“ครับเดี๋ยวผมลงไป”
ศิวัฒน์เดินกลับไปยืนอยู่ข้างเตียง มองร่างของหญิงสาวที่กำลังหลับสนิท ย้อนคิดไปหากเธอคนนี้ตื่นเช้ามาปลุกเขาไปทำงานทุก ๆ เช้าก็คงดี แต่แล้วก็ต้องสะบัดหน้าเพื่อไล่ความคิด เขากำลังคิดอะไร? ปกติเกวลินก็ไม่เคยทำ และเขาก็ไม่เคยว่าอะไร เธอก็เป็นของเธอแบบนี้ แล้วตอนนี้จะมาอยากให้เธอเป็นแบบที่เขาคิดเพื่ออะไร?
เพียงแวบหนึ่งที่ภาพของหญิงสาวอีกคนมาทับซ้อน ความเป็นเอกลักษณ์ของเธอ การแต่งกาย คำพูด และท่าทางต่าง ๆ รวมไปถึงทัศนคติ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนเป็นแบบนี้
20.15 น.
รถเก๋งเข้ามาจอดตรงหน้าบ้าน แต่กลับไม่ใช่รถของคนในบ้าน ชายหนุ่มรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้ผู้โดยสาร ก่อนจะเปิดประตูฝั่งด้านหลังเพื่อหยิบของแล้วส่งให้เธอ
ภาพทั้งหมดตกอยู่ในสายตาเจ้าของบ้านอีกคนที่เขากลับมาถึงตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว เพราะไม่เคยสนใจ หากเขาไม่ลองถามกิ่งกาญจน์เขาก็ไม่รู้ว่าปกติเธอกลับบ้านดึกแบบนี้ และบางคืนเธอก็ไม่กลับ
“มองอะไรคะ” หญิงสาวนั่งมองคนรักที่กำลังยืนมองออกไปทางหน้าต่างสักพักแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปโอบเอวของเขา
“เปล่า” เขาแกะมือของเธอออก “เดี๋ยวพี่มานะ”
“จะไปไหนคะ”
“ไปคุยกับป้ากิ่งหน่อย พอดีเมื่อตอนเช้าแกบอกมีเรื่องจะคุยกับพี่แต่พี่รีบไปประชุมเลยไม่ได้คุย”
“อ๋อ ค่ะ”
พูดจบศิวัฒน์ก็เดินออกจากห้องไป เขาตั้งใจออกมาดักรอหญิงสาวที่เขายืนมองก่อนหน้านี้ และเป็นจังหวะเดียวกับกับที่เธอกำลังเดินผ่านหน้าห้องของเขาพอดี เขาเลยรีบปิดประตูห้องแล้วคว้าแขนของเธอไว้
“ปล่อยนะ” ฉัตรนลินทร์สะบัดแขนทันที
“ผัวจับไม่ได้เลยนะ”
“คุณอย่ามาพูดบ้า ๆ แบบนี้นะ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ต้องเป็นใช่มั้ยถึงจะพูดได้”
“ฉันไม่อยากเถียงกับคุณ” เธอเดินไปไขกุญแจห้องโดยไม่สนใจว่าเขาจะเดินตามมาหรือเปล่า
แกร็ก!!
ปัง!!
ร่างบางถูกดันขึ้นเข้าไปในห้องโดยมีร่างหนาตามเข้าไปด้วยแล้วประตูก็ถูกปิดลงทันที
“ออกไปนะ!” เธอหันมาไล่เขา
“ไม่ออก” เขาไม่สนใจแต่กลับเดินเข้าหาเธอ “ใครมาส่ง”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“ฉันถามว่าใครมาส่ง!” เขาถามย้ำ
“ใครจะมาส่ง ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณ” เธอเชิดหน้าใส่เขาโดยไม่มีทีท่าว่าจะกลัว
“ฉันถามเธออีกครั้ง” เขาเอามือบีบคางของเธอ
“ปล่อยฉัน แล้วออกไป...อื้อ” คำโวยวายมากมายที่คิดไว้ถูกกลืนลงไปเมื่อเธอโดนปากหนาของเขาบดจูบอย่างหนักหน่วง เธอปล่อยให้ของในมือหล่นกระจัดกระจาย แล้วใช้มือสองข้างผลักเขาออกห่างจากตัว แต่ไม่เป็นผล ยิ่งเธอดิ้นมากเท่าไหร่ เขายิ่งกอดรัดเธอแน่นขึ้น
“อื้อ...”
เขายังไม่ปล่อยให้ปากของเธอเป็นอิสระ จนในที่สุดเธอหมดแรงจะดิ้น และกำลังคล้อยตามรสจูบที่เขามอบให้ ลิ้นสากที่ถูกส่งเข้าไปลิ้มรสความหอมหวานจากปากสีกุหลาบกำลังชักนำเธอ สองแขนเรียวยกขึ้นคล้องคอของเขาไว้อย่างลืมตัวจนเจ้าของร่างหนาแอบยิ้มมุมปาก เขาหรี่ตามองใบหน้านวลที่กำลังหลับตาพริ้มและเคลิบเคลิ้มไปกับเขา
“พี่ไตร”
เสียงใครคนหนึ่งทำให้ฉัตรนลินทร์ได้สติ เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคนตรงหน้าเอาแต่ดูดปากของเธอโดยไม่สนใจเสียงเรียกนั้น
“อื้อ...” เธอพยายามผลักเขาอีกครั้ง
“พี่ไตรอยู่ไหนคะ” หญิงสาวที่อยู่ด้านนอกยังร้องเรียก เพราะเธอเห็นว่าศิวัฒน์ออกมาจากห้องสักพักใหญ่แล้วแต่ยังไม่กลับเข้าห้องไป
“อ๊ะ...” ตาคู่สวยสองข้างเบิกกว้างอีกครั้ง เมื่อรับรู้ได้ว่านิ้วเรียวยาวที่ลูบไล้อยู่ตรงแผ่นหลังของเธอได้ปลดตะขอบลาออกไปแล้ว
“พี่ไตรอยู่ในห้องนั้นหรือเปล่าคะ”
คราวนี้ฉัตรนลินทร์รีบเอามือตีไปที่ไหล่ของศิวัฒน์ เพื่อให้เขารีบปล่อยเธอ เพราะเธอไม่มีโอกาสได้พูดมือหนาของเขาจับท้ายทอยของเธอไว้จนเธอไม่สามารถหันหน้าหนีเขาได้
แกร็ก!
สิ่งที่เธอกลัวก็เกิดขึ้น เมื่อคนด้านนอกเปิดประตูเข้ามา แต่ยังโชคดีที่เธอยังไม่ได้เปิดไฟในห้อง ทำให้ห้องนอนของเธอมืดสนิท และตอนนี้เธอถูกศิวัฒน์กอดไว้แนบอกของเขาหลังจากที่เขาลากเธอมาในห้องแต่งตัว
“พี่ไตร...ไปไหนนะ”
เมื่อเห็นว่าห้องมืดเธอก็หยุดยืนอยู่แค่ประตูห้อง โดยใช้สายตาสำรวจไปทั่ว จนสายตาไปหยุดอยู่ตรงพื้นห้องที่เหมือนมีอะไรตกอยู่เต็มไปหมด แต่เมื่อเห็นว่าห้องเงียบสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่เธอเลยไม่สนใจของพวกนั้น เพียงไม่นานเธอก็ออกจากห้องไป
“ออกไปเลยนะ” ฉัตรนลินทร์ผละจากอกของศิวัฒน์ทันที แต่เธอไม่ได้พูดเสียงดัง
“ทำไม กลัวอะไร”
“ทำอย่างกับคุณไม่กลัว” เธอย้อนเขา “ทำไมไม่จูบฉันโชว์เธอไปเลยล่ะ”
“ได้เหรอ”
“คุณมันบ้าไปแล้ว” เธอผลักหน้าเขาออกไป
“ตอบฉันมาใครมาส่ง แล้วรถของเธอไปไหน”
“ฉันว่าคุณอย่ามาใส่ใจเรื่องฉันเลย กลับไปดูแฟนคุณโน่น”
“...” เขาไม่ได้พูดอะไรแต่กลับเดินเข้าหาเธอเรื่อย ๆ
“อย่าเข้ามานะ” ฉัตรนลินทร์ก้าวถอยหลัง “รถฉันเสีย เลยให้รุ่นพี่ที่มหาลัยมาส่ง”
“รุ่นพี่ผู้ชาย”
“ก็ใช่ไง ผู้ชาย”
“หึ เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอว่าเป็นแค่ผู้ชาย ดึกดื่นแบบนี้เพิ่งมาส่งกัน”
“ก็แล้วแต่คุณจะคิดนะ ฉันไม่ได้ซีเรียส” เธอไม่สนใจคำพูดของเขา แค่รู้สึกแปลก ๆ เพราะอาการของคนตรงหน้าเหมือนกำลังหึงเธอ
หมับ!!
ขณะที่ฉัตรนลินทร์หมุนตัวเพื่อจะไปเปิดไฟ เธอก็โดนศิวัฒน์รวบตัวไว้จากด้านหลังอีกครั้ง
“ปล่อยนะ ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันจะกรี๊ด คราวนี้แฟนคุณจะได้รู้ว่าคุณอยู่ในห้องของฉัน” เธอขู่
“ก็ลองสิ เธอคงจะฉลาดพอที่จะรู้ว่าแค่เธออ้าปากเธอจะโดนอะไร” เขากระซิบข้างหูจนฉัตรนลินทร์รีบเอามือสองข้างปิดปากของตัวเอง
แม้รู้ว่าเกวลินตามหา แต่ไม่รู้ทำไมเขายังไม่อยากกลับห้อง เขายังอยากแกล้งผู้หญิงคนนี้ อยากปราบพยศเธอที่เอาแต่อวดดีกับเขา
“อื้อ...เอาหน้าออกไปจากหูของฉันนะ” เธอเอียงหน้าหนี
“หึ...กรี๊ดสิ”
“อื้อ” เธอสะบัดหน้าทั้งที่มือยังอุดปาก
ฟอด!!
“จำไว้ว่าอย่ามาอวดเก่งกับฉันอีก” เขาขยับหน้าเข้าไปหอมแก้มของเธอจนเต็มแรง
พูดจบศิวัฒน์ก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้หญิงสาวทะเลาะกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ เธอทั้งโกรธ ทั้งตกใจ และยิ่งไปกว่านั้นหัวใจที่สั่นระรัวนี้หมายความว่าไง?
“อ๊ะ...ไตร”
กลางดึกของคืนเดียวกันฉัตรนลินทร์รู้สึกตัวตื่น เธอเลยลงไปหาน้ำดื่ม ขณะเดินกลับขึ้นมาผ่านหน้าห้องนอนของศิวัฒน์ฉัตรนลินทร์ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ เธอหยุดเดินเพื่อฟังให้แน่ใจ
“อ่า...แรงอีก”
“ทุเรศ” เธอพูดขึ้นมาคำหนึ่งก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเองไป ไม่คิดว่าชีวิตของเธอต้องมาเจอเรื่องบ้า ๆ อะไรแบบนี้ อุตส่าห์เลี่ยงไม่ให้เจอกันแล้ว ยังจะต้องมารับรู้เรื่องทุเรศแบบนี้อีก
สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน ไรท์นามปากกา dexnarak เองนะคะ ฝากทุกคนเอ็นดูนิยายของไรท์ด้วยนะ
ณ.บริษัท ภายในห้องทำงานของผู้บริหารมีชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งจิบกาแฟและพูดคุยกัน เนื่องจากขณะที่ศิวัฒน์นั่งทำงานอยู่ได้มีสายเข้าจากเพื่อนสนิทว่าจะแวะเข้ามาเยี่ยมเยียน เขาเลยแจ้งให้เลขาเตรียมของว่างเพื่อรับแขกไว้“ไอ้ไตร”“หือ” ศิวัฒน์ขานรับในลำคอ“มึงไปงานแต่งไอ้วินมั้ยวะ”“อาจจะ” เขาตอบอย่างไม่แน่ใจนัก การ์ดเชิญที่ได้ก็ยังวางอยู่บนโต๊ะทำงาน ยังไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน“หมายความว่าไง”“กลับไปถามเมียก่อน”“อยู่ในโอวาสดีจังเลยนะมึง” เพื่อนของเขาเอ่ยแซว“เออสิ...กูมันคนรักครอบครัว” ก็ยังคงเป็นศิวัฒน์ที่ไม่เคยปฏิเสธหากใครจะแซวว่าทั้งรักทั้งหลงเมีย“กูจะอ้วก”“ไปอ้วกที่อื่น”“คนนี้มีดีอะไรวะ”รู้จักกันมาก็นานพอสมควร ไม่เคยเห็นเพื่อนของตัวเองมีอาการคลั่งรักแบบนี้ จึงทำให้สงสัยว่าหญิงสาวที่เพื่อนของเขาเปิดใจยอมรับว่าเป็นภรรยาได้เต็มปากเป็นผู้หญิงแบบไหน“มีลูกให้กู”“คนอื่นก็มีได้มั้ย” ยิ่งฟังเขายิ่งงง เพราะตุผลที่ศิวัฒน์พูดมาก็เป็นคุณสมบัติทั่วไปที่ทุกคนมี“แต่ต้องเป็นคนนี้เท่านั้น”ประมาณว่าล็อคมงไว้แล้ว จะกี่เหตุผลสำหรับศิวัฒน์คน ๆ นั้นต้องเป็นฉัตรนลินทร์เท่านั้น“อืม...น่าคิด”“อะไร”“ผู้ชายแบ
ปิดเทอมใหญ่ของฉัตรนลินทร์ เธอบอกศิวัฒน์ว่าขอพาลูกกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่บ้าน โดยตกลงกันว่าศิวัฒน์จะตามไปหลังจากที่เคลียร์งานที่บริษัทเสร็จเรียบร้อยแต่แล้วคืนก่อนที่ฉัตรนลินทร์จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ศิวัฒน์ก็ยังไม่กลับบ้าน เธอแปลกใจจึงลองโทรหา แต่ก็ไม่มีคนรับสาย จนผ่านไปเกือบสี่ทุ่มด้วยความร้อนใจเธอจึงลองโทรหาเขาอีกครั้ง แต่กลายเป็นเสียงของผู้หญิงที่รับโทรศัพท์ของศิวัฒน์หัวใจดวงน้อย ๆ ตกลงไปอยู่บนตาตุ่มทันที เธอไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วรีบตัดสายไป ไม่เคยทำใจกับเรื่องนี้ ตั้งแต่เปิดใจคุยกัน ศิวัฒน์ก็ไม่เคยแสดงท่าทีแปลก ๆ ให้เธอเห็น เธอเลยไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องนี้ แต่วันนี้กลับมีผู้หญิงรับสายโทรศัพท์ของเขา จนเธออดคิดไม่ได้ว่าเขาจะนอกใจของเธอด้านศิวัฒน์หลังจากที่เขานั่งเคลียร์งานอยู่จนลืมดูว่าตอนนี้เวลาก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว เขาเดินออกไปดูลูกน้องที่กำลังซ่อมเครื่องจักรที่เกิดขัดข้องเมื่อสองวันก่อน เขาเลยถือโอกาสตรงนี้เคลียร์งานของเขาให้เสร็จ“คุณไตรคะ” ทันทีที่ศิวัฒน์กลับเข้ามาเลขาสาวที่นั่งอยู่หน้าห้องก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเรียกชื่อเขาไว้“ว่าไงครับ”“เมื่อกี้มีสายเข้าค่ะ ดิฉันเอาเอกสารเ
ทันทีที่ประตูเปิดออกศิวัฒน์ก็จับให้ฉัตรนลินทร์หันมาเผชิญหน้ากับเขา แล้วเขาก็บดเบียดริมฝีปากลงไปบนกลีบปากสีสวยทันที แม้จะตกใจแต่ฉัตรนลินทร์ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว เหมือนกับว่าเธอรู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสนี้ไปแล้ว แม้จะต่อต้านสุดท้ายร่างกายของเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้เขาอยู่ดี สู้ทำตามหัวใจของตัวเองไปเลยดีกว่าศิวัฒน์หรี่ตามองคนที่กำลังยกมือสองข้างคล้องคอของเขาให้ชัดว่าหญิงสาวตรงหน้าใช่คนที่เขารอจริง ๆ หรือเปล่า เขาไม่ได้ฝันไปเธอคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าและกำลังเชิดหน้ารับจูบของเขาพรึ่บ!!“คุณไม่ได้เมาเหรอ” ทันทีที่ถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอยฉัตรนลินทร์ก็เอ่ยปากถาม“ผมพูดตอนไหนว่าเมา...จุ๊บ”“ปล่อยฉันลงนะ”“บอกผมก่อนว่าคุณหายไปไหนมา” เขาจ้องหน้าเธอเพื่อขอคำตอบ“คุณจะอยากรู้ไปทำไม”“ผมมาหาคุณที่นี่ แต่ไม่เคยเจอ”“ดูเหมือนว่าคุณจะว่างนะคะ” เธอประชด เพราะคิดว่าศิวัฒน์คงเฝ้าเกวลินจนไม่มีเวลาไปไหน“บอกมาสิว่าไปไหนมา” เขาถามย้ำอีกครั้ง“ไปสัมนาที่ต่างจังหวัดมา” ฉัตรนลินทร์ตัดสินใจบอกไปตรง ๆ เพราะตอนนี้เธอก็กลับมาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังเขาร่างบางถูกวางลงบนที่นอนอย่างเบามือ ก่อนที่เขาจะตามลงไปทาบทับ นิ้วเรียวยาว
สถานบันเทิงอันเป็นที่นิยมของผู้คนในช่วงเลิกงาน หนุ่มสาวมักใช้เป็นสถานที่ผ่อนคลายหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน แต่หากจะพูดไปแม้จะเหนื่อยกายเท่าไหร่ ร่างกายก็ไม่อ่อนล้าเท่ากับเหนื่อยใจดั่งเช่นชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง ตอนนี้เขายังอยู่ในชุดสูท เพราะหลังจากเลิกงานเขาก็ขับรถไปทั่วเพื่อหาใครคนหนึ่ง หวังว่าจะเจอเธอที่ไหนสักที่ ตอนนี้เขาคิดถึงเธอมาก หลังจากที่เธอคนนั้นรู้ว่าเกวลินท้อง เธอก็ตีตัวออกห่างและหลบหน้าเขาอยู่ตลอด เป็นเวลาเกือบสัปดาห์แล้วที่เขาไม่เจอเธอ โทรไปหรือส่งข้อความไปก็เหมือนว่าเธอจะไม่สนใจเมื่อไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน เขาจึงเลือกมานั่งดื่มที่นี่คนเดียว โดยไม่สนใจโทรศัพท์ที่มีสายโทรเข้าอยู่หลายครั้งจากหญิงสาวอีกคนที่เขาไม่อยากเจอในตอนนี้“อ้าว!! ไตร”“...” ศิวัฒน์หันไปมองตามเสียงเรียก ก็เห็นชายหนุ่มที่เขารู้จักดี กำลังควงแฟนสาวเดินเข้ามาใกล้เขา“ทำไมคืนนี้มานั่งคนเดียววะ” เขาตบไหล่ศิวัฒน์เบา ๆ“ไม่ทำไม”“ที่รักไปหาเพื่อนก่อนนะ” เขาก้มลงไปบอกแฟนสาว “เดี๋ยวผมตามไป”“เป็นอะไรวะ หน้าตาเครียด ๆ” ชายหนุ่มนั่งลงพลางเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าไม่ค่อยดีนักของศิวัฒน์ “ผู้หญิงคนนั้นยัง
หลังออกจากโรงพยาบาลศิวัฒน์ก็เฝ้าฟูมฟักเมียรักเหมือนไข่ในหินดูแลเอาใจใส่เธอไม่ห่าง ไปรับไปส่งที่มหาวิทยาลัยจนเป็นภาพชินตาผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่าจนท้องเริ่มโตขึ้น ฉัตรนลินทร์ก็ลาป่วยเพราะเริ่มเดินไปไหว ท้องของเธอโตมากราวกับมีลูกแฝดทั้ง ๆ ที่มีหนุ่มน้อยอยู่ในนั้นแค่คนเดียว แต่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาศศิณีเองก็แวะเวียนมาไม่หยุดพร้อมทั้งอาหารเสริมและยาบำรุงต่าง ๆ มากมาย“ไปทำงานได้แล้วค่ะ ฉัตรอยู่กับป้ากิ่งได้” หญิงสาวท้องแก่บอกกับผู้เป็นสามีที่ไม่ยอมลุกไปไหน เอาแต่นั่งกอดเธออยู่บนโซฟาตั้งแต่เช้า“แต่คุณใกล้คลอดแล้วนะ ผมเป็นห่วง”“ถ้ามีอะไรป้าจะรีบโทรรายงานค่ะ” กิ่งกาญจน์พูดเสริม“ไม่ไปดีกว่าครับ วันนี้ก็ไม่มีประชุม ค่อยเข้าไปเฉพาะวันประชุมก็พอ หากมีเอกสารสำคัญอะไรค่อยให้เลขาพามาให้เซ็นที่บ้าน”“ทำแบบนี้จะไม่กระทบงานของคุณใช่มั้ย”“ครับ ไม่มีอะไรกระทบแน่นอน ที่รักวางใจได้”“ถ้าคุณไตรอยู่ งั้นป้าขอตัวเข้าครัวก่อนนะคะ”“ครับป้ากิ่ง”เพราะช่วงนี้ฉัตรนลินทร์บ่นปวดท้องบ่อย ๆ เขาเลยไม่รู้ว่าเป็นสัญญานเตือนอะไรหรือเปล่า และที่สำคัญไม่อยากพลาดช่วงเวลาที่พิเศษ เขาอยากอยู่ในทุกช่วงเวลาของเธอนับจากนี
ฉัตรนลินทร์หลับอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลโดยมีชายหนุ่มนั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง เขาเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่ยอมเคลียร์ปัญหาให้จบไปในคราวเดียว คิดว่าการไม่ไปเจอเกวลินคือทางออกที่ดีที่สุด แต่ไม่คิดว่าเธอจะบุกมาหาเรื่องฉัตรนลินทร์ในบ้านตอนที่เขาไม่อยู่แบบนี้ หากเขากลับมาไม่ทันต้องเกิดเรื่องที่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่ ๆเขายื่นมือไปแตะแก้มนวลของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มกลมนั้นเบา ๆตาคู่สวยค่อย ๆ หรี่ตามองภาพตรงหน้า ความรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นนอนในตอนเช้า แต่แปลกที่เพดานห้องกลับไม่คุ้นตา เมื่อลืมตาตื่นจนเจ็มตาจึงได้รู้ว่านี่คือโรงพยาบาลจริงสิ!!ฉัตรนลินทร์ต้องเบิกตากว้างเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า“ตื่นแล้วเหรอ” ศิวัฒน์ลุกขึ้นแล้วก้มไปประครองคนป่วยที่พยายามลุกขึ้นนั่ง “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“คุณ...”เมื่อเห็นหน้าของศิวัฒน์เธอก็เบะปากร้องไห้ เขารีบเอานิ้วเกลี่ยน้ำตาให้เธอ“ร้องไห้ทำไมครับ”“ลูกล่ะ” เธอยังเบะปากร้องไห้พลางเอามือลูบท้อง “ลูกของเรา”ศิวัฒน์ยิ้มออกมาทันที เขาดีใจที่เธอพูดออกมาแบบนั้น เขารอเวลานี้มานาน เวลาที่เธอจะเอื้อนเอ่ยเรื่องลูกกับเขา“ฉันเสียใจอ