ชีวิตประจำวันของช่อม่วงดำเนินไปอย่างเงียบเหงา สาวน้อยแทบไม่ได้พบปะผู้คนเลยตั้งแต่แต่งงาน นอกจากบ้านยายปานและบ้านป้ารำไพ เธอก็ไม่ได้เฉียดกรายไปเยี่ยมเยือนใครอีก ตอนอาศัยอยู่บ้านเดิม ช่อม่วงต้องแหกปากเดินขายของทุกวัน ได้พูดคุยสนุกสนานและรู้จักผู้คนมากหน้าหลายตา หญิงสาวเคยมีสังคม มีเพื่อนฝูงมากมาย แตกต่างจากตอนนี้ลิบลับ
ช่อม่วงนั่งพรวนดินแปลงผักพลางถอนหายใจ เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังใช้ชีวิตเพียงลำพังในสถานที่รกร้าง กิจกรรมหลักแต่ละวันคือการทำงานบ้าน ส่วนกิจกรรมคลายเครียดเห็นจะเป็นการลงมือขุดแปลงปลูกผักนี่แหละ ช่อม่วงหยอดเมล็ดพันธุ์ผักไว้เกินกว่าครึ่งแล้ว ช่วงนี้กำลังเฝ้ารอพวกมันเติบโตอย่างกระวนกระวาย เหงาๆ ก็พูดคุยกับต้นไม้ใบหญ้าเรื่อยเปื่อยแก้เครียดบ้าง
“หืม ทำไมวันนี้พี่ทศกลับเร็วจัง” ร่างบางทักทายสามีเมื่อเห็นเขาหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับเดินตรงดิ่งมาหา
“ทำกับข้าวให้ฉันกินหน่อยสิ หิวจนตาลาย” ทศพลไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบชี้แจงเป้าหมายเสียงสั่น
“พี่ทศไม่ได้กินข้าวเที่ยงหรือ” ช่อม่วงวางมือจากการพรวนดินแล้วลุกขึ้นยืน พลางเอียงคอถามเขาด้วยความสงสัย ฝ่ามือเรียวเล็กไล่ปัดเศษดินเศษหญ้าที่ติดตามตัวออกเบาๆ
“วันนี้แม่ฉันจ้างคนงานมาช่วยตัดอ้อยเยอะ อาหารที่เตรียมไว้จึงไม่พอกินกัน” ทศพลกลอกตาบ่น อีกฝ่ายพึมพำ เขาหิวน้ำหิวข้าวจนตาลาย ทำไมต้องมายืนตอบคำถามภรรยาตัวน้อยแสนวุ่นวายให้เปลืองพลังงานอีกด้วยเล่า
“ดื่มน้ำลอยดอกมะลิหอมๆ ก่อนสิจ๊ะ” ร่างบางวิ่งไปหยิบน้ำลอยดอกมะลิแช่เย็นมาเสิร์ฟเมื่อเห็นว่าคนตัวโตกำลังฉุนเฉียวหนัก
“เธอเอาดอกมะลิมาจากไหน” พอได้ดื่มน้ำเย็นๆ ดับกระหาย อารมณ์คุกรุ่นโมโหหิวเมื่อสักครู่ก็ดีขึ้นมาบ้าง ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามภรรยาเสียงหวานเพื่อคลายความสงสัย
“เมื่อเช้าช่อเข้าไร่ไปหาหน่ออ้อยมาแกง ได้กลิ่นหอมเตะจมูกเลยลองเดินสำรวจดู ฝั่งทิศใต้มีต้นดอกมะลิเกิดอยู่หลายต้นเชียวหล่ะ ช่อเก็บดอกหอมๆ มาใช้ประโยชน์หมดแล้ว แถมยังขุดต้นกลับมาปลูกด้วยนะ” ช่อม่วงอวดความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ให้เขาทราบ
“เธอจะปลูกทุกอย่างจนไม่เหลือพื้นที่ว่างให้เดินเลยหรือไง” ทศพลกวาดตามองรอบๆ แล้วส่ายศีรษะ บริเวณบ้านขณะนี้เต็มไปด้วยแปลงผักนานาชนิดของช่อม่วง ทั้งผักสวนครัว ผลไม้ ดอกไม้ หรือแม้แต่พืชสมุนไพร ล้วนถูกเธอปลูกไว้จนแน่นขนัด
“ช่ออยากปลูกทุกอย่างที่กินได้ขายได้ อยากหารายรับเพิ่มอีกทาง” ช่อม่วงชี้แจงเหตุผลตาเป็นประกาย ยิ่งนานวันเงินตราในครอบครัวยิ่งร่อยหรอลง อาศัยเพียงเงินผูกแขนประทังชีวิตไม่ได้ ส่วนเงินค่าแรงของทศพลก็แทบไม่พอใช้จ่ายแต่ละวัน เธอพยายามประหยัดสุดชีวิตแล้ว แต่ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใส่ซองงานบวช งานบุญ งานแต่ง ค่าน้ำมันรถ หรือค่าอื่นๆ จิปาถะอื่นๆ มีเข้ามาไม่หยุดหย่อน
“เหอะๆ ฉันไม่เคยเห็นใครชอบเงินเท่าเธอมาก่อนเลย” ร่างสูงพาดพิงสาวน้อยด้วยความเย็นชา
“อ้าว ชีวิตคนเราต้องกินต้องใช้ ช่อไม่อยากแบมือขอเงินใครหรอกนะ ขยันทำงาน ขยันหาเงินเพิ่มอีกหน่อยจะเป็นไรไป” ช่อม่วงกอดอกเตรียมตัวโต้เถียงสุดกำลัง
“เมื่อไหร่ฉันจะได้กินข้าว” ทศพลตัดสินใจยอมล่าถอย เพราะเห็นว่าสงครามน้ำลายกำลังจะยืดเยื้อ เขาหิวข้าวมาก ไม่อยากถกเถียงกับเธอต่อ
“ช่อมัวแต่คุยเพลินไปหน่อย พี่ทศรอแป๊บหนึ่งนะ”
ร่างบางรีบวิ่งเข้าครัวเพื่อเตรียมตัวทำอาหาร แกงหน่ออ้อยใส่หมูสามชั้นเมื่อเช้ายังเหลือ อุ่นให้ร้อนอีกหน่อยก็กินได้ ฝ่ามือเรียวเปิดตู้เย็นหยิบไข่มดแดงที่พึ่งแหย่จากต้นขี้เหล็กเมื่อตอนสายออกมา เมนูก้อยไข่มดแดงเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะทำง่าย ช่อม่วงหั่นหอมและผักชีเตรียมไว้ จากนั้นจึงใส่ไข่มดแดงล้างสะอาดลงไปในหม้อ เติมข้าวคั่ว พริกป่น ผงชูรส น้ำปลา และบีบมะนาว คนให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติ เมื่อถูกปากก็เติมหอมและผักชีตบท้าย กลิ่นอาหารยั่วน้ำลายลอยฟุ้งทั่วบริเวณบ้าน ชายหนุ่มร่างสูงทนความหิวไม่ไหวจึงเดินตามมาดูที่ครัว
“กับข้าวเสร็จแล้ว วันนี้มีก้อยไข่มดแดง แกงหน่ออ้อยใส่หมูสามชั้น พี่ทศอยากทานอะไรเพิ่มไหม”
“ไม่หล่ะ” ทศพลปฏิเสธเสียงแข็ง เขารอช่อม่วงทำกับข้าวเพิ่มอีกไม่ไหวแน่ แค่นี้ก็หิวจนสามารถเขมือบหัวทุยๆ ของเธอลงท้องได้
“อย่างนั้นพี่ทศถือกระติบข้าวเหนียวกับถ้วยแกงออกไปก่อน เดี๋ยวฉันถือก้อยไข่มดแดงและผักสดตามไป” ช่อม่วงวุ่นวายตักอาหารใส่จาน เธอกำชับสามีเสียงหวานโดยไม่หันมองเขาด้วยซ้ำ
“ในหม้อกำลังต้มอะไร” ร่างสูงบุ้ยปากถามขณะจัดแจงถือของพะรุงพะรัง
“ข้าวต้มมัดจ้ะ แม่พี่เอากล้วยมาฝากหลายวันก่อน ตอนนี้สุกงอมจนกินไม่ทัน ฉันแบ่งมาทำข้าวต้มมัดส่วนหนึ่ง อีกส่วนตากแห้งไว้กิน เวลาอยากเคี้ยวอะไรเพลินๆ”
“อืม รีบยกกับข้าวตามมาหล่ะ” ทศพลเลิกเซ้าซี้ถามร่างบาง ชายหนุ่มย่ำเท้าไปปูเสื่อรอทานอาหาร อย่างใจจดใจจ่อ
“รู้แล้วๆ” ช่อม่วงรับคำพลางยิ้มน้อยๆ ออกมา เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นมุมนี้ของเขา ทำเอาตลกขบขันอยู่มาก
ทศพลตักอาหารเข้าปากด้วยความหิวโหย ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่ากินข้าวเหนียวไปมากเท่าไหร่ ก้อยไข่มดแดงและแกงหน่ออ้อยใส่หมูสามชั้นหมดลงอย่างรวดเร็ว อึดใจเดียวก็เกลี้ยงจาน ทศพลนั่งเอนกายพิงต้นเสาในบ้านเพราะลุกไม่ไหว ช่อม่วงคอยบริการเติมน้ำดื่มอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าสามีกินข้าวอิ่มแล้ว ร่างบางจึงหายเข้าไปครัวและกลับมาพร้อมข้าวต้มมัดร้อนๆ กลิ่นหอมฉุย
“ของหวานล้างปากจ้ะ” ช่อม่วงจัดการแกะข้าวต้มมัดอย่างคล่องแคล่วแล้วยื่นให้เขา
“ฉันอิ่ม กินต่อไม่ไหว” ร่างสูงปัดมือเธอออกเบาๆ เขาหันหน้าหนีเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย แก้มสากแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่น่าให้อภัย
“ช่อกินเองก็ได้” ช่อม่วงชักมือกลับตาละห้อย สาวน้อยกัดข้าวต้มมัดแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ เหมือนเอร็ดอร่อยหนักหนา
เมื่อเห็นรอยยิ้มเสแสร้งของภรรยา ทศพลก็เอื้อมมือไปหยิบข้าวต้มมัดขึ้นมาแล้วแกะกินบ้าง ทำเอาร่างบางตกตะลึงชั่วขณะ เขากลัวว่าเธอจะเสียใจอย่างนั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไร
“อะ อ้อ ฉันเห็นพี่ทศบอกว่าป้ารำไพจ้างคนงานมาช่วยตัดอ้อยเยอะ พรุ่งนี้ฉันไปช่วยด้วยได้ไหม งานในไร่จะได้เสร็จเร็วๆ”
“เธอจะไปทำไม แดดมันร้อน อยู่บ้านนั่นแหละดีแล้ว” ทศพลปฏิเสธทันที เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากให้ช่อม่วงเก็บตัวอยู่บ้านหนักหนา ส่วนหนึ่งคงเพราะรำคาญสายตาเหล่าเพื่อนๆ ที่จ้องมองเธอกระมัง
“ทุกคนทำงานตัวเป็นเกลียว พี่ทศจะให้ฉันนั่งอยู่บ้านเฉยๆ ได้อย่างไร” ช่อม่วงกะพริบตาปริบๆ เรียกร้องความเห็นใจจากเขา
“จะไปให้ได้เลยใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ พี่ทศพาช่อไปด้วยนะ สัญญาว่าจะไม่ก่อความวุ่นวาย”
“ตามใจ แต่ถ้าเป็นลมแดดมาเมื่อไหร่ ฉันไม่พาเธอไปหาหมอนะ เพราะเตือนแล้วไม่ฟัง” ร่างสูงถลึงตาใส่ช่อม่วงราวกับว่ากำลังจะกินเลือดกินเนื้อเธอ
“รับทราบ” สาวน้อยวัยใสยิ้มแก้มปริประจบประแจงสุดฤทธิ์
ทศพลพาช่อม่วงออกมาทำงานในไร่อ้อยแต่เช้า สองหนุ่มสาวช่วยกันตัดอ้อยมือเป็นระวิงแข่งกับเวลา ยิ่งพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ามากเท่าไหร่ อุณหภูมิและความร้อนในไร่ก็มากขึ้นเท่านั้น ตอนเช้าของวันจึงเร่งทำงานช่วยกันสุดชีวิต พอแดดเริ่มแรงก็ตัดบ้างนั่งพักบ้าง เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วแว่วมาให้ได้ยินเป็นบางครั้งตามสายลม ช่อม่วงจับกลุ่มคุยกันกับบรรดาสาวๆ หลายคนอย่างครื้นเครง ส่วนแม่สามีอย่างรำไพเองก็ร่วมวงพูดคุยออกรสออกชาติไม่แพ้กัน บรรยากาศสนุกสนานทำให้ทศพลหัวเราะน้อยๆ ออกมา
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงทุกคนก็นำอาหารออกมาทานร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีกับข้าวอีกสองสามอย่างที่เจ้าภาพหรือนายจ้างเตรียมไว้ ป้ารำไพทำส้มตำรสเด็ดและต้มแซ่บกระดูกหมูรสจัดจ้าน พร้อมตักแบ่งใส่จานให้ทุกคนอย่างทั่วถึง เวลาได้ซดน้ำแกงร้อนๆ ทำให้หายง่วงหายเหนื่อยไปชั่วขณะ
บรรดาชายหนุ่มตั้งวงกินข้าวกันอยู่อีกฝั่ง ช่อม่วงกวาดสายตามองหาทศพลพลางๆ ก่อนยิ้มน้อยๆ ออกมาเมื่อเจอเขา ทำเอาบรรดาหนุ่มโสดที่เห็นเหตุการณ์ต่างอกหักดังเป๊าะกันถ้วนหน้า แม้ว่าช่อม่วงจะผอมบางไปนิด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหญิงสาวผู้นี้หน้าตาสะสวยกว่าชาวบ้านธรรมดา เธอกลายเป็นที่หมายตาของหนุ่มภูธรอย่างไม่รู้ตัว เนื่องด้วยครอบครัวของช่อม่วงยากจนมาก พวกเขาแต่ละคนจึงคิดว่าตัวเองพอมีสิทธิ์เอื้อมถึงอยู่บ้าง แต่ความหวังอันน้อยนิดก็ถูกดับมอดลง เมื่อทศพลชิงตัดหน้าแต่งงานกับเธอเสียดื้อๆ
“ไหนเอ็งบอกไม่ชอบน้องเขาวะ” บุรุษหนุ่มหน้าตาถมึงทึงรูปร่างบึกบึนรุ่นเดียวกับทศพลเอ่ยถามด้วยความคลางแคลงใจ
“ไม่ชอบแล้วยังไง สุดท้ายช่อก็เป็นเมียข้า” ร่างสูงชักสีหน้าใส่เพื่อนเพราะรู้สึกเดือดดาล ยิ่งได้เห็นสายตาละห้อยของเพื่อนๆ เวลามองตามหลังหญิงสาวเขายิ่งโมโหไปกันใหญ่
“ทำไมเอ็งจ้องพวกเราอย่างนั้น” เพื่อนสนิทวัยเด็กของทศพลเอ่ยถามเพราะไม่เคยเห็นอาการร้อนรนแบบนี้มาก่อน
“พวกเอ็งจะมาจับผิดข้าทำไม รีบกินข้าวรีบไปทำงาน มัวชักช้าอืดอาดเดี๋ยวบอกแม่หักเงินซะเลย” น้ำเสียงเย็นยะเยือกข่มขู่สุดกำลัง เขาแอบมองร่างบางเล็กน้อย ก่อนหันหน้ามาปะทะฝีปากกับเหล่าเพื่อนๆ เถื่อนถ่อยของตัวเอง
“พวกข้าไม่ยุ่งแล้วก็ได้ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่อย่าลืมเพื่อนเสียหล่ะ เดี๋ยวรับอาสาดามใจช่อม่วงเอง” หนุ่มน้อยหน้ามนฐานะใกล้เคียงกับทศพลเอ่ยแซวบ้าง
“ฝันไปเถอะ พวกเอ็งอยากเก็บปากไว้กินข้าวหรือกินตีน”
“โห ทำไมต้องโหดร้ายขนาดนั้นวะ เอ็งมีใจให้น้องเขาแล้วสิท่า”
“เรื่องผัวเมียครับเพื่อน คนนอกอย่ามายุ่ง เข้าใจนะ” ร่างสูงตั้งท่าหาเรื่องด้วยความฉุนเฉียว ทำเอาเหล่าเพื่อนๆ เดินหนีตัวเป็นเกลียวอย่างเอือมระอา มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าทศพลเป็นหมาบ้าปากแข็ง ความหวังอันริบหรี่ของพวกเขาคงหมดหนทางไปต่อแล้วจริงๆ
งานตัดอ้อยเสร็จก่อนเวลาพอสมควร เพราะทุกคนช่วยกันคนละไม้ละมืออย่างแข็งขัน หลังจากช่วยป้ารำไพจ่ายเงินค่าจ้างคนงานและเก็บข้าวของต่างๆ ช่อม่วงกับทศพลก็เดินทางกลับบ้านด้วยรถกระบะพร้อมกัน เมื่อเครื่องยนต์ดับสนิท ชายหนุ่มผู้มีอารมณ์หึงหวงตั้งแต่เช้าก็ออกคำสั่งภรรยาอย่างเด็ดขาด
“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานที่ไร่”
“อ้าวทำไมหล่ะ ช่อไม่ได้ทำตัวเป็นภาระของพี่ทศเลยนะ” ช่อม่วงนิ่งอึ้งอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าทศพลจะสั่งห้ามเธอปุบปับ
“สำหรับฉันเธอคือภาระ ไม่เห็นหรือไงว่าตัวเองถูกผู้ชายจ้องมองตาเป็นมัน หัดลืมหูลืมตาสังเกตสิ่งรอบตัวเสียบ้าง” น้ำเสียงเดือดดาลบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจอย่างถึงที่สุด
“ตะ แต่ว่า” ปากเล็กๆ กำลังตั้งท่าโต้เถียง แต่ก็ต้องหุบฉับลงเมื่อเห็นสายตาพิฆาตส่งมา
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น นั่งเฉยๆ อยู่บ้านไม่ตายหรอก” ร่างสูงตะคอกเสียงดัง เขาเดินหนีเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้สาวน้อยไร้เดียงสาอย่างช่อม่วงยืนมึนงงสับสนเพียงลำพัง ทศพลกำลังหึงหวงเธอใช่หรือไม่
ทศพลตั้งหน้าตั้งตาเรียนปวส.ตามที่ภรรยาสาวร้องขอจนจบตามเป้าหมาย เธอปลาบปลื้มใจมากถึงกับร้องไห้โฮออกมา ร่างบางยิ้มร่าป่าวประกาศความสำเร็จของสามีทั่วหมู่บ้าน แม้ชายหนุ่มจะทัดทานเสียงแข็งแต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งเธอได้ ช่อม่วงดื้อดึงยิ่งกว่าอะไร เขาทำได้เพียงกุมขมับส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาสวนทุเรียนปลอดสารพิษมีกำไรมหาศาลเกินกว่าที่คาดไว้ ความรู้สึกเหนื่อยล้าสะสมทั้งหลายหลังจากเฝ้าดูแลทะนุถนอมต้นทุเรียนมานานหายเป็นปลิดทิ้งในชั่วพริบตา ผลตอบแทนของมันช่างคุ้มค่าต่อการลงทุนลงแรงอย่างหนักเสียจริง เวลาได้ยินลูกค้าเอ่ยชมเรื่องคุณภาพของทุเรียนทีไร ความภาคภูมิใจมักจะเอ่อล้นออกมาเสมอน้ำพริกปลาร้าตานิลกับยายปานเองก็กำลังมีกระแสบนโลกโซเชียล จะเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวก็ไม่ผิดอะไร กระแสด้านบวกและด้านลบช่วยเพิ่มยอดขายแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อโฆษณาให้เปลืองทุนทรัพย์แต่อย่างใด ช่อม่วงมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าเดิมที่ชื่นชอบเรื่องของรสชาติและคุณภาพก็ติดต่อเข้ามาสั่งซื้อไม่ขาดสาย พิกุลกับพิภพช่วยกันแพ็กของส่งลูกค้ามือเป็นระวิงแทบทุกวัน ช่อม่วงต้องการสอนให้น้องๆ รู้จ
ทศพลหาได้ใส่ใจเสียงห้ามอันแผ่วเบาของช่อม่วง ฝ่ามือหยาบกระด้างเคลื่อนตัวขึ้นมาด้านบนแล้วขยี้ขยำหน้าอกนุ่มหยุ่นอย่างเมามัน ใบหน้าคมโน้มเข้าหาร่างบางเชื่องช้า ก่อนจะมอบจุมพิตดูดดื่มกระชากวิญญาณให้เธออย่างไม่ปรานี ใช้เวลาเพียงไม่กี่วิร่างบางก็อ่อนระทวยอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ฝ่ามือเรียวเล็กที่เคยต่อต้านบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นโอบรัดรอบคอแกร่งเอาไว้ ทศพลออกแรงปรับเบาะรถให้ลาดเอียงจนสามารถเคลื่อนตัวขึ้นคร่อมร่างบางได้ ช่อม่วงนอนแน่นิ่งมองการกระทำอันน่าละอายของสามีด้วยหัวใจเต้นระรัว เธอกำลังตื่นกลัว ตื่นเต้น และอยากรู้อยากเห็นในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกกระหายอยากมืดดำเหล่านั้นกำลังเพิ่มขึ้นแบบเท่าทวีร่างสูงปลดกระดุมเสื้อของภรรยาออกทีละเม็ดอย่างละเมียดละไม เมื่อไร้อุปสรรคพันธนาการ ดอกบัวคู่งามก็เด้งชูชันต่อหน้าชายหนุ่ม ความนุ่มหยุ่นก่อนหน้านี้เทียบไม่ได้เลยกับการใช้มือสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อ ทศพลหลงใหลดอกบัวขนาดพอดีมือของช่อม่วงมาก เขาก้มลงงับตุ่มไตสีน้ำตาลทันทีด้วยความรู้สึกโหยหา ตั้งแต่ภรรยาคนสวยเข้าศึกษาต่อ กิจกรรมร่วมรักที่เคยทำประจำก็ลดลงผิดหูผิดตา ความรู้สึกหื่นกระหายจึงปะทุออกมาอย่างหนักหน
“ฉันกินทุกอย่างที่อร่อย เธอพอใจไหม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อกบ เนื้อปลา เนื้ออะไรก็กินได้ทั้งนั้น”“ช่อขอโทษที่ไม่เคยถามว่าพี่ชอบอะไร”“เรื่องเล็กน้อยน่า เธออ่อนไหวอะไรขนาดนั้น อย่าร้องไห้กลางร้านหมูกระทะเชียว ฉันอายคน”“นี่แนะๆๆๆ ไอ้พี่ทศบ้า ช่อแค่รู้สึกเสียใจนิดหน่อยเอง คราวหลังจะไม่ละเลยพี่อีกแล้วนะ” ร่างบางทำท่าทุบตีเขา แต่ริมฝีปากอวบอิ่มกลับเอ่ยคำสัญญาเสียงเบาออกมาซะดิบดี“เธอทำหน้าที่ภรรยาได้สมบูรณ์แบบแล้วช่อม่วง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ปล่อยผ่านบ้างก็ได้ อย่ามัวแต่กังวลใจเรื่องของฉัน เธอต้องกังวลใจเรื่องอนาคตของตัวเองสิถึงจะถูก” ทศพลพยายามปลอบโยนสาวน้อยข้างกาย เขาไม่ชอบเห็นเธอร้องไห้เสียใจเพราะเรื่องไร้สาระ“เข้าใจแล้ว อ่ะ ช่อแบ่งหมูสามชั้นให้ กำลังเกรียมได้ที่เลย” ร่างบางยิ้มกว้างจนเห็นฟัน แถมยังมีน้ำใจแบ่งปันอาหารสุดโปรดของตนเองให้เขา“ฉันไม่ชอบ ขออนุญาตปฏิเสธ” ร่างสูงเบี่ยงหน้าหนีหมูสามชั้นที่ช่อม่วงคีบมาป้อนถึงปาก“ใจร้าย พี่ทศไม่รู้หรือไงว่านี่คือที่สุดยอดของหมูกระทะ” ใบหน้าสวยง้อง้ำเมื่อเห็นท่าทีรังเกียจของอีกฝ่ายเต็มสองตา“เชิญเธอกินให้สาสมใจคนเดียวเลย” ทศพลดันฝ่ามือ
ความสัมพันธ์ระหว่างช่อม่วงกับทศพลพัฒนาขึ้นมาก หากจะบอกว่าแน่นแฟ้นกว่าแต่ก่อนก็คงไม่ผิดเท่าไหร่ สภาพคล่องทางการเงินของครอบครัวก็ดีขึ้นเช่นกัน ช่อม่วงบริหารจัดการเงินอย่างเป็นระบบ คล่องแคล่ว ทำให้พวกเขามีเงินเหลือกินเหลือใช้ มีเวลาว่างเมื่อไหร่ร่างบางมักหยิบหนังสือเกี่ยวกับการเกษตรมาอ่านและหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เนืองๆสองหนุ่มสาวช่วยกันทำงานคนละไม้ละมืออย่างแข็งขัน คอกเป็ดและคอกไก่ใช้เวลาสร้างเพียงไม่กี่วันก็เสร็จสิ้น เหลือแค่โรงเรือนเพาะเห็ดฟางเท่านั้น ทศพลต้องพักงานตรงนี้เอาไว้ก่อน เนื่องจากไร่มันสำปะหลังกำลังเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยว“พี่ทศให้ช่อไปช่วยไหม พักนี้พี่หักโหมทำงานในไร่ทุกวันเลย”“ลำพังงานบ้านกับงานสวนยังไม่เหน็ดเหนื่อยอีกหรือ” ร่างสูงสอบถามพลางขนอุปกรณ์ทำไร่ขึ้นรถกระบะด้วยความเร่งรีบ“ผักสวนครัวตัดขายหมดแล้ว ต้องรอพวกมันงอกใหม่อีกหลายสัปดาห์ ส่วนไก่กับเป็ดให้อาหารเฉพาะเวลารุ่งเช้าและหัวค่ำ ช่วงนี้ช่อไม่ค่อยมีอะไรทำ อยากช่วยพี่ทศจ๊ะ” ช่อม่วงหยิบจับอุปกรณ์การเกษตรเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นรถกระบะช่วยเขา ร่างบางกระเง้ากระงอดสุดฤทธิ์“ถ้าอยากไปด้วยต้องดูแลตัวเองนะ พยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีพ
“พี่ทศอย่าหนีนะ” ช่อม่วงตะโกนห้ามสุดเสียงเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังก้าวเท้าขึ้นรถกระบะ ทศพลคิดจะหลบหน้าเธอด้วยการหนีออกไปข้างนอกอย่างนั้นหรือ ไม่มีทางเสียหล่ะ ฝ่ามือเรียวรีบเปิดประตูรถกระบะอีกฝั่งแล้วหย่อนตัวลงนั่งลงข้างกายคนขับทันที“เธอต้องการอะไรจากฉัน” ร่างสูงกัดฟันข่มโทสะจนกรามแกร่งนูนเด่นออกมา“ช่อต้องการปรับความเข้าใจกับพี่ทศ และอยากขอโทษที่ทำตัวดื้อรั้นไม่ยอมฟังคำสั่ง”“แล้วยังไงต่อ” ร่างสูงปรายตามองเธอเล็กน้อยก่อนสะบัดหน้าหนี ผู้หญิงคนนี้ต้องการเงินมากกว่าความรักที่เขามอบให้สินะ บาดแผลเมื่อครั้งอดีตถูกเปิดออกมาท่ามกลางสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนใจ“ช่อทำแบบนั้นเพราะอยากช่วยพี่ทศหาเงิน อยากสร้างอนาคตร่วมกับพี่ ช่อแค่ต้องการให้ครอบครัวของเรามีเงินเหลือเก็บบ้าง ไม่ใช่หาเช้ากินค่ำไปวันๆ ช่อเคยเผชิญชะตากรรมแบบนั้นมาก่อน เวลาไม่มีเงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อมันทรมานนะ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน พี่ทศฟังช่อสักครั้งได้ไหม ช่อสัญญาว่าจะไม่ดื้อดึงขัดคำสั่งอีก” สายตาเว้าวอนทอดมองบุรุษหนุ่มข้างกายอย่างน่าสงสาร“เธอต้องการเงินไปทำไมหนักหนาช่อม่วง ตั้งแต่แต่งงานฉันไม่เคยปล่อยให้เธอลำบากสักครั้ง อยากสร
หลังจากวันนั้นช่อม่วงก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปช่วยงานที่ไร่อีกเลย หญิงสาวจึงมุ่งมั่นทำสวนอยู่บ้านแบบเอาเป็นเอาตาย ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับทศพลก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เขายังคงทำตัวเหินห่างเช่นทุกครั้ง แต่ช่อม่วงกลับรู้สึกว่าชายหนุ่มเริ่มเปิดใจพูดคุยเรื่องราวต่างๆ มากขึ้น แปลงผักบริเวณสวนหลังบ้านเริ่มเขียวชอุ่มงอกงามตามลำดับ คาดว่าอีกไม่กี่เดือนคงเก็บผลผลิตออกไปขายได้ชีวิตประจำวันแสนธรรมดาพาให้รู้สึกเงียบเหงาอยู่บ้าง แถมการเงินของครอบครัวก็ขาดสภาพคล่องมานานหลายเดือนจนช่อม่วงรู้สึกร้อนรนใจ เธอเคยเปรยเรื่องนี้ให้ทศพลรับทราบแล้ว แต่ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉยเหมือนคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ช่อม่วงเฝ้าภาวนาขอให้ผักสวนครัวเติบโตไวๆ ทุกวี่วัน เธอจะรีบนำพวกมันไปขายหารายได้ป้ารำไพถามไถ่เรื่องสภาพคล่องทางการเงินกับเธออยู่บ่อยครั้ง แต่ช่อม่วงก็ยืนยันเสมอว่าไม่มีปัญหาอะไร สาวน้อยค่อนข้างกระดากอายยามต้องพึ่งพาแม่สามี เธอกับทศพลเติบโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว สมควรรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองให้ได้ระหว่างทางไปเยี่ยมตานิลกับยายปาน ช่อม่วงได้เจอเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ทำงานเป็นเสมียนอยู่โรงรับซื้ออ้อย เพื่อนสาวตัวเล็กตัวน