หมับ~
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ลูกตาดำเกลือกกลิ้งไปมาก่อนจะตวัดขึ้นมองคนตัวโตเจ้าของมือหนาที่คว้าหมับที่เอวคอดกิ่วแล้วรั้งเข้าไปประชิดลำตัวอย่างรวดเร็ว ขนตางามงอนกระพริบปริบ ปากเอิบอิ่มที่ขยับดูลังเล เหมือนกำลังครุ่นคิดว่าจะตั้งคำถามดีไหมส่งผลให้คนที่เหลือบมองใบหน้างดงามเช่นกันหลุดความพอใจเล็กๆ ออกมา "กลัว?" คนตัวเล็กส่ายหน้า กลีบปากนุ่มบดเบียดเข้าหากันแน่นจนคนตัวโตนึกเสียดาย "แต่เท่าที่เห็น เหมือนว่าเธอกำลังกลัวฉันนะ" "มะ ไม่ได้กลัวค่ะ" "แล้วทำไมต้องตัวสั่นด้วยล่ะ จมูกแดง หูก็แดง มือก็ไม่นิ่ง" "รักแค่รู้สึกตกใจ อยู่ดีๆ คุณ อ่า อยู่ดีๆ เฮียภูมิก็วางมือลงมา" "งั้นเหรอ" คิ้วหนาขมวดขึ้นเล็กน้อย เจ้าสาวหมาดๆ เลือกที่จะก้มหน้าลงทิ้งสายตาไว้ที่กระดุมเสื้อเชิ้ตที่เธอกำลังอาสาติดให้เขาแทน ไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา "เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ" "เรื่องอะไรเหรอคะ แล้วถ้าเราหายออกมานานๆ คนอื่นจะไม่มองหาเรา..." "เราแต่งงานกันแล้วนะ จะหายไปไหนด้วยกันนานแค่ไหนก็คงได้ หรือคิดว่ามีใครกล้าว่า" "...ไม่มีค่ะ รักเองก็ลืมไปว่าตอนนี้เราแต่งงานกันแล้ว" เจ้าของคำพูดยิ้มแห้ง ท่าทางนิ่งเฉยที่ไม่สามารถอ่านอะไรเขาได้เลยทำหญิงสาวรู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาที่คุยกัน "ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าเราคุยกันได้ใช่ไหม" "เฮียภูมิอยากคุยเรื่องอะไรเหรอคะ" "เรื่องของเรา" เป็นจังหวะที่หญิงสาวติดกระดุมให้เขาครบทุกเม็ดพอดี อยากที่จะผละตัวออกห่าง ทว่าคนตัวโตกลับไม่ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ จะดันมือเขาออกแล้วก้าวขาถอยออกมาเองมันก็คงไม่งามเท่าไร อย่างน้อยๆ การแตะนิดแตะหน่อยในตอนที่แต่งงานกันแล้ว มันก็ไม่ได้ผิดอะไร "รู้ใช่ไหมว่าคุณแม่อยากมีหลาน" ประเด็นที่ถูกตั้งทำใบหน้างดงามร้อนผ่าว สุดท้ายแล้วเธอก็เลือกที่จะตอบคำถามของเขาด้วยการพยักหน้าเบาๆ "หมายความว่าต่อจากนี้ก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร หมายถึง ต่อให้จะไม่เคยคบกันมาก่อนก็ยังทำหน้าที่...ได้ใช่ไหม" ภูมิรพีจงใจเว้นช่องว่างของประโยคอย่างจงใจ รู้ว่าการตั้งคำถามแบบนี้มันตรงเกินไป แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็มองว่า มันเป็นเรื่องที่ควรทำ "รักรู้ค่ะ" "ดี หวังว่าเธอจะทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่องนะ" "แต่ว่าตอนนี้เราควรลงไปด้านล่างก่อนไหมคะ แขกกำลังทยอยกลับก็จริง แต่บางส่วนยังอยู่" "หึ..." ภูมิรพีเปล่งเสียงในลำคอ ถึงอย่างนั้นก็ยอมปล่อยเอวคอดกิ่วให้เป็นอิสระตามด้วยการพยักหน้าลง เปี่ยมรักเผลอพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ จะให้พูดยังไงดีล่ะ เธอน่ะ แม้ภายนอกจะดูสดใส ร่าเริง เข้ากับคนง่าย แต่เธอก็ไม่ได้ง่ายเรื่องแบบนั้น แม้อายุจะปาไปยี่สิบหกย่างยี่สิบเจ็ด แต่เธอยังสดและยังซิง ไม่เคยผ่านมือผู้ชายคนไหนมาก่อน นั่นแหละ ต่อให้การแต่งงานในครั้งนี้แม้ผู้ใหญ่จะรู้อยู่แก่ใจว่าฝ่ายเจ้าสาวหวังปลดหนี้ ขณะที่ฝ่ายชายอยากมีหลาน อย่างน้อยๆ สะใภ้ของท่านอย่างเธอ และภรรยาของเขาอย่างเธอก็สะอาดและไม่เคยผ่านมือใคร จริงอยู่ว่าบางครั้งเรื่องนี้บางคนอาจจะไม่ได้มองและให้ความสำคัญเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ คุณค่าของเธอที่เก็บรักษาไว้ไม่เคยให้ใคร ก็เขานั่นแหละที่จะเป็นคนได้มัน "หายไปไหนกันมาล่ะลูก โอ้! เปลี่ยนเสื้อใหม่" เบญญาอมยิ้มพลางหรี่ตามองบุตรชายคนโต เรียกสายตาของทุกคนให้หันมามองทันที "อะ เอ่อ พอดีว่าเสื้อเฮียเปียกค่ะแม่เบญ" "อ้าวเหรอ หายขึ้นไปด้านบนด้วยกันตั้งนานสองนาน ไปเปลี่ยนเสื้ออย่างเดียวเหรอลูก" เสียงอ่อนเสียงหวานของเบญญาส่งผลให้สะใภ้สาวเบิกตากว้าง เคยคิดมาก่อนว่าผู้ใหญ่คงไม่ชอบอะไรที่ประเจิดประเจ้อ มีความรักหากอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ก็คงต้องวางตัวให้เหมาะสม ทำไมสิ่งที่คิดเอาไว้ถึงผิดคาด ท่านใส่คำถามแบบไม่ยั้ง เลยกลับกลายเป็นเธอที่ไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไง "ไปเปลี่ยนเสื้อยะ..." หมับ~ เสียงหวานขาดห้วงเมื่อมือหนาของภูมิรพีสอดเข้ามารั้งที่มือบาง เปี่ยมรักเลิกคิ้วอ้าปากค้าง เขากระตุกมือเบาๆ ร่างเล็กของเธอก็เซเข้าไปอยู่เคียงข้างตัวเขาแทน "ฮะ เฮีย..." "เรื่องของผัวเมียไม่จำเป็นต้องเอามาอธิบายต่อหน้าคนอื่น" แม้จะกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น ทว่าทำเอาใบหน้าสวยร้อนผ่าว สุดท้ายภูมิรพีก็เลือกที่จะดึงสายตากลับไป "วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมกับรักอยากขอตัวพักผ่อนก่อนน่ะครับ" แม่ของทางฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม "แม่ฝากภูมิดูแลน้องด้วยนะลูก หากยัยรักทำอะไรไม่ถูกไม่งาม ภูมิปรามน้องบอกน้องนะ" "ครับแม่ดา" ดารินยิ้มกว้าง มือข้างหนึ่งกุมมือของมารดาฝ่ายชาย ซึ่งในตอนนี้เกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "กลับ" "กลับเลยเหรอคะ แต่ว่าคนอื่นๆ ยัง..." "ทุกคนเข้าใจดี" น้ำเสียงที่หนักแน่นถือเป็นอันสิ้นสุด เปี่ยมรักลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอหนักๆ ตอนแรกคิดว่าเธอสามารถยื้อเวลาที่จะอยู่กับเขาตามลำพังได้ แต่ไหนกลับกลายเป็นว่า เท้าแตะที่พื้นชั้นล่างได้ไม่กี่นาทีเท่านั้น เธอกับเขาก็ต้องกลับไปอยู่ในที่ที่มีแค่กันและกันตามลำพัง "จะพาเมียขึ้นห้องนอนแล้วเหรอเฮีย" "เออ" เสียงตอบรับสั้นๆ ส่งผลให้ภูพิงค์ยกยิ้มที่มุมปาก หมั่นไส้ไอ้คนหน้าหล่อที่เขาเรียกว่าเฮียชะมัด! ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ แค่ตามใจพ่อกับแม่ แต่เท่าที่เห็น ไม่ค่อยจะเหมือนตามใจคนอื่นเท่าไหร่ "พูดไม่เพราะเลยว่ะ เจ้กล่อมเฮียหลับแล้วลงมาดื่มกับภูต่อนะครับ" "ไอ้ภู" ภพนิพิฐเตะเข้าที่หน้าขาของผู้เป็นน้อง ทว่ารายน้องกลับทำเฉย ไม่ได้สะทกสะท้านกับการที่พึ่งจะกลั่นแกล้งผู้ที่เป็นพี่ชายออกไปเลย "อะไรกันล่ะเฮียภพ ก็เฮียภูมิง่วง คนแต่งงานใหม่แต่บังเอิญง่วงไว มีเหตุผลเดียวคือให้เมียขึ้นไปกล่อมนอน" "กูเป็นพี่มึง!" ภูมิรพีถลึงตากลับ ภาพที่พี่กับน้องพูดจาหยอกล้อกันพลอยทำให้คนกลางอมยิ้มออกมา "ฝันดีนะครับเจ้ เฮียยิ้มไม่หล่อเท่าภูหรอก เจ้แอบฝันถึงภูแทนเฮียได้นะ" คราวนี้เปี่ยมรักหลุดขำ และมันก็เป็นจังหวะที่สามีป้ายแดงตวัดสายตามองมาที่เธอพอดี "อะ เอ่อ..." "ฝันถึงคนอื่นที่ไม่ใช่สามี แบบนั้นเขาเรียกเล่นชู้ในฝัน" "หาา..." คนฟังอ้าปากค้าง ไม่ทันมีโอกาสได้พูดอะไรต่อจากนั้น คนตัวโตก็เดินนำ โดยที่มือของเขายังประสานอยู่กับมือของเธอ "ปัดโถ่เอ้ย! เฮียนะเฮีย แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเสียสละนี่หว่า" "อะไรของมึง" ภพนิพิฐเลิกคิ้วก่อนจะมองตามสายตาของผู้ที่เป็นน้องชายซึ่งเห็นว่ากำลังมองตามร่างของพี่ชายคนโตพร้อมทั้งภรรยาของเขาที่กำลังก้าวขาขึ้นชั้นบน "เอ้า ก็ที่เฮียบอกว่าจะเป็นผู้ที่เสียสละตามใจพ่อกับแม่เป็นคนแรกไง พ่อกับแม่อยากให้แต่งงาน และยังแต่งกับคนที่ไม่เคยคบกันมาก่อนแบบนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่นะเฮียภพ ไอ้เราก็เข้าใจมาตลอดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไปๆ มาๆ ผมว่าไม่ใช่ เจ้าสาวของเฮียภูมิน่ะ นั่นมันสเปคเฮียชัดๆ!" ------- ตกลงแต่งตามใจแม่ หรือว่าตามใจตัวเองกันแน่คะ อิอิ ^^ ช่วยกดไลก์ และ คอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันหน่อยนะคะ ^^"โอ้โห! นี่กล้าทำน้องเลยเหรอเฮีย...อ้าวเจ้!" เสียงของภูพิงค์ในประโยคท้ายส่งผลให้คนตัวโตที่ยืนหันหลังให้กับใครบางคนที่อาจจะอยู่ทางด้านหลังของเขาชะงักไป"อย่ามากวนตีน""อ้าวเฮีย พูดไม่เพราะเลยว่ะ เฮียคิดว่าน้องแกล้งว่างั้น?" ภูพิงค์เลิกคิ้วถามพลางยกยิ้มที่มุมปาก ท่าทีแบบนี้นั่นแหละที่ทำให้ภูมิรพียังคงอยู่ในอิริยาบทเดิม "เฮียกำลังจะบอกว่าเฮียไม่เชื่อน้องที่น้องเรียกเจ้งั้นเหรอ?" คนฟังชักสีหน้าด้วยความหงุดหงิด ไม่ได้สละเวลาคิดด้วยซ้ำว่าที่ภูพิงค์เรียกใครอีกคนจากทางด้านหลังมันคือเรื่องจริงรึเปล่า แต่คราวนี้เขาเลือกที่จะหันกลับไปยังทิศทางด้านหลังของตัวเองด้วยตัวของเขาเอง ครั้นพอดวงตาคมกริบประสานเข้ากับร่างแบบบางที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาจริงๆ ภูมิรพีชะงักไปทันที เสียงภายในห้องครัวเงียบลง ส่วนคนที่พึ่งจะเข้ามาใหม่ก็ได้แต่ยิ้มเจือนๆ กลับไปเช่นกัน "ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะค่ะ พอดีว่ารักอยากได้น้ำส้มเพิ่มก็เลยเดินลงมา" คนฟังจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เห็นชัดเจนว่าหญิงสาวในชุดนอนสีขาวลายตัวการ์ตูนสีดำ เลี่ยงการสบตากับเขาอย่างชัดเจน "...เชิญ" ภูมิรพียอมหลีกทางจากพื้นที่หน้าตู้เย็นแต่โดยดี ส่
"ยิ้มอะไรอ่ะ" "แล้วคิดว่าไงล่ะ" คำพูดยอกย้อนของคนตัวโตส่งผลให้เจ้าสาวป้ายแดงเผลอถลึงตากลับ แต่ครั้นพอเห็นดวงตาคมหรี่ลงต่ำมองในระดับที่ต่ำกว่าลำคอระหง คนถูกมองรีบดันตัวลุกจากเตียงกว้าง ไม่สนแม้ว่าตนจะเปลือยเปล่า เลือกที่จะก้าวขาลงจากเตียงแล้วเดินนวยนาดเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วคนที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนอย่างภูมิรพีไล่สายตามองตามหลังแบบไม่ละสายตา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคออีกครั้ง หน้าเป๊ะ หุ่นปัง สุดท้ายชายหนุ่มจำต้องละสายตาจากร่างเย้ายวนแล้วเหลือบมองที่แกนกายของตัวเองด้วยความหนักใจทั้งที่พึ่งจะปลดปล่อย แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ความใหญ่โตก็คงจะสู้ไม่ถอย ตั้งเด่นเป็นลำยาว เจ้าแกนกายยักษ์มันสั่งให้เขาสาวเท้าตามแล้วเข้าไปซ้ำอีกสักดอกสองดอกตรงไหนดีล่ะ อ่างอาบน้ำหรือเคาร์เตอร์ล้างหน้าที่มีเงาสะท้อนของกระจกดี ตรงไหนนะที่มันจะฟินและดีมากกว่ากัน!ใบหน้าหล่อเหลาหลุดความพอใจให้กับความคิดของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วบางความคิดที่หลุดเข้ามาในหัวก็ทำให้เขาแทบหุบยิ้มไม่ทัน"...ขืนทำแบบนั้นเดี๋ยวยัยนั่นก็หาว่าติดใจ ติดใจงั้นเหรอ เหอะ! ไม่มีทาง" ครึ่งชั่วโมงต่อมา"สรุป วันม
บ้าเอ้ย อีตาบ้า! เปี่ยมรักกรีดร้องในใจพลันแก้มนวลก็ร้อนผะผ่าว เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มที่มุมปาก ในจังหวะที่กำลังจะผละตัวออกห่าง อีกฝ่ายเลื่อนมือเข้ามาประคองสองแก้มนวลเนียน ดวงตากลมโตเบิกกว้างพลางตวัดขึ้นประสานกับเจ้าของมือเย็นที่เป็นเจ้าของพันธนาการ ในตอนที่สบตากันหัวใจดวงน้อยยิ่งเต้นรัวแรงไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด ริมฝีปากร้อนก็ประกบลงมาครอบครองเรียวปากนุ่มเอิบอิ่มอย่างรวดเร็ว"อื้อออ~" สัมผัสที่รวดเร็วแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนส่งผลให้ขาสวยอ่อนระทวยสัมผัสที่ปาก แต่คล้ายว่าเขากำลังดูดกลืนเรี่ยวแรงไปจากเธอจนหมดสิ้น เจ้าสาวป้ายแดงหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ลิ้นสากรุกรานเข้ามาในโพลงปากบางโดยไร้การต่อต้านใดๆ จากเธอหมับ~"อื้อออ~" มือหนารั้งเอวคอดกิ่วเข้ามาประชิดลำตัว ขายาวมันคงสาวไปที่เบื้องหน้า ดันร่างแบบบางให้ขยับถอยหลัง ไม่นานนักขาสวยก็ประชิดกับเตียงกว้าง ท่อนขาแกร่งดันหุ่นเย้ายวนให้ล้มลงไปกับเตียง ตามด้วยร่างหนาที่ถาโถมตัวทาบทับลงไปส่งผลให้ความใหญ่โตบดกระแทกเข้ากับกลีบกุหลาบอวบนูนที่ถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงชั้นในอย่างดีและเนื้อผ้าอีกตัวที่สวมใส่อยู่ชั้นนอก"ระ รีบร้อนจังเลยนะคะ" คนที่พยายามไขว่คว
"เฮียภูมิแต่งงานกับรักเพราะแม่เบญและพ่อภีมอยากอุ้มหลาน จะบอกว่าที่ยอมให้แม่ของลูกเป็นรัก เพราะเฮียชอบรักแบบนั้นเหรอคะ?" ความตกใจกับคำพูดที่ได้ฟังส่งผลให้เปี่ยมรักย้อนถาม ใบหน้าขาวนวลแดงก่ำขึ้นมาเรื่อยๆ โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวแม้จะไม่ค่อยอยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ฟังเท่าไหร่นัก แต่คนอย่างภูมิรพีจะพูดเล่นๆ แบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา"แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ""อ้าว..." คิ้วสวยขมวดยุ่ง มองคนตัวโตที่ยักคิ้วมองเธอด้วยท่าทีกำกวม"ฉันบอกไปแล้ว และฉันก็เป็นคนที่ไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ" "ดะ เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวสิคะ" เปี่ยมรักคว้าหมับที่มือหนาเมื่อคนตัวโตเลื่อนมือลงไปที่ระดับเข็มขัด และเสียงปลดเข็มขัดนั่นแหละที่ทำให้เธอร้อนรนในประโยคหลังจนตั้งรั้งมือของเขาด้วยมือของตัวเองเกิดกลัวว่าผัวหมาดๆ จะแก้ผ้าต่อหน้าเธอขึ้นมา! "อะไร" "รักยังคุยกับเฮียภูมิไม่รู้เรื่องเลยนะคะ" "โตๆ กันแล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง" "อ้าว..." "แล้วมือนี่ยังไง อยากถอดให้เหรอ?""ไม่ใช่สักหน่อย" คนตัวเล็กรีบชักมือกลับ ลืมคิดไปว่ามือของเธอมันอยู่ในระดับที่ไม่ควรเท่าไหร่นัก แล้วไหนจะหน้าหล่อๆ นิ่งๆ ที่เป็นเสน่ห์ของเขา มันทำให้เธอ
"อ้าว..." เปี่ยมรักพึมพำตามหลังคนตัวโตที่ลุกจากโซฟาแล้วก้าวขายาวๆ ออกไปจากห้องนั่งเล่นในเวลาต่อมาหน้าตึงๆ กับคิ้วหนาเข้มที่ขมวดเข้าหากันยุ่ง ไม่เข้าใจเลยว่าคนตัวโตรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องอะไรถึงอย่างนั้นความรู้สึกเขินอายในสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งจะรับรู้เกี่ยวกับเธอมันก็ทำให้เปี่ยมรักลืมลงลึกค้นหาความหมายในท่าทีไม่พอใจที่คนตัวโตเพิ่งจะแสดงมันออกมามือเรียวยกขึ้นลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ความรู้สึกในใจมันต่อต้าน ต่อให้เธอจะอ่านหนังสือและเสพเนื้อหาสิบแปดบวกอย่างลึกซึ้ง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้เก่งแบบในนางเอกนิยายสักหน่อยเนื้อหาในนิยาย นางเอกสายหื่นขย่มได้ขย่มดี แต่พระเอกก็ชอบซะด้วยสิ ทั้งรักทั้งหลง มีร้อยให้ร้อย มีล้านให้ล้าน หลงเมียหัวปักหัวปำ หรือเธอควรเอาอย่างนางเอกในหนังสือดี?"บ้าเอ้ย ยัยรักนี่!" มือเรียวตบเบาๆ ที่แก้มของตัวเองเป็นเชิงเรียกสติ เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ที่เผลอไปคิดเรื่องอะไรที่มันไร้สาระบรรยากาศบนโต๊ะอาหารในมื้อค่ำ ทุกคนยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบเดิม พ่อแม่สามียังคงพูดคุยหยอกล้อสร้างความคุ้นเคยไม่หยุดหย่อน น้องเล็กของบ้านยังขี้เล่นสร้างความเป็นกันเองจนผู้ที่ก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้
มื้อเช้าผ่านพ้นไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนภายในบ้านภีมพลและเบญญามีร้านอาหารเล็กๆ ที่บรรยากาศแสนอบอุ่นที่ยังอยู่ในความดูแลหลังจากที่ปล่อยงานที่บริษัทให้ลูกๆ จัดการและดูแลภูมิรพีและภพนิพิฐสองหนุ่มวัยสามสิบกว่าสายเลือดนักธุรกิจโดยแท้ตอนนี้รับผิดชอบงานแทนพ่อแม่เต็มตัวภูพิงค์ที่เรียนจบมาไม่นานกำลังอยู่ในช่วงเข้าไปเรียนรู้งานตั้งเป้าว่า รออีกสักสองสามปีพอที่เด็กหนุ่มที่กำลังรักสนุกและอยากเที่ยวอย่างภูพิงค์อิ่มตัว ก็คงจะเข้ามาเรียนรู้อย่างจริงจังเพื่อช่วยพี่ๆ บริหารต่อไปบริษัทส่งออกอะไหล่ยนต์ เหมือนจะเข้าท่า เพราะเบญญาและภีมพลมีลูกสามคนล้วนเป็นหนุ่มๆ ทั้งสาม ผู้ชายก็คงจะถนัดและเรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของรถได้ไม่ยาก ทุกอย่างจึงเดินหน้าไปได้อย่างสวยงามและลงตัวหลังจากมื้ออาหาร ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของใครของมัน ส่วนคนที่พึ่งแต่งงานไปหมาดๆ พ่อและแม่กำชับอยู่บ่อยครั้ง ว่าควรใช้เวลานี้อยู่ด้วยกันเพื่อเรียนรู้กันและกันอ่านอะไรนักหนา อ่านไปอ่านมาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ภูมิรพีปรายตามองเมียสาวที่นั่งเหยียดขาบนโซฟาด้วยความสนใจทีวีจอใหญ่ภายในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ในขณะที่อีกคนกำลังอ่านห