Mag-log in"อาบน้ำก่อนไหม?" ภูมิรพีตั้งคำถามพลางปรายตามองคนข้างกายที่ก้าวขาเข้ามาในห้องที่เคยเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา
แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่มีอะไรเหมือนเดิม "เฮียภูมิอาบก่อนก็ได้ค่ะ" "แปลกนะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน ไม่อยากได้น้ำเย็นๆ ล้างตัวให้หายเหนื่อยเลยเหรอ" เหมือนเจ้าของคำถามกำลังหยั่งเชิง ขายาวก้าวเข้าไปในห้องเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ จากนั้นก็ตวัดสายตากลับมาจ้องมองเธอตามเดิม ดวงตาคมกริบเผลอมองสำรวจร่างแบบบางอย่างไม่รู้ตัว ไม่เคยคบกันมาก่อนก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยพบเปี่ยมรัก ที่ในตอนนี้เป็นภรรยาของเขามาก่อน จำได้ว่าเมื่อก่อนที่เคยพบเธอ แม้ตอนนั้นจะค่อนข้างนานมา ทว่าทุกอย่างบนใบหน้ายังคงเหมือนเดิม ที่ไม่เหมือนเดิมก็คงจะเป็นทรวดทรงของคนที่เป็นสาวจนเต็มตัว ไม่กะโปโลเหมือนเมื่อก่อน ถึงอย่างนั้นก็พูดไม่ได้หรอก เปี่ยมรักที่ในตอนนั้นแม้จะออกกะโปโลแต่ก็ฮอตใช่ย่อย หน้าสวยๆ กับรอยยิ้มเก๋ๆ ที่มีเสน่ห์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ใครเห็นเป็นต้องสะดุดตา "รักอยากเตรียมเสื้อผ้าให้เฮียภูมิก่อนน่ะค่ะ เฮียอาบก่อนก็แล้วกันนะคะ" เปี่ยมรักคลี่ยิ้มบาง อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ยอมสาวเท้าไปที่ห้องน้ำแต่โดยดี "ฟู่วว ทำไมต้องมือเย็นขนาดนี้ด้วยเนี่ย!" คนตัวเล็กนิ่วหน้า สองมือประกบและบีบเข้าหากันแน่น บอกตรงๆ ว่าไม่เคยตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อน ตอนที่ตกลงแต่งงาน ลองชุดเจ้าสาว ขั้นตอนทุกขั้นตอน แม้แต่ตอนที่อยู่ในพิธีการจริงๆ ที่ว่าตื่นเต้นมากแล้ว แต่การมาอยู่กับเขาตามลำพัง ซ้ำก่อนหน้านี้ยังถูกทวงสิทธิ์ของความเป็นสามีภรรยา แน่นอนว่าเธอวางตัวไม่ถูกถึงขั้นเหงื่อตก "โตแล้วนะรัก เลิกทำตัวเป็นเด็กเถอะน่า" มือบางตบลงเบาๆ ที่แก้มของตัวเองเป็นเชิงเรียกสติ หากไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องขอใช้ไม้ตาย ใช้มุขเก่าๆ ตื้นๆ ไปก่อนก็แล้วกัน ขาสวยรีบก้าวไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมชุดนอนให้สามีแบบที่บอกออกไปก่อนหน้า วินาทีที่เปิดตู้เสื้อผ้าของเขาหญิงสาวถึงกับห่อปากทำตาโต กลิ่นน้ำยาซักเสื้อผ้าอย่างดีหอมฟุ้ง ทุกอย่างดูเป็นระเบียบ ซ้ำยังไม่ใช่การจัดเก็บแบบคละสีเช่นเธอเวลาที่จัดเก็บเสื้อผ้าตอนอยู่บ้าน นี่เขาเล่นแยกสี เห็นความเป็นระเบียบจนเปี่ยมรักหันกลับมามองตัวเอง "ขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย เราดูซกมกไปเลยแฮะ" มือเรียวแตะเบาๆ ที่เสื้อผ้าภายในตู้ เป้าหมายคือชุดนอนของอีกฝ่าย แต่ตู้ขนาดใหญ่ มีสัดส่วนหลายต่อหลายมุม หญิงสาวมุ่งหน้าหาสิ่งที่ต้องการจนกระทั่ง หมับ~ "ว้ายยยย!" มือเย็นเฉียบที่แตะลงบนท่อนแขนเรียวทำคนตัวเล็กสะดุ้งโหยง หันกลับไปกลับพบร่างสูงโปร่งที่ช่วงล่างพันธนาการเอาไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว "ตะ ตกใจ" "ลืมบอกว่าชุดนอนไม่ได้อยู่ตรงนี้" "แล้ว...แล้วอยู่ตรงไหนล่ะคะ" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น แผงอกแกร่งที่มีหยาดน้ำเกาะหมาดๆ ผสมผสานกับกลิ่นครีมอาบน้ำอย่างดีบ่งบอกว่าเขาเพิ่งผ่านการอาบน้ำมาหมาดๆ ความสมส่วนของร่างกายแข็งแรง ไหนจะกลิ่นหอมบนลำตัวของผู้ชายที่พอได้กลิ่นแล้วมันกลับรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ เธอไม่กล้าสบตาเขาเลย "อื้อออ~" ขาสวยขยับถอยหลังอัตโนมัติ แต่ก็ขยับได้เพียงหนึ่งก้าวแผ่นหลังบางก็ประชิดกับตู้เสื้อผ้า เป็นจังหวะที่คนตัวโตโน้มตัวเข้ามา ยื่นแขนยาวควานหาอะไรสักอย่างที่อยู่ตำแหน่งบนสุดของตู้ สิ่งที่เขาหยิบจับมันควรเป็นชุดนอนที่เขาควรเอามาสวมใส่ ทว่าสิ่งที่เขาหยิบติดมือมากลับเป็นกระดาษอะไรสักอย่าง "ขยะเหรอเนี่ย นึกว่าอะไร" "หะ..." หญิงสาวที่พยายามห่อตัวให้เล็กที่สุดตอนที่เขาเข้ามาใกล้อ้าปากค้าง เหลือบตามองป้ายห้อยของเสื้อผ้าที่เขาบอกว่าเป็นขยะเพียงนิด เขาทำให้เธอหัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกเบ้า สุดท้ายเพียงเพราะเก็บขยะออกจากตู้แค่นี้เนี่ยนะ? "ทำไมทำหน้าแบบนั้น กำลังด่าฉันในใจ?" "ปะ เปล่าค่ะ ชุดนอนอยู่ตรงไหนคะเดี๋ยวรักไปหยิบให้" "ชั้นล่างสุด" ดวงตาคมกริบเหลือบมองต่ำ ให้ตายเถอะ เธอเผลอมองตรงนั้นของเขาแม้ในตอนที่มันมีผ้าขนหนูปิดกั้นเอาไว้อยู่ก็ตาม มันดูนูนๆ อะไรที่อยู่ตรงเป้ามันเคลื่อนไหวในตอนที่ดวงตาของเธอหยุดที่ตำแหน่งนั้นพอดี เปี่ยมรักรับรู้ถึงขนาดที่ใหญ่ ข้าวหลาม กระบอกไฟฉาย แขนเธอ! ความคิดที่หลุดเข้ามาในหัว เจ้าสาวป้ายแดงสะบัดศีรษะไปมาแทบไม่ทัน! "บ้านี่" "ว่าไงนะ?" ภูมิรพีเลิกคิ้ว คนถูกถามลนลานทันที "ปะ เปล่าค่ะ รักไม่ได้คิดอะไร" "คิด?" การทวนคำถามพลางหรี่ตามองทำคนที่หลุดปากพูดอะไรออกมาโดยไม่รู้ตัวเม้มปาก ก้มหน้าหลบสายตาแทบไม่ทัน เลยไม่ทันได้เห็นว่าบนมุมปากหนามีรอยยิ้มเล็กๆ ทว่าเจ้าเล่ห์หลุดออกมา "แอบมองน้องชายฉันเหรอ?" "บ้า พะ พูดจาน่าเกลียดเกินไปแล้วค่ะ รักไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย" "งั้นเหรอ แต่เหมือนว่าฉันจะเห็นว่าเธอแอบมองนะ" "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยค่ะ" "ไม่ใช่แบบนั้นแล้วมันเป็นแบบไหนก็ฉันบอกเธออยู่นี่ไงว่าฉันเห็นกับตา" "ก็เฮียบอกว่าที่เก็บชุดนอนมันอยู่ด้านล่าง ในเมื่อมันอยู่ด้านล่างเราก็ต้องทิ้งสายตาลงต่ำ เฮียแต่งตัวไม่เรียบร้อยเองนะคะ รักก็อาจจะมองพลาด แต่ก็มองแค่ผ่านๆ เท่านั้น" "เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร" คิ้วสวยขมวดยุ่ง มันทำให้หญิงสาวย้อนกลับไปนึกถึงประโยคคำถามของเขาทันที แอบมองน้องชายเขาเหรอ? คำถามมันก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร เธอคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดถึง และคาดไม่ถึงว่าคนอย่างเขาจะกล้าพูดมันออกมา "ก็เฮียบอกว่ารักแอบมอง..." ดวงตากลมโตตวัดลงต่ำ หยุดที่ช่วงเป้า จากนั้นก็ตวัดสายตากลับมาจ้องหน้าเขาด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ "ทะลึ่งไปนะ น้องชายที่ฉันพูดถึงคือไอ้ภูกับนายภพ" เพล้ง~ เสียงเศษหน้าที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ดังขึ้นในหัวจนก้องกังวาล ดวงตากลมโตกระพริบปริบ และได้เห็นว่าบนมุมปากหนาหลุดระบายรอยยิ้มออกมา "หมกมุ่น?" "มะ ไม่..." "ไม่ต้องห่วง คืนนี้เธอจะได้ล้วงสมใจ!" -------- กวนประสาทแล้วหนึ่ง ใครกันแน่นะที่ทะลึ่งและหมกมุ่น!! ขอคนละ 1 คอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันนะคะ"รักว่าเราลงไปข้างล่างดีกว่านะคะ อยู่ตรงนี้นานๆ เดี๋ยวพ่อกับแม่สงสัยเอา" แก้มนวลร้อนผ่าว การกระทำของคนตัวเล็กทำหนุ่มหล่อระบายรอยยิ้มให้หลุดออกมาในรูปแบบเดียวกันภูมิรพีกวาดสายตามองทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร หลายสิ่งหลายอย่างเป็นเมนูที่เขาชอบทาน อีกหลายอย่างก็เป็นเมนูที่เขาไม่เคยทานเลยเช่นเดียวกัน"มาลูกมา อาหารพร้อมแล้ว""พ่อเพิ่มพัดลมให้อีกตัวนะลูก รับรองว่าไม่ร้อน" นรินทร์ยกพัดลมหน้ากว้างเข้ามาแล้วรีบทำการเสียบปลั๊ก เห็นชัดว่าทุกคนในบ้านเอาอกเอาใจเขาเป็นอย่างดี"สปริงเกอร์ล่ะพ่อ ถ้าเปิดสปริงเกอร์บนหลังคามันจะทำให้บ้านเราเย็นขึ้นนะ""แล้วจะยืนบอกพ่อทำไมล่ะยัยรส ไปสิ รีบไปเปิดเร็วๆ เลย พี่ๆ เขาร้อนเอ็งนี่มัน""ไปแล้วๆ โอ๊ยบ่นจัง" ปัณรสรีบหมุนตัวออกไปนอกบ้าน ทุกการกระทำเรียกรอยยิ้มจากหนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่เคยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดยิ้มกว้างออกมา"พอกลับมาบ้านแล้วรักไม่อยากกลับไปที่อื่นอีกเลยค่ะ คิดถึงเหตุการณ์เก่าๆ จัง" "เรานี่ยังไง ไม่คิดว่าคนข้างๆ จะน้อยใจเลยเหรอ" ดารินมองลูกเขยอย่างเกรงใจ พลอยทำให้คนกลางอย่างเปี่ยมรักมองตาม"รักแค่คิดถึงวันเก่าๆ" "ผมเข้าใจครับ เอาเป็นว่าเฮียจ
บ้านดานุกุลดารินพร้อมทั้งสามีซึ่งเป็นประมุขของบ้านอย่างนรินทร์เปิดบ้านต้อนรับบุตรสาวที่วันนี้เข้าบ้านมาพร้อมกับหนุ่มหล่อข้างกายซึ่งมีสถานะเป็นลูกเขยของแม่กับพ่อภูมิรพียกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ไม่ลืมที่จะส่งต่อของฝากให้กับพวกท่านซึ่งของเหล่านั้นไม่ได้มีเฉพาะของชายหนุ่มและภรรยาที่ตั้งใจซื้อมา แต่พ่อกับแม่ของเขาเองพอทราบข่าวว่าเขาจะไปเยี่ยมบ้านของภรรยา ผู้เป็นแม่ก็จัดสรรของฝากจนเต็มไม้เต็มมือ"ไหว้พระนะลูกนะ ยัยรสบอกแม่ว่ารักกับคุณภูมิจะมา วันนี้พ่อกับแม่เตรียมอาหารไว้เยอะแยะเลยนะลูก" "นั่นไง รักว่าแล้วว่าแม่ต้องเตรียมอาหารไว้รอ เฮียก็ซื้อของมาซะเยอะเลย" เปี่ยมรักหันกลับไปมองคนที่เข้าบ้านมาพร้อมกัน พบเพียงรอยยิ้มจางๆ ที่ชายหนุ่มส่งกลับมา"วันนี้เราทานข้าวกันที่บ้านนะคะ แม่รักทำอาหารอร่อยค่ะ อร่อยกว่ารักทำด้วย" "ได้สิ ไม่มีปัญหา กระเป๋าให้เฮียเอาไปเก็บที่ไหน" สรรพนามที่ภูมิรพีใช้ระหว่างคุยกับภรรยา ดารินและนรินทร์มองหน้ากันทันที"เห็นลูกๆ สนิทกันแบบนี้พ่อกับแม่ดีใจมากเลยนะ" นรินทร์สังเกตเห็นว่า สีหน้าของบุตรสาวดูสดใสมากเป็นพิเศษ คนเป็นพ่อที่พูดน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เน้นการสังเกตเป็นส
"เฮียพูดคำว่ารัก เพราะว่ารักกำลังอุ้มท้องลูกของเฮียอยู่รึเปล่าคะ" คงจะเป็นฮอร์โมนของคนที่กำลังตั้งครรภ์ส่งผลให้เปี่ยมรักร้องถาม ดวงตากลมสวยกลอกกลิ้งไปตามกรอบหน้าหล่อเหลาลงตัวทุกจุดของผู้เป็นสามี ปากอิ่มเม้มเข้าหากันน้อยๆ เปี่ยมรักไม่ชอบการเก็บทุกอย่างเอามาคิดมาก ถามแบบตรงไปตรงมามันคงเป็นอะไรที่ง่ายมากกว่าการเก็บทุกอย่างไว้เอง"สำหรับเฮีย ลูกคือตัวแทนของความรักนะ เพราะรักจึงอยากมี" "ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราต่างก็รู้ดีน่ะเหรอคะว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร" ใจคนตั้งประเด็นแทบหยุดเต้น เปี่ยมรักกำลังเก็บความรู้สึกของตัวเองไม่มิด เกิดอยากเคลียร์ในเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่และรู้สึกผิดมาโดยตลอดในเมื่อทุกอย่างมันกำลังดีและไปได้สวย บางเรื่องที่ยังค้างคาก็ควรคลี่คลายออกให้กระจ่าง ท้ายที่สุดเหล่าปัญหาจะได้ไม่ต้องตามมาทีหลัง"ถ้าเฮียเคลียร์ในเรื่องนี้ได้ ตัวเธอล่ะจะเคลียร์เรื่องนี้ได้รึเปล่า" ใจคนฟังกระตุกวูบ เปี่ยมรักโน้มตัวเข้าไปแนบชิด ท่อนแขนเรียวเกี่ยวลำคอหนาเข้ามากอดอย่างออดอ้อน เลยเป็นตัวเธอที่พูดไม่ออกทั้งที่เป็นฝ่ายสร้างประเด็นเองแท้ๆ"หึ..." ภูมิรพีหลุดเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางยกมือขึ้นมาลูบ
คำบอกรักจากหนุ่มหล่อทำใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาคู่สวยกระพริบถี่ จำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นคนพูดทุกอย่างขึ้นมาเอง เรื่องท้าทายที่ว่าระหว่างเธอและเขา ใครจะเป็นฝ่ายรู้สึกก่อนกันทั้งที่เปี่ยมรักกลัวแทบตาย กลัวว่าการหวั่นไหวที่มันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วมันจะทำให้เธอเป็นเพียงฝ่ายเดียวที่รู้สึก ไม่นึกไม่ฝันว่าท้ายที่สุดเขาจะเป็นฝ่ายเฉลยมันออกมาด้วยตัวเอง"เมื่อกี้บอกรักงั้นเหรอคะ" "อืม ฉันรักเธอนะ มันนานมากจนเธอตั้งรับไม่ทันแน่ๆ""ชะ ช่วยเล่าหน่อยสิคะ" เปี่ยมรักเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น คนตัวโตกดเข่าแทรกเข้ามาที่กลางหว่างขา สัมผัสได้ว่า ความใหญ่โตเกินมาตรฐานสัมผัสกับความนุ่มของผิวเนียน"มันยาวนะ แน่ใจเหรอว่าอยากฟัง""รักอยากฟัง อ๊ะ..." ร่างบางถูกยกด้วยสองมือเพื่อให้ผละจากการคร่อมทับร่างหนา คนตัวโตขยับตัวเพียงนิดตามด้วยการรั้งร่างบางเข้ามาประกบชิดและดันแผ่นหลังบางให้เอนหลังไปกับโซฟาแทน"อื้ออ! ทะ ทำอะไรคะ" เปี่ยมรักเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น หัวใจเริ่มเต้นแรงเมื่อใบหน้าคมคายฝังเข้ากับหน้าท้องแบนราบตามด้วยมือหนาที่ลูบไล้เคล้นคลึงเข้ากับใจกลางความเป็นสาว"อ๊าส์
"ถ้าขั้นนั้นภูก็คงต้องขอคารวะศิษย์พี่แล้วล่ะ อยากคลั่งรักแบบเฮียภูมิบ้างว่ะ ว่าแต่ชาตินี้ภูจะได้เจอรักแท้รึเปล่านะ ก็คงไม่อ่ะ ฟ้าคงส่งภูมาเพื่อเป็นนักล่าเพียงอย่างเดียว" "เดี๋ยวมึงก็รู้ไอ้เสือน้อย นักล่าใช่ปะ อย่าหลงรักเหยื่อเนื้อหวานๆ ขึ้นมาซะล่ะ พอถึงวันนั้นทุกเหตุการณ์ที่มึงแซวกูคงผุดขึ้นมาเป็นระนาว""อ้าว นี่เฮียคาดโทษน้องนี่หว่า ไรวะ ภูยังจำได้อยู่นะ แม่บอกให้รักกันใช่ไหมครับเฮียภพ" หนุ่มน้อยรีบหาพวก ท่าทางลนลานพลอยทำให้บุตรคนกลางของอัศวราชระบายรอยยิ้มออกมา"ผมดีใจกับเฮียด้วยนะ ผมว่าผลตอบแทนของความซื่อสัตย์และรักเดียวใจเดียวมันกำลังจะส่งผลในอีกระดับแล้วล่ะ" "หมายความว่าไงวะ" ภูมิรพีเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าของน้องคนกลาง แต่ก็พบเพียงรอยยิ้มจางๆ ที่ผุดออกมา"เห็นตอนที่รักกอดเฮีย ผมว่าอ้อมกอดนั้นมันมีความหมายนะ คนอยู่ตั้งเยอะแยะ คนที่จะเข้าไปห้ามเฮียควรเป็นใครก็ได้ ผม ไอ้ภู หรือจะเป็นคุณแม่ แต่เธอกลับเลือกที่จะหยุดเฮียด้วยตัวเอง การหยุดมันมีหลายรูปแบบ แต่เมียเฮียเลือกหยุดด้วยการสวมกอด หมายความว่า เมียเฮียไม่ได้หยุดเฮียเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนั้น แต่เธอหยุดเฮียเพื่อปกป้องเฮีย""อันนี้จริง
น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้หลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย นัยน์ตาของทอฝันถูกหล่อเลี้ยงไปด้วยหยาดน้ำตาจนทุกอย่างพร่ามัวเหตุผลที่แท้จริงเธอเพียงอยากมีบทบาท การที่บอสหนุ่มไม่เคยมีท่าทีสนใจผู้หญิงคนไหนเลยมันทำให้เธอที่มีโอกาสใกล้ชิดมากกว่าใครมีความหวัง ทั้งทอดสะพาน เอาใจใส่ทุกอย่าง แต่วันนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกสิ่งที่เธอทำไม่มีประโยชน์อะไรเลยเธอไม่ควรประมาทสองหนุ่มนั่นคือภพนิพิฐและภูพิงค์ รู้ดีว่าสองคนนี้ไม่ธรรมดา ส่วนผู้บริหารระดับสูงอย่างเบญญาและภีมพลผู้เป็นสามีก็มีอำนาจมากพอที่จะทำให้ไม่มีองค์กรใดเปิดโอกาสให้เธอได้เริ่มต้นงานใหม่ส่วนเปี่ยมรักผู้หญิงที่ธรรมดามากในสายตาเธอ เห็นแล้วว่าสามีอย่างภูมิรพีที่เป็นแบล็กหลัง พร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนเป็นเมีย บอสหนุ่มไม่เคยล้อเล่นหรือเสียเวลากับใครทั้งนั้น ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเธอเดือดร้อนแน่ หากยังไม่หยุดและถอยกลับออกไปยิ่งเห็นทุกคนพร้อมใจฉีกหน้าเธอออกมาแบบนั้น เลขาสาวหมดหนทางที่จะไปต่อ หากเธอไม่ถอยและหายออกไปจากชีวิตของพวกเขา รู้ดีว่าเธอจะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ที่ให้ยืน"หนูรัก เจ็บมือมากไหมลูก" เบญญาเข้าหาสะใภ้สาวหลังจากเลขาของบุตรชายเดินกุ







