ชานนท์มาพาปุณณิศามาพบกับหมอที่เป็นเพื่อนของเขาเพื่อขอคำแนะนำการคุมกำเนิด เมื่อคุณหมออธิบายถึงข้อดีข้อเสียของการคุมกำเนิดแต่ละวิธีแล้วก็ให้หญิงสาวเป็นคนตัดสินใจเอง
“หมอคะถ้าหนูเลือกฝังเข็มได้ไหมคะ” ปุณณิศาตัดสินใจเลือกวิธีนี้เพราะหนึ่งในข้อดีของยาชนิดนี้คือเธอจะปวดประจำเดือนน้อยลง เนื่องจากที่ผ่านมาในแต่ละเดือนนั้นเธอปวดท้องมากจนบางครั้งลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว
“ได้ครับ แต่คนไข้จะเจ็บ 2 ครั้งคือครั้งที่ฝังกับครั้งที่เอาออกแต่เรื่องความปลอดภัยก็ค่อนข้างสูงกว่าวิธีอื่น”
“มันเจ็บไม่มากใช่ไหมคะ”
“ไม่ครับคนไข้จะเจ็บก็ตอนที่ฉีดยาชาเท่านั้นแล้วแผลก็เล็กมากระยะเวลาคุมกำเนิดก็มี 3-5 ปี แต่ถ้าอยากจะเอาออกก่อนครบกำหนดก็สามารถเอาออกได้ทันทีครับ” คุณหมออธิบายอีกครั้งเพื่อประกอบการตัดสินใจเนื่องจากวิธีอื่นเธอจะไม่เจ็บตัว
“ปุณ แน่ใจนะว่าจะเลือกวิธีนี้” ชานนท์นึกว่าเธอจะเลือกวิธีทานยาคุมกำเนิดเหมือนที่เธอเคยบอกกับเขา
“ค่ะ หนูกลัวพลาด แล้วหนูก็ขี้ลืมด้วยค่ะ วิธีนี้เหมาะกับหนูที่สุดแล้ว”
“แล้วไม่กลัวเข็มเหรอ”
“กลัวสิคะ แต่หมอบอกว่ามันเจ็บนิดเดียวใช่ไหมคะ”
“ครับ ถ้าคนไข้กลัวก็แค่หลับตา ใช้เวลาไม่นานครับ”
จากนั้นคุณหมอก็ซักประวัติต่อก่อนจะให้เธอขึ้นไปนอนบนเตียงเพื่อทำการฝังยาบริเวณต้นแขนด้านใน
“พี่นนท์มานั่งฝั่งนี้ได้ไหมคะ” ปุณณิศาให้เขามานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับที่คุณหมอกำลังจะฝังเข็ม
ชายหนุ่มเดินมาตามคำขอ เขารู้ว่าเธอน่าจะกลัวอยู่ไม่น้อยจึงได้จับมือไว้ข้างหนึ่ง หญิงสาวยื่นแขนข้างซ้ายให้หมอ ส่วนตัวเองนั้นซุกใบหน้าเข้ากับมือของตนเองที่มือใหญ่ของชานนท์กุมอยู่ เขาเอามือลูบศีรษะเธอเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“ไหนว่าไม่กลัวไง”
“ก็มันน่าหวาดเสียวนี่คะ”
“หมอจะฉีดยาแล้วนะครับ” เสียงคุณหมอบอกเพื่อให้หญิงสาวเตรียมใจ
ขณะที่คุณหมอลงเข็มฉีดยาชาหญิงสาวก็จับมือเขาไว้แน่น มันเจ็บแค่นิดเดียวอย่างที่หมอบอกแค่เธอก็ไม่อยากให้เขาปล่อยมือ ความอบอุ่นจากมือใหญ่มันทำให้เธอรู้สึกดี
“เดี๋ยวหมอจะฝังยาแล้วนะครับ คนไข้จะรู้สึกตึงๆ แต่ไม่จะไม่เจ็บนะครับ”
ใช้เวลาไม่ถึงนาทีหมอก็ฝังเข็มเสร็จ จากนั้นก็ติดพลาสเตอร์แบบกันน้ำและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวอีกเล็กน้อย รวมถึงให้ปุณณิศาทานยาแก้ปวดไว้ด้วยเพราะถ้าหมดฤทธิ์ยาชาแล้วเธออาจจะปวดแผลได้
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ” ปุณณิศายกมือไหว้ก่อนจะเดินออกมารอหน้าห้องเพราะชานนท์ขอคุยกับเพื่อนต่ออีกหน่อย
“วันนี้เรากินข้าวข้างนอกเลยนะ” ชานนท์บอกหญิงสาวหลังจากที่เขาพาเธอออกมาจากจากคลินิกของเพื่อน
“แล้วคุณปู่ล่ะคะ”
“ฉันโทรบอกแล้ว ยังเจ็บแผลอยู่ไหม”
“ไม่ค่ะ แค่รู้สึกตึงๆ นิดหน่อยเอง แผลแค่นี้สบายมากค่ะ”
“วันนี้เธอจะกินอะไร ฉันให้เธอเลือกเลย”
“แน่นะคะ” ปุณณิศายิ้มเพราะนานๆ ทีถึงจะมีคนเลี้ยงข้าว
“ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นแค่เลี้ยงข้าวเอง”
“ก็หนูจะได้กินของฟรีนี่คะ ปกติไม่ค่อยมีใครเลี้ยงข้าวหนูหรอกค่ะ นอกจากพี่รหัส”
“เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงให้เบื่อเลยดีไหมล่ะ”
“ของฟรีหนูไม่มีทางเบื่อแน่นอนค่ะ”
“แล้วตกลงจะกินอะไร” เขาถามขณะที่กำลังวนหาที่จอดรถ
“ปกติพี่กินอะไรคะ”
“กินได้ทุกอย่าง” เขาไม่รู้จะตอบยังไงเพราะตัวเองไม่เคยมาทานอาหารบนห้างเพราะส่วนใหญ่แล้วจะไปทานตามร้านอาหารมากกว่า
“หนูอยากกินอาหารญี่ปุ่นได้ไหมคะ แพงไปหรือเปล่า”
“หิวมากไหม”
“ไม่เท่าไหร่คะ”
“เดี๋ยวฉันจะพาไปกินร้านประจำก็แล้วกันนะ” ชานนท์ขับรถออกจากศูนย์การค้าแล้วตรงไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่เขาเคยไปทาน
ร้านที่เขาพาปุณณิศามาทานนั้นเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเสะซึ่งจะมีเชฟมาทำให้ทานที่หน้าโต๊ะ
“หนูไม่ได้หมายถึงร้านแบบนี้นะคะ” เธอกระซิบ
“แล้วแบบไหนล่ะที่อยากกิน”
“ก็แบบที่มันอยู่บนห้างไงคะ”
“ไหนๆ ก็มาแล้วกินแบบนี้ไปก่อน ส่วนร้านที่จะไปกินบนห้างเอาไว้เธอไปกินกับเพื่อนหรือน้องชายก็ได้”
“แต่หนูไม่เคยมากินและสั่งไม่เป็นหนูกลัวทำพี่ขายหน้า”
“เธอใช้ตะเกียบเป็นไหมล่ะ”
“เป็นค่ะ”
“แค่นั้นก็พอ ส่วนเรื่องหารเดี๋ยวฉันจะบอกเชฟให้ ตกลงไหม”
“ค่ะ”
ปุณณิศาเพลิดเพลินกับอาหารแปลกไหม ไม่ว่าเชฟจะทำอะไรส่งให้เธอก็ทานได้อย่างเอร็ดอร่อย ชานนท์เห็นแล้วก็เจริญอาหารตามเธอไปด้วย
“ขอบคุณนะคะ” ปุณณิศากล่าวขอบคุณหลังจากที่ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน
“ชอบไหมล่ะ”
“ชอบค่ะ หนูไม่เคยกินมาก่อนเลย”
“ถ้าชอบวันหลังก็ไปอีก”
“ไม่ล่ะค่ะ ของอร่อยแบบนั้นกินครั้งเดียวก็พอ”
“ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เอาเป็นว่าถ้าฉันอยากกินฉันจะพาเธอไปด้วย ตกลงไหมล่ะ” ชานนท์
“หนูไม่ได้ขอนะคะ”
“อือ เดี๋ยวฉันจะทำงานต่อเธออาบน้ำเข้านอนก่อนเลย”
“หนูต้องนอนห้องเดียวกับคุณจริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ ถ้านอนคนละห้องชมพู่ก็คงเอาไปบอกปู่”
“งั้นหนูนอนบนโซฟานะคะ”
“นอนบนเตียงนั่นแหละ”
“หนูกลัวพี่นนท์อึดอัด”
“กลัวฉันอึดอัดหรือกลัวฉันทำอะไรกันแน่”
“หนูไม่ได้กลัวสักหน่อย คุณก็รู้ว่าหนูมีประจำเดือน อีกอย่างหนูก็กลัวจะทำที่นอนเลอะ”
“เลอะก็แค่ซัก อย่าคิดมากเลยรีบนอนเถอะ เครื่องสำอางกับครีมที่อยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในห้องแต่งตัวใช้ได้เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ปุณณิศาอาบน้ำเสร็จก็มาหาชุดนอนเธอเลือกชุดที่เรียบร้อยที่สุดแต่มันก็ยังโป๊จนต้องสวมเสื้อคุมทับไว้อีกชั้น พอเดินมาที่โต๊ะเครื่องแป้งก็ต้องตกใจเพราะเครื่องสำอางที่เห็นนั้นเป็นยี่ห้อที่เธอเคยเห็นรีวิวแต่ไม่เคยคิดจะซื้อมาใช้เพราะราคาของมันแพงจนเอื้อมไม่ถึง ที่ผ่านมาเธอใช่แค่ครีมซองในร้านสะดวกซื้อ หมดก็ซื้อใหม่ ยี่ห้อไหนลดราคาก็ซื้อ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องใช้แบบเดิมตลอด
“จ้องแบบนั้นเมื่อไหร่จะเสร็จละ”
ปุณณิศาสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าเขาจะทำงานเสร็จแล้ว
“หนูไม่เคยใช้นี่คะ ก็ต้องดูว่าอะไรใช้ตอนไหน”
“ฝึกไว้ อีกหน่อยก็ชิน เจ็บแผลไหม น้ำเข้าแผลหรือเปล่า”
“เจ็บนิดหน่อยค่ะ”
“จะกินยาแก้ปวดไหมล่ะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้หนูทนได้”
“อือฉันจะไปอาบน้ำล่ะ พรุ่งนี้ฉันมีประชุมแต่เช้า”
“พี่นนท์ พรุ่งนี้หนูขอติดรถไปหาแม่ได้ไหมคะ”
“ได้สิ งั้นไปพร้อมกันเลย แล้วตอนเย็นฉันแวะรับที่นั่นเลยดีไหม”
“ค่ะ”
“เธอขับรถเป็นไหม”
“ไม่ค่ะ”
“ถ้าแผลหายแล้วแล้วจะพาไปเรียนขับรถ จะได้ไหนมาไหนคนเดียวได้สะดวก แต่ช่วงนี้ฉันรับส่งเธอไปก่อนก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูเกรงใจ หนูนั่งรถเมล์ได้”
“ปุณณิศาอย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอเป็นเมียฉันอยู่นะ จะนั่งรถเมล์ให้ลำบากทำไม งานบ้านไม่ต้องทำ”
“ค่ะ ไม่ลืมหรอกค่ะ ดีเหมือนกัน หนูจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
ชายนนท์แอบยิ้มเพราะปุณณิศาจะไม่ต้องเหนื่อยนั่งรถเมล์หรือทำงานบ้านแต่เขาจะทำให้เธอเหนื่อยอย่างอื่นแทน
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว