ชานนท์พาปุณณิศามายังบ้านของตนเอง ซึ่งเพิ่งจะสร้างขึ้นได้ไม่นานเพราะก่อนหน้านั้นเขาอยู่กับบิดามารดาซึ่งบ้านของท่านอยู่ถัดจากบ้านหลังนี้ไปอีกซอย แต่พอบิดามารดาย้ายไปเชียงใหม่ เขาก็มาสร้างบ้านอีกหลังใกล้กับบ้านของคุณปู่
“พี่นนท์อยู่คนเดียวเหรอคะ”
“อือ ถามทำไม คิดว่าเหรอจะอยู่กับใครเหรอ”
“เปล่าค่ะ หนูก็แค่แปลกใจ คุณปู่ก็อยู่คนเดียวพี่นนท์ก็อยู่คนเดียว แต่ทำไมไม่อยู่บ้านเดียวกันล่ะคะ”
“คนเราก็ต้องการความเป็นส่วนตัวบ้างสิ”
“อ้อ วิถีคนรวยสินะคะ” ปุณณิศานึกถึงบ้านของตนเองที่อยู่กันตั้งสามคนแต่ขนาดของบ้านไม่ได้ครึ่งหนึ่งของบ้านหลังนี้ด้วยซ้ำ
“หรือเธออยากจะให้ฉันย้ายไปอยู่กับคุณปู่ล่ะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ อยู่ห่างแบบนี้ก็ดีเหมือนกันหนูจะได้ไม่เกร็งมาก”
“ยังจะต้องเกร็งอะไร ฉันเห็นเธอคุยกับปู่ของฉันสนิทสนมเชียว”
“ก็หนูอยากทำงานให้คุ้มค่าจ้างนี่ค่ะ”
“แน่นะว่าอยากทำงานให้คุ้มค่าจ้าง” จู่ๆ คนที่เดินนำหน้าก็หยุดแล้วหันกลับมาทำให้คนที่เดินตามหลังไม่ทันระวังใบหน้าสวยจึงชนกับแผงอกเขาอย่างจัง หญิงสาวเกือบจะล้มแต่ยังดีที่เขาเอามือคว้าเอวคอดไว้ทัน
“โอ๊ย! .. จะหยุดทำไมไม่บอกกันบ้างล่ะคะ ถ้าหนูล้มลงไปจะทำยังไง”
“แล้วตอนนี้เธอล้มไหมล่ะ” เขาก้มลงกระซิบจนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่กระทบข้างหู
“ไม่ล้มแล้วค่ะ คุณนนท์ปล่อยหนูก่อนได้ไหม”
“เรียกผิดอีกแล้ว ต่อไปถ้าเรียกผิดอีกฉันจะทำโทษ”
“ก็หนูตกใจนี่ค่ะ พี่นนท์ปล่อยหนูก่อนได้ไหม” ปุณณิศาทำเสียงหวาน
“ก็ไหนว่าจะทำงานให้คุ้มค่าจ้าง” คนตัวโตกอดกระชับแน่นขึ้น
“พี่นนท์คงไม่ได้จ้างหนูมานอนด้วยใช่ไหม”
“ฉันจ้างเธอมาเป็นเมียแล้วหน้าที่เมียต้องทำอะไรบ้างล่ะ เธอไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่”
“แต่เรื่องนี้มันไม่อยู่เงื่อนไขนี่คะ”
“ก็ฉันเพิ่งบอกเธออยู่นี่ไงล่ะ หรือเธอจะผิดสัญญาล่ะ ถ้าทำไม่ได้ก็แค่เอาเงินมาคืน” ชานนท์ทำเสียงเข้ม
“พี่นนท์ขา ปล่อยหนูก่อนนะคะ วันนี้หนูไม่พร้อมจริงๆ ค่ะ” ปุณณิศาไม่มีเงินมาคืนเขาเพราะเธอเอาไปจ่ายหนี้แล้ว
ชานนท์หัวเราะ เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรปุณณิศาเลยเพราะรู้ว่าเธออาจจะยังเจ็บอยู่กับครั้งแรกที่ผ่านไป เพียงแต่อยากจะแกล้งก็เท่านั้น
“เธอหนีไม่ได้ทุกวันหรอกนะ เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ พรุ่งนี้หลังเลิกงานฉันจะพาเธอไปหาหมอ”
“หนูสบายดีนะคะ จะไปหาหมอทำไม”
“วางแผนคุมกำเนิดไงล่ะ”
“คุมกำเนิดเหรอคะ” ปุณณิศาไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน
“เธอคงไม่คิดจะมีลูกกับฉันเหมือนที่คุณปู่บอกหรอกนะ”
“หนูจะอยากมีลูกได้ยังไงคะ หนูยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ”
“งั้นก็ไปหาหมอกับฉัน ตกลงไหมจะได้เลือกถูกว่าจะคุมกำเนิดแบบไหน”
“ไม่เห็นต้องไปให้ยุ่งยากเลยค่ะ คุณใส่ถุงยางก็หมดเรื่อง”
“ฉันกลัวพลาด” ชานนท์ทำเป็นหาเหตุผลแต่อันที่จริงแล้วชายหนุ่มอยากจะร่วมรักเธอแบบไม่สวมถุงยางมากกว่าเพราะมันคงให้ความรู้สึกดี ที่ไม่มีอะไรมากั้น ปุณณิศาทั้งสดและสะอาดเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย
“งั้นหนูกินยาคุมด้วยก็ได้ค่ะ”
“ถ้าเธอลืมกินแล้วท้องก่อนเรียนจบล่ะ เธอมั่นใจไหมล่ะว่าตัวเองจะไม่ลืม”
ปุณณิศาคิดตาม เพราะถ้าเธอพลาดอนาคตของเธอคงจะจบสิ้นแน่ๆ
“งั้นหนูไปหาหมอกับพี่นนท์ก็ได้ค่ะ”
เมื่อได้คำตอบที่พอใจชานนท์ปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระจากนั้นก็พาเธอขึ้นไปยังห้องนอนของตนเองบนชั้นสอง
“เราจะนอนด้วยกันในห้องนี้ ของใช้และเสื้อผ้าในตู้เธอหยิบใช้ได้เลย”
“ของหนูเหรอคะ”
“ก็ใช่นะสิ เธอคิดเหรอว่าของพวกนั้นฉันจะใช้เอง”
“ไปซื้อมาตอนไหนคะ”
“ฉันจะไปซื้อเองให้เสียเวลาทำให้คนอื่นไปซื้อสิ”
“อ๋อ” หญิงสาวพอจะเดาออกว่าคนซื้อของพวกนี้มาให้เธอก็คงจะเป็นคนที่พาเธอไปซื้อเสื้อผ้าวันนี้
“พรุ่งนี้เธอจะต้องย้ายมาอยู่ที่นี่” ชานนท์ออกคำสั่ง ทั้งที่ชอบความเป็นส่วนตัวแต่ไม่รู้ทำไมถึงยอมให้ปุณณิศาเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวได้อย่าง่ายดายเช่นนี้
“หนูขอเอาของใช้ส่วนตัวที่บ้านมาด้วยได้ไหมคะ พวกหนังสือ”
“ได้สิ เธอไปใช้ห้องทำงานของฉันได้ ในนั้นมีโต๊ะว่างอีกตัว”
“ขอบคุณค่ะ”
“คืนนี้เธอจะค้างที่นี่เลยไหม”
“ไม่ค่ะ หนูยังไม่ได้เอาของส่วนตัวมา แล้วก็ไม่ได้บอกแม่ด้วยค่ะว่าจะค้างที่นี่ พี่นนท์ไปส่งหนูที่บ้านได้ไหมคะ” จริงๆ แล้วก็ไม่ต้องบอกมารดา เพราะท่านกับน้องชายก็นอนที่โรงพยาบาลแต่ปุณณิศาก็ยังไม่พร้อมถ้าเขาจะนอนกับเธอ
ระยะทางจากบ้านของชานนท์มายังบ้านของปุณณิศาไม่ไกลมากใช้เวลาเพียง 30 นาทีรถของเขาก็มาจอดหน้าหลังเล็กที่ปิดไฟมืดสนิท
“คนอื่นไปไหนหมด ทำไมบ้านมืดแบบนั้นล่ะ”
“ปั้นน้องชายของหนูไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลค่ะ”
“เรื่องเธอกับฉันเธอบอกแม่หรือเปล่า”
“บอกค่ะ”
“บอกทุกอย่างเลยเหรอ”
“ไม่ค่ะ หนูบอกแม่แค่คุณจ้างหนูไปเป็นเมียหลอกๆ แม่ไม่รู้เรื่องที่หนูไปนอนกับคุณ แม่ไม่รู้เรื่องค่ารักษาที่ต้องจ่ายเพิ่ม”
“ฉันว่าเธอรับภาระหนักเกินตัวหรือเปล่า” เธออายุยังน้อยแต่ดูเหมือนจะต้องรับผิดชอบทุกคนในบ้าน
“เรามีกันแค่นี้ไงคะ”
“เงินที่ฉันให้ไป พอไหม” ชานนท์ถามด้วยความเห็นใจ
“พอค่ะ หนูเอาไปจ่ายค่าโรงพยาบาล ค่าซ่อมรถแล้วก็จ่ายเจ๊น้ำกับคนในตลาดแล้วก็คืนเงินเดือนที่เบิกล่วงหน้าคุณเมคินแล้ว ที่เหลือก็แบ่งให้น้องค่ะ”
“ไม่คิดจะใช้เองเลยเหรอ”
“ใช้สิคะ หนูยังเหลือไปจ่ายค่าเทอมด้วยนะคะ”
“บริหารเงินได้ดีเหมือนกันนะ ถ้าไม่พอหรืออยากได้อะไรก็ให้บอกฉันนะ” ชานนท์อยากช่วยเธอให้เต็มที่
“ขอบคุณนะคะ แต่หนูว่าแค่นี้ก็พอ”
“ฉันก็พูดเผื่อไว้”
“ค่ะ หนูจะเข้าบ้านแล้วนะคะขอบคุณที่มาส่งค่ะ”
“อยู่คนเดียวได้แน่นะ กลัวหรือเปล่า”
“ได้ค่ะ ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย บ้านหนูไม่มีของมีค่าอะไรสักอย่างถ้าขโมยมันจะขึ้นมันก็โง่เต็มทีแล้วล่ะคะ”
“แล้วไม่กลัวว่ามันจะมาทำอันตรายเลยเหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ คนแถวนี้ก็รู้จักกันทั้งนั้น”
“ดูแลตัวเองหน่อยก็ดีนะ”
“ห่วงหนูเหรอคะ”
“เปล่า ฉันก็แค่กลัวว่าถ้าเธอเป็นอะไรไปฉันจะเสียเงินฟรีน่ะสิ”
“อ้อ ที่แท้ก็กลัวไม่มีคนทำงานให้ ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ยังไงหนูก็ทำงานคุ้มกับเงินที่คุณให้นอน ขับรถกลับดีๆ นะคะ”
“รีบเข้าบ้านเถอะเดี๋ยวฉันจะส่องไฟให้”
“ขอบคุณค่ะ เพิ่งรู้ว่าพี่นนท์ทั้งหล่อทั้งใจดี” ปุณณิศายิ้มกว้าง ทำให้คนมองยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว
ปุณณิศาเดินเข้าบ้านจากนั้นก็เปิดไฟจนแล้วเธอก็ได้ยินเสียงรถเคลื่อนตัวออกไป
เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อสองคืนก่อนเธอเพิ่งจะเสียความบริสุทธิ์ไป พออีกคืนก็ตกลงรับจ้างเป็นภรรยาของคนอื่น แต่ละอย่างที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างจะตั้งตัวรับไหว แต่เธอจะอ่อนแอไม่ได้เพราะไม่รู้ว่ามารดาจะกลับมาทำงานเหมือนเดิมได้ไหม ถ้าเธอไปอยู่ที่บ้านของคุณชานนท์ แล้วใครจะช่วยมารดาตื่นมาเตรียมของขายตั้งแต่เช้า อีกหน่อยปุณณพัฒน์ก็ต้องไปเรียนแล้ว
บางทีเธออาจจะต้องให้มารดาหยุดไปขายของที่ตลาดแต่ท่านคงไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่ เพราะฉะนั้นการขายออนไลน์น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง
ก่อนหน้านี้เธอกับมารดาก็เคย ช่วยกันทำคุกกี้และคาราเมลคอนเฟล็กขายส่งตามร้านกาแฟ แต่ถ้าเพิ่มช่องทางขายออนไลน์เข้าไปด้วยก็น่าจะดี เพราะของพวกนี้เก็บได้หลายวัน
เธอคงต้องปรึกษากับมารดาพรุ่งนี้ถ้าท่านตกลงก็จะให้ปุณณพัฒน์ช่วยทำเพจและโปรโมตให้ก่อนที่จะไปเรียน เนื่องจากน้องชายของตนก็มีคนติดตามตามในโซเซียลค่อนข้างมากเพราะเขาเป็นคนหน้าตาดีและมีเพื่อนมาก ทั้งจากโรงเรียนเดียวกันและต่างโรงเรียน
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว