LOGINหลังจากที่นายหญิงไป๋เซียนกลับมาถึงตำหนักฮวาเซียนซึ่งเป็นที่พำนักที่เสด็จน้าฮ่องเต้ของนางประทานให้นางก็ได้พบกับบุตรชายที่ถอดหน้ากากออกดื่มด่ำชารสชาติกลมกล่อมและโอวหยางจิ้นหลงผู้เป็นพ่อซึ่งถูกฮ่องเต้ขอร้องให้เข้ามาอยู่ในเมืองหลวงหลังจากมอบตำแหน่งให้แก่บุตรชายอยู่ภายในสวนนายหญิงไป๋เซียนมองไปยังบุตรชายที่ดูคล้ายเทพเซียนก่อนจะคลี่ยิ้ม บุตรีขุนนางที่นางเคยไปทาบทามสู่ขอไร้วาสนานักจึงไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากของลูกนางนั้นคือเทพเซียนที่หล่อเหลายิ่งกว่าพานอิน“เจ้ามาแล้วรึอาหลง”“ขอรับท่านแม่” เหวินหลงตอบรับก่อนจะถามกลับ “ท่านไปที่ใดมาหรือท่านแม่”“แม่ไปหาอาจิ้งมา ข่าวว่าบุตรสาวของเขากับฮวาเอ๋อร์จะกลับมาเข้าพิธีปักปิ่นหลังจากหายไปหลายปีแม่จึงอยากเห็นหน้าคร่าตาสักครั้ง อ้อ เจ้ามาผู้เดียวรึ เจ้าลูกเจี๊ยบทั้งห้าของเจ้ามาด้วยหรือไม่ มิได้เจอะเจอกันถึงสองปี นังหนูเฟยเฟยออกจากถ้ำฝึกตนรึยัง”“แล้วท่านได้เห็นหน้าคุณหนูใหญ่สกุลหยวนหรือไม่” เหวินหลงไม่ตอบแต่กลับถามกลับ ใบหน้าหล่อเหลายามนี้เคร่งเครียดขึ้นอย่างมิอาจห้ามได้...เขาลืมบอกมารดาไปเรื่องนึงสิน“เฮ้อ น่าเสียดาย ตอนแม่ไปชินอ๋องเองก็ไปแถมยังนำราชโองกา
เมื่อจิวเฟยและทุกคนถูกนำไปยังที่พักหยวนจิ้งก็ต้องกลับมายังห้องโถงอีกครั้งเมื่อรับรู้ถึงการมาของสองบุคคลสำคัญ“หยวนจิ้งคารวะอาจารย์หญิง ถวายพระพรชินอ๋องพะย่ะค่ะ”บุคคลสำคัญที่ว่า หนึ่งคือลั่วหยางหยงฉี ชินอ๋องแห่งแคว้นลั่วหยาง บุรุษผู้เป็นรองเพียงฮ่องเต้และยังเป็นฐานอำนาจของลั่วหยางหยงจิ้น องค์ไท่จื่อแห่งแคว้นลั่วหยางส่วนอีกหนึ่งคือชุนไป๋เซียนหรือท่านหญิงไป๋เซียน ธิดาขององค์หญิงไป๋ซิงพระธิดาพระองค์เดียวของลั่วหยางหยงเจี้ยน อดีตฮ่องเต้พระองค์ก่อน กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นนางคือหลานสาวที่หย่งไท่ฮ่องเต้ให้ความเอ็นดูที่สุดและนอกจากจะเป็นท่านหญิงที่ฮ่องเต้รักใคร่แล้วนางยังมีอีกตำแหน่งที่ผู้คนทั่วไปรู้จักกัน....นายหญิงแห่งสกุลโอวหยาง มารดาของโอวหยางเหวินหลง“ลุกขึ้นเถิดท่านแม่ทัพ” ชินอ๋องเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้กับบุคคลอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ภายในห้องโถง ซือซิงมองชินอ๋องวัยยี่สิบสี่ด้วยท่าทีเขินอาย นางพึงใจในตัวชินอ๋องและมาดหมายจะเป็นชินหวางเฟย นางจะได้มีอำนาจมากกว่าจิวเฟยที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยอันใดกับนาง และนางต้องได้“ข้ามาวันนี้ก็เพื่อนำราชโองการของเสด็จพ่อมามอบให้ท่าน” ชินอ๋องกล่าวในขณะที่คนมาพร้
เมื่อก้าวเข้าไปภายในห้องโถงของจวนจิวเฟยก็ได้เห็นร่างกายสูงตระหง่านของบิดานั่งอยู่โดยมีสตรีไม่คุ้นหน้านั่งอยู่เคียงข้างถัดไปจึงเป็นจินลั่วอวี้ฮูหยินรองที่นางเรียกติดปากตั้งแต่เล็กว่านางจิ้งจอกและเด็กหนุ่มสองคนกับเด็กสาวอีกสองคนที่คงจะเป็นน้อง ๆ ของนาง“ซือซือ” หยวนจิ้งเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นก้าวเข้ามาหาจิวเฟย เขาดูแก่ขึ้นมาก ผิดกับรูปร่างสง่างามเมื่อยามที่นางยังเด็ก เมื่อได้เห็นหน้าบิดาใกล้ ๆ จิวเฟยก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมาดื้อ ๆ ทว่านางหาได้ก้าวเข้าไปกอดบิดาไม่จิวเฟยทำเพียงคารวะตามธรรมเนียมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “จิวเฟยคารวะบิดา”“จิวเฟย?”“สิบปีก่อนท่านยอบรับกฎดังนั้นแล้วตัวข้าคือจิวเฟย หาใช่ซือซือไม่” นางตอบกลับ หยวนจิ้งหน้าเสียไปครู่ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง“นั่นสินะ ข้าเลอะเลือนเสียจริง มาเถอะจิวเฟย พ่อจะแนะนำให้เจ้ารู้จักน้อง ๆ”นางเดินตามบิดามาหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่านางราวปีกว่าด้วยความรู้สึกคิดถึงก่อนที่หยวนจิ้งจะเอ่ย “นี่ซือจิ้น เจ้าจำน้องได้หรือไม่?”“หยวนซือจิ้น ข้าจำได้ เจ้าเหมือนบิดามากกว่าท่านแม่เสียอีก” นางเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปจับมือของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีด้วยความคะนึงหา หยวน
หลักจากพ้นโทษจิวเฟยก็ต้องเตรียมตัวลงเขาเพื่อที่จะกลับไปเข้าพิธีปักปิ่นอย่างคนจำใจ ตั้งแต่ถึงวัยปักปิ่นบิดาเพียรส่งจดหมายอ้างเหตุผลร้อยแปดให้นางลงเขาแต่นางก็ไม่ตอบรับมาโดยตลอด คราวนี้นางก็ไม่คิดที่จะตอบรับเช่นเคยแต่เพราะคราวนี้ผู้เป็นอาจารย์มีเหตุผลให้ต้องลงเขานางจึงเลี่ยงอีกไม่ได้...จำต้องลงไปเข้าพิธีปักปิ่นทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจำเป็นเพื่อไม่ให้อาจารย์ขุ่นเคืองจนส่งนางไปช่วยผู้เฒ่าหมื่นพิษทดสอบพิษลงเขาดีกว่าไปหุบเขาพิษยิ่งนักเหตุผลที่โอวหยางเหวินหลงลงเขาในครั้งนี้เป็นเพราะมารดาของเขาที่อยู่เมืองหลวงส่งข่าวมาให้เขาลงไปหา และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะจดหมายของหยวนจิ้งที่ส่งมาให้เขา...ศิษย์พี่ขอร้องให้เขาช่วยพาบุตรสาวลงเขาไปหาสักครั้งแน่นอนว่าเรื่องจดหมายขอร้องเขามิได้บอกเล่าให้ศิษย์หญิงเพียงคนเดียวได้ฟัง สิ่งที่เขาบอกจึงมีเพียงว่าเขาจะไปพบบิดาและมารดาและมีเรื่องที่จำเป็นต้องให้ศิษย์ทั้งห้าติดตามไปช่วยจัดการ...ด้วยเหตุนี้จิวเฟย จึงไม่มีข้ออ้างให้บ่ายเบี่ยงจิวเฟยเคยลงเขามาแล้วหลายครั้งเพื่อคุ้มกันคนและสืบข่าวลับ บ้างก็ลงไปเพื่อสืบดูหน้าตาคุณสมบัติของคุณหนูจวนขุนนางที่มารดาของอาจารย์คิดจะทาบท
ดวงตางดงามแต่แฝงความนิ่งสงบมองจดหมายประทับตราสกุลหยวนที่อยู่ในมือของผู้เป็นอาจารย์แล้วก็พลางอ่อนอกอ่อนใจ จดหมายเช่นนี้ถูกส่งมาบ่อยนักอ้างโน่นอ้างนี่มาในจดหมายจุดประสงค์ก็เพื่อให้นางหวนกลับ...วันนี้ก็ส่งมาอีกแล้วคราวนี้เอาอันใดมาอ้างอีกเล่า“บิดาเจ้าส่งจดหมายมาให้เจ้ากลับไปเข้าพิธีปักปิ่นพร้อมน้องสาว” เหวินหลงเอ่ยพร้อมกับยื่นจดหมายให้แก่ศิษย์เอกหญิงเพียงคนเดียวที่ยามนี้เติบโตขึ้นมาเป็นหญิงงามล่มเมืองจนศิษย์สายอื่นเพียรส่งถังหูลู่มาให้เป็นการเกี้ยวอยู่บ่อยครั้งจิวเฟยที่รับจดหมายมาเปลี่ยนสีหน้าจากอ่อนอกอ่อนใจเป็นสีหน้างุนงงอย่างโง่งมในทันที “ปักปิ่น?”“อะไรกันน้องเล็ก เจ้าไม่รู้รึว่าสตรีต้องผ่านพิธีปักปิ่นน่ะ” เมื่อจิวเฟยมีสีหน้าที่งุนงงศิษย์พี่ใหญ่จึงถามไปอย่างล้อเลียน“ใช่ การปักปิ่นเป็นการบ่งบอกว่าเจ้าพร้อมจะเป็นเจ้าสาวแล้ว พอเจ้าปักปิ่นแล้วเจ้าก็จะมีเหย้ามีเรือนได้ เอ๋ เอ๋ เอ๋ หรือบิดาเจ้าจะคิดให้เจ้าแต่งงาน อ่า ข้าสงสารน้องเขยในอนาคตของข้ายิ่ง ที่จะได้เจ้าไปเป็นฮูหยิน” จิวหลินเสริมก่อนจะถูกน้องหญิงคนเดียวมองค้อน“ได้ข้าเป็นฮูหยินแล้วมันเป็นอย่างไรกัน!”“ก็เจ้ามันนางปีศาจอย่างไรเล่
‘โอวหยางเหวินหลง ข้าไม่อยากเป็นศิษย์ท่านแล้ว!!!’กว่าสิบสองปีที่จิวเฟยคิดว่าไม่อยากเป็นศิษย์ของปีศาจร้ายผู้นี้รวมถึงพูดให้คนเป็นอาจารย์ได้ยินก็หลายครั้งแต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่นางได้เลิกเป็นศิษย์ของอาจารย์ที่นางเรียกลับหลังว่าปีศาจร้าย นางยังคงเป็นศิษย์ของเหวินหลงมาจนกระทั่งล่วงเลยถึงวัยสิบแปดหนาวได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในห้าศิษย์เอกของเจ้าสำนักศึกษาเฟยผิง และเป็นศิษย์หญิงเพียงผู้เดียวของผู้เป็นอาจารย์ปัจจุบันนางและศิษย์พี่ทั้งสี่ต่างก็สำเร็จการศึกษาวิชาสูงสุดแล้ว อาจารย์มิได้รับศิษย์เพิ่มมา นางจึงเป็นศิษย์น้องเล็กของพี่ ๆ และสำเร็จวิชาทั้งศาสตร์แพทย์ ศาสตร์พิษ และศาสตร์การต่อสู้เป็นคนสุดท้ายในบรรดาศิษย์ทั้งห้า...เพิ่งออกจากถ้ำฝึกตนซึ่งเป็นสถานที่ต้องห้ามไว้ฝึกเคล็ดวิชาขั้นสูงมาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนนี้เองเมื่อสำเร็จการศึกษาศิษย์ของสำนักมิมีสิ่งใดผูกมัดกับสำนักนอกเสียจากจะเข้าเป็นสมาชิกสำนักคุ้มภัยเหว่ยผิงหรือหอขายข่าวเหอผิงซึ่งเป็นสำนักคุ้มภัยและหอขายข่าวของสำนึกศึกษาเฟยผิง บางคนจึงไปเป็นแม่ทัพนายกอง หรือขุนนาง แต่สำหรับศิษย์ของเจ้าสำนักนั้นได้สิทธิ์พิเศษมากกว่านั้น หากอ







