นี่เหรอ คนที่บอกว่าจะไม่ดื่มจนเมาปลิ้น
จาริลที่คอยระมัดระวังตัวมาเสมอคนนั้น ยามนี้กลับเป็นที่น่าผิดหวังแก่หญิงสาวที่กำลังมองดูอยู่เหลือเกิน วินนี่ วินตา คือคนที่ถูกสั่งให้เดินทางแวะมารับรุ่นน้องกลับไปซ้อมการแสดงที่ค่ายเพลง แต่ทันทีที่เดินทางมาถึงและเข้าไปเจอตัวคนที่เฝ้าตามหา เจ้าตัวก็แทบจะอยากวิ่งหนีหลบฉากออกไปให้หน้าหายร้อนผะผ่าวเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ ณ ตอนนี้ เมื่อภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังก่อกิจกามอยู่บนเตียงนอนในห้องพักที่ผู้ใช้บริการทั้งสองคนไม่แม้แต่จะใส่ใจปิดประตูล็อค ทำให้นักร้องสาวหน้าหวานมองเห็นทุกอย่างได้โดยไม่มีสิ่งใดมาบดบัง อีกทั้งสองร่างที่เกือบจะหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตรงนั้นก็ยังไม่สนใจรับรู้การมาเยือนของเธอ หญิงสาวเกิดความรู้สึกโมโหขึ้นแทนความรู้สึกอับอายในตอนแรก เธอจำต้องรีบพาตัวเองออกไปจากสถานที่แห่งนี้เพื่อให้หลุดพ้นจากภาพที่ไม่น่ามองของทั้งสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพการกระทำของจาริล รุ่นน้องร่วมค่าย เขาไม่อยากเห็นอีกฝ่ายในอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้เลย “ริล ริล!” แต่ปราศจากการสนใจใดใดทั้งสิ้น คราวนี้ขาเรียวก้าวเข้าไปประชิดกับเตียงกว้างและพยายามไม่มองไปยังร่างเปลือยท่อนบนของหญิงสาวที่กำลังโอบรั้งกายแกร่งของจาริลเอาไว้ มือที่สั่นเล็กน้อยของวินตาเอื้อมไปจับกระชากแขนขวาของจาริลอย่างรุนแรง ฉุดกระชากร่างหนาให้หลุดพ้นออกมาจากการครอบครองของหญิงสาวได้สำเร็จ แม้นักร้องสาวจะไม่ได้มองดูสภาพของจาริลในยามนี้เพราะรู้สึกหงุดหงิดและรู้สึกอับอายก็ตาม แต่เธอก็รับรู้ได้จากหางตาว่าสภาพร่างของรุ่นน้องคนนี้ไม่เรียบร้อยมากแค่ไหน มือขาวกระตุกแขนของจาริลให้ก้าวออกมาห่างจากเตียงแล้วจูงไปยังประตูห้อง แต่น้ำเสียงเหมือนคนเมาของจาริลก็ดึงให้เธอหยุดเดินแล้วค่อยๆ หันหลังกลับมาช้าๆ เพื่อเผชิญหน้ากับคนเมาอย่างเอือมระอา “พี่..วินนี่... มาได้ไง... แล้วพี่มาทำไม...” คำถามของคนไร้สติตรงหน้าทำเอาคนฟังนึกโกรธขึ้นเรื่อยๆ หนีซ้อมมาคั่วกับผู้หญิงยังไม่พอ นี่ยังเมาเข้าอีก อย่างนี้ถ้าเธอไม่มารับ อีกฝ่ายก็คงจะเมาจนคลำหาทางกลับบ้านไม่ได้จริงๆ “ริล น้องโดนแน่ แมนคงจะไม่ปล่อยให้น้องออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้อีกแล้ว เราต้องกลับเดี๋ยวนี้!” ไม่เคยเลยที่วินนี่จะตะคอกรุ่นน้องร่วมค่ายด้วยอารมณ์โกรธอย่างที่เป็นอยู่ แต่คนถูกโกรธคงจะไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ชัดเจนมากกว่าครั้งไหน เพราะยามนี้จาริลกำลังเคลิบเคลิ้มจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ชายหนุ่มรู้สึกร้อนไปทั่วเรือนร่าง เหงื่อกาฬไหลท่วมกาย หัวใจสูบฉีดเลือดอย่างรวดเร็วจนรู้สึกทรมานราวหัวใจจะระเบิด ถ้อยคำของวินตาที่พูดออกมากลับถูกประสาทการรับรู้บิดเบือนข้อมูลที่แท้จริงจนเกือบหมด ร่างเกือบเปลือยล่อนจ้อนของจาริลจึงไม่ทำตามคำสั่งของรุ่นพี่เลยแต่อย่างใด เขากลับหันหลังให้อีกฝ่ายแล้วทำท่าจะเดินกลับไปหาร่างสวยบนเตียงนอนด้านหลัง ทว่าวินตาก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เธอกระชากแขนรุ่นน้องให้หันกลับมาก่อนจะตบต้นแขนขวาเล่นงานคนไม่ได้สติจนตัวเซล้มลงไปนั่งกองบนพื้นห้อง จาริลขมุบขมิบปากต่อว่าด้วยถ้อยคำสั้นๆ ที่อีกฝ่ายไม่สนใจฟังและไม่อาจได้ยิน ยามนี้ร่างสูงของชายผิวขาวกำลังควบคุมอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน และถ้าวินตาเลือกได้เธอไม่อยากจะโกรธรุ่นน้องที่นิสัยดีคนนี้หรอก นึกสงสัยเหลือเกินว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้นรุ่นน้องคนดีคงไม่โดดซ้อมคอนเสิร์ตรวมของศิลปินในค่ายแล้วมาดื่มจนเมาหนักถึงขั้นนี้เป็นแน่ เจ้าเด็กนิสัยไม่ดีหัดโกหก ไหนบอกว่าแค่แวะออกมาเจอเพื่อนแปบเดียวเดี๋ยวก็กลับ แต่นี่กลับปล่อยให้ตัวเองเมามายจนแทบจะได้เสียกับผู้หญิง มันสมควรไหมฮะ ไอ้เด็กบ้า! เมื่อตัดสินใจจะพารุ่นน้องกลับไปทั้งสภาพนี้ นักร้องสาวก็นั่งลงคุกเข่าช่วยแต่งตัวให้กับจาริลที่เอาแต่นั่งง่อยเปลี้ยไม่ยอมทำตามคำสั่ง เธอไม่อยากจะโกรธน้องชายคนนี้เลยจริงๆ ให้ตาย แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ทำให้เธอรู้สึกโกรธอยู่ดีนั่นล่ะ ก็เล่นเมาจนต้องให้เธอมาแต่งตัวให้แบบนี้แถมยังต้องคอยหลบสายตาให้พ้นไปจากร่างเปลือยของสาวงามตรงนั้นอีก วินตาโมโหหงุดหงิดจนหน้าแดงไปหมดแล้ว! “พี่วินนี่...” “เออ จะเสร็จแล้วหน่า ถ้าน้องไม่เมามันคงง่ายมากกว่านี้” “พี่อยากนอนกับเราคืนนี้เหรอครับ...” “ดูพูดเข้า น้องคงเมามากสินะ” วินตาว่าพร้อมกับเป็นอันแต่งตัวให้รุ่นน้องเสร็จสรรพ ท่อนแขนเรียวทำหน้าที่ดึงแขนของร่างสูงให้ลุกขึ้นตามตนเองพลางประคองเจ้าของร่างเดินออกจากห้องไปท่ามกลางเสียงบ่นไม่เป็นศัพท์ของจาริล และก่อนจะออกจากห้องพักชั้นบนของผับแห่งนี้ไป วินตาก็ไม่ลืมล็อคประตูด้านในให้กับสาวสวยที่ยังคงนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงกว้างโดยไม่รับรู้ถึงการจากไปของจาริล คงไม่ใช่ความผิดของเธอที่พรากชายรักมาจากเธอคนนั้นหรอกใช่ไหม เพราะวินตาก็แค่อยากได้คนของเธอคืนมาก่อนที่จะเกิดปัญหา ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเธอ ตัดสินใจวิ่งหนีออกไปแล้วทิ้งจาริลไว้ให้สนุกกับสาวคนรัก เรื่องราวในวันรุ่งขึ้นจะเป็นเช่นไรต่อไป “รู้ไหมว่าตัวเองทำอะไรลงไปในคืนนี้ จาริล...” วินตาเอ่ยขึ้นอย่างไม่หวังเอาคำตอบ แขนข้างซ้ายโอบแผ่นหลังของจาริลไว้ ส่วนมืออีกข้างจับประคองแขนแกร่งของจาริลให้พาดอยู่บนบ่าของตนพร้อมเดินมุ่งหน้าออกไปจากผับที่ไม่ได้แออัดเหมือนหลายนาทีก่อนที่เข้ามา เธอจึงพารุ่นน้องออกมาได้โดยไม่มีอุปสรรคขัดขวาง แต่นับจากนี้ต่างหากที่วินตาจะได้พบกับอุปสรรคของจริง... “แมน... จาริลเมามากเลย พี่กำลังจะพากลับไปส่งบ้าน แค่นี้ก่อนนะ” วินตาวางสายแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์ มือขาวค่อยๆ ผลิกร่างสูงไปพิงกระโปรงรถด้านหน้าเมื่อเดินมาถึงรถยนต์ให้ยืมของบริษัท แต่ทันทีที่ประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับถูกเปิดออก ร่างสูงที่เคยยืนอยู่ใกล้ๆ ก็เดินตัวเอียงออกไปยังทิศทางอื่น วุ่นวายจนคนขับรถต้องวิ่งตามไปกระชากคนเมาให้เดินกลับมาที่เดิม “จาริลกลับมานี่นะ!” วินตาตะคอกใส่ใบหน้าสุดอึนของรุ่นน้อง แต่คำสั่งประโยคนั้นกลับให้ผลตอบรับที่ผิดไปจากความตั้งใจของคนสั่ง จาริลได้ยินมันว่าอะไร วินนี่ไม่อาจรู้ เพราะยามนี้คนที่ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นกำลังทำสิ่งที่เรียกว่า... จูบ ตบคนเมาคงไม่ผิดใช่ไหม วินตากำลังคิดวิธีการสั่งสอนคนเมาที่ทำเรื่องไม่เข้าท่า แต่แล้วเจ้าตัวก็ตัดสินใจได้ว่าตบคนเมาตอนนี้คงจะเร็วเกินไป เพราะจาริลเพิ่งจะถูกเธอตีเข้าที่แขนจนล้มพับ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะปล่อยให้พลาดจนมีครั้งที่สอง สงสัยว่าอีกฝ่ายคงจะเห็นภาพหลอนถึงได้มองเธอเป็นแม่สาวสวยที่กำลังคบหาดูใจกันอยู่เป็นแน่ มันน่านัก ไอ้จาริล! “มีสติหน่อยสิ นี่วินนี่นะ นี่พี่วินนี่ไง ไปๆ ขึ้นรถ ไปเดี๋ยวนี้!” “มีสติหน่อยสิ นี่วินนี่นะ นี่พี่วินนี่ไง ไปๆ ขึ้นรถ ไปเดี๋ยวนี้!” วินตาไม่ว่าเปล่า แขนกระชากเสื้อของจาริลให้เดินตามขึ้นรถกลับบ้าน เมื่อผลักร่างสูงเข้าไปนั่งด้านในได้สำเร็จ เธอก็ไม่ลืมคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับจาริล เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมหยุดอยู่นิ่งๆ แล้ว เธอกลัวว่าอาจจะถูกก่อกวนระหว่างขับรถจนเกิดอุบัติเหตุ ครั้นคาดเข็มขัดนิรภัยให้รุ่นน้องเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้ามานั่งภายในรถเตรียมตัวเดินทางกลับ ทว่าเสียงผิดคีย์ของจาริลก็ชักจะทำให้คนฟังเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาง่ายๆ แต่ละคำที่เขาพูดออกมาช่างน่ารำคาญเสียเหลือเกิน “พี่วินนี่ปล่อย... ปล่อยเซ.... ช่ออยู่ไหน... ช่อฟ้าๆๆๆ” จาริลครํ่าครวญหาคนรักจนคนขับแทบทนฟังไม่ได้ ยิ่งได้ยินเสียงรุ่นน้องก็ยิ่งพาลหงุดหงิดเป็นเท่าตัว ทั้งที่ห่วงแสนห่วงแต่คนข้างๆ ก็ดันทำตัวงี่เง่าจนทำให้เธอโมโหหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็นกับอีกฝ่าย เธอคิดผิดจริงๆ สินะที่ขับรถออกมาซื้อของกินเข้าบ้านพักศิลปิน เพราะถ้าเธอไม่ออกมาในค่ำคืนนี้ เธอก็คงไม่ถูกแมนไหว้วานให้แวะมารับจาริลจอมหลอกลวงคนนี้หรอก “ช่อ ฮือออ... ผมจะไปหาช่อ พี่จะพาผมไปไหน ไม่ปายยยย” “จาริล! เงียบๆ พี่ต้องใช้สมาธิขับรถ” แต่จาริลก็ยังไม่ยอมเงียบเสียง วินตาจึงอาศัยเปิดเพลงฟังเพื่อให้เพลงดังกลบเสียงงึมงำของคนเมาข้างกาย พลางคิดว่าบางทีคนอย่างเธอนั้นคงไม่ถนัดดูแลคนเมาเลยจริงๆริมฝีปากที่ร้อนราวกับไฟของชายหนุ่มกำลังบดขยี้ริมฝีปากบางราวกับต้องการระบายอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านโดยมีหญิงสาวคอยตอบรับทุกสัมผัสที่แสนรุนแรงและทิ้งความเผ็ดร้อนให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆยามนี้มือหนาเริ่มทำหน้าที่ปลดเปลื้องอาภรณ์แต่ละส่วนของอีกฝ่าย ตั้งแต่เสื้อคลุมไปจนถึงเสื้อยืดที่วินตาชื่นชอบก็ถูกร่างสูงถอดทิ้งกองลงกับพื้นอย่างไม่ใยดีในไม่ช้าร่างกายท่อนบนของวินตาก็เหลือสภาพเปลือยเปล่า ตอนนั้นเองที่ร่างสูงจับประคองร่างบางให้เข้ามาแนบชิดมากยิ่งขึ้นโดยที่ริมฝีปากนั้นยังคงไม่หยุดการรุกล้ำ เขายังคงดื่มดํ่ากับจุมพิตแสนหวานขณะดันร่างบางนำพาไปหยุดนั่งบนเตียงนอนหลังใหญ่วินตาถูกทาบทับโดยร่างของพลับพลาในตอนนั้น คนตัวโตกว่ายังคงเก็บเกี่ยวความหวานจากโพรงปากฉ่ำไม่หยุดหย่อนและเมื่อชายหนุ่มรับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่เริ่มติดขัดเพราะรสจูบที่แสนยาวนานครั้งนี้ เขาก็ยอมปล่อยให้กลีบปากบางเป็นอิสระก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปจูบหนักๆ ที่แก้มซ้ายและลดระดับลงไปคลอเคลียที่ซอกคอขาวเนียนของวินตาบ้าง“ริล...จาริล...”“จาริล...เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น” สิ้นประโยคนั้นพลับพลาก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้า
“ค่ารถเท่าไรคะ จะลงตรงนี้ล่ะ” วินตาถามขณะทำท่าล้วงกระเป๋าสตางค์เมื่อโชเฟอร์บอกราคาตามตัวเลขหน้ามิเตอร์ หญิงสาวก็ยื่นเงินให้ครบตามจำนวนแล้วเปิดประตูลงจากรถ เธอก้าวเท้าไปตามฟุตบาทพลางเดินถือถุงกระดาษใบเล็กที่บรรจุเครื่องสำอางส่วนตัวตรงไปยังสถานบันเทิงที่หมายมั่นพร้อมกับความคิดที่จะดื่มดํ่าและสนุกไปกับผู้คนที่นี่ เพราะในคํ่าคืนนี้เธอจะเป็นคนสุดท้ายที่กลับถึงบ้าน ไม่ใช่จาริลเหมือนทุกทีเก่งนักใช่ไหมเรื่องแบ่งเวลาไปหาผู้หญิง งั้นคราวนี้ขอเธอเถลไถลบ้าง เธอจะดื่มให้กลิ่นเหล้าติดตัวแล้วกลับดึกที่สุดเลยคอยดูขณะที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั่นเอง เท้าข้างหนึ่งของเธอก็ไม่ทันหลบเลี่ยงมันเหยียบเข้ากับเท้าของใครคนหนึ่งเต็มแรง และด้วยความตกใจนั๋นเองทำให้ร่างของเธอชนเข้ากับสีข้างของผู้โชคร้ายที่ถูกเธอเหยียบเท้าเข้าโดยไม่ได้เจตนา“โอ๊ะ! ขะขอโทษค่ะ” วินตาอุทานด้วยความตกใจ เธอรีบถอยออกมาโค้งกายกล่าวขอโทษ เพราะตัวเองผิดเข้าเติมประตูที่เผลอไปเหยียบเท้าและชนกับชายคนนี้ที่เดินสวนผ่านมาใบหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับคนตรงข้ามช้าๆ แ
“ริล พี่อยากขอให้น้องเลิกทำแบบนั้น ทั้งกับผู้หญิงของน้อง และกับพี่ พี่รู้สึกดีนะที่น้องไว้ใจให้พี่เป็นคนเดียวที่รู้ความลับ แต่หลังจากนี้ ขออย่าพาพี่เข้าไปรู้จักกับคนของน้องอีก... ยิ่งเป็นเรื่องที่ผิด พี่ยิ่งไม่อยากรู้ พี่อาจจะห้ามน้องไม่ให้ทำไม่ได้ แต่พี่ก็หวังว่าน้องจะไม่ทำมันอีก” “ครับ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก” “เรื่องแอบเดทน่ะพี่ไม่ก้าวก่ายหรอก แต่เรื่องมีอะไรกับแฟนคลับในขณะที่น้องยังมีแฟน พี่รับไม่ได้ว่ะ น้องทำผิดหลายสถานเลยนะริล ทั้งนอกใจแฟน นอนกับแฟนคลับ น้องกล้าทำแบบนั้นทั้งที่เรากำลังเดินทางกันอยู่ น้องนี่แม่ง... โคตรแย่” คำพูดแต่ละประโยคของวินตานั้นเติมไปด้วยความผิดหวัง กระแสเสียงที่หญิงสาวเอ่ยกับรุ่นน้องมันสั่นไหวและแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดเช่นเดียวกับลูกแก้วกลมวาวคู่นั้นที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกออกมาอย่างไม่ลวงหลอก ผิดหวัง... เจ็บปวด... ทั้งหมดนั้น เพราะจาริล “ผมขอโทษ... ผมขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษที่ทำให้พี่ผิดหวัง ขอ โทษที่ปล่อยให้พี่อยู่ตามลำพัง ขอโทษ...” จาริลพรั่งพรูถ้อยคำขอโทษออกมามากมาย ใบหน้าแสดงความรู้สึกผิดดังที่พูด คำขอโทษเหล่านั้นทำให้หญิงสาวคลายอคติ
ความเงียบครอบคลุมอยู่นานจนกระทั่งรถตู้ของบริษัทพาทุกคนมาถึงสนามบิน วินตาเริ่มพูดคุยกับทุกคนยกเว้นจาริล เธอไม่สนใจรุ่นน้องที่มาด้วยกันแม้แต่น้อย เมื่อเธอเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่เพิ่งมีกลุ่มคนลุกจากไป จาริลก็ทำท่าจะเดินตามลงไปนั่งข้างๆ แต่เธอก็รีบฉุดแขนของแม้นเมืองที่ยืนอยู่ให้นั่งตามลงมาแทน ทำให้ที่นั่งฝังนี้ไม่เหลือที่ว่างให้ร่างสูงอีกแล้ว จาริลมองรุ่นพี่อย่างเข้าใจดีทุกอย่าง แต่มันสายเกินไปที่เพิ่งจะมารับรู้ ความรู้สึกของอีกฝ่ายเอาตอนนี้ เขายอมรับว่าเขาผิดที่ทิ้งพี่วินนี่ให้อยู่คนเดียว แบบนั้น เขาน่าจะคิดให้ดีก่อนที่จะทำมันลงไป “พี่โกรธผมจริงๆ ใช่ไหม?” จาริลถามต่อหน้าสมาชิกในวงทั้งสามคนของเขา อคินที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกจากที่นั่งแล้วผลักจาริลให้นั่งลงแทนที่ตน ส่วน อีกสองคนที่เหลือต่างก็หันไปมองทิศทางอื่นทำราวกับไม่สนใจการมีอยู่ของชายและหญิงคู่นี้สองคนตรงนี้ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าจาริลกำลังง้อรุ่นพี่อยู่ “โกรธผมเหรอ...” จาริลยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ร่างบางมากขึ้น จนวินตาต้องใช้ สองมือดันหน้าอกจาริลไ
หลงทาง วินตารำพึงในใจอย่างห่อเหี่ยว หญิงสาวเดินเต็ดเตร่ไปเรื่อยๆ ก่อนจะพบว่าตนเองวนกลับมาทางเดิม เมื่อรู้ตัวเช่นนั้นเธอจึงไม่มีกะจิตกะใจจะเที่ยวเล่นอีกต่อไป สองเท้าหยุดเดินพลางคลำหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสูท เมื่อหยิบมันขึ้นมาแล้วนิ้วเรียวรีบเลื่อนหารายชื่อก่อนจะกดโทรหาคนที่พึ่งพาได้มากหี่สุด รอไม่ถึงสิบวินาทีเท่านั้นเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นทักทายเธออย่างสดใส “ไงคะ” “พี่แอร์โรว์อยู่ไหนคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามรุ่นพี่ที่คาดว่าตอนนี้เจ้าตัวคงกำลังเดินอยู่ที่ใดสักแห่งแถวๆ นี้ “พี่อยู่ที่... เอ่อ ที่ร้านขายไก่ย่างเสียบไม้ ตรงนี้มันโซนขายของกิน” “เอ่อ พี่คะ วินนี่หลงทางทำไงดี” วินตาพูดเหมือนจะร้องไห้ ใบหน้าหันมองรอบ กายแต่ไม่มีใครรู้จักเธอ อย่างน้อยยามนี้ถ้าเธอเจอแฟนคลับเข้าสักคน เธอก็คงจะ กล้าขอความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้นบ้าง “แล้วจาริลไปไหน? วินนี่ ไปกับจาริลไม่ใช่เหรอ แล้วมันอยู่ไหน?” “ไม่รู้ วินนี่หลงกับน้อง” “โทรหารึยัง จะได้พากันกลับมา” แต่คำแนะนำนั้นกลับทำให้วินตารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จะให้เธอโทรตามอีกฝ่ายได้อย่างไร เธอไม่คิดจะไปขัดจังหวะคนทั้งสองและก็ไม่อยากเรีย
สำหรับวินตาแล้วมันเป็นเพียงร้านธรรมดาๆ ร้านหนึ่งจึงพาลให้นึกสงสัยว่าคนที่พามากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้พาเธอแวะเข้าร้านที่เหมาะกับเด็กผู้หญิงแบบนี้ “จะซื้อของฝาก?” วินตาถามตามความคิดที่น่าจะเป็นไปได้แต่จาริลกลับให้คำตอบที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน “ผมมาตามหาสาวคนหนึ่งน่ะครับ ตอนจบคอนเสิร์ตเธอตามมาส่งเราขึ้นรถ แล้วก็สอดนามบัตรเข้ามาในแขนเสื้อผม” “แล้วนายก็มาจริงๆ เนี่ยนะ” วินตาหันขวับไปมองหน้ารุ่นน้องอย่างไม่อยากจะ เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่ารุ่นน้องคนนี้จะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ “ครับ พี่อย่าบอกใครนะ” แม้แต่แฟนคลับที่ควรจะยกเว้น แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจงั้นเหรอ วินตาถึงกับพูดไม่ออก คนเป็นรุ่นพี่จึงทำใจนิ่งแล้วเดินเคียงคู่ร่างสูงเข้าไปหยุดอยู่ภายในร้านทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป แขกผู้มาเยือนจึงได้พบกับเจ้าของร้านหรือเจ้าของนามบัตรที่จาริลตั้งใจมาพบเจอ สาวสวยคนนั้นส่งยิ้มกว้างมาทักทายพวกเธอเป็นอย่างแรก บรรยากาศระหว่างพวกเธอทั้งสามเหมือนจะเป็นไปด้วยความอึดอัด หญิงสาวแสดงความ