“พี่ส่งน้องแค่นี้นะ พรุ่งนี้เจอกัน”
วินตาบอกชายหนุ่มที่เพิ่งถูกดันหลังให้เข้าไปยืนอยู่ภายในห้องของเธอชั่วคราว เพราะไม่รู้ว่าคนเมาไปลืมกุญแจห้องเอาไว้ที่ไหน เธอคิดว่าบางทีอาจจะเป็นที่ห้องวีไอพีในผับนั้นก็เป็นได้ และเธอก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายเก็บกุญแจสำรองไว้ที่ไหน สำหรับเธอที่ทำหน้าที่รับรุ่นน้องร่วมค่ายกลับมาก็ถือว่าหมดหน้าที่ลงเพียงเท่านี้ ครั้นจะให้คนอย่างเธอเข้าไปดูแลคนเมาด้วยการถอดเสื้อผ้าแล้วเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตามตัวรุ่นน้องล่ะก็ ลืมไปได้เลย เพราะวินตาไม่มีทางทำตามละครที่เคยดูเด็ดขาด ในเมื่อจาริลอยากดื่มเหล้าจนเมามายก็สมควรแล้วที่จะปล่อยทิ้งไว้ทั้งสภาพเช่นนั้น คนไม่สนใจอาการของคนเมาที่พากลับมาตัดสินใจหันหลังเดินจากไปและเตรียมจะกลับไปยังรถยนต์เพื่อหิ้วถุงอาหารเครื่องดื่มที่ซื้อตุนไว้ขึ้นมาเก็บในครัว ทว่าเสียงอะไรบางอย่างก็ทำเอาฝ่าเท้าของเธอชะงัก กึก! เสียงรองเท้าหล่นกระทบกับพื้นดังขึ้น เมื่อมือของคนเมาดึงรองเท้าข้างหนึ่งของเธอไว้จนมันหลุดออกมา หญิงสาวเหลียวกลับไปมองที่พื้นห้องก็พบว่าร่างของจาริลนอนควํ่าอยู่บนพื้นโดยที่มือข้างหนึ่งวางลงใกล้ๆ กับรองเท้าของเขาข้างที่ถูกดึงออก “ห้องนอนอยู่ทางนู้น” วินนี่ชี้นิ้วบอกทางไปยังห้องนอนแต่คนนอนคว้ำหน้ากลับเอื้อมมือมากำรอบข้อเท้าของเธอไว้ ก่อนจะดึงกระชากอย่างแรงจนร่างของเธอเสียหลักล้มลงมา โป๊ก! ตามด้วยเสียงศีรษะของหญิงสาวที่กระแทกเข้ากับบานประตูห้องที่ปิดสนิท เอาอีกแล้วนะจาริล นี่จะทำให้เธอหงุดหงิดไปถึงไหนกัน เพี๊ยะ! และเสียงต่อมาเป็นเสียงฝ่ามือของวินตาที่ตบลงบนแขนของร่างหนา จาริลค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองสบตากับวินนี่อย่างเชื่องช้า ทำให้คนมองเห็นความผิดปกติของรุ่นน้องได้ชัดเจน และมันกลับชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อเจ้าของใบหน้าชะโงกหน้าเข้ามาใกล้... ใกล้มาก... ใกล้เสียจน... โป๊ก! “โอ๊ย” วินตาร้องออกมาอีกครั้งเมื่อศีรษะโขกเข้ากับบานประตูขณะกำลังเอนตัวถอยหนีอีกฝ่าย แต่เธอก็ไม่มีโอกาสตั้งตัวทันอีกเป็นครั้งที่สอง ลมหายใจของเธอถูกช่วงชิงไปพร้อมๆ กับจุมพิตครั้งนี้ จาริลจูบเธอราวกับไม่รู้สึกอะไรเลย ตายแน่ แกตายแน่จาริล! วินตาไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกเอาเปรียบอยู่นาน เมื่อลมหายใจของตนกลับมาอีกครั้ง เธอก็ออกแรงทั้งมือและขาผลักไสร่างคนเมาให้ออกห่าง แต่แม้อีกฝ่ายจะถูก ผลักไสออกไปไกลแค่ไหน มือไม้คู่นั้นก็จะกลับมารังควานเธอทุกครั้งจนไม่มีจังหวะให้หันตัวกลับไปเปิดประตูห้องหนีออกไปได้ “ปล่อยนะริล ปล่อย!” ออกคำสั่งไปก็เสียเปล่า นาทีนี้มันไม่มีผลอะไรกับจาริลอีกแล้ว คนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างจาริลกำลังจะจับร่างรุ่นพี่ได้สำเร็จ แต่วินตาก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำสำเร็จ เธอลุกขึ้นดิ้นตัวสุดแรงเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนของรุ่นน้องที่ดึงตัวเธอเข้าไปกักขังไว้ในอ้อมแขนและพยายามดันร่างของเธอให้อยู่ห่างออกไปจากประตูห้องเรื่อยๆ นาทีนี้ทำให้คนที่ถูกล่วงเกินทั้งรู้สึกโกรธและตกใจเป็นอย่างมาก วินตาภาวนาขอให้เธอรอดพ้นจากการคุกคามนี้ เพราะไม่รู้ว่าอีกคนยังเหลือเรี่ยวแรงอยู่แค่ไหน ถ้าหากว่าอีกฝ่ายสลบไปก่อนก็คงจะถือเป็นโชคดีสำหรับเธอ ทว่าโชคดีแบบนั้นจะเกิดขึ้นจริงน่ะหรือ เห็นทีเขาคงจะหวังมากเกินไป เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมอ่อนแรงเหมือนคนเมาโดยทั่วไปแล้ว จาริลยังแสดงอาการรุนแรงจนคล้ายกับคนที่กำลังคลั่ง บ้าไปแล้ว เธอไม่เคยเห็นจาริลที่เป็นแบบนี้มาก่อนเลย และนั้น มันทำให้เธอเริ่มกลัว... “ปล่อย! ปล่อยนะ! โธ่โว้ยย!!” คำสบถดังลั่นห้องเมื่อรุ่นพี่พบว่าตนเองไม่มีทางให้หนีรอดออกจากอ้อมแขนนี้ได้อีกแล้ว เว้นเสียแต่เจ้าของของมันจะยอมปล่อย และไม่กี่วินาทีต่อมาร่างนั้นก็เริ่มคลายอ้อมกอดออกช้าๆ หากแต่ไม่ใช่ในแบบที่เธอนึกไว้เลย จาริลปล่อยร่างของวินตาลงบนเตียงนอน… “ริล... จาริล ได้สติหน่อยสิ...” วินตาพยายามยันตัวเองขึ้นนั่งแล้วเตือนสติรุ่นน้องให้ยอมฟัง แต่ค่าที่ได้ก็มีค่าเท่าเดิมนั้นคือการไม่รับรู้คำสั่ง จาริลกดน้ำหนักลงบนร่างของรุ่นพี่ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตปิดปากอีกฝ่ายโดยไม่พูดพรํ่า ร่างสูงไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเกิดขึ้นและดำเนินไปเหมือนดั่งภาพฝัน กลายเป็นจินตนาการที่จับต้องได้อย่างที่จาริลมองเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น... “อือ...อื้อ...” วินตาส่งเสียงประท้วงไม่หยุด สองมือที่ยังเป็นอิสระผลักไสใบหน้าของจาริลออกไปอย่างไม่ปราณี เรี่ยวแรงที่ใช้โต้ตอบอีกฝ่ายนั้นมากพอจะทำให้คนเมาตอบสนองต่อความเจ็บ ทว่ามันก็หยุดยั้งได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อจาริลเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้อีกหน ในตอนนั้นที่คนอายุมากกว่าทิ้งลำตัวลงจากเตียงไปด้านข้าง และเป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสูงที่ฉวยเอวของรุ่นพี่ไว้ได้ วินตาปัดป่ายแขนไปทั่วฝาผนังเพื่อหาสิ่งยึดเกาะแต่กลับกลายเป็นการปัดทำลายข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะลิ้นชักให้ตกลงบนพื้นห้องระเนระนาด รวมไปถึงกรอบรูปส่วนตัวที่ตกลงมาแตกกระจายบนพื้นริมฝีปากที่ร้อนราวกับไฟของชายหนุ่มกำลังบดขยี้ริมฝีปากบางราวกับต้องการระบายอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านโดยมีหญิงสาวคอยตอบรับทุกสัมผัสที่แสนรุนแรงและทิ้งความเผ็ดร้อนให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆยามนี้มือหนาเริ่มทำหน้าที่ปลดเปลื้องอาภรณ์แต่ละส่วนของอีกฝ่าย ตั้งแต่เสื้อคลุมไปจนถึงเสื้อยืดที่วินตาชื่นชอบก็ถูกร่างสูงถอดทิ้งกองลงกับพื้นอย่างไม่ใยดีในไม่ช้าร่างกายท่อนบนของวินตาก็เหลือสภาพเปลือยเปล่า ตอนนั้นเองที่ร่างสูงจับประคองร่างบางให้เข้ามาแนบชิดมากยิ่งขึ้นโดยที่ริมฝีปากนั้นยังคงไม่หยุดการรุกล้ำ เขายังคงดื่มดํ่ากับจุมพิตแสนหวานขณะดันร่างบางนำพาไปหยุดนั่งบนเตียงนอนหลังใหญ่วินตาถูกทาบทับโดยร่างของพลับพลาในตอนนั้น คนตัวโตกว่ายังคงเก็บเกี่ยวความหวานจากโพรงปากฉ่ำไม่หยุดหย่อนและเมื่อชายหนุ่มรับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่เริ่มติดขัดเพราะรสจูบที่แสนยาวนานครั้งนี้ เขาก็ยอมปล่อยให้กลีบปากบางเป็นอิสระก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปจูบหนักๆ ที่แก้มซ้ายและลดระดับลงไปคลอเคลียที่ซอกคอขาวเนียนของวินตาบ้าง“ริล...จาริล...”“จาริล...เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น” สิ้นประโยคนั้นพลับพลาก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้า
“ค่ารถเท่าไรคะ จะลงตรงนี้ล่ะ” วินตาถามขณะทำท่าล้วงกระเป๋าสตางค์เมื่อโชเฟอร์บอกราคาตามตัวเลขหน้ามิเตอร์ หญิงสาวก็ยื่นเงินให้ครบตามจำนวนแล้วเปิดประตูลงจากรถ เธอก้าวเท้าไปตามฟุตบาทพลางเดินถือถุงกระดาษใบเล็กที่บรรจุเครื่องสำอางส่วนตัวตรงไปยังสถานบันเทิงที่หมายมั่นพร้อมกับความคิดที่จะดื่มดํ่าและสนุกไปกับผู้คนที่นี่ เพราะในคํ่าคืนนี้เธอจะเป็นคนสุดท้ายที่กลับถึงบ้าน ไม่ใช่จาริลเหมือนทุกทีเก่งนักใช่ไหมเรื่องแบ่งเวลาไปหาผู้หญิง งั้นคราวนี้ขอเธอเถลไถลบ้าง เธอจะดื่มให้กลิ่นเหล้าติดตัวแล้วกลับดึกที่สุดเลยคอยดูขณะที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั่นเอง เท้าข้างหนึ่งของเธอก็ไม่ทันหลบเลี่ยงมันเหยียบเข้ากับเท้าของใครคนหนึ่งเต็มแรง และด้วยความตกใจนั๋นเองทำให้ร่างของเธอชนเข้ากับสีข้างของผู้โชคร้ายที่ถูกเธอเหยียบเท้าเข้าโดยไม่ได้เจตนา“โอ๊ะ! ขะขอโทษค่ะ” วินตาอุทานด้วยความตกใจ เธอรีบถอยออกมาโค้งกายกล่าวขอโทษ เพราะตัวเองผิดเข้าเติมประตูที่เผลอไปเหยียบเท้าและชนกับชายคนนี้ที่เดินสวนผ่านมาใบหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับคนตรงข้ามช้าๆ แ
“ริล พี่อยากขอให้น้องเลิกทำแบบนั้น ทั้งกับผู้หญิงของน้อง และกับพี่ พี่รู้สึกดีนะที่น้องไว้ใจให้พี่เป็นคนเดียวที่รู้ความลับ แต่หลังจากนี้ ขออย่าพาพี่เข้าไปรู้จักกับคนของน้องอีก... ยิ่งเป็นเรื่องที่ผิด พี่ยิ่งไม่อยากรู้ พี่อาจจะห้ามน้องไม่ให้ทำไม่ได้ แต่พี่ก็หวังว่าน้องจะไม่ทำมันอีก” “ครับ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก” “เรื่องแอบเดทน่ะพี่ไม่ก้าวก่ายหรอก แต่เรื่องมีอะไรกับแฟนคลับในขณะที่น้องยังมีแฟน พี่รับไม่ได้ว่ะ น้องทำผิดหลายสถานเลยนะริล ทั้งนอกใจแฟน นอนกับแฟนคลับ น้องกล้าทำแบบนั้นทั้งที่เรากำลังเดินทางกันอยู่ น้องนี่แม่ง... โคตรแย่” คำพูดแต่ละประโยคของวินตานั้นเติมไปด้วยความผิดหวัง กระแสเสียงที่หญิงสาวเอ่ยกับรุ่นน้องมันสั่นไหวและแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดเช่นเดียวกับลูกแก้วกลมวาวคู่นั้นที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกออกมาอย่างไม่ลวงหลอก ผิดหวัง... เจ็บปวด... ทั้งหมดนั้น เพราะจาริล “ผมขอโทษ... ผมขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษที่ทำให้พี่ผิดหวัง ขอ โทษที่ปล่อยให้พี่อยู่ตามลำพัง ขอโทษ...” จาริลพรั่งพรูถ้อยคำขอโทษออกมามากมาย ใบหน้าแสดงความรู้สึกผิดดังที่พูด คำขอโทษเหล่านั้นทำให้หญิงสาวคลายอคติ
ความเงียบครอบคลุมอยู่นานจนกระทั่งรถตู้ของบริษัทพาทุกคนมาถึงสนามบิน วินตาเริ่มพูดคุยกับทุกคนยกเว้นจาริล เธอไม่สนใจรุ่นน้องที่มาด้วยกันแม้แต่น้อย เมื่อเธอเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่เพิ่งมีกลุ่มคนลุกจากไป จาริลก็ทำท่าจะเดินตามลงไปนั่งข้างๆ แต่เธอก็รีบฉุดแขนของแม้นเมืองที่ยืนอยู่ให้นั่งตามลงมาแทน ทำให้ที่นั่งฝังนี้ไม่เหลือที่ว่างให้ร่างสูงอีกแล้ว จาริลมองรุ่นพี่อย่างเข้าใจดีทุกอย่าง แต่มันสายเกินไปที่เพิ่งจะมารับรู้ ความรู้สึกของอีกฝ่ายเอาตอนนี้ เขายอมรับว่าเขาผิดที่ทิ้งพี่วินนี่ให้อยู่คนเดียว แบบนั้น เขาน่าจะคิดให้ดีก่อนที่จะทำมันลงไป “พี่โกรธผมจริงๆ ใช่ไหม?” จาริลถามต่อหน้าสมาชิกในวงทั้งสามคนของเขา อคินที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกจากที่นั่งแล้วผลักจาริลให้นั่งลงแทนที่ตน ส่วน อีกสองคนที่เหลือต่างก็หันไปมองทิศทางอื่นทำราวกับไม่สนใจการมีอยู่ของชายและหญิงคู่นี้สองคนตรงนี้ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าจาริลกำลังง้อรุ่นพี่อยู่ “โกรธผมเหรอ...” จาริลยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ร่างบางมากขึ้น จนวินตาต้องใช้ สองมือดันหน้าอกจาริลไ
หลงทาง วินตารำพึงในใจอย่างห่อเหี่ยว หญิงสาวเดินเต็ดเตร่ไปเรื่อยๆ ก่อนจะพบว่าตนเองวนกลับมาทางเดิม เมื่อรู้ตัวเช่นนั้นเธอจึงไม่มีกะจิตกะใจจะเที่ยวเล่นอีกต่อไป สองเท้าหยุดเดินพลางคลำหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสูท เมื่อหยิบมันขึ้นมาแล้วนิ้วเรียวรีบเลื่อนหารายชื่อก่อนจะกดโทรหาคนที่พึ่งพาได้มากหี่สุด รอไม่ถึงสิบวินาทีเท่านั้นเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นทักทายเธออย่างสดใส “ไงคะ” “พี่แอร์โรว์อยู่ไหนคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามรุ่นพี่ที่คาดว่าตอนนี้เจ้าตัวคงกำลังเดินอยู่ที่ใดสักแห่งแถวๆ นี้ “พี่อยู่ที่... เอ่อ ที่ร้านขายไก่ย่างเสียบไม้ ตรงนี้มันโซนขายของกิน” “เอ่อ พี่คะ วินนี่หลงทางทำไงดี” วินตาพูดเหมือนจะร้องไห้ ใบหน้าหันมองรอบ กายแต่ไม่มีใครรู้จักเธอ อย่างน้อยยามนี้ถ้าเธอเจอแฟนคลับเข้าสักคน เธอก็คงจะ กล้าขอความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้นบ้าง “แล้วจาริลไปไหน? วินนี่ ไปกับจาริลไม่ใช่เหรอ แล้วมันอยู่ไหน?” “ไม่รู้ วินนี่หลงกับน้อง” “โทรหารึยัง จะได้พากันกลับมา” แต่คำแนะนำนั้นกลับทำให้วินตารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จะให้เธอโทรตามอีกฝ่ายได้อย่างไร เธอไม่คิดจะไปขัดจังหวะคนทั้งสองและก็ไม่อยากเรีย
สำหรับวินตาแล้วมันเป็นเพียงร้านธรรมดาๆ ร้านหนึ่งจึงพาลให้นึกสงสัยว่าคนที่พามากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้พาเธอแวะเข้าร้านที่เหมาะกับเด็กผู้หญิงแบบนี้ “จะซื้อของฝาก?” วินตาถามตามความคิดที่น่าจะเป็นไปได้แต่จาริลกลับให้คำตอบที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน “ผมมาตามหาสาวคนหนึ่งน่ะครับ ตอนจบคอนเสิร์ตเธอตามมาส่งเราขึ้นรถ แล้วก็สอดนามบัตรเข้ามาในแขนเสื้อผม” “แล้วนายก็มาจริงๆ เนี่ยนะ” วินตาหันขวับไปมองหน้ารุ่นน้องอย่างไม่อยากจะ เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่ารุ่นน้องคนนี้จะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ “ครับ พี่อย่าบอกใครนะ” แม้แต่แฟนคลับที่ควรจะยกเว้น แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจงั้นเหรอ วินตาถึงกับพูดไม่ออก คนเป็นรุ่นพี่จึงทำใจนิ่งแล้วเดินเคียงคู่ร่างสูงเข้าไปหยุดอยู่ภายในร้านทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป แขกผู้มาเยือนจึงได้พบกับเจ้าของร้านหรือเจ้าของนามบัตรที่จาริลตั้งใจมาพบเจอ สาวสวยคนนั้นส่งยิ้มกว้างมาทักทายพวกเธอเป็นอย่างแรก บรรยากาศระหว่างพวกเธอทั้งสามเหมือนจะเป็นไปด้วยความอึดอัด หญิงสาวแสดงความ