“แม้แต่ในบ้านตัวเองก็ยังหลง” กล่าวจบแล้วก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองไป ทิ้งให้หญิงสาวเพียงคนเดียวยืนหน้าร้อนผ่าวอยู่ตรงข้ามเจ้าของห้อง
วินตารู้สึกอายที่สับสนระหว่างห้องนอนของรุ่นน้องทั้งสอง“มีไรเหรอ…”“ขอเข้าไปคุยข้างในได้ไหม?”“อื้อ”วินตาเดินตามเงาหลังของร่างสูงเข้าไปในห้อง เขานั่งลงปลายเตียงเคียงข้างชายหนุ่ม ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟและเธอก็ไม่ได้ขอให้อีกฝ่ายเปิดมัน เพราะเป็นพวกชอบอยู่ในความมืดอยู่แล้ว นาทีนี้เธอจึงบอกเล่าเรื่องราวผ่านความมืดที่มองไม่เห็นตัวผู้ฟัง“มีอะไรเหรอครับ?” จาริลถามเข้าเรื่องเพราะรู้ดีว่าหากไม่มีธุระรุ่นพี่คงไม่เข้ามาหาเขาถึงในห้อง และมันมักจะเป็นแบบนี้มาเสมอนับตั้งแต่ที่เขายังเป็นศิลปินฝึกหัด แม้พวกเขาจะมาสนิทกันภายหลังแต่รุ่นพี่ก็ยังมีระยะห่างกับทุกคนวินตาจ้องมองไปยังตำแหน่งที่คาดว่าเป็นใบหน้าของจาริล เขาถอนหายใจเหมือนคนสิ้นหวัง ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยบอกจาริลออกไปถึงความทุกข์ในใจที่มีอยู่“พี่ชายน้องบอกว่ามีคนที่ชอบแล้ว”“ฮะ! ว่าไงนะครับ?”ร่างสูงรีบยื่นมือไปจับสองแขนของร“แฮ่กๆๆ”เสียงหอบหนักของวินตาดังขึ้นเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้ง แต่อย่าเป็นอิสระเสียยังดีกว่า หากมันจะดึงดูดความสนใจจากร่างสูงไว้ให้หยุดทุกอย่างอยู่เพียงเท่านี้ วินตาก็จะยอมให้อีกฝ่ายจูบต่อให้นานตราบเท่าที่อีกฝ่ายพึงพอใจทว่าการจูบไม่เคยเพียงพอสำหรับจาริล ชายหนุ่มผละกายออกมาก็เพื่อจะเริ่มบรรเลงบทรักที่แท้จริงต่อจากนี้ เขากำลังจะครอบครองเรือนร่างของวินตาในไม่ช้า“ริล... ริลอย่า...” วินตาอ้อนวอนรุ่นน้องด้วยหัวใจที่เต้นแรงด้วยความกลัว นัยน์ตาสีน้ำตาลเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่เตรียมจะไหลรินได้ทุกเมื่อและในไม่ช้า... มันจะหลั่งไหลลงมาเพราะการกระทำของจาริล“จาริลอย่า... ฮือออ...” หญิงสาวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นบิดบังใบหน้า เธอทำใจไม่ได้ที่จะต้องทนเห็นคนที่กำลังทำร้ายเธอจาริลยกขาเปลือยเปล่าของวินตาขึ้นอ้ากว้าง ก่อนจะยัดเอียดความเป็นชายของตนผ่านช่องทางคับแน่นจนไม่สามารถแทรกแก่นกายผ่านเข้าไปได้ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดที่ไม่ต่างอะไรจากการถูกเศษแก้วบาดเมื่อครู่ แต่ในวินาทีต่อมาเธอก็ได้รู้ว่ามันเจ็บยิ่งกว่าบาดแผลที่ถูกเศษแก้วแทงที่ต้นขาขนาดไหนจาริลพยายามกระแทกก
1 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เสียงเพลงที่ดังอย่างต่อเนื่องด้วยจังหวะเร้าใจนี้กำลังทำให้ ริล หรือ จาริล รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ ร่างสูงหรือไอดอลที่รู้จักกันในชื่อ ริล รับรู้ถึงจังหวะการก้าวเดินที่ผิดทิศทางไปเล็กน้อย แต่นั่นก็มากพอที่จะเตือนเขาให้รู้ว่าต้องรีบควบคุมตนเองทันใด เพราะยามนี้ชายหนุ่มที่เริ่มส่อเค้าอาการเมากำลังเดินไปตามแรงฉุดของหญิงสาวออกไปจากฟอร์แดนซ์ เธอพาเขาแทรกกายผ่านผู้คนที่เบียดเสียดอยู่ตามโถงทางเดินออกมาอย่างยากลำบาก และเมื่อร่างสูงถูกพามาหยุดยังชานพักบันไดที่ไร้ซึ่งผู้คน ไม่นานหลังจากนั้นริมฝีปากของเขาก็ถูกจู่โจมโดยหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าอย่างอดใจไม่ไหว เรียวลิ้นแทรกผ่านโพรงปากของจาริลเข้าไปก่อนอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ทว่าชายหนุ่มนั้นเคลิบเคลิ้มกับเรียวลิ้นหวานได้ไม่นานก็ต้องถึงกับสำลัก เมื่อเรียวลิ้น ชื้นส่งผ่านเม็ดยาบางอย่างเข้ามาในโพรงปากของเขาจนมันลื่นไหลลงคอไปในที่สุด จาริลผละออกมาจากร่างสวยแล้วเอามือจับคอตัวเองด้วยความตระหนก ใบหน้าจ้องมองคนที่กำลังคบหาด้วยสายตาตำหนิ และนั่นเป็นเสมือนคำถามที่ส่งตรงไปให้หญิงสาว เธอคนนั้นยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกร
“มีสติหน่อยสิ นี่วินนี่นะ นี่พี่วินนี่ไง ไปๆ ขึ้นรถ ไปเดี๋ยวนี้!” วินตาไม่ว่าเปล่า แขนกระชากเสื้อของจาริลให้เดินตามขึ้นรถกลับบ้าน เมื่อผลักร่างสูงเข้าไปนั่งด้านในได้สำเร็จ เธอก็ไม่ลืมคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับจาริล เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมหยุดอยู่นิ่งๆ แล้ว เธอกลัวว่าอาจจะถูกก่อกวนระหว่างขับรถจนเกิดอุบัติเหตุ ครั้นคาดเข็มขัดนิรภัยให้รุ่นน้องเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้ามานั่งภายในรถเตรียมตัวเดินทางกลับ ทว่าเสียงผิดคีย์ของจาริลก็ชักจะทำให้คนฟังเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาง่ายๆ แต่ละคำที่เขาพูดออกมาช่างน่ารำคาญเสียเหลือเกิน “พี่วินนี่ปล่อย... ปล่อยเซ.... ช่ออยู่ไหน... ช่อฟ้าๆๆๆ” จาริลครํ่าครวญหาคนรักจนคนขับแทบทนฟังไม่ได้ ยิ่งได้ยินเสียงรุ่นน้องก็ยิ่งพาลหงุดหงิดเป็นเท่าตัว ทั้งที่ห่วงแสนห่วงแต่คนข้างๆ ก็ดันทำตัวงี่เง่าจนทำให้เธอโมโหหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็นกับอีกฝ่าย เธอคิดผิดจริงๆ สินะที่ขับรถออกมาซื้อของกินเข้าบ้านพักศิลปิน เพราะถ้าเธอไม่ออกมาในค่ำคืนนี้ เธอก็คงไม่ถูกแมนไหว้วานให้แวะมารับจาริลจอมหลอกลวงคนนี้หรอก “ช่อ ฮือออ... ผมจะไปหาช่อ พี่จะพาผมไปไหน ไม่ปายยยย” “จาริล! เงียบๆ พี่ต้องใช้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ก๊อก ก๊อก ก๊อก…“แมน...” วินตาเอ่ยชื่อคนที่เธอคาดเดาไว้ พลันความรู้สึกกลัวก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาท่ามกลางบรรยากาศอันน่าหวาดวิตกหากชายหนุ่มกลับมาแล้ว ตอนนี้คนอื่นๆ ก็คงจะกลับมาถึงด้วยเช่นกัน เธอจะปล่อยให้พวกนั้นเห็นเธอในสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด“พี่วินนี่ ริลอยู่นั่นไหม?”“รำคาญว่ะ”จาริลบ่นงึมงำขณะโยกสะโพกดันบั้นท้ายของวินตาอย่างเพลิดเพลินไม่สนใจสิ่งใด หากแต่เจ้าของเรือนร่างที่บอบช้ำกำลังร้อนรนและหวาดกลัว หากอีกฝ่ายที่อยู่ข้างนอกนั่นเปิดประตูเข้ามาเห็น เธอกับจาริลจะอธิบายเจ้าพวกนั้นว่าอย่างไรเพราะเรื่องมันน่าอายเกินกว่าจะอธิบายได้ วินตาจึงไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น ขอเพียงแค่ทุกคนไม่รู้เรื่องนี้เพียงเท่านั้นมันก็ดีพอแล้วสำหรับเรื่องแย่ที่เกิดขึ้น โชคดีที่จาริลเงียบไม่สนใจสิ่งใดนอกจากการกระทำของตน หากอีกฝ่ายเผลอพูดสิ่งใดที่ไม่สมควรออกมาในยามนี้ล่ะก็ พวกเธอทั้งคู่อาจตกที่นั่งลำบาก“... แมน”“เรียกชื่อใครกัน... ครางต่อสิ หยุดทำไม...” จาริลบ่นเสียงเบาพร้อมกับกลั่นแกล้งร่างบางด้วยการบีบยอดอกทั้งสองข้าง และมันเรียกเสียงครางหวิวจากวินตาได้ผลเป็นอย่างดี“อะ”“พี่วิน
แม้นเมืองจากไปแล้ว แต่ชายที่ยังอยู่อีกหนึ่งคนกลับไม่ยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำ ชายหนุ่มไม่มีกระจิตกระใจจะออกไปทำงานด้วยซ้ำ ในหัวของเขายังมีแต่เรี่องที่ทำไว้กับรุ่นพี่จนไม่สามารถหยุดคิดได้จาริลลุกขึ้นนั่งลงบนเตียงของวินตาที่ตั้งอยู่ติดฝาผนัง เขาต้องทำใจอยู่นานกว่าจะรวบรวมความกล้าปลุกอีกฝ่าย ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความเงียบงันรุ่นพี่ยังคงหลับไม่ตื่นจนจาริลต้องเปล่งเสียงเรียกดังมากขึ้นกว่าเดิมก่อนที่เสียงเรียกชื่อนั้นจะเริ่มดังขึ้นเรี่อยๆ เมื่อร่างบางดูไม่มีทีท่าว่าจะตื่น“พี่วินนี่! พี่วินนี่! พี่วินนี่! ตื่นสิ พี่วินนี่!” จาริลร้อนใจจนต้องจับใบหน้าของรุ่นพี่เพื่อปลุกให้ได้สติฟื้นตื่น ทว่ารุ่นพี่กลับไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดชายหนุ่มร้องไห้ น้ำเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเรียกชื่ออีกคนมากเท่าไรแต่ฝ่ายนั้นกลับไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นจาริลจึงตัดสินใจตบแก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวเพื่อปลุกอีกฝ่าย และการกระทำครั้งนี้ได้ผลวินตาลืมตาขึ้นเพราะสัมผัสจากฝ่ามือของจาริล“พี่วินนี่” จาริลเรียกชื่อของคนที่ทำให้ใจเขาเต้นแรงด้วยความกลัวอีกครั้ง นัยน์ตาจ้องมองใบหน้าของคนที่กุมชะต
ใบหน้านิ่งสงบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดของวินตาเป็นภาพเดียวที่อยู่ในสายตาของจาริลตอนนี้ ก่อนที่มันจะหายไปจากสายตาเมื่อร่างของเขาถูกฉุดกระชากด้วยแรงของใครคนหนึ่งทันทีที่ได้ให้คำตอบ“ผมไม่รู้ แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นยาตระกูลยาอีหรืออะไรเทือกๆ นั้น”“ว่าไงนะ!”เป็นเฮคเตอร์ที่กระชากไหล่ของจาริลอย่างแรงจนร่างนั้นเสียหลักเกือบผลัดตกจากเตียงหากไม่ได้แม้นเมืองดึงรั้งไว้วินตาจงใจให้จาริลสารภาพความจริงส่วนหนึ่งความจริงที่ทำเอาทุกคนต่างอึ้งและคาดไม่ถึงว่าเพื่อนของพวกเขาจะทำเช่นนั้น นอกเหนือจากเรื่องเหล้าเบียร์และบุหรี่ ยาเสพติดถือเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คิดแตะต้อง แต่นึกไม่ถึงว่าหนึ่งในสมาชิกของวงจะพลาดท่าให้กับยาเสพติดก่อนใครเพื่อน ความจริงที่ออกจากปากของจาริลได้สร้างความผิดหวังขึ้นในใจของทุกคน พวกเขาอยากจะตำหนิชายหนุ่มแต่เพราะเห็นแก่พี่สาวคนสำคัญของบ้านผู้เป็นคนเปิดประเด็นสนทนาครั้งนี้ ทุกคนจึงเลือกที่จะเงียบและรอให้รุ่นพี่เอ่ยต่อ แต่จาริลกลับใช้โอกาสนี้โพนทะนาความผิดของตนเองออกมาจน(เกือบ)หมด“ผมรู้สึกเซ็งก็เลยไปหาช่อที่ผับ พอเริ่มเมา ช่อก็ให้กินยาอะไรก็ไม่รู้ จนผมไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง ผม... ทำพี่วิ
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตามแต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา“บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็วจาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเวียนมาบรรจบที่วิน
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตามแต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา“บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็วจาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเวียนมาบรรจบท
“แม้แต่ในบ้านตัวเองก็ยังหลง” กล่าวจบแล้วก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองไป ทิ้งให้หญิงสาวเพียงคนเดียวยืนหน้าร้อนผ่าวอยู่ตรงข้ามเจ้าของห้องวินตารู้สึกอายที่สับสนระหว่างห้องนอนของรุ่นน้องทั้งสอง“มีไรเหรอ…”“ขอเข้าไปคุยข้างในได้ไหม?”“อื้อ”วินตาเดินตามเงาหลังของร่างสูงเข้าไปในห้อง เขานั่งลงปลายเตียงเคียงข้างชายหนุ่ม ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟและเธอก็ไม่ได้ขอให้อีกฝ่ายเปิดมัน เพราะเป็นพวกชอบอยู่ในความมืดอยู่แล้ว นาทีนี้เธอจึงบอกเล่าเรื่องราวผ่านความมืดที่มองไม่เห็นตัวผู้ฟัง“มีอะไรเหรอครับ?” จาริลถามเข้าเรื่องเพราะรู้ดีว่าหากไม่มีธุระรุ่นพี่คงไม่เข้ามาหาเขาถึงในห้อง และมันมักจะเป็นแบบนี้มาเสมอนับตั้งแต่ที่เขายังเป็นศิลปินฝึกหัด แม้พวกเขาจะมาสนิทกันภายหลังแต่รุ่นพี่ก็ยังมีระยะห่างกับทุกคนวินตาจ้องมองไปยังตำแหน่งที่คาดว่าเป็นใบหน้าของจาริล เขาถอนหายใจเหมือนคนสิ้นหวัง ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยบอกจาริลออกไปถึงความทุกข์ในใจที่มีอยู่“พี่ชายน้องบอกว่ามีคนที่ชอบแล้ว”“ฮะ! ว่าไงนะครับ?”ร่างสูงรีบยื่นมือไปจับสองแขนของร
เป็นเวลากว่าหลายอาทิตย์แล้วที่วินตาติดต่อกับรามิลโดยไม่มีใครรู้นอกเหนือจากจาริล เธอใช้เวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิดในแต่ละวันแชทหาอีกฝ่าย บางคืนก่อนนอนหากยังไม่เหนื่อยล้าพวกเธอจะวิดีโอคอลหากันเพื่อบอกฝันดีให้ชื่นใจ เมื่อตื่นขึ้นมาเช้าวันใหม่เธอมักจะได้อ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาให้กำลังใจว่า 'สู้ๆ' นั่นยิ่งทำให้วินตาเบิกบานใจจนอยากให้ทุกๆ วันเป็นแบบนี้ไปอีกนานตอนนี้พวกเธออยู่ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และกำลังรอเรียกคิวไปสแตนด์บายหลังเวทีประกาศรางวัล ศิลปินจากค่ายของเธอที่ถูกเชิญมาร่วมงานจึงยังมีท่าทีผ่อนคลายและบ้างก็พูดคุยกันเงียบๆ บ้างอัพสตอรี่ไอจีหรือติ๊กต็อก ในขณะที่วินตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข้อความเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อยี่สิบห้านาทีก่อนรามิลส่งข้อความตอบแชทของเธอ ข้อความที่เธอส่งไปหาเขานั้นเป็นการบอกเล่าให้รู้ว่าเธอกำลังจะขึ้นทำการแสดงบนเวทีประกาศรางวัล หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงนับจากข้อความนั้นถูกส่ง ชายหนุ่มก็ตอบข้อความกลับมาด้วยประโยคที่เธอไม่อาจคาดเดาน้ำเสียงของอีกฝ่ายได้เลย'ถ้ากลับมา เรามีเรี่องต้องคุยกัน'หัวใจของวินตาเต้นแรงเมื่อได้อ่านประโยคที่ไม่รู้ว่าผู้ส่งกำลังคิดหรือ
จาริลรู้สึกเหมือนถูกขัดใจอย่างรุนแรงและก็คิดว่าอีกไม่นานตนเองคงรู้สึกเหมือนถูกแย่งคนสำคัญในชีวิตไป ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนอื่นแต่เป็นคนสำคัญตรงหน้านี้“เดี๋ยวมานะ”“ไปไหน?”รามิลเงยหน้าขึ้นถามเมื่อน้องชายลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินไปที่ไหนสักแห่ง ฝ่ายคนที่ไม่อยากอยู่เห็นฉากใกล้ชิดของทั้งคู่จึงเอ่ยตอบโดยไม่หันกลับไปมองทั้งสองคนบนโซฟาด้านหลังอีก“ไปหาแม่”ร่างสูงเดินจากมาเพื่อปล่อยให้ทั้งสองคนมีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาไม่ได้เดินไปหาคุณแม่อย่างที่พูดเมื่อฝ่าเท้ามันเดินไปยังห้องว่างอีกห้องหนึ่งที่ปัจจุบันนี้ถูกใช้ต่างห้องเก็บของ เขาบิดประตูแล้วผลักมันเข้าไปก่อนคลำหาสวิตซ์ไฟข้างฝาผนังเมื่อไฟกลางห้องส่องสว่างจนมองเห็นทุกอย่างชัดเจน เขาก็ตรงไปยังโต๊ะเขียนหนังสือเป็นสิ่งแรก สองมือเลื่อนลิ้นชักโต๊ะออกมาจนสุดแล้วหยิบกล่องทรงลี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีมือออกมาก่อนจะเคาะมันลงสามครั้งบนก้านนิ้วชี้เพื่อให้วัตถุสารเสพติดที่อัดแท่งอยู่ในมวนกระดาษสีขาวไหลลงมาตามแรงเคาะ จากนั้นจึงนำมันขึ้นมาคาบไว้คาริมฝีปาก มือหยิบไฟแช็กที่วางอยู่ในลิ้นชักตรงนั้นขึ้นมาจุดเปลวไฟพร้อมกับป้องปากกันลมสองนิ้วเ
“ถ้าบอกว่าจะมาก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ แล้วคืนนี้เลิกงานไม่ดึกมากเราถึงได้มากันได้ไง” “ไม่ดึกอะไร ตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้วนะ อย่างนี้วินนี่ก็อยู่ได้แค่แปบเดียวน่ะสิ" ร่างสูงโปร่งเอ่ยอย่างเสียดาย ทำให้จาริลที่นึกหมั่นไส้พี่ชายตนเองอยู่เป็นทุนเดิมนั้นยื่นมือไปตบลงบนบ่าของพี่ชาย “ไม่ต้องเสียดายจ้า เพราะคืนนี้พวกเราจะนอนที่นี่” “จริงเหรอ?” “ใช่ ริลขออนุญาตคุณน้าแล้วด้วย”เมื่อเธอยิ้มมันก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มตามไปด้วย “น้าเตรียมห้องไว้ให้แล้วนะ ห้องนอนแขกอยู่ชั้นล่าง อาจจะรกไปหน่อยเพราะใช้เก็บของบางส่วนของสองคนนี้” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูนอนได้ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ให้มารบกวน” เมื่อคุณแม่ของลูกชายทั้งสองคนขอปลีกตัวออกไปเพื่อให้พวกเด็กๆ อย่างเธอได้พูดคุยกัน ภายในห้องนั่งเล่นก็เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนกับหญิงสาวคนหนึ่ง ด้วยเหตุที่ห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวยาวแค่เพียงตัวเดียว จาริลจึงเสียสละนั่งลงบนพี้นแล้วให้รุ่นพี่กับพี่ชายนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ปกติแล้วจาริลไม่เคยยอมให้เพื่อนใกล้ชิดกับพี่ชาย วินตายังเคยถูกกีดกันให้ออกห่างจากรามิลมาแล้วเมื่อครั้งที่เคยเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของเขาที่นี่ในปีก่อน แ
“แต่ผมน่ะไม่เคยคิดว่าพี่วินนี่น่าเบื่อเลยนะ” จู่ๆ ประโยคนี้ก็ดังขึ้นจากชายอีก คนที่นั่งอยู่บนเตียงด้านข้าง วินตาค่อยๆ หันไปยิ้มให้รุ่นน้อง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงพูดเพื่อเอาใจเธอหรือเปล่า แต่ได้ยินแบบนั้นมันก็อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้ “หึ คงจะรักพี่วินนี่สินะ บอกด้วยนี่ว่าจะเดทกับพี่วินนี่” ประโยคนี้เฮคเตอร์เป็นคนพูด เขาฉวยร่างวินตาเข้าไปไว้ในอ้อมกอดอย่างหยอกล้อ “วินนี่เป็นของฉัน” “ไม่ให้หรอก เฮคบอกว่าเราน่าเบื่อ แถมยังลังเลบอกไม่เดทกับเราในตอนแรก ด้วย ไอ้คนพูดจากลับกลอก” วินตาขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเฮคเตอร์สำเร็จแล้วก็โผเข้าไปกอดร่างสูงอีกเตียงหนึ่งแทน ทำให้ร่างของจาริลเสียหลักล้มลงนอนบนเตียง นัยน์ตาทั้งสองคู่จ้องประสานกันจนบังเกิดความขวยเขินเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเรียกสติตนกลับมาได้ วินตาก็พลิกตัวลงนอนตามปกติจึงคล้ายว่าเธอนอนอยู่ระหว่างเฮคเตอร์และจาริล “จาริลระวังโดนแกล้งนะ” รุ่นพี่แร็ปเปอร์เตือนด้วยความหวังดี เขาล้มตัวลงนอนเล่นมือถือต่ออีกครั้ง ฝ่ายวินตาที่รู้สึกเหมือนถูกพาดพิงก็เอ่ยขึ้นในทันที “เราไม่ใช้มุกเดิมๆ หรอก ตราบใดที่เขาไม่กวนใจเรา เราก็ไม่ทำอะไร ห
“ถ้าบอกว่าจะมาก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ แล้วคืนนี้เลิกงานไม่ดึกมากเราถึงได้มากันได้ไง” “ไม่ดึกอะไร ตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้วนะ อย่างนี้วินนี่ก็อยู่ได้แค่แปบเดียวน่ะสิ" ร่างสูงโปร่งเอ่ยอย่างเสียดาย ทำให้จาริลที่นึกหมั่นไส้พี่ชายตนเองอยู่เป็นทุนเดิมนั้นยื่นมือไปตบลงบนบ่าของพี่ชาย “ไม่ต้องเสียดายจ้า เพราะคืนนี้พวกเราจะนอนที่นี่” “จริงเหรอ?” “ใช่ ริลขออนุญาตคุณน้าแล้วด้วย”เมื่อเธอยิ้มมันก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มตามไปด้วย “น้าเตรียมห้องไว้ให้แล้วนะ ห้องนอนแขกอยู่ชั้นล่าง อาจจะรกไปหน่อยเพราะใช้เก็บของบางส่วนของสองคนนี้” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูนอนได้ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ให้มารบกวน” เมื่อคุณแม่ของลูกชายทั้งสองคนขอปลีกตัวออกไปเพื่อให้พวกเด็กๆ อย่างเธอได้พูดคุยกัน ภายในห้องนั่งเล่นก็เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนกับหญิงสาวคนหนึ่ง ด้วยเหตุที่ห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวยาวแค่เพียงตัวเดียว จาริลจึงเสียสละนั่งลงบนพี้นแล้วให้รุ่นพี่กับพี่ชายนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ปกติแล้วจาริลไม่เคยยอมให้เพื่อนใกล้ชิดกับพี่ชาย วินตายังเคยถูกกีดกันให้ออกห่างจากรามิลมาแล้วเมื่อครั้งที่เคยเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของเขาที่นี่ในปีก่อน แต่ยามนี้ม
วันนี้พวกหนุ่มๆ มีถ่ายทำรายการที่ประเทศญี่ปุ่น วินตาในฐานะศิลปินเดี่ยวที่มีผลงานเพลงฟีตเจอริ่งกับทั้งสี่หนุ่มในอัลบั้มล่าสุดจึงได้ถูกรับเชิญไปด้วย การสัมภาษณ์ถามตอบในรายการเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากต้องอาศัยล่ามแปลภาษาตลอดระยะเวลาการถ่ายทำโดยในช่วงท้ายของรายการนั้นกลับเรียกรอยยิ้มจากทั้งห้าคนได้เป็นอย่างดี เมื่อพวกเธอแต่ละคนต้องผลัดกันออกมายืนด้านหน้าอีกคนที่กำลังยืนหันหลังให้ ระหว่างนั้นจะมีคำถามปรากฏขึ้นบนหน้ามอนิเตอร์ให้พวกเขาสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังร่วมกันตอบคำถามที่เกี่ยวกับสมาชิกคนนั้นคนแรกที่ถูกเลือกให้ออกมายืนด้านหน้าคือแม้นเมือง ตามด้วยอคิน และต่อมาก็คือเธอบุคลิกภาพของวินนี่?เฮคเตอร์ : น่าเบื่อเป็นคนยังไง?เฮคเตอร์ : ใจดี อ่อนไหวง่ายลักษณะนิสัยที่เจ้าตัวยังไม่รู้?จาริล : มีระยะห่างแม้นเมือง : ชอบที่มืดเฮคเตอร์ : ไม่เชื่อฟังจาริล : ทำให้คนอื่นผิดหวังเป็นคนที่คุณสามารถเดทด้วยได้?จาริล : ได้เฮคเตอร์/แม้นเมือง/อคิน : ไม่แต่แล้วเฮคเตอร์ก็เปลี่ยนใจใหม่เฮคเตอร์ : เดทได้ ผมเดทกับวินนี่ก็ได้สิ่งที่คุณหวังว่าเจ้าตัวจะเปลี่ยน?แม้นเมือง : ความประมาทเฮคเตอร
“นี่ พี่ไม่ได้คิดจริงจังถึงขั้นเป็นแฟนของรามิลแล้วแต่งเข้าบ้านน้องหรอกนะ ก็แค่อยากจะคุยกับมิลก็เท่านั้น แต่ถ้านายไม่เปิดโอกาสให้พี่คบกับมิล ก็ถือว่าเราจบกันแค่นี้” คำประกาศิตของวินตาทำให้อีกฝ่ายเหมือนถูกบังคับ จาริลต้องเลือกระหว่างความเห็นแก่ตัวของตนกับความปรารถนาของรุ่นพี่ ทั้งที่เขาไม่เคยอยากแนะนำพี่ชายของตนให้ใคร แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียความสัมพันธ์ของตนกับคนตรงหน้าไป เขาถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ไหล่ทั้งสองห่อลงและคอตกด้วยท่าทางที่หงอยลงไปถนัดตา “น้องจะยอมไหม พี่จะนับถึงห้า หนึ่ง สอง สาม” “ก็ได้ครับ! ผมยอมเปิดทางให้พี่เข้าหามิลก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันว่าจะได้คบรึเปล่า” “แค่ให้มิลเป็นคนตัดสินใจโดยไม่มีน้องมาเกี่ยวข้องก็พอ” “แล้วผมต้องทำยังไง?” “เอาเบอร์โทรของพี่ชายน้องมาให้พี่ แล้วที่เหลือพี่จะจัดการเอง” “นี่พี่จะจีบพี่ชายผมจริงๆ หรือทำเพื่อแก้แค้นผมกันแน่ พี่ก็รู้นี่ว่าเราไม่ถูกกัน ผมไม่เคยยอมให้คนใกล้ตัวไปสนิทสนมกับเขาหรอกนะ” “ฟังนะ พี่ไม่ได้ทำเพราะอยากจะแก้แค้น มันก็แค่ข้อแลกเปลี่ยน มีเรื่องหนึ่งที่พี่ไม่เคยบอกใคร คือมิลกับพี่เคยเจอกันมาก่อน พี่คิดว่าเข
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตาม แต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา “บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็ว จาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเว