เข้าสู่ระบบเดอะ เนฟีลิม The Nephilim ตอนที่ 3 นักล่า
“เดี๋ยวนี่ นายถืออาวุธอะไรมาช่วยล่ะเนี่ย !” ราโมน่ามองด้วยสายตาแปลก ๆ ฮารุเลยบอกว่า
“มันใช่เวลามาสนใจอาวุธคนอื่นมั้ยเนี่ย ราโมน่าจัง !” ฮารุโวย
“เอ๊า เมื่อกี้ยังบอกว่าอาวุธผู้ร้ายอยู่เลยฮารุ แล้วมันตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ไงกันล่ะเนี่ย” ไอแชกเพิ่งนึกอะไรออก
“เวรล่ะ เกริมลินมันเพิ่มพลังตัวเองด้วยการกินไฟฟ้า ! แล้วที่นี่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียบเลย” เจ้าเกรมลินเข้าโจมตีทันทีทุกคนรีบหลบ และตั้งท่าเตรียมพร้อม และยังไม่ทันไรก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา
“ซีโอ แย่แล้ว” เสียงของดาริโอตะโกนดังขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาไปช่วยหลานชายไม่ได้
“ไปดูหลานนายเถอะ พวกฉันจัดการได้” จอยยาพูด ไอแชกหันมาขมวดคิ้ว จอยยาเลยพูดว่า
“อะไร ฉันก็ฟังอิตาลี่ออกย่ะ เห็นชื่อยังไม่รู้อีกเหรอ !” ไอแชกพยักหน้ารีบไปดูทันที ซึ่งเขาเห็นว่า ดาริโออยู่ในวงล้อมของเหล่าเกริมลิน ที่เพิ่มพลังแล้วหลายตัว
“ให้ตายเถอะ ทำไมแกต้องเป็นหลานฉันด้วยล่ะเนี่ย” พูดจบ อาวุธของไอแชกเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเหล็กที่ถูกเผา เขากระโดดลงไปและใช้อาวุธด้วยความรวดเร็ว พวกเกรมลินถูกสังหารไปหลายตัว
“นี่เดฟ ทำไมไม่ใช้วิชาล่ะ”
“ขืนใช้ในตึกแบบนี้ได้มีตึกถล่มสิ ! ”
“งั้นเหรอ” ไอแชกควงอาวุธ ยังไม่ทันไร ร่างของเกรมลิมก็ร่วงลงมา มันโดนเล่นงานหนัก สามสาวมองมาที่ทั้งสองคน ดาริโอพูดว่า
“โยว่เฮ้ย ! นี่ขวัญใจของ...” ถูกยังไม่ทันจบไอแชกก็เขกหัวของดาริโอ แล้วพูดว่า
“รีบไปดีกว่า เดี๋ยวตำรวจก็คงจะมา”
ทั้งสองหนีไป สามสาวมองหน้ากัน ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร ก็มีเสียงห้าว ๆ ดังขึ้นมา
“สาว ๆ เป็นยังไงบ้างลูก” สามสาวรีบเก็บอาวุธ และแกล้งทำกลัว
“เจ๊วีนัส เจ๊อยู่ไหน” ฮารุร้องด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร
ชายรูปร่างเล็ก แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีแสบตา วิ่งหน้าตาหน้าตื่น ตามหาพวกทั้งสามสาว ในมือเขาถือไม้ถูกพื้น ที่เหมือนจะเอามาใช้ต่างอาวุธ พอเจอพวกเธอ เจ๊วีนัสรีบวิ่งไปกอดสามสาวทันที
“เจ๊ขอโทษ เจ๊ขอโทษ” เธอพูดทั้งน้ำตา
“ไม่ไรเป็นเจ๊ไม่เป็นไร”
เสียงไซเรนดังขึ้นมาตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุผล นำโดยผู้กองลีรอย อูโน่ เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ผิวแทน หน้าตาเข้มดูจริงจังตลอดเวลา เขากำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่ง ก็มีคนบาดเจ็บและล้มตายพอสมควร แต่ที่น่าตกใจคือ กล้องวงจรปิดเกิดเสียขึ้นมาในเวลาแบบนี้
“คาสิโน่เบอร์ต้น ๆ ของประเทศ กล้องเสียเนี่ยนะ ใครจะไปเชื่อว่ะ เหี้ย!” ลีรอยสบถพลางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
“ผู้กองครับ” จ่าผิวดำ วัยใกล้เกษียณ คนหนึ่งเดินมาหาเขา
“ว่าไงได้เรื่องอะไรมั้ย จ่ามอร์แกน”
“คือวงแคนดี้ลีโอพาสไม่เห็นอะไรทั้งนั้นครับ เพราะกลัวเลยไปแอบ ครับ ผมอยากจะสอบนะครับ แต่เบื้องบนสั่งมาว่าไม่ต้องยุ่งกับพวกเธอครับ เพราะเธอไม่มีส่วนอะไรกับคดีนี้แล้ว”
“เบื้องบนเคลื่อนไหวเร็วเหลือเกินนะ” ลีรอยประชด เห็นกระสุนเงินก็เลยเก็บมาแล้วพูดว่า
“ว่าแล้วเป็นพวกนั้นจริง ๆ สินะ”
ณ ปราสาทแห่งหนึ่ง
เมืองจันวิโน่ ว่ากันว่าก่อนที่เมืองนี้จะมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไอเวแลนค์ เคยเป็นอาณาจักรใหญ่มาก่อนและเต็มไปด้วย ปราสาทโบราณมากมาย จนเรียกได้ว่าไม่ใช่ของแปลกอะไร ว่ากันว่าคนแถวนี้เห็นปราสาทก็ไม่ต่างอะไรกับเห็นบ้านธรรมดาสักหลัง แถมบางปราสาทยังขายในราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ไอแชก และดาริโอกลับเข้ามาในปราสาทหลังนี้ ซึ่งเดิมที่ปราสาทหลังนี้อยู่ในการดูแลของโบสถ์แห่งหนึ่ง แต่เพราะไอแชกและดาริโอ จัดการปีศาจที่อยู่ในปราสาทได้ ทางโบสถ์เลยยกปราสาทหลังนี้ให้ เป็นที่อยู่ของพวกเขา แม้มันจะดูสะดุดตาแต่กลายเป็นที่อันตรายที่สุด ดันกลายเป็นที่ปลอดภัยที่สุดซะได้ และภายนอกดูเป็นปราสาทโบราณแต่ภายก็คือบ้านสมัยใหม่ ที่ดูเหมือนว่าจะใช้พื้นที่ได้ไม่ค่อยคุ้มเลย แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยของแต่งบ้านโบราณเต็มไปหมดโดยเฉพาะเกราะอัศวินและอาวุธต่าง ๆ
“กลับมาแล้ว” ดาริโอตะโกนเสียงดังลั่น มีเสียงเล็ก ๆ พูดกันจอกแจ้ก มีสิ่งมีชีวิตหน้าเหมือนคน แต่สูงราว 20 เซนติเมตรเท่านั้น ทุกตนสวมหมวกทรงแหลมสูง พวกนี้คือ โนม[1] โดยมี โนมตายายสองตัวเดินนำมา ทั้งสองเป็นหญิงแก่และชายแก่ที่หน้าตาใจดี ทำให้อดนึกถึงตุ๊กตาไม่ได้ ดาริโอย่อตัวลงนั่งย่อง ๆ และยิ้มให้โนมทั้งสอง
“กลับมาแล้ว นนนี่[2]”
“นายใหญ่ นายน้อยกลับมาเหนื่อย ๆ อิฉันเตรียมอาหารเย็นไว้ให้แล้วล่ะค่ะ” ยายแก่โนมพูดขึ้นมา
“แล้วมีอะไรกินบ้างล่ะ นนน่า” ดาริโอพูด ยายแก่โนมหรือที่ถูกเรียกว่านนน่า เดินนำเข้าไปที่โต๊ะอาหาร ส่วนโนมตาแก่เดินไปหาไอแชกแล้วถามว่า
“วันนี้ได้ทำอะไรให้คนแตกตื่นอีกหรือเปล่าครับ นายใหญ่” ยังไม่ทันที่ไอแชกจะตอบอะไร ดาริโอก็รีบพูดว่า
“ไม่เลย แค่โยนปืนกลรุ่นสงครามโลก ให้ไปลั่นกลางคาสิโนเท่านั้นเอง” ตาแก่โนมมองเขาเหมือนคุณตากำลังจะดุหลาน แต่ไอแชกรีบแก้ตัวทันที
“นนโน่ ผมแค่ทำให้พวกมันตกใจ ก็จะทำให้เผยตัวมากขึ้น”
นนโน่และนนนี่คือหัวหน้าหมู่บ้านโนมที่ตั้งอยู่ในสวนหลังปราสาท เพราะเดิมทีเจ้าของปราสาทนั้นได้มายึดดินแดนของโนมและให้เหล่าโนมเป็นคนรับใช้ประจำปราสาท แต่หลังจากที่เจ้าของปราสาทตายและกลายเป็นปีศาจ ทำร้ายคนมานาน พวกโนมเหล่านี้เลยกลายเป็นทาสคอยช่วยเจ้าของปราสาทฆ่าคน จนกระทั่งครอบครัวคานโลมาช่วยพวกเขาเอาไว้ พวกเขากำลังจะย้ายออก แต่ดาริโอ บอกว่า
“โยว่เฮ้ย ! พวกเราแค่ขออาศัยเท่านั้นล่ะ จะไม่ยุ่งกับพวกโนมหรอก อยู่ ๆไปเถอะ ต้องการอะไรพวกเราหาให้ได้นะ” แต่ไป ๆ มา ๆ ดาริโอกลับตีสนิทกับพวกโนมได้เพราะซื้อของฝากไปให้ ซึ่งสำหรับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กแบบนี้ ขนมถุงเดียว น้ำอัดลมขวดเดียวก็กินได้ทั้งหมู่บ้านแล้ว นั่นทำให้เขาเป็นมิตรกับเหล่าโนมได้ไม่ยากโดยเขาเรียกหัวหน้าโนมว่า นนโน และ นนน่า หรือคุณตา คุณยาย เลยทำให้ทั้งสองกลายเป็นเหมือนญาติของคานโลไปเลย ไอแชกเองก็พลอยสนิทกับสองโนมไปด้วย การไปทำภารกิจแล้วกลับบ้านมามีคนรอรับ มันก็ช่วยให้หายเหนื่อยได้ด้วย
[1] สิ่งมีชีวิตในตำนานของยุโรป เป็นมนุษย์ที่มีร่างเล็กมาก อาศัยอยู่ใต้ดิน อารมณ์ดีอยู่เสมอ ๆ ว่ากันว่าพวกโนนจะรู้ตำแหน่งของสินแร่ใต้ดิน เป็นภูตที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ และยังมีความรู้สูง
[2] Nonni (นน-นี่) ภาษาอิตาลี่ ใช้เรียกตายายรวมกัน คุณตา จะใช้คำว่า Nonno (นน-โน่) คุณยายจะใช้คำว่า Nonna (นน-น่า)
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา มันมาจากมือถือรุ่นเก่าที่พวกเขาใช้ต่างโทรศัพท์บ้าน ดาริโอมองหน้าไอแชกเขาบอกว่า “นายคุย” ดาริโอถอนใจแล้วพูดว่า “โยว่เฮ้ย ! ไอทั้งปี” ดาริโอรับสาย “นี่พวกคุณเล่นอะไร รู้มั้ยจะลบร่องรอย ทำลายหลักฐาน มันยากนะคะ !” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ดูแล้วหงุดหงิดมาก “ครับ ๆ ขอโทษแทนซีโอด้วย ครับคุณเจ้าขา” ดาริโอพูดขึ้นมา “แต่ ก็ต้องขอบใจพวกคุณนั่นล่ะ เพราะไอ้แก็งค์นี่สร้างปัญหามาพอสมควรแตะไม่ได้เลย ตอนนี้ก็ได้หลักฐานพอจะสาวไปถึงตัวการใหญ่ได้แล้ว ยังไงก็เลิกพ่นสีซะด้วยนะ ! จะปิดข้อมูลคุณยากเพราะพ่นสีนี่ล่ะ” เจ้าของชื่อเจ้าขาพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “มันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเราครับ สารวัตร” “แล้วมีใครจำได้หรือไงคะ” เจ้าขาวางสายไป ดาริโอหันไปมองทางไอแชกที่กำลังกินอาหารเย็นอยู่ “ซีโอ คราวหลังรับสายบ้างนะ !”ไอแชกทำเป็นไม่ได้ยิน เขาเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ซึ่งถ้าใครมาเห็นคงไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่ดูจะเป็นคนเย็นชาวางมาดอย่างเขา จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของวงแคนดี้เ
เดอะ เนฟีลิม The Nephilim ตอนที่ 3 นักล่า “เดี๋ยวนี่ นายถืออาวุธอะไรมาช่วยล่ะเนี่ย !” ราโมน่ามองด้วยสายตาแปลก ๆ ฮารุเลยบอกว่า “มันใช่เวลามาสนใจอาวุธคนอื่นมั้ยเนี่ย ราโมน่าจัง !” ฮารุโวย “เอ๊า เมื่อกี้ยังบอกว่าอาวุธผู้ร้ายอยู่เลยฮารุ แล้วมันตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ไงกันล่ะเนี่ย” ไอแชกเพิ่งนึกอะไรออก “เวรล่ะ เกริมลินมันเพิ่มพลังตัวเองด้วยการกินไฟฟ้า ! แล้วที่นี่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียบเลย” เจ้าเกรมลินเข้าโจมตีทันทีทุกคนรีบหลบ และตั้งท่าเตรียมพร้อม และยังไม่ทันไรก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา “ซีโอ แย่แล้ว” เสียงของดาริโอตะโกนดังขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาไปช่วยหลานชายไม่ได้ “ไปดูหลานนายเถอะ พวกฉันจัดการได้” จอยยาพูด ไอแชกหันมาขมวดคิ้ว จอยยาเลยพูดว่า “อะไร ฉันก็ฟังอิตาลี่ออกย่ะ เห็นชื่อยังไม่รู้อีกเหรอ !” ไอแชกพยักหน้ารีบไปดูทันที ซึ่งเขาเห็นว่า ดาริโออยู่ในวงล้อมของเหล่าเกริมลิน ที่เพิ่มพลังแล้วหลายตัว “ให้ตายเถอะ ทำไมแกต้องเป็นหลานฉันด้วยล่ะเนี่ย” พูดจบ
“นี่แกจะยืนดูอยู่แบบนี้ไปถึงไหนวะหา !” “ก็จนกว่ากระสุนจะหมดนั่นล่ะ ขืนออกไปส่งเดชได้ตายกันหมดนี่ล่ะ กระผมไม่ได้ชอบกินลูกปืนนะขอรับ” น้ำเสียงของโป๊กเกอร์มาสนั้นฟังแล้วยียวนโดยไม่ได้เคารพอะไรไดม่อนแจ้คเลย “โธ่เอ๋ย ! ใครมันเล่นบ้าอะไรวะเนี่ย !” ไดม่อนแจ้คพูด “ถามกระผมแล้ว กระผมจะถามใครล่ะ มันไม่ได้บอกชื่อนี่” โป๊กเกอร์มาสพูดหน้าตาเฉย ไดม่อนแจ้คกัดฟันเขาต้องจัดการปืนก่อนเขาจึงยิงลูกพลังสีดำไปทำลายปืน “ก็แค่นี้ทำไมไม่ทำวะหา” “แล้วทำไมท่านไม่ทำเองล่ะ” ไดม่อนแจ้คกำลังจะโวย แต่ยังไม่ทันไร ดาริโอกระโดดไปตรงกลางวง และชักปืนคู่เก็บเสียงออกมา “โยว่เฮ้ย !” ดาริโอกระหน่ำยิง ทั้งโป๊กเกอร์มาสและไดม่อนแจ้ครีบหลบทันที “หยุดมัน ! โป๊กเกอร์มาส” ไดม่อนแจ้คสั่ง โป๊กเกอร์มาสเอากระบองออกมาปัดกระสุนทิ้งไปทั้งหมด “โยว่เฮ้ย ! นี่แกเป็นปีศาจเหรอ ทำไมมาทำงานที่คาสิโนล่ะเนี่ย” ดาริโอพูดขึ้นมา “แล้วยังไงล่ะ ปีศาจก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน ข้าคือ โป๊กเกอร์มาส ลงมือเมื่อไหร่ทุกอย่างต้องจบ” พูดจบโป๊กเกอร์มาสก
โลโทเฟสคาสิโน เนื่องจากประเทศนี้คาสิโนนั้นถูกกฎหมายจึงไม่มีความจำเป็นต้อง หลบ ๆ ซ่อน ๆ ที่นี่จึงเป็นคาสิโนเบอร์ต้น ๆ ของประเทศนี้ มีการพนันครบวงจร แถมยังมีร้านอาหาร และโรงจำนำ ห้องนอนพักผ่อน เรียกได้ว่า กะไม่ให้ออกไปไหนกันเลยทีเดียว บนเวทีมีการแสดงของสามสาววง แคนดี้ ลีโอพาร์สเกิร์ลกรุ๊ปสามสาว สามสัญชาติ ซึ่งประกอบด้วย จอยยา สาวอิตาลี เม้นต์ร้องหลัก เป็นสาวผมแดง ตาสีน้ำตาลเธอคือนักร้องสาวเสียงพราวเสน่ช เพราะเธอเคยหัดร้องโอเปร่ามาก่อน เธอจึงใช้พลังเสียงได้อย่างเต็มที่ทุกครั้งเวลาร้อง ราโมนา สาวเยอรมัน เม้นต์แร๊ฟ สาวผมสีทองตาสีฟ้า เธอเป็นคนเขียนเพลงและท่อนแร็ฟของวงนี้ เห็นหน้าตาเหมือนเจ้าหญิงเทพนิยายแบบนี้แต่เวลาร้องแร๊ฟจะดุดันมากราวเสือสาว ฮารุ เม้นต์เต้นหลัก สาวญี่ปุ่นผู้มาพร้อมกับความน่ารักสดใส มาเต็มเปี่ยมราวกับออกมาจากอนิเมะ สักเรื่อง เธอเคยฝึกเป็นนางรำญี่ปุ่น มาก่อนและเรียนรู้การเต้นมาหลายรูปแบบ ทำให้มีลีลาการเต้นที่งดงามจับสายตาของทุกคน แม้ในคาสิโนจะมีการเล่นการพนันกันเป็นส่วนมาก แต่ที่นี่ก็มีการแบ่งโซนสำหรับการแสดงคอนเสิร์นเอา
ยี่สิบห้าปีต่อมา ณ ทวีป มู เมืองจันวิโน่ ประเทศไอเวแลนค์ เมืองจันวิโน่เป็นเมืองหลวงของประเทศไอเวแลนค์ จัดว่าเป็นเมืองที่มีความเจริญอันดับต้น ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ แต่ในความเจริญของบ้านเมืองมักจะมีปัญหาทางสังคมที่แก้แทบจะไม่ได้อยู่เรื่อย ๆ คือ พวกภัยสังคมในหลายรูปแบบ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีกลุ่มชายฉกรรณ์มีทั้งหมดหกคนกำลังไล่ตามเธออยู่ พวกมันมีสายตาหื่นกระหาย ราวกับสัตว์ป่า “โย่เฮ้ย !” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา เจ้าของเสียงเป็นชายร่างสูงโย่ง แต่งกาย เหมือนหลุดมาจากเอ็มวีเพลงฮิปฮอบ สวมชุดวอร์มสีเขียวอ่อน และสวมหมวกไหมพรหมสีเดียวกับชุด เขาจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง มีดวงตาสีดำเป็นมัน ใบหน้าแฝงไปด้วยแววขี้เล่นและซุกซนเหมือนเด็ก เขาคือดาริโอ คานโอ “อย่าเสือก เรื่องของผัวเมีย” “ไม่จริงคะ ช่วยด้วย” ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ เสียงปืนก็ดังขึ้นมา หนึ่งในคนร้ายล้มลงไป ชายชุดวอร์มเอามือตบหน้าผากตัวเองแล้วพูดว่า “โย่เฮ้ย ! นี่ ซีโอ[4] จะรีบยิงทำไมเนี่ย ไอกะเปิดตัวเท่ ๆ สักหน่อย” “แล้วแกจะพูดอะไร
ปฐมกาล 6 1-4น้ำท่วมโลก6เมื่อมนุษย์เริ่มทวีจำนวนขึ้นบนโลกและให้กำเนิดบุตรสาว 2 บรรดาบุตรชายของพระเจ้าเห็นว่าบรรดาบุตรสาวของมนุษย์สวยงามก็เลือกเอามาเป็นภรรยาตามใจชอบ 3 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จิตวิญญาณของเราจะไม่คงอยู่กับมนุษย์ตลอดไป เพราะเขาเป็นเพียงมนุษย์ที่ต้องตาย เขาจะมีอายุขัย 120 ปี”4 ในสมัยนั้นและสืบต่อมาภายหลัง มีคนเนฟิลอาศัยอยู่ในโลก คือสมัยที่บุตรชายของพระเจ้าไปอยู่กินกับบุตรสาวของมนุษย์และมีลูกหลานกับเขา คนเหล่านี้เป็นคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงในยุคโบราณกรุงปอมเบอี[2] ช่วงเวลาปัจจุบันร่างในเสื้อคลุมร่างหนึ่งกำลังเดินโซเซด้วยความเจ็บปวด มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด แสดงให้เห็นว่าเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้มา แต่นักท่องเที่ยวดูจะไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย เพราะทุกคนกำลังตื่นตาตื่นใจ กับสถานที่ท่องเที่ยว เขาบ่นพึมพำ“ไม่จริง ข้า แพ้เป็นไปไม่ได้ ทำไมกัน บ้าเอ๋ย ทำไมข้าต้องตาย ข้าควรจะเป็นผู้ปกครองทุกอย่างสิ ทุกสิ่งต้องสยบอยู่แทบเท้าข้าสิ”พูดจบเขาก็กางแขนออก ร่างเปล่งแสงออกมา และตะโกนเสียงดังลั่น “ลูกข้า แก้แค้นให้ข้าด้วย” เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาในชั่วพริบตา ทุกคน







