เข้าสู่ระบบเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา มันมาจากมือถือรุ่นเก่าที่พวกเขาใช้ต่างโทรศัพท์บ้าน ดาริโอมองหน้าไอแชกเขาบอกว่า
“นายคุย” ดาริโอถอนใจแล้วพูดว่า
“โยว่เฮ้ย ! ไอทั้งปี” ดาริโอรับสาย
“นี่พวกคุณเล่นอะไร รู้มั้ยจะลบร่องรอย ทำลายหลักฐาน มันยากนะคะ !” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ดูแล้วหงุดหงิดมาก
“ครับ ๆ ขอโทษแทนซีโอด้วย ครับคุณเจ้าขา” ดาริโอพูดขึ้นมา
“แต่ ก็ต้องขอบใจพวกคุณนั่นล่ะ เพราะไอ้แก็งค์นี่สร้างปัญหามาพอสมควรแตะไม่ได้เลย ตอนนี้ก็ได้หลักฐานพอจะสาวไปถึงตัวการใหญ่ได้แล้ว ยังไงก็เลิกพ่นสีซะด้วยนะ ! จะปิดข้อมูลคุณยากเพราะพ่นสีนี่ล่ะ” เจ้าของชื่อเจ้าขาพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“มันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเราครับ สารวัตร”
“แล้วมีใครจำได้หรือไงคะ” เจ้าขาวางสายไป ดาริโอหันไปมองทางไอแชกที่กำลังกินอาหารเย็นอยู่
“ซีโอ คราวหลังรับสายบ้างนะ !”
ไอแชกทำเป็นไม่ได้ยิน เขาเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ซึ่งถ้าใครมาเห็นคงไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่ดูจะเป็นคนเย็นชาวางมาดอย่างเขา จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของวงแคนดี้เลโอพาส มีของสะสมของวงนี้เต็มไปหมด เขาเปิดเพลงของวงและนั่งฟังเพื่อผ่อนคลาย เขามองไปที่รูปถ่ายพร้อมลายเซ็นสามสาว
“พวกเธอมาพัวพันกับโลกของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แต่ยังไงก็ยังชอบพวกเธอเสมอนะ”
ที่พักของสามสาว เป็นห้องชุดสุดหรูในคอนโดใหญ่กลางเมือง โดยหลังเสร็จงาน และเคลียกับตำรวจแล้ว ก็ถึงเวลาพักของสามสาว คือการ กินของโปรด จอยยาคือสปาเก็ตตี้ ที่ราดซอสจนชุ่ม ส่วนของ ฮารุ คือราเมงที่ใส่ท็อปปิ้งจัดเต็ม ส่วนราโมน่า คือเบียร์กับไส้กรอกเยอรมัน และเบียร์โปรดของเธอ คือ เบียร์ไฮบริด ที่หมักจากถังไม้ และเวลากินต้องค่อย ๆ เปิดออกมาจากถังใส่แก้วสำหรับกินเบียร์โดยเฉพาะด้วย
“พรุ่งนี้ มีงานนะราโมน่า เบา ๆ หน่อย” จอยยาพูด
“จ้า ๆ พรุ่งนี้ถ่ายเอ็มวีสินะ แล้วใครเป็นพระเอกเอ็มวีล่ะ” ราโมน่าพูดพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม
“ธนัส คอนเนอร์” ฮารุตอบ ราโมน่าถึงกับสำลักเบียร์พุ่งใส่หน้าของจอยยา
“ทำบ้าอะไรเนี่ยราโมน่า !” จอยยาพูดพลางรีบเช็ดหน้า
“ให้ตานี่มาเล่น เอ็มวีเราเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว ใคร ๆ ก็รู้ว่าตานี่...มัน...โอยพูดไม่ถูก” ราโมน่าต้องกินเบียร์เพิ่มทันที แทบจะยกทั้งถังแล้ว
“รู้หรอกน่า แต่เรื่องความดังของเขามันของจริง หรือวินัยและฝีมือในการทำงานก็ของจริง อย่าห่วงเลย ไม่มีอะไรหรอกน่าอย่าห่วงเลยราโมน่าจัง ว่าแต่เจ้าสองคนที่เราเจอวันนี้เป็นพวกนักล่าเหมือนเราเหรอ” ฮารุพูดขึ้นมา
“ไม่เชิงหรอก พวกนี้ไม่ได้มีอาชีพบังหน้าเป็นศิลปินเหมือนกับพวกเราหรอกน่า คงเป็นพวกทำงานเต็มเวลาะล่ะมั้ง” จอยยาตัดบท
“เหรอแต่ฉันว่าพวกเขาหล่อดีนะ คิดว่าไงเหรอ จอยยาจัง” ฮารุพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย
“โอย ! เอาอะไรดู ไม่มีคนดี ๆ ที่ไหนมาแต่งชุดม่วง ๆ แบบนี้หรอก สงสัยจะแก่แล้วด้วยแถมเป็นเกย์ด้วย” จอยยาพูดหน้าตาเฉย
“รู้ได้ไงว่าแก่แล้ว” ราโมน่าพูดพลางเดินไปกดเบียร์เพิ่ม
“ก็เห็นไอ้หนุ่มเสื้อฟ้าเรียกว่า ซีโอ ไง มันแปลว่า ลุงนะ” จอยยาพูดขึ้นมาบ้าง ราโมน่ายกเบียร์ขึ้นดื่มแล้วพูดว่า
“แต่อีตาเสื้อม่วงนั่น ก็มีฝีมือใช่ย่อย เพราะใช้อาวุธแบบนั้นในการต่อสู้”
“งั้นฉันจะเรียกเขา มะเขือม่วงจังก็แล้วกัน” ฮารุพูดพลางหัวเราะ
กองบัญชาการของแบล็คเอซ ชายร่างผอมใส่สูทสวมหมวกปีกกำลังดื่มไวท์อยู่ เขาคือ แบล็กเอซ มีชายร่างอ้วนใหญ่ไว้หนวดเครา สวมมงกุฎกระดาษ เขาคือ คิงคลัมโบ้ ผู้หญิงรูปร่างผอมสูง แต่งชุดสีแดง เธอคือ ควีนนี่ฮาร์ท และไดม่อนแจ้คก็กำลังยืนตัวแข็งด้วยความกลัว และโป๊กเกอร์มาสเองก็ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน แต่มันไม่แสดงออกเลยว่ากลัว
“จะบอกว่า คาสิโนของเราโดนถล่ม เพราะความบ้ากามของแกเหรอ!” แบล็กเอชพูดขึ้นมา
“มะ..ไม่ใช่ ผะ...ผม ยะ...อยากให้พวกนางมาเป็นพวกของเราในการล่อลวงคนก็เท่านั้น” ไดม่อนแจ้คตอบเสียงเลิกลั่ก
“เหรอ ! แล้วพวกเธอก็บังเอิญเป็นนักล่าซะอีก บังเอิญจริง ๆ” ควีนนี่ฮาร์ทพูดเสียงของเธอแหลมเล็กจนบาดหู
“แล้วยังมีไอ้สองตัวนั่นมาอีก เหรอ ! แล้วทำไมแกยังอยู่นี่” คิงคัมโป้พูดเสียงดัง
“ข้าปล่อยเกรมลินไปจัดการมันแล้ว มันไม่น่ารอดหรอก แต่ไอ้โป๊กเกอร์มาส ก็หนีมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ !”
“คนสติดี ๆ ที่ไหนเหรอจะอยู่ในที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเต็มไปหมด พร้อมกับเกรมลินฝูงใหญ่น่ะ อีกอย่างข้าก็ไม่ชอบเกรมลินด้วย” โป๊กเกอร์มาสพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และผู้นำทั้งสามก็ไม่ได้พูดอะไร นั่นทำให้ไดม่อนแจ้ครู้แล้วไม่ควรพูดอะไรอีกแล้ว
“เอาล่ะ ให้แกจัดการพวกสามสาวนั่นก่อนก็แล้วกัน”
“แต่ว่า ฆ่าคนมีชื่อเสียงแบบนี้ จะไม่เป็นอันตรายเหรอครับ” ไดม่อนแจ้คพูด คิงครัมโป้หัวเราะแล้วพูดว่า
“ใครสนกันล่ะอย่าลืมนะ พวกเราน่ะทำได้ทุกอย่างที่อยากทำ ถ้าไม่ทำแกตาย ! อ๋อ ! ทำให้เหมือนเป็นการก่อการร้ายจากต่างประเทศก็แล้วกันนะ เผื่อจะได้เกิดสงคราม เพราะสงครามที่แหล่งทำเงินที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเราแล้ว”
ไดม่อนแจ้คหน้าเสีย กำลังจะหันไปบอกให้โป๊กเกอร์มาสไปกับตน แต่โป๊กเกอร์มาสกลับพูดทำให้มันหน้าชาไปหมด
“เฮ้ย ๆ ข้าไม่ช่วยเจ้าหรอกนะ เพราะข้ายังมีงานอื่นต้องทำ”
“งานนี้แกต้องจัดการเองเท่านั้น ไม่งั้นเดอะรอยยันไม่ให้อภัยแน่” แบล็กเอซพูด ไดม่อนแจ้คเดินหน้าเสียออกไป
บ้านหลังหนึ่งในแถบชานเมือง ผู้กองลีรอย กำลังนั่งรออยู่ในรถด้วยจิตใจร้อนรน ลีรอยถอนใจแล้วพูดว่า
“ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก โปรดอภัยให้ผมด้วย”
พูดจบเขาก็หยิบหมวกไอ้โม่งมาสวม เดินเข้าไปในบ้าน ด้วยกุญแจผี ถ้ามีใครคนมาเห็นเขาตอนนี้ คงไม่คิดว่าเขาเป็นตำรวจ พอเข้าไปในบ้าน การสำรวจก็เริ่มขึ้น เขาเห็นว่ามีมีดหลายเล่ม อยู่ในบ้าน คนอื่นอาจเห็นเป็นแค่มีดธรรมดา แต่สำหรับเขาแล้ว เขาเห็นบางอย่าง เขาแอบยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเก็บมีดทั้งหมดใส่ในเป้ที่เตรียมมา และแอบเข้าไปในห้องนอน ค้นอยู่นานจะกระทั่งได้เจอ กล่องใบหนึ่ง เขาจัดการสะเดาะกุญแจ กลิ่นคาวเลือดโชยออกมา และของในนั้นก็คือ เศษผ้าจากชุดนักเรียน ที่มีเลือดเปื้อนอยู่จนแดงไปหมด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา มันมาจากมือถือรุ่นเก่าที่พวกเขาใช้ต่างโทรศัพท์บ้าน ดาริโอมองหน้าไอแชกเขาบอกว่า “นายคุย” ดาริโอถอนใจแล้วพูดว่า “โยว่เฮ้ย ! ไอทั้งปี” ดาริโอรับสาย “นี่พวกคุณเล่นอะไร รู้มั้ยจะลบร่องรอย ทำลายหลักฐาน มันยากนะคะ !” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ดูแล้วหงุดหงิดมาก “ครับ ๆ ขอโทษแทนซีโอด้วย ครับคุณเจ้าขา” ดาริโอพูดขึ้นมา “แต่ ก็ต้องขอบใจพวกคุณนั่นล่ะ เพราะไอ้แก็งค์นี่สร้างปัญหามาพอสมควรแตะไม่ได้เลย ตอนนี้ก็ได้หลักฐานพอจะสาวไปถึงตัวการใหญ่ได้แล้ว ยังไงก็เลิกพ่นสีซะด้วยนะ ! จะปิดข้อมูลคุณยากเพราะพ่นสีนี่ล่ะ” เจ้าของชื่อเจ้าขาพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “มันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเราครับ สารวัตร” “แล้วมีใครจำได้หรือไงคะ” เจ้าขาวางสายไป ดาริโอหันไปมองทางไอแชกที่กำลังกินอาหารเย็นอยู่ “ซีโอ คราวหลังรับสายบ้างนะ !”ไอแชกทำเป็นไม่ได้ยิน เขาเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ซึ่งถ้าใครมาเห็นคงไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่ดูจะเป็นคนเย็นชาวางมาดอย่างเขา จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของวงแคนดี้เ
เดอะ เนฟีลิม The Nephilim ตอนที่ 3 นักล่า “เดี๋ยวนี่ นายถืออาวุธอะไรมาช่วยล่ะเนี่ย !” ราโมน่ามองด้วยสายตาแปลก ๆ ฮารุเลยบอกว่า “มันใช่เวลามาสนใจอาวุธคนอื่นมั้ยเนี่ย ราโมน่าจัง !” ฮารุโวย “เอ๊า เมื่อกี้ยังบอกว่าอาวุธผู้ร้ายอยู่เลยฮารุ แล้วมันตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ไงกันล่ะเนี่ย” ไอแชกเพิ่งนึกอะไรออก “เวรล่ะ เกริมลินมันเพิ่มพลังตัวเองด้วยการกินไฟฟ้า ! แล้วที่นี่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียบเลย” เจ้าเกรมลินเข้าโจมตีทันทีทุกคนรีบหลบ และตั้งท่าเตรียมพร้อม และยังไม่ทันไรก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา “ซีโอ แย่แล้ว” เสียงของดาริโอตะโกนดังขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาไปช่วยหลานชายไม่ได้ “ไปดูหลานนายเถอะ พวกฉันจัดการได้” จอยยาพูด ไอแชกหันมาขมวดคิ้ว จอยยาเลยพูดว่า “อะไร ฉันก็ฟังอิตาลี่ออกย่ะ เห็นชื่อยังไม่รู้อีกเหรอ !” ไอแชกพยักหน้ารีบไปดูทันที ซึ่งเขาเห็นว่า ดาริโออยู่ในวงล้อมของเหล่าเกริมลิน ที่เพิ่มพลังแล้วหลายตัว “ให้ตายเถอะ ทำไมแกต้องเป็นหลานฉันด้วยล่ะเนี่ย” พูดจบ
“นี่แกจะยืนดูอยู่แบบนี้ไปถึงไหนวะหา !” “ก็จนกว่ากระสุนจะหมดนั่นล่ะ ขืนออกไปส่งเดชได้ตายกันหมดนี่ล่ะ กระผมไม่ได้ชอบกินลูกปืนนะขอรับ” น้ำเสียงของโป๊กเกอร์มาสนั้นฟังแล้วยียวนโดยไม่ได้เคารพอะไรไดม่อนแจ้คเลย “โธ่เอ๋ย ! ใครมันเล่นบ้าอะไรวะเนี่ย !” ไดม่อนแจ้คพูด “ถามกระผมแล้ว กระผมจะถามใครล่ะ มันไม่ได้บอกชื่อนี่” โป๊กเกอร์มาสพูดหน้าตาเฉย ไดม่อนแจ้คกัดฟันเขาต้องจัดการปืนก่อนเขาจึงยิงลูกพลังสีดำไปทำลายปืน “ก็แค่นี้ทำไมไม่ทำวะหา” “แล้วทำไมท่านไม่ทำเองล่ะ” ไดม่อนแจ้คกำลังจะโวย แต่ยังไม่ทันไร ดาริโอกระโดดไปตรงกลางวง และชักปืนคู่เก็บเสียงออกมา “โยว่เฮ้ย !” ดาริโอกระหน่ำยิง ทั้งโป๊กเกอร์มาสและไดม่อนแจ้ครีบหลบทันที “หยุดมัน ! โป๊กเกอร์มาส” ไดม่อนแจ้คสั่ง โป๊กเกอร์มาสเอากระบองออกมาปัดกระสุนทิ้งไปทั้งหมด “โยว่เฮ้ย ! นี่แกเป็นปีศาจเหรอ ทำไมมาทำงานที่คาสิโนล่ะเนี่ย” ดาริโอพูดขึ้นมา “แล้วยังไงล่ะ ปีศาจก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน ข้าคือ โป๊กเกอร์มาส ลงมือเมื่อไหร่ทุกอย่างต้องจบ” พูดจบโป๊กเกอร์มาสก
โลโทเฟสคาสิโน เนื่องจากประเทศนี้คาสิโนนั้นถูกกฎหมายจึงไม่มีความจำเป็นต้อง หลบ ๆ ซ่อน ๆ ที่นี่จึงเป็นคาสิโนเบอร์ต้น ๆ ของประเทศนี้ มีการพนันครบวงจร แถมยังมีร้านอาหาร และโรงจำนำ ห้องนอนพักผ่อน เรียกได้ว่า กะไม่ให้ออกไปไหนกันเลยทีเดียว บนเวทีมีการแสดงของสามสาววง แคนดี้ ลีโอพาร์สเกิร์ลกรุ๊ปสามสาว สามสัญชาติ ซึ่งประกอบด้วย จอยยา สาวอิตาลี เม้นต์ร้องหลัก เป็นสาวผมแดง ตาสีน้ำตาลเธอคือนักร้องสาวเสียงพราวเสน่ช เพราะเธอเคยหัดร้องโอเปร่ามาก่อน เธอจึงใช้พลังเสียงได้อย่างเต็มที่ทุกครั้งเวลาร้อง ราโมนา สาวเยอรมัน เม้นต์แร๊ฟ สาวผมสีทองตาสีฟ้า เธอเป็นคนเขียนเพลงและท่อนแร็ฟของวงนี้ เห็นหน้าตาเหมือนเจ้าหญิงเทพนิยายแบบนี้แต่เวลาร้องแร๊ฟจะดุดันมากราวเสือสาว ฮารุ เม้นต์เต้นหลัก สาวญี่ปุ่นผู้มาพร้อมกับความน่ารักสดใส มาเต็มเปี่ยมราวกับออกมาจากอนิเมะ สักเรื่อง เธอเคยฝึกเป็นนางรำญี่ปุ่น มาก่อนและเรียนรู้การเต้นมาหลายรูปแบบ ทำให้มีลีลาการเต้นที่งดงามจับสายตาของทุกคน แม้ในคาสิโนจะมีการเล่นการพนันกันเป็นส่วนมาก แต่ที่นี่ก็มีการแบ่งโซนสำหรับการแสดงคอนเสิร์นเอา
ยี่สิบห้าปีต่อมา ณ ทวีป มู เมืองจันวิโน่ ประเทศไอเวแลนค์ เมืองจันวิโน่เป็นเมืองหลวงของประเทศไอเวแลนค์ จัดว่าเป็นเมืองที่มีความเจริญอันดับต้น ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ แต่ในความเจริญของบ้านเมืองมักจะมีปัญหาทางสังคมที่แก้แทบจะไม่ได้อยู่เรื่อย ๆ คือ พวกภัยสังคมในหลายรูปแบบ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีกลุ่มชายฉกรรณ์มีทั้งหมดหกคนกำลังไล่ตามเธออยู่ พวกมันมีสายตาหื่นกระหาย ราวกับสัตว์ป่า “โย่เฮ้ย !” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา เจ้าของเสียงเป็นชายร่างสูงโย่ง แต่งกาย เหมือนหลุดมาจากเอ็มวีเพลงฮิปฮอบ สวมชุดวอร์มสีเขียวอ่อน และสวมหมวกไหมพรหมสีเดียวกับชุด เขาจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง มีดวงตาสีดำเป็นมัน ใบหน้าแฝงไปด้วยแววขี้เล่นและซุกซนเหมือนเด็ก เขาคือดาริโอ คานโอ “อย่าเสือก เรื่องของผัวเมีย” “ไม่จริงคะ ช่วยด้วย” ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ เสียงปืนก็ดังขึ้นมา หนึ่งในคนร้ายล้มลงไป ชายชุดวอร์มเอามือตบหน้าผากตัวเองแล้วพูดว่า “โย่เฮ้ย ! นี่ ซีโอ[4] จะรีบยิงทำไมเนี่ย ไอกะเปิดตัวเท่ ๆ สักหน่อย” “แล้วแกจะพูดอะไร
ปฐมกาล 6 1-4น้ำท่วมโลก6เมื่อมนุษย์เริ่มทวีจำนวนขึ้นบนโลกและให้กำเนิดบุตรสาว 2 บรรดาบุตรชายของพระเจ้าเห็นว่าบรรดาบุตรสาวของมนุษย์สวยงามก็เลือกเอามาเป็นภรรยาตามใจชอบ 3 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จิตวิญญาณของเราจะไม่คงอยู่กับมนุษย์ตลอดไป เพราะเขาเป็นเพียงมนุษย์ที่ต้องตาย เขาจะมีอายุขัย 120 ปี”4 ในสมัยนั้นและสืบต่อมาภายหลัง มีคนเนฟิลอาศัยอยู่ในโลก คือสมัยที่บุตรชายของพระเจ้าไปอยู่กินกับบุตรสาวของมนุษย์และมีลูกหลานกับเขา คนเหล่านี้เป็นคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงในยุคโบราณกรุงปอมเบอี[2] ช่วงเวลาปัจจุบันร่างในเสื้อคลุมร่างหนึ่งกำลังเดินโซเซด้วยความเจ็บปวด มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด แสดงให้เห็นว่าเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้มา แต่นักท่องเที่ยวดูจะไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย เพราะทุกคนกำลังตื่นตาตื่นใจ กับสถานที่ท่องเที่ยว เขาบ่นพึมพำ“ไม่จริง ข้า แพ้เป็นไปไม่ได้ ทำไมกัน บ้าเอ๋ย ทำไมข้าต้องตาย ข้าควรจะเป็นผู้ปกครองทุกอย่างสิ ทุกสิ่งต้องสยบอยู่แทบเท้าข้าสิ”พูดจบเขาก็กางแขนออก ร่างเปล่งแสงออกมา และตะโกนเสียงดังลั่น “ลูกข้า แก้แค้นให้ข้าด้วย” เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาในชั่วพริบตา ทุกคน







