หลังจากผ่านบททดสอบจากคู่แข่งต่างๆ และความรักของคีรินทร์กับอลิสาได้เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น ทว่าภายใต้ความมั่นคงนั้น ความหึงหวงของคีรินทร์กลับเริ่มปะทุขึ้นอย่างไม่อาจซ่อนได้ โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นอลิสาอยู่ใกล้ชิดกับธามและภูริช
วันหนึ่งอลิสาและธามกำลังประชุมงานการกุศลกันที่ร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีบรรยากาศอบอุ่นใกล้กับออฟฟิศของอลิสา พวกเขากำลังปรึกษาหารือกันเรื่องรายละเอียดของกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในอนาคต ซึ่งต้องใช้ความคิดเห็นและประสบการณ์จากธามในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด อลิสาหัวเราะคิกคักเมื่อธามเล่าเรื่องตลกให้ฟัง ท่าทางของทั้งคู่ดูสนิทสนมเป็นกันเองราวกับไม่ได้มีเรื่องราวซับซ้อนระหว่างกันมาก่อน
คีรินทร์ที่บังเอิญขับรถผ่านร้านกาแฟแห่งนั้น สายตาของเขาก็พลันจับจ้องไปยังภาพของอลิสากับธามที่กำลังนั่งหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ความรู้สึกร้อนผ่าวแล่นเข้าสู่หัวใจของเขาอย่างรวดเร็ว ความหึงหวง ปะทุขึ้นมาทันที สีหน้าของเขาบึ้งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะรู้ว่าทั้งคู่แค่คุยเรื่องงาน แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
คีรินทร์จอดรถข้างทางอย่างกระทันหันและเดินเข้าไปในร้านกาแฟตรงไปยังโต๊ะที่อลิสาและธามนั่งอยู่ เขาไม่รอช้าที่จะ เข้าไปขัดจังหวะบทสนทนา ของทั้งคู่ทันที
"ลิซ พี่นึกว่าลิซทำงานอยู่" คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ เขาไม่ได้สนใจทักทายธาม แต่กลับยืนกอดอกมองธามและอลิสาสลับกันด้วยสายตาที่แสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน
อลิสาตกใจเล็กน้อยที่เห็นคีรินทร์มาปรากฏตัวที่นี่โดยไม่บอกกล่าว "พี่คี! ลิซมาคุยงานกับพี่ธามน่ะค่ะ" เธอพยายามอธิบายสถานการณ์ให้คีรินทร์เข้าใจ
ธามยิ้มให้คีรินทร์อย่างสุภาพตามมารยาท "สวัสดีครับคุณคีรินทร์ พวกเรากำลังคุยเรื่องโปรเจกต์การกุศลกันอยู่ครับ" เขารู้ดีว่าคีรินทร์กำลังแสดงอาการหึงหวง แต่ก็พยายามรักษามารยาท
"อืม" คีรินทร์ตอบสั้นๆ อย่างไม่แยแส
"แต่พี่ว่าตอนนี้ลิซน่าจะมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำนะ" เขาหันไปมองอลิสาด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าต้องการให้อลิสากลับไปกับเขา และไม่ต้องการให้อลิสาอยู่กับธามอีกต่อไป
อลิสารู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์นี้ เธอไม่อยากให้ธามรู้สึกไม่ดี แต่ก็ไม่กล้าขัดใจคีรินทร์ในสถานการณ์ที่คีรินทร์กำลังแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน เธอจึงหันไปขอโทษธามด้วยความรู้สึกผิด "ขอโทษนะคะพี่ธาม ลิซคงต้องไปแล้วค่ะ"
คีรินทร์ไม่รอให้อลิสาพูดจบ หรือให้ธามได้ตอบกลับ เขาก็ ดึงอลิสาออกห่างอย่างไม่รู้ตัว โดยจับข้อมืออลิสาอย่างกระชับและพาเธอเดินออกจากร้านกาแฟไปทันที ทิ้งให้ธามนั่งมองตามหลังไปด้วยสีหน้าที่เข้าใจในสถานการณ์ แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
ในอีกเหตุการณ์หนึ่ง อลิสาได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมงานเปิดตัวนิทรรศการศิลปะของภูริช ซึ่งจัดขึ้นในแกลเลอรีชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ งานนี้เป็นงานสำคัญที่รวมตัวนักธุรกิจ ผู้บริหาร และผู้มีอิทธิพลในวงการศิลปะไว้มากมาย อลิสาตัดสินใจเข้าร่วมงานนี้เพื่อสานสัมพันธ์ทางธุรกิจและหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติมให้กับงานออกแบบของเธอ
ในงานนิทรรศการ ภูริชในชุดสูทที่ดูภูมิฐานและสง่างาม พาอลิสาเดินชมผลงานศิลปะชิ้นต่างๆ ด้วยตัวเอง เขานำเสนอผลงานแต่ละชิ้นด้วยความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งอธิบายความหมายและแรงบันดาลใจเบื้องหลังผลงานอย่างละเอียด อลิสาชื่นชมในความสามารถ รสนิยมทางศิลปะ และความรู้รอบด้านของภูริช เธอพูดคุยกับเขาอย่างออกรสและดูเพลิดเพลินกับบทสนทนาที่น่าสนใจนั้น
คีรินทร์ที่ได้รับคำเชิญเข้าร่วมงานเช่นกัน เขาเดินเข้ามาในงานพร้อมกับปกรณ์ ผู้จัดการส่วนตัวของเขา สายตาของคีรินทร์กวาดมองหาอลิสาอย่างไม่ละสายตา และเมื่อเขาเห็นอลิสากำลังยืนพูดคุยกับภูริชอย่างสนิทสนมและดูมีความสุข ความหึงหวงก็ถาโถมเข้ามาในใจของคีรินทร์อีกครั้ง คราวนี้มันรุนแรงกว่าครั้งก่อน เพราะเขารู้ว่าภูริชเป็นคู่แข่งที่สุขุมและอันตราย
คีรินทร์ไม่รอช้า เขาเดินตรงเข้าไปหาอลิสาและภูริชทันที โดยไม่แสดงท่าทีลังเลแม้แต่น้อย เขาวางมือบนเอวอลิสาอย่างเป็นธรรมชาติและกระชับ เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของโดยไม่พูดอะไรต่อหน้าภูริช
"ลิซครับ" คีรินทร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด "พี่ตามหาลิซตั้งนานแน่ะ ทำไมไม่บอกพี่เลยว่ามางานนี้ด้วย"
อลิสาแปลกใจกับการกระทำของคีรินทร์เล็กน้อย เธอรับรู้ได้ถึงความหึงหวงของเขา แต่ก็พยายามยิ้มให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติ "พี่คีก็มางานนี้ด้วยเหรอคะ ลิซนึกว่าพี่คีจะไม่มาซะอีกค่ะ"
"แน่นอนสิครับ" คีรินทร์ตอบ พลางมองภูริชด้วยแววตาที่ท้าทายและไม่เป็นมิตร "งานสำคัญขนาดนี้ ผมจะพลาดได้ยังไง โดยเฉพาะเมื่อมีคนสำคัญของผมมาที่นี่ด้วย"
ภูริชยิ้มอย่างสุภาพเช่นเคย "สวัสดีครับคุณคีรินทร์ ไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่นี่นะครับ" เขาทักทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ในแววตาของเขากลับมีประกายบางอย่างที่ทำให้คีรินทร์รู้สึกว่าภูริชกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่
"ครับ" คีรินทร์ตอบสั้นๆ ห้วนๆ ก่อนจะหันไปหาอลิสาอีกครั้ง "ลิซครับ พี่ว่าเราไปดูผลงานชิ้นอื่นกันดีกว่านะ พี่อยากให้ลิซดูงานชิ้นนี้ด้วยกันกับพี่"
คีรินทร์ ดึงอลิสาออกห่างอย่างไม่รู้ตัว เขาสวมกอดเอวอลิสาอย่างกระชับและพาเธอเดินออกจากวงสนทนากับภูริชทันที ทิ้งให้ภูริชยืนมองตามหลังไปด้วยรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก ซึ่งทำให้คีรินทร์ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
อาการหึงหวงของคีรินทร์เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขายังคงพยายามแสดงความเป็นเจ้าของอลิสาในทุกสถานการณ์ และไม่ต้องการให้อลิสาอยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
ในหลายๆ ครั้ง คีรินทร์มักจะปรากฏตัวในสถานที่ที่อลิสาอยู่กับธามหรือภูริชอย่าง "บังเอิญ" และมักจะเข้าไปขัดจังหวะบทสนทนา หรือดึงอลิสาออกห่างโดยไม่สนสายตาของคนรอบข้าง เขาจะส่งสายตาที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของไปยังคู่แข่ง และพยายามแสดงออกว่าอลิสาเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
แม้ว่าอลิสาจะรู้สึกอึดอัดกับพฤติกรรมบางอย่างของคีรินทร์ที่ดูหึงหวงมากเกินไป แต่ลึกๆ แล้วเธอก็รู้สึกดีใจที่เห็นคีรินทร์แสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่มีต่อเธออย่างชัดเจน และนั่นก็ยิ่งทำให้อลิสามั่นใจในความสัมพันธ์ของเธอกับคีรินทร์มากขึ้น
อาการหึงหวงของคีรินทร์ไม่ใช่แค่การแสดงออกถึงความไม่พอใจ แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ถึงความรักที่เขามีต่ออลิสาอย่างแท้จริง และเป็นสัญญาณว่าเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งอลิสาไปจากเขาได้อย่างเด็ดขาด
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่