ในขณะที่คีรินทร์กำลังแสดงอาการหึงหวงอย่างออกนอกหน้ากับคู่แข่งคนอื่นๆ อย่างธามและภูริช อลิสาก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมากเมื่อแพรไหมยังคงเข้ามาวุ่นวายกับคีรินทร์ ไม่เพียงเท่านั้น ในเวลาเดียวกัน เธอก็เริ่ม สังเกตเห็นความรู้สึกของนาราที่มีต่อคีรินทร์ ทำให้เธอเริ่มหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากที่คีรินทร์ออกมาแถลงข่าวปกป้องอลิสาอย่างชัดเจนจากการถูกใส่ร้ายของแพรไหม ทำให้แผนการของแพรไหมพังไม่เป็นท่า เธอรู้สึกอับอายและแค้นเคืองอลิสามากยิ่งขึ้นจนถึงขีดสุด แพรไหมจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายจากอลิสาโดยตรงมาที่คีรินทร์แทน โดยพยายามหาทางเข้ามาวุ่นวายและเข้าใกล้ชิดคีรินทร์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยหวังว่าความใกล้ชิดจะทำให้คีรินทร์หันกลับมาสนใจเธออีกครั้ง
วันหนึ่ง อลิสาบังเอิญไปหาคีรินทร์ที่ออฟฟิศ เพื่อปรึกษาเรื่องโปรเจกต์งานที่กำลังจะเปิดตัว เมื่อก้าวเข้ามาในห้องทำงานของคีรินทร์ สายตาของอลิสาก็พลันไปเห็นกล่องของขวัญขนาดใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา กล่องนั้นถูกห่ออย่างประณีตด้วยกระดาษสีชมพูอ่อน และมีโบว์ผ้าไหมผูกไว้อย่างสวยงาม พร้อมการ์ดใบเล็กๆ วางอยู่ด้านบน
อลิสารู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ เธอหยิบการ์ดขึ้นมาอ่าน ข้อความที่เขียนด้วยลายมือสวยงามบนการ์ดนั้น ทำให้ใบหน้าของอลิสาบึ้งตึงขึ้นมาทันที
“ถึงคีรินทร์สุดที่รัก... หวังว่าคุณจะชอบของขวัญชิ้นนี้นะคะ คิดถึงเสมอค่ะ – แพรไหม”
อลิสารู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรงเมื่อแพรไหมเข้ามาวุ่นวายกับคีรินทร์ ความโกรธแล่นเข้าสู่หัวใจของเธออย่างรวดเร็ว ภาพข่าวที่แพรไหมเคยใส่ร้ายเธอยังคงติดตา อลิสาไม่คิดว่าแพรไหมจะยังไม่ยอมเลิกรา และยังคงพยายามทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับคีรินทร์
"นี่มันอะไรกันคะพี่คี" อลิสาถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองและโมโหอย่างเห็นได้ชัด เธอหันไปมองคีรินทร์ที่กำลังวางสายโทรศัพท์อย่างกะทันหัน "แพรไหมส่งอะไรมาให้พี่คีอีกแล้วคะ"
คีรินทร์ที่เพิ่งเห็นอลิสาเข้ามาในห้อง เขาพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ไม่มีอะไรหรอกลิซ พี่จัดการได้" เขารีบเดินเข้ามาหาอลิสาเพื่อปลอบโยน
"แต่ลิซไม่ชอบเลยนะคะที่แพรไหมเข้ามาวุ่นวายกับพี่คีแบบนี้" อลิสาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือ "เธอทำร้ายลิซไม่พอใช่ไหมคะ ถึงได้มาวุ่นวายกับพี่คีอีก" แววตาของอลิสาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความเจ็บปวดที่ต้องเจอเรื่องซ้ำซากจากแพรไหม
คีรินทร์ดึงอลิสาเข้ามากอดอย่างอบอุ่นและกระชับ เพื่อให้อลิสาสงบลง "ไม่ต้องห่วงนะลิซ พี่ไม่สนใจแพรไหมหรอก พี่สนใจแค่ลิซคนเดียวเท่านั้น" เขากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูอลิสา
คำพูดของคีรินทร์ทำให้ความรู้สึกไม่พอใจของอลิสาบรรเทาลงมาเล็กน้อย เธอรับรู้ได้ถึงความจริงใจของคีรินทร์ แต่ถึงกระนั้น ความไม่พอใจในตัวแพรไหมก็ยังคงอยู่ลึกๆ ในใจ เธอรู้ดีว่าแพรไหมไม่มีวันหยุดสร้างปัญหาตราบใดที่คีรินทร์ยังอยู่เคียงข้างเธอ การมีอยู่ของแพรไหมเปรียบเสมือนเงาตามตัวที่คอยรบกวนความสงบสุขของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่อลิสากำลังรับมือกับปัญหาจากแพรไหม เธอก็เริ่มสังเกตเห็นความรู้สึกของนาราที่มีต่อคีรินทร์ อลิสาและนารายังคงเป็นเพื่อนสนิทกัน และนาราก็ยังคงคอยให้กำลังใจและคำปรึกษาอลิสาเสมอมา เป็นที่พึ่งทางใจที่ดีที่สุดของเธอ แต่บางครั้งอลิสาก็รู้สึกได้ถึงแววตาของนาราที่มองคีรินทร์ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนเกินกว่าคำว่าเพื่อน และท่าทีบางอย่างที่ทำให้เธอเริ่มฉุกคิด
วันหนึ่งอลิสาไปหานาราที่บ้านเพื่อเล่าเรื่องที่คีรินทร์ออกโรงปกป้องเธอจากแพรไหมและเรื่องที่คีรินทร์แสดงอาการหึงหวงให้ฟัง นารารับฟังด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่ในแววตาของเธอแฝงไปด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อยที่อลิสาจับสังเกตได้ในเสี้ยววินาที
"นารายินดีด้วยนะลิซ ที่พี่คีรินทร์รักลิซมากขนาดนี้" นาราพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำเป็นปกติ แต่เสียงของเธอกลับสั่นเล็กน้อยจนอลิสารับรู้ได้
อลิสามองหน้านาราอย่างพิจารณา "นารามีอะไรหรือเปล่า ดูแปลกๆ ไปนะ" เธอถามด้วยความเป็นห่วงและสงสัย
นารารีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที "เปล่าหรอกลิซ นาราแค่ดีใจกับลิซเฉยๆ" เธอยิ้มให้เพื่อน แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูเจื่อนๆ
แต่การกระทำของนารากลับทำให้ อลิสาเริ่มหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง เธอเริ่มนึกถึงคำพูดที่คีรินทร์เคยพูดไว้ว่า
"บางทีสิ่งที่เห็นภายนอกก็อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดเสมอไป" คำพูดนั้นวนเวียนอยู่ในความคิดของอลิสา เธอเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่านาราอาจจะมีความรู้สึกบางอย่างกับคีรินทร์มากกว่าแค่เพื่อน และนั่นก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด
อลิสาเริ่มสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอไม่เคยสังเกตมาก่อน นารามักจะคอยดูแลเอาใจใส่คีรินทร์อยู่เสมอ แม้จะอยู่ห่างๆ เธอมักจะรู้ว่าคีรินทร์ชอบดื่มกาแฟแบบไหน ชอบอาหารอะไร ไม่ชอบอะไร และดูเหมือนจะเข้าใจคีรินทร์ดีกว่าใครๆ แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่บางครั้งคีรินทร์เองก็ยังลืม นาราก็จะจดจำได้เสมอ เธอจะคอยให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่คีรินทร์ในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว โดยที่ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใดๆ
การสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ทำให้อลิสารู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง เธอรักคีรินทร์มาก และมั่นใจในความรู้สึกที่มีต่อเขา แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกผิดและหนักใจกับความเป็นไปได้ที่เพื่อนสนิทอย่างนาราอาจจะแอบรักคีรินทร์อยู่เช่นกัน เธอไม่ต้องการทำร้ายจิตใจเพื่อนสนิทที่แสนดีของเธอเลยแม้แต่น้อย
ความรู้สึกไม่พอใจแพรไหมที่ยังคงตามวอแว และการสังเกตเห็นความรู้สึกของนาราที่มีต่อคีรินทร์ ทำให้ความสัมพันธ์ของคีรินทร์และอลิสาต้องเผชิญกับบททดสอบที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น อลิสาต้องจัดการกับความรู้สึกไม่สบายใจที่เกิดขึ้นในใจเธอเอง และต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าความรักของเธอกับคีรินทร์อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเธอกับนารา
ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้มีแค่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไปแล้ว แต่มีมิติของความรู้สึกจากคนรอบข้างเข้ามาเกี่ยวข้อง อลิสาต้องจัดการกับความรู้สึกหึงหวงและไม่สบายใจของตัวเอง เพื่อให้ความสัมพันธ์ของเธอกับคีรินทร์ยังคงแข็งแกร่งและเดินหน้าต่อไปได้ ท่ามกลางบททดสอบที่ซับซ้อนและเปราะบางนี้ พวกเขาจะสามารถรักษาสมดุลของความรู้สึกทั้งหมดไว้ได้หรือไม่
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่