ตอนที่15 ของขวัญชิ้นแรก
เมื่อได้รับอนุญาตจากธาราพลอยใสก็เดินกลับไปบอกรุ่นพี่ว่าเธอจะสมัครเป็นตัวแทนคณะเพื่อเข้าร่วมประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัย ทุกคนต่างยิ้มร่าอย่างมีความสุข
“พวกพี่ขอบคุณพลอยใสมากนะ แล้วเจอกันสัปดาห์หน้าหลังกิจกรรมรับน้องเสร็จ”
พลอยใสเดินออกมานั่งรอรถเมล์เพราะวันนี้กิจกรรมเลิกค่อนข้างเย็นจึงไม่โทรเรียกรถของที่บ้านฮาร์เปอร์มารับ ด้วยระยะทางจากมหาวิทยาลัยถึงบ้านฮาร์เปอร์นั้นไม่ได้ไกลกันมากนัก นั่งรถเมล์ต่อเดียวก็ถึงพลอยใสจึงเลือกที่จะเดินทางกลับเองในช่วงเย็น
“พลอยใสกลับกับพวกเราไหมนี่ก็มืดแล้วนั่งรถเมล์กลับมันอันตราย” รถเก๋งสีขาวจอดตรงป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย และคนในรถตะโกนเรียกพลอยใสซึ่งเจ้าของรถนั้นคืออาทเพื่อนร่วมคณะที่เข้ามาทักเธอตอนทำกิจกรรมเมื่อตอนบ่าย
“ไม่เป็นไรเราเกรงใจ บ้านเราอยู่คนละทางกับบ้านอาท เรานั่งรถเมล์กลับได้สบายมาก” พลอยใสปฏิเสธออกไปด้วยความเกรงใจ แต่เพื่อน ๆ บนรถก็เร้าหรือจนพลอยใสต้องยอมขึ้นรถกลับบ้านด้วย
“ขับเพิ่มแค่ยี่สิบกิโลมันไม่ได้เสียเวลาพวกเราขนาดนั้นหรอก อีกอย่างเราเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่เหรอ” มุกดาคือเพื่อนที่สนิทกับพลอยใสมากที่สุดเพราะเป็นคนเข้ามาทักพลอยใสเป็นคนแรกและทั้งสองก็เรียนสาขาเดียวกันรวมทั้งอาทและกี้ด้วย
“ขอบคุณนะ”
“นี่บ้านเธอเหรอพลอยใส ทำไมหลังใหญ่ขนาดนี้ล่ะ” เมื่อรถเก๋งสีขาววิ่งมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลฮาร์เปอร์เพื่อนทุกคนต่างตกใจไม่คิดว่าหญิงสาวที่ดูถ่อมตัวอย่างพลอยใสจะอาศัยอยู่คฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนี้
“เปล่าหรอกนี่เป็นบ้านผู้ปกครองของเรา ขอโทษนะที่ไม่สามารถเชิญทุกคนเข้าบ้านได้” พลอยใสเอ่ยขอโทษเพื่อน ๆ ที่ต้องเสียมารยาทเพราะไม่สามารถเชิญเพื่อน ๆ เข้ามาด้านในได้
“ไม่เป็นไรพวกเราเข้าใจ”
“คุณพลอยใสเชิญครับ” ประตูรั้วบานใหญ่ถูกเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นบอดี้การ์ดนับสิบคนยืนดูแลความปลอดภัยอยู่บริเวณนั้น เอ่ยเรียกหญิงสาวให้เข้ามาด้านใน
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้ บาย” มือเรียวเล็กโบกลาเพื่อน ๆ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้านที่บอดี้การ์ดเปิดประตูรออยู่
ชาร์วีและธาราที่พึ่งกลับจากบริษัทยังไม่ทันลงจากรถก็ต้องเพ่งสายตามองผ่านกระจกมองหลังเมื่อประตูหน้าบ้านถูกเปิดออกอีกครั้งหลังจากที่พึ่งปิดเมื่อสักครู่ ภาพที่เห็นคือเด็กในการปกครองกำลงจากรถคันไม่คุ้นตาและคนที่นั่งอยู่ด้านในนั้นคือชายหนุ่มวัยรุ่นที่ชาร์วีและธาราไม่รู้จักเช่นกัน
“อย่าลืมตักเตือนกันด้วยล่ะ ไม่ทันไรก็มีผู้ชายมาส่งถึงบ้านแถมยังมาส่งค่ำ ๆ มืด ๆ อีกมันดูไม่เหมาะสม” เมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านชาร์วีก็พูดกับธาราทันทีในสิ่งที่พึ่งเห็นและสร้างความไม่พอใจให้กับตนเอง
“พลอยใสไม่ได้มากับเพื่อนชายสองต่อสองนะครับไม่เห็นเป็นอะไร ช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กกำลังพบและรู้จักเพื่อนใหม่ มันเป็นธรรมดาของสังคมมหาลัยครับ อีกอย่างในรถเมื่อกี้ก็มีเพื่อนผู้หญิงมาด้วย" ธาราพยายามอธิบายให้คนเป็นนายเข้าใจว่าคนที่มาส่งหญิงสาวนั้นน่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนที่มหาลัย
“จะมีเพื่อนผู้หญิงมาด้วยหรือไม่มาด้วยก็ช่าง ยังไงการที่ให้เพื่อนผู้ชายมาส่งค่ำ ๆ มืด ๆ แบบนี้มันก็ไม่เหมาะ รถที่บ้านก็มีตั้งหลายคันคนขับรถก็มีตั้งหลายคนกูไม่ได้จ้างให้พวกมันมานั่งเช็ดรถเล่น ถ้ามันจะไม่ทำหน้าที่ก็ไล่ออกไปให้หมด และตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปมึงกำชับเด็กทุกคนไม่ว่าจะค่ำมืดแค่ไหนก็ต้องให้รถที่บ้านไปรับเท่านั้น” เสียงทรงอำนาจสั่งน้ำเสียงเฉียบขาดด้วยสีหน้าและท่าทางไม่พอใจอย่างหนัก
“เด็กโตแล้วนะครับให้อิสระพวกเธอบ้างก็ดี สังคมมหาลัยเป็นสังคมที่เปิดกว้าง การที่เคร่งครัดกับพวกเธอเหมือนกับเด็กประถมหรือมัธยมบางทีอาจจะทำให้เด็กรู้สึกอยากออกไปอยู่ข้างนอกเองโดยเอาเรื่องที่มหาลัยมาอ้างได้นะครับ” ธาราถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่เจ้านายอาจจะมองข้ามไป
“กูและมึงก็เคยผ่านชีวิตมหาลัยมาแล้วเหมือนกัน การทำกิจกรรมไร้สาระพวกนั้นจนมืดค่ำมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร การที่กูอนุญาตให้ทำไม่ได้หมายความว่าจะทำทุกอย่างตามใจทั้งหมด อยู่ในบ้านนี้ก็ต้องทำตามกฎของที่นี่ ถ้าทำตามไม่ได้ก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกจะได้ใช้ชีวิตอิสระอย่างที่อยากใช้” ธาราเข้าใจสิ่งที่ชาร์วีพูดเพราะมันก็มีส่วนถูกอยู่บ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ในเมื่อชาร์วียอมอนุญาตให้ทำกิจกรรมแล้วก็ต้องทำตามกฎของที่บ้านคือต้องให้คนขับรถของที่บ้านไปรับไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
“ผมจะแจ้งให้พวกเธอทราบครับ”
พลอยใสเข้าเรียนที่คณะบริหารธุรกิจสาขาการตลาดระหว่างประเทศภาคอินเตอร์จึงมีเพื่อนที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างดีด้วยค่าเทอมที่สูงกว่าภาคปกติอยู่หลายเท่า
“พลอยใสทำไมภาษาอังกฤษเธอคล่องจัง เราเห็นเธอตอบอาจารย์คล่องมาก”
“เราเรียนโรงเรียนอินเตอร์ตอนไฮสคูลน่ะเลยใช้ภาษาอังกฤษคล่องพอสมควร” พลอยใสให้คำตอบกับเพื่อน
“อย่างนี้นี่เอง ผู้ปกครองเธอคงดูแลเธอดีนะคอยส่งรถมารับมาส่งทุกวันเลย”
“วันนี้อาจารย์ปล่อยเร็วเราไปกินไอศกรีมที่ห้างใกล้ ๆ นี่กันไหม” มุกดาเอ่ยชวนเมื่อทั้งสี่คนเดินลงมาถึงด้านล่างของตึกเรียน
“ไปสิ วันนี้อากาศร้อนด้วยฉันกำลังอยากกินอะไรเย็น ๆ อยู่พอดีเลย” กี้เห็นด้วยกับมุกดา
“เราต้องขออนุญาตผู้ปกครองก่อน ไม่รู้จะไปได้หรือเปล่า” พลอยใสที่วันก่อนโดนสั่งห้ามเรื่องนั่งรถกลับบ้านเอง วันนี้ก็กลัวว่าจะโดนดุอีกรอบถ้าไปไหนมาไหนแล้วไม่ขออนุญาตก่อน
“ได้สิ ให้มุกช่วยคุยให้ก็ได้นะเราแค่ไปกินไอศกรีมห้างใกล้ ๆ นี่เอง” ทุกคนเข้าใจพลอยใสไม่ได้ตำหนิอะไรออกมาเพราะครอบครัวแต่ละครอบครัวก็มีกฎระเบียบต่างกัน ทุกคนยืนรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
ตู๊ด ~ ตู๊ด ~ ตู๊ด ~
“พี่ธาราคะคุยได้ไหมคะ” ไม่นานปลายสายก็กดรับสาย
“ได้ครับพี่กำลังนั่งรถออกไปพบลูกค้าพอดี” ระหว่างที่ธาราคุยโทรศัพท์กับเด็กสาวอยู่นั้นก็มีอีกคนที่ให้ความสนใจฟังสิ่งที่ทั้งสองคุยกัน
“วันนี้อาจารย์ปล่อยคลาสเร็วพลอยขออนุญาตไปทานไอศกรีมกับเพื่อน ๆ ที่ห้างใกล้ ๆ มหาลัยนี้ได้ไหมคะ”
“ได้สิ ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็ดี จะกลับค่อยโทรบอกให้คนขับรถไปรับ”
“เด็กสองคนนั้นไม่เห็นจะเถลไถลเหมือนเด็กคนนี้เลย” ชาร์วีพูดขึ้นเมื่อรับรู้ว่าปลายสายนั้นโทรมาเรื่องอะไร
“ผ้าไหมกับแก้มใสก็มีไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างครับ แค่ไม่ได้รายงานผมทุกครั้งเหมือนพลอยใส” ธาราบอกออกไปตามความจริงตามที่คนขับรถรายงานมา
“แล้วเด็กนี่ไปกับใคร”
“เธอบอกไปกับเพื่อนครับ”
“กูรู้ว่าเพื่อน แล้วมีใครบ้าง”
“ผมไม่ได้ถาม คงจะเป็นเพื่อนที่เรียนสาขาเดียวกันนั่นแหละครับ”
“แต่กูได้ยินเสียงผู้ชาย” ชาร์วีพูดออกมาน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“คงจะเป็นคนที่มาส่งพลอยใสคืนนั้นมั้งครับ เพราะเขาก็เป็นเพื่อนกัน”
ทางด้านพลอยใส
“ตกลงเธอไปได้ใช่ไหมพลอยใส”
“ไปได้จ้ะ” เมื่อได้รับคำตอบจากพลอยใสทุกคนต่างยิ้มร่า แม้จะเป็นการไปนั่งกินไอศกรีมเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม
รถเก๋งสีขาวขับเคลื่อนออกจากรั้วมหาวิทยาลัยในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวัน การจราจรที่เริ่มติดขัดบ้างเป็นบางจุดส่งผลให้ใช้เวลาในการเดินทางมายังห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
ร้านไอศกรีม
“ฉันเอานัตตี้ คริสปี้ ทาวเวอร์ พวกเธอเอาอะไร” พลอยใสเลือกเมนูโปรดที่เธอชอบทานก่อนหันไปถามเพื่อน
“ฉันเอาสตัคกี้ ชูวี่ ช็อค แฟนตาซี” มุกดาบอกเมนูกับพนักงาน
“ฉันเอาเหมือนพลอยใส/เราก็ด้วย”
ทุกคนต่างนั่งรอกันใจจดใจจ่อทำราวกับเด็กได้กินไอศกรีมครั้งแรกทั้งที่ทุกคนก็มาทานกันบ่อย
“ฉลองมิตรภาพของพวกเรา เราจะจับมือเดินไปด้วยกัน พวกเราทั้งสี่คนจะต้องถ่ายรูปร่วมกันในวันรับปริญญา” ปาร์ตี้ไอศกรีมได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ รอยยิ้มสดใสสมวัยกับเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะ และช่วงเวลาแห่งความสุขกับเพื่อน ๆ ก็หมดลงเมื่อมีสายคุ้นเคยโทรเข้ามา
“ค่ะพี่ธารา”
“ทานไอศกรีมเสร็จหรือยังนายให้พี่มารับพลอยกลับบ้านด้วย” โทนเสียงคุ้นชินดังมาตามสาย หญิงสาวที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนานหลังจากทานไอศกรีมเสร็จก็เงียบเสียงลง
“เสร็จแล้วค่ะ แล้วตอนนี้พี่ธาราอยู่ที่ไหนคะ”
“พี่ยืนอยู่หน้าร้าน” ดวงตากลมโตหันมองตามทิศทางที่ชายหนุ่มบอกทันทีก็เจอกับบอดี้การ์ดหนุ่มสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำยืนเด่นอยู่หน้าร้าน
“โอเคค่ะ เดี๋ยวพลอยเดินออกไป”
“เช็กบิลครับ” ไม่ทันที่พลอยใสจะลุกเดินออกไปบอดี้การ์ดหนุ่มก็เดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่
“ทั้งหมด 608 บาทค่ะ” แบงก์สีเทาถูกส่งให้พนักงานท่ามกลางสีหน้างุนงงปนตกใจของทุกคน
“เอ่อ..ทุกคน นี่พี่ธาราพี่ที่คอยดูแลเรา” พลอยใสไม่รู้จะแนะนำชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไรดี จึงแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จักคร่าว ๆ เพียงเท่านั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
“สวัสดีค่ะ ขอบคุณสำหรับค่าไอศกรีมนะคะ” ทุกคนยกมือไหว้ทักทายชายหนุ่มอย่างมีมารยาท
“ขอตัวก่อนนะครับ” เมื่อจัดการเช็กบิลเรียบร้อยแล้วธาราก็กล่าวลาเพื่อน ๆ พลอยใสและเดินนำออกจากร้านทันที
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะทุกคน” พลอยใสลาเพื่อนเสร็จก็รีบสาวเท้าเดินตามธาราออกไป
ลานจอดรถ
รถตู้คันหรูที่พลอยใสจำได้ดีว่าเป็นคันที่ชาร์วีใช้งานประจำสตาร์ตเครื่องจอดรออยู่ ฝ่ามือเรียวเล็กตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะเกิดอาการตื่นเต้นและประหม่าที่จะเจอผู้ปกครองใจดีของเธอที่เฝ้าอยากเห็นหน้ามาตลอดหลายปี
ครืด ~ ~ ~
ประตูรถเลื่อนเปิดออกอัตโนมัติเมื่อเธอและบอดี้การ์ดหนุ่มเดินมาถึง
~ ~ ~ ด้านในรถเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่เธออยากเจอ ใบหน้าเรียวเล็กแสดงออกถึงความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็เพียงแป๊บเดียวก็กลับมาเป็นปกติ
“ออกรถ” เมื่อทั้งสองขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยแล้วธาราก็สั่งคนขับรถออกรถทันที
“แล้วคุณวีล่ะคะ เขาไม่ได้ออกมาพบลูกค้ากับพี่ธาราเหรอคะ” พลอยใสถามออกไปเสียงอ่อย
“มา..แต่นายกลับไปแล้วครับ” คำตอบสั้น ๆ แต่ความหมายชัดเจน
“จริงสินะ จะให้คุณวีมานั่งรอแค่เด็กในอุปการะมันก็ไม่เหมาะสม” ดวงตากลมโตฉายแววผิดหวังทอดสายตามองด้านนอก ในหัวกำลังคิดอะไรหลายอย่าง ภายในรถเงียบสงัดไม่มีการสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นจนรถเคลื่อนตัวมาถึงคฤหาสน์ฮาร์เปอร์
“ของขวัญสำหรับการสอบเข้ามหาลัย นายสั่งให้ซื้อมาให้ทุกคน ฝากให้แก้มใสและผ้าไหมด้วย” ถุงกระดาษที่มีโลโก้แบรนด์ดังติดอยู่ส่งให้เด็กสาวขณะที่รถจอดสนิท
“ขอบคุณค่ะ” สีหน้าเศร้าสร้อยแปรเปลี่ยนเป็นดีใจขึ้นมาแทน ไม่ใช่เพราะได้ของขวัญราคาแพงแต่เพราะคนที่ให้ของขวัญชิ้นนี้คือชาร์วี