กลับมาพบกันอีกครั้งด้วยนิยายเรื่องใหม่ แนวนิยายรักดราม่า โรแมนติก #ไม่มีนอกกาย #ไม่มีนอกใจ #รักเก่ารีเทริ์น กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากที่ได้ห่างหายแยกย้ายกันไปคนละทางนานถึง5ปี เพราะด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ทั้งคู่ต้องเลิกรากัน พระเอกที่ไม่เคยลืมนางเอกได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ถึงแม้จะเลิกรากันไปนานแล้วก็ตาม เขาพยายามตามหาเธอไปทุกหนแห่งแทบจะพลิกแผ่นดินหา จนกระทั่งวันนี้เธอและเขาก็ได้กลับมาเจอกันดั่งใจหวังอีกครั้งแต่ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...จากที่รักกลายเป็นเกลียด แน่นอนว่าครั้งนี้เขาจะขอแก้ตัว แก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไปจนทำให้เธอต้องเสียใจหนักมากและหนีจากไปทั้งน้ำตาพร้อมกับลูกในท้องซึ่งเขาไม่เคยรู้ว่ามาก่อนว่ามี และขอทวงคืนเธอและลูกกลับมา 👉สปอยค่ะว่าพระเอกดุ หึงโหด แต่คลั่งรัก ตามราวีง้อเมียไม่เลิกจนกว่าเธอจะให้อภัย แต่จะมีฉากเรียกน้ำตาแน่นอนค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ต่อไปนี้เรื่องราวจะเป็นอย่างไรโปรดมาติดตามไปด้วยกันนะคะ ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนคนนี้ด้วยก๊าบ🫶🏻
View Moreซ่า~
ร่างเล็กในชุดนักเรียนเปียกโชกไปทั้งตัว ก้าวขาอย่างช้าๆ ราวกับคนหมดแรงท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะขาดสาย ไปตามเส้นทางถนนทอดยาวที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดหมายปลายทางสำหรับเธอในตอนนี้มันอยู่ที่ไหนกัน… ‘เราเลิกกันเถอะกอหญ้า…พี่กำลังจะแต่งงานกับลิตา’ ประโยคถ้อยคำของชายหนุ่มที่เหมือนเข็มแหลมทิ่มแทงหัวใจหญิงสาวอย่างแรง ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวหญิงสาวซ้ำๆ จนเธอที่พยายามแอบซ่อนความเจ็บปวดอย่างสุดกำลังเดินหนีจากเขามาไกลแล้ว ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถฝืนข่มกลั้นหยาดน้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดไปหมดแล้วไม่ให้ไหลทะลักลงมาได้อีกต่อไป พรึ่บ “ฮึก ฮือ ฮือ” ร่างคนตัวเล็กทิ้งตัวนั่งแหมะลงบนพื้นอย่างหมดอาลัย นั่งกอดตัวเองร้องไห้สะอื้นอย่างหนักจนหัวไหล่สั่น อารมณ์หญิงสาวตอนนี้ดิ่งลงสู่เหว หลังจากรับรู้ว่าความรักครั้งนี้ของผู้หญิงที่ชื่อกอหญ้าได้พังทลายลงในพริบตาโดยที่เธอไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลย หัวใจเธอเจ็บปวดจนคล้ายถูกมีดนับพันทิ่มแทงลงมาอย่างโหดเหี้ยมที่ต้องมารับรู้ว่าผู้ชายที่รักมากที่สุด…เชื่อใจกันมาตลอด จู่ๆ ก็มาขอเลิกรากันอย่างกะทันหันเพื่อไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน ทั้งที่ตอนนี้เธอก็เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังท้องลูกของเขาอยู่ เขาคิดว่าเธอคนนี้โง่เขลาไม่พอหรือยังไง ทำไมเธอถึงเป็นคนที่ถูกเลือกให้เป็นคนอาภัพในเรื่องความรัก…มีรักทั้งทีก็ถูกหักหลังกันแบบนี้ ยอมเต็มใจให้เขาหลอก ทั้งปักใจเชื่อจนสนิทใจว่าผู้ชายอย่างองศาที่เธอมั่นใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขาในอนาคตจะรักเธอเพียงคนเดียว แต่แล้วมันกลับ ไม่ใช่เลย... แค่เพียงเหตุผลเดียวที่เธอนั้นดีสำหรับเขาไม่พอ เขาถึงกับต้องนอกใจ ไปหาความสุขกับผู้หญิงคนอื่นแทนเลยอย่างนั้นเหรอ…แล้วความรู้สึกของเธอกับลูกในท้องล่ะจะทำยังไง มีแต่เขาที่เห็นแก่ตัวให้ความสนใจกับความรู้สึกของตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง หัวใจที่แตกสลายดวงนี้เมื่อต้องมารู้ว่าผู้ชายที่เคยรักที่สุดขอเลิกราโดยทิ้งให้เธอที่กำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ต้องทนเจ็บปวดอยู่คนเดียวแบบนี้เหรอ มันน่าตลกเสียจริงๆ .. ‘สุดท้ายแล้วเขามันก็เป็นผู้ชายที่มีสันดานเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ที่ฉันไม่ควรจะไปหลงเชื่อรักเขาตั้งแต่แรกแล้ว’ ซ่า~ “แม่ขอโทษนะลูก อึก แม่ขอโทษ แม่ผิดเองที่แม่ทำให้หนูต้องมาลำบาก ให้หนูเกิดมาโดยไม่มีพ่อ แม่ขอโทษจริงๆ ” เธอร่ำไห้ปานจะขาดใจตายท่ามกลางสายฝน เอ่ยคำขอโทษกับลูกน้อยในท้องซ้ำๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความเจ็บปวดเล่นพล่านไปทั้งร่างกายเข้าสู่หัวใจจนเธอแทบจะไม่สามารถประคองร่างให้ยืนไหวต่อไปได้ หัวใจของเธอครั้งนี้มันแตกสลายเกินกว่าที่จะนำกลับมารักษามันได้เสียแล้ว… “แม่สัญญา แม่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายเราได้อีกแล้ว แม่สัญญา…”เช้าวันต่อมาแสงตะวันของยามเช้าสาดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องกระทบร่างกายที่ยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนุ่ม ทว่าเพียงชั่วครู่คนตัวเล็กกลับถูกกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูกปลุกให้เธอต้องตื่นจากห้วงความฝัน “หอมจัง…อื้ออ” ริมฝีปากบางพึมพำออกมาเบาๆ ขณะเปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาที่ยังพร่ามัวและง่วงงุน ก่อนเธอจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงและทำการยืดแขนยืดขาอย่างสบายใจ ชวนรู้สึกถึงความเมื่อยล้าที่เริ่มจางหายไป จากนั้นจึงหันกลับมากะว่าจะหอมแก้มเจ้าตัวน้อยข้างกายเหมือนในทุกๆ เช้า แต่หากว่าเช้าวันนี้เธอกลับพบเพียงเตียงนอนที่ว่างเปล่า ไร้วี่แววของร่างลูกชายตัวน้อย“เอ๋?” “…” เมื่อไม่เห็นร่างของลูกชาย หญิงสาวจึงยกมือขึ้นขยี้ตาไปมาเพื่อไล่ความง่วงงุนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ออกไปจากร่างกายทันที ก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ก็ยังเพียงความว่างเปล่ากับบานประตูห้องที่เปิดแง้มเอาไว้เพียงเล็กน้อยแทน เห็นดังนั้น หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบขึ้นมาเช่นเดียวกับความกังวลแล่นเข้ามาในอก ไม่รอช้าเธอรีบลุกขึ้นจากเตียงตรงไปยังประตูทันทีก่อนจะสาวเท้าลงบันไดไปยังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว “ส
เมื่อเห็นว่าเธออุ้มร่างลูกชายขึ้นไปพักผ่อนบนชั้นสองแล้ว ร่างสูงจึงเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาก่อนค่อยๆ เอนหลังพิงนั่งยิ้มกริ่มกับตัวเองอยู่คนเดียว ขณะสายตาทอดมองฝนข้างนอกหน้าต่างบานเล็กที่ยังคงตกหนักอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเร็วๆ นี้ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่นั่งมองสายฝนเพลินๆ อยู่พักหนึ่งนั้น ชายหนุ่มที่แบกความเหนื่อยล้าจากการตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเร่งขับรถถ่อมาถึงที่นี่ ทำให้ร่างกายเขาเริ่มอ่อนแรงลงโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ร่างค่อยๆ เอนตัวนอนลงบนโซฟา เปลือกตาคมก็ค่อยๆ หย่อนลงอย่างช้าๆ จนกระทั่งปิดสนิทและเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวในที่สุด “ฟี้~” บนชั้นสอง ทว่าในระหว่างที่ชายหนุ่มเคลิ้มหลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว คนที่พักผ่อนอยู่บนชั้นสองของบ้านกลับยังคงนอนพลิกตัวไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ข้างกายลูกชายที่นอนหลับสนิทแล้วอีกคน พรึ่บ พรึ่บ 22.45น.นี่ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วที่หญิงสาวยังคงนอนไม่หลับสักที แม้เธอจะพยายามข่มตาหลับแล้วแต่ก็เหมือนจะดูไร้ประโยชน์ อาจจะเป็นเพราะว่าคืนนี้มีบุคคลอื่นมานอนในบ้านเพิ่มอีกคนเช่นเดียวกับคำพูดของเขาในวันนี้ยังวนเวียนติดอยู่ในหัวเธอไม่จางหายจนกระทั่งถึงตอนน
คนตัวเล็กยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ มือสวยที่ถือแผ่นเอกสารก็เหมือนจะสั่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังไงเธอก็ยังไม่นึก ไม่ฝันและไม่อยากจะปักใจเชื่ออยู่ดี เพราะตอนที่เธอเจอกับต้นหนวันนี้ เขายังพูดอยู่เลยว่าเขายังโสด ไม่เคยมีแฟน แล้วจะมีลูกได้ยังไง แต่สรุปเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ “ไม่จริง...” เธอพึมพำเบาๆ ด้วยความสับสน ก่อนเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยปากโต้แย้งกับเขาอย่างไม่เชื่อ “พี่อย่ามาสร้างเรื่องให้ฉันหลงเชื่อ ไปหน่อยเลยนะ ไม่มีหลักฐานแล้วยังไปกล่าวหาเขาลอยๆ แบบนี้มันใช่ได้ที่ไหนกัน” “พี่ไม่ได้โกหก” เขาตอบกลับด้วยสายตาและน้ำเสียงแน่วแน่ ก่อนปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง “ถ้าเธอยังไม่เชื่อที่พี่พูดก็ไม่เป็นไร แต่ลองอ่านในผลตรวจให้จบก่อนสิ” พูดจบ คนตัวเล็กรีบก้มกวาดสายตาอ่านรายละเอียดตรงช่วงท้ายของแผ่นกระดาษอีกครั้งในทันที ‘ผลการตรวจดีเอ็นเอระบุยืนยันว่า นายชนธัญ จตุรพงษ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเด็กชาย ธนพัฒน์ จตุรพงษ์ 99.99%’ “อึก…” ใบหน้าสวยซีดเผือด หัวใจดวงน้อยสั่นสะท้านไหวขึ้นมาโดยพลันหลังจากอ่านถึงตัวอักษรของประโยคสุดท้ายที่ระบุบนแผ่นกระดาษจบ เขาไม่ได้โกหกเธอจริงๆ ... “กอหญ้ามาถึงตอนนี้แล้
คนตัวเล็กยืนชะงักนิ่งไปทันที ด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ ก่อนหันกลับมามองเขาด้วยดวงตาสั่นไหว พร้อมถามย้ำเสียงแผ่วเพื่อความแน่ใจ “พี่ว่าอะไรนะ?” “ฟังพี่ดีๆ นะกอหญ้า เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของพี่” “…” นี่เธอคงไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เขากำลังบอกเธอว่าเด็กคนนั้น…ลูกชายของเขากับ ‘ลิตา’ เพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนของเธอ ผู้หญิงที่เขายอมผลักไสเธอ ถึงกับตัดขาดความสัมพันธ์กันไปราวกับคนไร้หัวใจ เพื่อมาเลือกเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทันทีที่ฟังชายหนุ่มจบ สีหน้าหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงอย่างหนัก คาดไม่ถึงว่าลูกชายของ ‘ลิตา’ จะไม่ใช่ ลูกของเขาอย่างที่เธอเข้าใจมาโดยตลอด แต่มันจะเชื่อได้อย่างที่เขาพูดมาอย่างนั้นนะเหรอ แล้วอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้กันล่ะทว่าชายหนุ่มที่เห็นสีหน้าเธอในตอนนี้แล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดอย่างแน่นอน “กอหญ้าพี่รู้นะว่าเธออาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่พี่พูด” เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ เฮือกหนึ่งด้วยใบหน้าเศร้า ก่อนจะพูดอธิบายให้เธอกระจ่างต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ “แต่นี่มันคือสิ่งที่พี่พยายามต้องการจะอธิบายกับเธอมาตลอดเลยนะ”
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เขาได้รับรู้ความจริง...ความจริงที่ทำให้หัวใจเธอเหมือนถูกบีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก หญิงสาวยังคงสะอื้นไห้ออกมาไม่หยุด น้ำตาแห่งความปวดใจไหลทะลักลงมาราวกับทำนบแตกอย่างกลั้นไม่ไหว ปล่อยให้ชายหนุ่มกอดเธอไว้อย่างนั้นโดยไม่ผลักไสเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะครั้งนี้...เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรได้อีกแล้ว ที่ผ่านมาเธอพยายามหลอกตัวเองแสดงให้ใครต่อใครเห็นว่าเธอเข้มแข็งมาตลอด แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยตอนนี้เธอเข้มแข็งต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆแม้แต่ชายหนุ่มที่รักเธอหมดหัวใจ รักจนหัวใจเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากการกระทำของเขาเองทำได้เพียงโอบกอดร่างเธอแนบแน่นอย่างรู้สึกผิดทั้งกล่าวโทษตัวเองอยู่ในใจซ้ำๆ ว่าถ้าหากสามารถเจ็บแทนเธอได้ เขาก็ยินดีจะรับมันทั้งหมด ไม่ต้องปล่อยละเลยให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานใจเพราะเขาแบบนี้เลย เสียงสะอื้นแต่ละครั้งดุจดั่งคมมีดกรีดเฉือนหัวใจชายหนุ่มทีละแผล ทรมานจนสุดที่จะทนทานเช่นเดียวกับความรู้สึกผิดที่กำลังกัดกินหัวใจเขาเป็นสองเท่า จนทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่มีแรงแม้แต่จะขยับร่างกายเลยด้วยซ้ำ เขามันเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่
ภายใต้บรรยากาศที่ถูกปกคลุมด้วยความเงียบ เมื่อร่างเล็กยอมยืนนิ่งไม่เดินจากเขาไป ชายหนุ่มจึงไม่รอช้ารีบก้าวเดินไปที่โต๊ะตัวเล็ก ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับยื่นซองเอกสารบางอย่างให้เธอตรงหน้า“ลองอ่านดูสิ แล้วเธอจะเข้าใจทุกอย่าง” เขากล่าวเสียงอ่อนมองมาที่เธอด้วยแววตามั่นคง นัยน์ดวงตาคมเต้นระริกเปี่ยมไปความหวัง ภาวนาอยู่ในใจขอให้เธอใจอ่อน ยอมรับฟังในสิ่งที่เขากำลังจะบอกเธอต่อไปนี้ด้วยเถอะ และในทางหญิงสาวที่ยื่นแน่นิ่ง ถึงไม่แม้แต่จะสบตาเขาก็ตาม แต่ทันทีที่เหลือบตามามองซองเอกสารตรงหน้าจู่ๆ หัวใจของเธอกลับเต้นสั่นระรัวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ราวกับมีเซ็นสัมผัสได้ว่าภายในเอกสารฉบับนี้ต้องมีเรื่องให้เธอประหลาดใจมากอย่างแน่นอน ดวงตากลมยังคงจ้องมองเอกสารในมือหนานิ่ง เดิมทีเธอทั้งเกลียดและโกรธเขาเป็นเดิมพันอยู่แล้ว และเคยพูดชัดเจนไปแล้วว่าไม่ต้องการจะรับฟังเหตุผลอะไรจากเขาอีก แต่พอได้เห็นท่าทีหนักแน่นเอาจริงเอาจังของเขาในตอนนี้แล้ว ก็เหมือนมีแรงจูงใจอย่างบางให้เธออดอยากรู้ไม่ได้เลยว่า ข้างในซองเอกสารที่เขาต้องการให้เธอเปิดอ่านนั้นคือเรื่องอะไรกัน ท้ายที่สุดแล้วด้วยความอยากรู้อยากเห็น หญิงสาวก็เอ่ย
Comments