ตอนที่7 พบเจอเพียงแค่รูปถ่าย
พลอยใสออกมานั่งสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สวนหย่อมอย่างเช่นทุกวัน บรรยากาศที่มีลมพัดเอื่อย ๆ เหมาะแก่การนั่งพักผ่อน กุหลาบที่เธอปลูกไว้หลายต้นตอนนี้ออกดอกส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมาตามลม ท้องฟ้าที่มืดสลัวมีเพียงพระจันทร์และกลุ่มดาวที่ทอแสงสว่างให้เห็นบ้างเป็นบางครั้ง เพราะความสว่างของไฟฟ้าในเมืองหลวงบดบังความสวยงามแท้จริงของกลุ่มดาวหลายล้านดวง
“นั่นพี่ธารานี่ กำลังจะออกไปข้างนอกสินะ” ธาราเดินออกมาจากบ้านในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงยีนสีเดียวกันกับรองเท้าหนังสีดำมันวาว
“คุณวี” ชายหนุ่มร่างกำยำเดินตามหลังออกมาในชุดคล้าย ๆ กัน ขายาวหุ่นนายแบบรีบเดินไปขึ้นรถสปอร์ตคู่ใจสีดำที่ธาราขึ้นนั่งประจำคนขับอยู่ก่อนแล้ว
“ใช่คุณจริง ๆ สินะ” แม้จะเห็นใบหน้าของชายหนุ่มโดยไม่มีอะไรมาบดบังแต่ด้วยความที่เป็นช่วงเวลากลางคืนจึงไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดชัดเจนขนาดนั้น
ตั้งแต่พลอยใสอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าจนย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เธอรู้เพียงว่าคนที่อุปการะเธอชื่อคุณวีเพียงเท่านั้น เพราะแม่แก้วจะบอกกับเด็ก ๆ เสมอว่าคนใจดีที่ดูแลพวกเธอชื่อคุณวี ไม่มีชื่อจริง ชื่อเต็ม หรือชื่ออื่น ๆ ให้เรียก และตอนนี้เธอได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านฮาร์เปอร์เป็นเวลากว่า5ปีแล้วยังไม่รู้จักชื่อจริงของเจ้าของบ้านเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาที่นี่วันแรกเธอก็ถูกสั่งให้เรียกเจ้าของบ้านหลังนี้ว่าคุณวี
“ใช่สิฮาร์เปอร์ พี่ธาราเคยพูดว่าบ้านหลังนี้ชื่อฮาร์เปอร์ต้องเป็นนามสกุลของคุณวีแน่ ๆ” โทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดที่ธาราซื้อให้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนแทนเครื่องเก่าที่พึ่งพังไปถูกหยิบขึ้นมาใช้งาน
“ฮาร์เปอร์” ข้อความค้นหาที่ถูกพิมพ์ลงช่อง Search G****e or type a URL และกดค้นหาทันที
“ชาร์วี ไลก้า ฮาร์เปอร์ ลูกชายเพียงคนเดียวของอเล็กซ์ ไลก้า ฮาร์เปอร์” ผลการค้นหาขึ้นโชว์ประวัติพร้อมรูปถ่ายในสถานที่ต่าง ๆ ที่มาเฟียหนุ่มไปปรากฏตัว
รูปหนุ่มลูกครึ่งผู้ที่มีหน้าตาหล่อเหลาราวลูกรักของพระเจ้าที่ทรงประทานความสมบูรณ์แบบทางด้านรูปลักษณ์แก่มนุษย์คนหนึ่งจนแทบจะมากเกินไปด้วยซ้ำ และยังมีรางวัลพิเศษด้านความสามารถที่เหมือนจะมีมากกว่าคนอื่น เพราะจากประวัติที่เธออ่านคร่าว ๆ ธุรกิจตั้งแต่ด้านอาหาร อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงพลังงานล้วนแล้วแต่มีชื่อของชาร์วี ไลก้า ฮาร์เปอร์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งนั้น
“คุณเก่งมากเหมือนที่แม่แก้วเคยบอกไว้จริง คุณวี” รูปถ่ายมาเฟียหนุ่มในชุดสูทสีดำที่เห็นใบหน้าชัดเจนถูกบันทึกลงโทรศัพท์หลังจากเลื่อนดูมาหลายสิบรูป
“คุณพลอยนั่งทำอะไรอยู่เหรอครับ” พลอยใสที่กำลังจดจ่ออยู่กับรูปมาเฟียหนุ่มตกใจเล็กน้อยเมื่อมีเสียงบอดี้การ์ดทักเธอ
“อุ้ย!! พลอยตกใจหมดเลยค่ะ” คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยหันขวับมองทางต้นเสียง
“ขอโทษครับที่ทำให้ตกใจ เห็นนั่งนิ่งมาสักพักนึกว่าเป็นอะไร วันนี้น้ำค้างแรงนะครับผมว่าเข้าบ้านดีกว่าครับเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“อีกสักพักพลอยก็ว่าจะเข้าบ้านแล้วค่ะ วันนี้อากาศดีเลยนั่งนานไปหน่อย”
“ครับวันนี้อากาศดี ลมพัดโชยเบา ๆ น่าเอาเสื่อมาปูนอนนะครับแต่เสียดายน้ำค้างแรงไปหน่อย ถ้านอนตรงนี้มีหวังตื่นเช้ามาเปียกไปทั้งตัวแน่ ๆ” พลอยใสพูดคุยกับบอดี้การ์ดต่อสักพักก่อนจะขอตัวเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน
“พลอยขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ พี่บอดี้การ์ดเดินตรวจตราก็สู้ ๆ นะคะ” ก่อนเข้าบ้านยังไม่วายส่งความน่ารักสดใสให้บอดี้การ์ดหนุ่มด้วยการชูสองนิ้วจนอีกฝ่ายถึงกับยิ้มร่าดูมีความสุข
“ครับ ขอบคุณครับ” ทั้งสองเดินแยกจากกันโดยพลอยใสเดินเข้าบ้านส่วนบอดี้การ์ดหนุ่มก็เดินตรวจตราไปทางบ้านใหญ่
ผับ
“สั่งตัดทิ้งดีไหม ชอบชูมากนะไอ้สองนิ้วนี้” ชาร์วีที่นั่งดื่มกับเพื่อนบนห้องส่วนตัวชั้นบนของผับบ่นพึมพำกับโทรศัพท์หลังจากที่นั่งจ้องมาสักพัก
“อะไรของมึงชาร์ ตั้งแต่มาถึงกูเห็นมึงนั่งจ้องแต่โทรศัพท์” ฉลามพูดขึ้นเมื่อเจ้าของผับไม่เอ็นจอยกับกลุ่มเพื่อนเอาแต่สนใจโทรศัพท์ตรงหน้า
“คนเดียวไม่พอเหรอให้ไอ้ลุคค์เรียกเด็กมาเพิ่มให้ไหม ถึงมีเวลามาแขวะกู” ชาร์วีตวัดสายตาคมมองหน้าเพื่อนก่อนจะพูดขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ
“นายมึงมีผู้หญิงเหรอวะธารา” เหมันต์หันไปถามธาราที่นั่งดื่มเงียบ ๆ อยู่ข้างมังกร
“จะว่าใช่ก็ใช่ จะตอบว่าไม่ก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าหัวใจมันไม่ได้ตายด้านยังมีความรู้สึกอยู่” คำตอบของธาราเรียกสายตาของคนทั้งโต๊ะมองมาด้วยสายตาตั้งคำถาม
“มึงว่าอะไรนะ” เสียงประสานถามขึ้นพร้อมกันราวเสียงอุปาทานหมู่
“ชาร์มันก็คือมนุษย์ทั่วไปคนหนึ่ง ถึงจะเลวมากกว่าคนอื่นก็เถอะ” สายตาคมตวัดขึ้นมองหน้ามือขวาคนสนิทที่ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานะเพื่อน
“ไอ้ธารา มึงไม่แขวะกูสักวันมึงจะอายุสั้นลงไหม” ชาร์วีสวนกลับน้ำเสียงไม่พอใจ
“กูไม่ได้อยากอยู่ถึงร้อยปีพันปีนะ” พูดจบก็ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกจนหมดแก้ว ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะหงุดหงิดกับคำพูดของเขามากแค่ไหน
“พวกมึงสองคนเกิดมาคู่กันจริง ๆ ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้หญิงกูคิดว่ามึงสองคนเหมาะสมที่จะเป็นผัวเมียกันมาก”
“สายพันธุ์นี้ไม่ควรขยายพันธุ์ต่อ มันกลายพันธุ์ไปเยอะแล้วให้มันตายไปพร้อมกับไอ้ชาร์ก็พอแล้ว”
“5555” เสียงหัวเราะร่าชอบใจดังขึ้นระงมทั่วห้อง ธารายังรักษาระดับความปากดีอย่างต่อเนื่อง
“ฉายาบอดี้การ์ดฝีปากกล้า มันเหมาะสมกับมึงจริง ๆ ธารา มึงเป็นคนแรกที่กล้าด่าไอ้ชาร์ขนาดนี้ กูนับถือมึงเลยวะ เอ้า! มากูดื่มให้มึงหมดแก้ว” มังกรยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกจนหมดแก้ว
“ปากเสียแม่งฉิบหาย มึงขึ้นแท็กซี่กลับเองนะคืนนี้” ชาร์วีแกล้งขู่เหมือนสมัยเด็กที่ทั้งสองชอบทะเลาะกันแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยรถคนละกัน และธาราจะต้องเป็นฝ่ายที่นั่งแท็กซี่กลับบ้านตลอด
“กุญแจอยู่ที่กู เผื่อมึงลืม” กุญแจรถสปอร์ตคันหรูสีดำถูกล้วงจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาวางบนโต๊ะต่อหน้าชาร์วี
“5555กูชอบ สนุกดี เห็นพวกมึงทะเลาะกันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแต่กูดูกี่ทีก็ไม่เบื่อ กูชอบธาราเอาอีก” มังกรหัวเราะชอบใจที่นาน ๆ ที จะเห็นมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่เจอคู่ปรับตลอดกาลอย่างมือขวาคนสนิทเล่นงานจนพูดไม่ออก
ชาร์วีนั่งดื่มเงียบ ๆ และหันไปคุยกับเพื่อนบ้างเป็นบางครั้งเหมือนกับธาราที่นั่งดื่มและผ่อนคลายหลังจากที่ทำงานหนักมาหลายเดือน
บนรถ
“อบรมเด็กมันด้วยนะว่าอย่าทำตัวสนิทสนมกับพวกบอดี้การ์ดในบ้านมากนัก กลางค่ำกลางคืนก็ไม่ควรมายืนคุยกันสองต่อสอง” อยู่ ๆ ชาร์วีพูดขึ้นเสียงเรียบ
“หึ..ที่อารมณ์เสียตอนแดกเหล้าก็เพราะเปิดดูกล้องวงจรปิดที่บ้านสินะ”
“กูดูแล้วมันแปลกตรงไหน”
“มึงรู้ไหมชาร์ว่าทุกวันนี้มึงทำตัวเหมือนพวกถ้ำมองขึ้นทุกวัน แล้วอีกอย่างเด็กมันจะคุยทักทายกับบอดี้การ์ดในบ้านบ้างก็ไม่แปลก คนอยู่รั้วบ้านเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกันคุยกันไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าเด็กมันทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรก็ว่าไปอย่าง”
“มายืนคุยกันตอนกลางคืนแบบนั้นมันเหมาะมันควรตรงไหน”
“เขาเจอกันตอนกลางคืนแล้วจะให้ทักทายกันตอนกลางวันหรือไง”
“มึงอย่ากวนตีนธารา ทำตามที่กูสั่งก็พอ”
“กูไม่ทำ เด็กมันไม่ได้ทำอะไรผิดจะให้กูไปตักเตือนหรือสั่งห้ามเด็กมันจะอึดอัดเปล่า ๆ”
“งั้นกูจัดการเอง”
กลางดึกบ้านฮาร์เปอร์
“เรียกบอดี้การ์ดทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ กูให้เวลา5นาที” เสียงกร้าวประกาศดังลั่นทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถ
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของเหล่าบอดี้การ์ดนับสิบคนต่างวิ่งวุ่นมุ่งหน้าไปยังลานหน้าบ้านหลังใหญ่ที่มีประมุขของบ้านยืนสีหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยแววตากรุ่นโกรธ โดยมีธารายืนทำหน้าเซ็ง ๆ อยู่ข้าง ๆ
“ต่อไปนี้กูขอสั่งห้ามพวกมึงทุกคนห้ามคุยกับเด็กสามคนนั้น ปากเก็บไว้แค่กินข้าวก็พอ ถ้ายังขัดคำสั่งพวกมึงจะได้กินกระสุนกูแทนข้าว..แยกย้ายกันไปทำงาน” อารมณ์หงุดหงิดบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปส่งผลให้เลือดสูบฉีดมากกว่าปกติ สติชาร์วีจึงหลุดไปบ้างแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรมากเกินไปธาราจึงปล่อยเลยตามเลยยืนฟังประมุขของบ้านพูดจบแล้วเดินตามเข้าบ้านไป
“มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ” ป้าณีที่ได้ยินเสียงดังจึงตื่นขึ้นมากลางดึก
“ไม่มีอะไรหรอกครับป้าณี ไอ้ชาร์มันหงุดหงิดนิดหน่อยจัดการเรียบร้อยแล้วครับ ป้าณีเข้านอนเถอะครับดึกมาแล้ว” ธาราพูดจบก็เดินขึ้นชั้นสองของบ้านและเดินแยกไปห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำพักผ่อนเช่นกัน ปล่อยให้มาเฟียหนุ่มหัวเสียอยู่คนเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้น
“สวัสดีตอนเช้าค่ะพี่ ๆ” เด็กสาวกล่าวทักทายเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่บริเวณนั้นอย่างเช่นที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน แต่วันนี้ทุกคนกลับทำหน้าเรียบนิ่งไม่ตอบกลับเธอเลยสักคน
“พวกพี่เขาเป็นอะไรกันเหรอคะ ทำไมวันนี้ดูหน้าเครียด ๆ กันจัง” พลอยใสถามคนขับรถเมื่อขึ้นมานั่งประจำที่เพื่อเดินทางไปโรงเรียน
“พร้อมแล้วใช่ไหมครับ คาดเข็มขัดด้วยครับ” ไม่ได้รับคำตอบจากคนขับรถเช่นกัน ยิ่งทำให้พลอยใสสงสัยมากขึ้นกว่าเดิมว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่ทุกวันเธอจะพูดคุยสนุกสนานกับลุงคนขับรถเป็นประจำตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงโรงเรียน แต่วันนี้ไม่มีใครปริปากพูดกับเธอสักคำ และกับแก้วใสเองก็ด้วย ถามคำตอบคำหรือบางครั้งก็เงียบไม่ตอบเลยก็มี จนทั้งสามมองหน้ากันและถามกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…
พลอยใสทนความอึดอัดนี้ไม่ไหวจึงล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาต่อสายหาธาราทันที
“พี่ธาราวันนี้ที่บ้านเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ”
“นิดหน่อยครับ เดี๋ยวพี่จัดการเองอย่าคิดมากตั้งใจเรียนก็พอกลับมาเย็นนี้พี่รับรองว่าที่บ้านจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม” ธารารู้ดีว่าเด็กสาวกำลังหมายถึงอะไร และเขากำลังจะจัดการกับต้นเรื่องของเรื่องนี้ในตอนเช้าที่มีสติดีครบถ้วน
บนโต๊ะอาหาร
“เมื่อกี้พลอยใสโทรมาหากู”
“เธออยากได้อะไรเพิ่มล่ะ มึงก็จัดการตามเห็นสมควรได้เลย”
“มึงอย่ามาทำเป็นไม่รู้ชาร์ เด็กมันอึดอัด ตอนนี้คิดมากเพราะไม่มีใครกล้าคุยกับเด็กมันเลย” ธาราพูดขึ้นเสียงดังจนป้าณีรีบเดินออกมาจากในครัวเพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะ” ป้าณีถามขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงลุกขึ้นชี้หน้าพร้อมจะต่อยกันแล้ว
“เจ้านายคนดีของป้าณีสิครับ มันกำลังบ้าสั่งบอดี้การ์ดทุกคนในบ้านห้ามคุยกับพลอยใส เด็กมันอึดอัดและก็คิดมากว่าตัวเองทำอะไรผิด” ธาราถือโอกาสฟ้องผู้อาวุโสที่สุดในบ้านและสามารถจัดการกับชาร์วีได้
“ป้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้นะคะ ถึงป้าจะไม่รู้ว่าต้นเหตุมันมาจากอะไรแต่คุณวีก็ไม่ควรทำแบบนี้ สงสารเด็กมันนะคะ” ป้าณีพูดเสียงเรียบปนดุอย่างเช่นทุกครั้งที่ชาร์วีทำผิด
“อยากคุยก็คุย อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่ามาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในบ้านกู” ชาร์วีตะโกนขึ้นอย่างหัวเสียที่โดนตำหนิ และแพ้ให้กับธาราอีกครั้ง
“มึงบอกตัวเองดีกว่าไหม ถ้าเรื่องนั้นไม่มีใครกล้าทำหรอกนอกจากมึง”