ตอนที่8 แรกพบ
เลิกเรียน
“วันนี้จะแวะซื้อขนมที่ไหนหรือเปล่าครับ” ลุงคนขับรถเอ่ยถามทันทีที่พลอยใสก้าวเท้าขึ้นมาบนรถ
“เอ่อ..เปล่าค่ะ กลับบ้านเลยค่ะ” พลอยใสตอบกลับแบบงง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เลยนึกคำพูดของธาราเมื่อเช้าที่บอกกับเธอว่าตอนเย็นในบ้านจะกลับมาปกติเหมือนเดิม
บ้านฮาร์เปอร์
“วันนี้เรียนเหนื่อยไหมครับ” เสียงบอดี้การ์ดที่ยืนทำหน้าที่อยู่หน้าบ้านเอ่ยทักทายเด็กสาวอย่างเช่นทุกวัน
“ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ พี่ ๆ ล่ะคะ ทำงานกันเหนื่อยไหมคะวันนี้” เสียงเจื้อยแจ้วตอบกลับ บ้านฮาร์เปอร์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังเจอมรสุมลูกใหญ่จากประมุขของบ้านถูกจัดการไป
สี่ทุ่ม
“เธอจะออกไปไหนเหรอพลอยใส ผ้าไหมที่ลุกไปเข้าห้องน้ำและกำลังเดินกลับเข้ามานอนถามขึ้นเมื่อเห็นพลอยใสถือผ้าคลุมกำลังจะเดินออกจากห้อง”
“พลอยรู้สึกนอนไม่ค่อยหลับน่ะว่าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย ไหมนอนก่อนเลยนะ” พลอยใสบอกกับเพื่อนร่วมห้องนอนของเธอ
“อืม ตามใจดึก ๆ ดื่น ๆ ยังจะออกไปเดินเล่นอีกนะเธอนี่ ฉันนอนก่อนล่ะไม่ไหวง่วง” ผ้าไหมพูดพร้อมกับเดินไปขึ้นเตียงปิดโคมไฟหัวเตียงและนอนหลับไป
พลอยใสที่เกิดอาการนอนไม่หลับจึงออกมานั่งรับลมเย็น ๆ ช่วงกลางดึกหลังจากกลับเข้าห้องไปเมื่อตอนสองทุ่มกว่า ๆ อากาศยามค่ำคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ พร้อมสายลมเอื่อย ๆ ที่พัดมากระทบผิวหน้าและผิวกายเรียกให้ขนในกายสาวลุกซู่ มือเล็กหยิบผ้าคลุมที่ถือติดมือมาด้วยขึ้นคลุมไหล่บาง แม้สายลมยามค่ำคืนจะทำให้อากาศค่อนข้างเย็นแต่ก็ทำให้รู้สึกถึงความบริสุทธิ์ของอากาศจนเธอยอมที่จะนั่งตากน้ำค้างเพื่อรับความสดชื่นนี้ ก่อนจะนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ จนไม่รู้ว่ากำลังมีใครอีกคนเดินเข้ามาบริเวณนั้น
คืนนั้นชาร์วีรู้สึกอยากออกมาสูดอากาศด้านนอกจึงลงมาเดินเล่นด้านล่าง มาเฟียหนุ่มในชุดนอนผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้มสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินของสวนหย่อม โดยมีเหล่าบอดี้การ์ดที่คอยรักษาความปลอดภัยกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ
ชาร์วีเดินแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวที่เปล่งแสงท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้า และอดที่จะเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ว่าเขาก็ไม่ต่างจากท้องฟ้าที่เมื่อถึงเวลามืดก็ต้องมืดเมื่อถึงเวลาสว่างก็ต้องสว่าง ในขณะที่กำลังเดินไปเรื่อย ๆ และคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่สายตาคมก็ปะทะเข้ากับร่างบางที่กำลังนั่งกอดตัวเองแหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อน ร่างสูงหยุดฝีเท้าและยืนมองเสี้ยวหน้าของเด็กสาวที่ตอนนี้โตเป็นสาวเต็มตัว พลางนึกในใจว่าเด็กคนนี้สวยเด่น ผิวขาวที่ต้องแสงจันทร์ยามค่ำคืนดูแล้วเด่นกว่าแสงดาวที่เปล่งประกายบนท้องฟ้าด้วยซ้ำ ยิ่งมองนานเข้ายิ่งสัมผัสถึงความสวยแบบหมดจด สวยแบบไร้เดียงสา แม้จะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าด้านข้าง ชาร์วียืนมองสำรวจใบหน้าของพลอยใสอยู่นานโดยไม่ให้หญิงสาวรู้ตัว พลอยใสรู้สึกง่วงและหาวหวอด ๆ มือบางยกมือขึ้นปิดปากหาวอยู่หลายครั้งในที่สุดก็ลุกเดินกลับเข้าบ้านไปนอน ชายหนุ่มยืนมองร่างเพรียวระหงของวัยสาวแรกแย้มเดินเข้าบ้านไปจนลับสายตาด้วยความรู้สึกที่ยากอธิบาย
หลังจากที่พลอยใสเดินกลับเข้าบ้านไปแล้วชาร์วีก็เดินเล่นต่ออีกสักพักก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องเพื่อไปพักผ่อนหลังจากเดินรับลมมาสักพัก แต่จนแล้วจนรอดก็นอนไม่หลับเพราะใบหน้าของเด็กสาวที่พึ่งเจอมานั้นคอยวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา
“จัดการติดกล้องวงจรปิดแถวสวนหย่อมเพิ่มทุกมุมด้วย” ชาร์วีเอ่ยขึ้นในเช้าวันถัดมาในขณะที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่กับธารา
“สวนหย่อม? สวนหย่อมหลังบ้านน่ะเหรอครับ” ธาราถามกลับอย่างแปลกใจ
“บ้านนี้มีสวนหย่อมหลายที่หรือไง” ชาร์วีตอบกลับน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อมือขวาทำท่าเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่สั่ง ธาราคิ้วขมวดมุ่นเพราะความจริงตรงนั้นก็มีกล้องอยู่แล้วไม่เข้าใจว่าชาร์วีจะติดเพิ่มทำไม แต่ก็ไม่อยากถามอะไรมากเพราะยังไงก็ต้องทำตามเจ้านายสั่งอยู่ดี
“เดี๋ยวสาย ๆ จะให้คนมาจัดการให้ครับ” ธารารับคำสั่งคนเป็นนายก่อนที่ทั้งคู่จะจัดการกับอาหารเช้าตรงหน้าแล้วพากันออกจากบ้านหลังใหญ่เพื่อไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน
“เป็นยังไงบ้างช่วงนี้เรียนหนักเลยสิ” สายวันหยุดที่พลอยใสและเพื่อน ๆ ไม่ได้ไปเรียนหลังจากที่ช่วยงานในครัวและงานบ้านใหญ่เสร็จเลยมานั่งอ่านหนังสือตรงที่เดิมของเธอเหมือนทุกครั้ง ธาราที่หยุดอยู่บ้านเพราะไม่มีนัดที่ต้องออกไปพบลูกค้าเดินมาหาเด็กสาวเพื่อถามไถ่ความเป็นอยู่และความต้องการที่จำเป็นเพิ่มเติม หลังจากที่ไม่ได้มาหาหลายวันเพราะงานที่ค่อนข้างยุ่งในช่วงนี้
“นิดหน่อยค่ะใกล้สอบปลายภาคแล้วและเป็นเทอมสุดท้ายของปีสุดท้ายแล้วด้วยก็เลยต้องขยันอ่านหนังสือนิดหนึ่งค่ะ” พลอยใสที่เห็นผู้มาเยือนก็ยิ้มกว้างตอบออกไป
“เวลาผ่านไปไวเหมือนกันนะแป๊บเดียวน้องสาวพี่ก็โตเป็นสาวจนจะได้เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว”
“ถ้าไม่มีคุณวีและพี่ธาราพลอยเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าตอนนี้ชีวิตพลอยจะเป็นยังไง ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่ให้โอกาสพลอย” พลอยใสขอบคุณพร้อมยกมือไหว้ธารา
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะพลอยเป็นเด็กดีความดีของพลอยก็เลยทำให้พลอยได้รับสิ่งดี ๆ ไง ไม่ใช่เป็นเพราะพี่หรอก ขอให้ตั้งใจเรียนถ้ามีอะไรก็บอกพี่เดี๋ยวพี่จะแจ้งคุณวีให้” ธารายกมือขึ้นขยี้หัวพลอยใสอย่างเอ็นดูเหมือนที่เคยทำ โดยไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าต่างห้องทำงานบนชั้นสองบ้านหลังใหญ่กำลังมีสายตาคู่คมจ้องมองลงมายังที่ทั้งคู่นั่งอยู่
“คุณวีเขางานยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอคะ” เมื่อธาราเอ่ยถึงชาร์วีขึ้นมาพลอยใสจึงอดใจไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ทำไมล่ะ”
“ก็ตั้งแต่พลอยมาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยเห็นหน้าคุณวีเลยสักครั้ง เขาทำงานหนักกลับบ้านดึก ๆ ทุกคืนเลยเหรอคะ”
“เจ้านายมีธุรกิจหลายอย่างยิ่งตอนนี้หลายธุรกิจกำลังขยายตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไหนจะต้องดูแลพนักงานอีกเป็นร้อยเป็นพันชีวิต” ธาราเล่าให้เด็กสาวฟังเชิงปลอบโยน เขารู้ว่าเด็กในอุปการะของชาร์วีทั้งสามคนอยากเจอหน้าผู้อุปการะของตนเองแต่ติดที่เจ้านายเขานี่สิไม่รู้มีเหตุผลอะไรที่ไม่ยอมให้พบ
“พลอยมาอยู่ที่นี่ 6 ปีแล้วนะคะคิดเป็นวันก็ 2190 วันแล้วเวลาสองพันกว่าวันที่ผ่านมาคุณวีเขาไม่เคยมีวันว่างเลยเหรอคะ” ระยะเวลาเกือบ6ปีที่เธอมาอยู่ที่นี่ แม้แต่สวนหย่อมข้างบ้านก็ไม่เคยเห็นเขาย่างกายเข้ามา จะเห็นแค่เพียงแว็ป ๆ ครั้งสองครั้งตอนที่เขากลับมาจากทำงานแค่นั้นเอง
“อยากเจอนายขนาดนั้นเลยเหรอเรา มีอะไรต้องการที่จะคุยกับนายบอกพี่ได้นะเดี๋ยวพี่ไปบอกนายให้” ธาราแกล้งถามขึ้นเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
“เปล่าหรอกค่ะ ถ้ามีโอกาสพลอยแค่อยากขอบคุณ คุณวีแค่นั้นเองค่ะ” พลอยใสบอกเหตุผลของเธอออกไป ทั้งที่ในใจก็เกิดคำถามอยู่บ่อยครั้งว่าเธอต้องการที่จะพบเขาทำไม ในเมื่อเขาแค่รับเธอมาอุปการะส่งเสียให้เรียนหนังสือ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเจอหน้าหรือพูดคุยกันแม้แต่คำขอบคุณจากเธอก็เชื่อว่ามาเฟียหนุ่มนั้นไม่ได้ต้องการ
“พี่จะบอกนายให้แล้วกัน”
หลังจากนั่งพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันอยู่สักพักธาราก็กลับเข้าบ้านใหญ่โดยรับปากเด็กสาวว่าจะนำความต้องการของเธอมาแจ้งกับเจ้านายให้
“ได้ยินแล้วคิดว่าไง อยากจะเปลี่ยนใจไหม” หลังจากเดินแยกมาจากพลอยใส ธาราก็ตรงขึ้นมายังห้องทำงานของชาร์วีทันทีก่อนจะเอ่ยถามแบบยิ้ม ๆ
“เปลี่ยนใจอะไร” ชาร์วีที่กำลังเซ็นเอกสารงบประจำเดือนของผับอยู่เอ่ยถามขึ้นทั้งที่สายตายังจ้องอยู่ที่ตัวเลขกระดาษในมือ
“นายก็ได้ยินที่เด็กมันคุยกับผมแล้วนี่ครับเห็นแอบยืนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ จะสละเวลาให้เด็กมันเจอหน่อยได้หรือเปล่าละครับ”
“สรุปแกเป็นลูกน้องฉันหรือเป็นทูตเชื่อมสัมพันธไมตรีกันแน่” คนที่ถูกลูกน้องรู้ทันถามกลับแบบประชด
“สงสารพลอยใสนะครับ ความจริงมีครอบครัวที่สมบูรณ์ต้องการรับเธอไปอุปการะแต่เพราะนายเลือกเธอก่อนเธอเลยต้องมาอยู่กับผู้ปกครองที่ให้เธอได้แต่เงิน แม้แต่หน้าก็ไม่เคยเห็น เธอน่าจะได้ไปเจอครอบครัวที่ดีกว่านี้” ธาราใช้ความจริงเข้ากดดันมาเฟียหนุ่ม ทั้งที่เรื่องนี้เขาเองก็ไม่อยากพูดถึงเพราะเขาก็มีส่วนในเรื่องนี้ที่ต้องการดึงพลอยใสมาไว้ใกล้ตัวเพราะห่วงว่าจะไปเจอครอบครัวที่ไม่ได้รักเธอจริง ๆ
“แล้วกูไม่ดีตรงไหน” เสียงเข้มดังขึ้นอย่างโมโหทันทีที่ได้ยินลูกน้องพูดแบบนั้น
“เปล่าครับ นายเป็นคนดีแต่เย็นชาเกินไปหน่อย” ธาราพูดก่อนจะก้มหัวให้คนเป็นนายแล้วเดินออกจากห้องไป ชาร์วีมองตามหลังลูกน้องคนสนิทด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ลูกน้องพูดมานั้นเป็นความจริง
หลังจากที่ธาราเดินออกจากห้องไปชาร์วีก็นั่งคิดทบทวนเรื่องที่คุยกันไปเมื่อสักครู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูอะไรบางอย่าง ภาพเด็กสาวที่กำลังนั่งทบทวนตำราเรียนพร้อมทำท่าครุ่นคิดเหมือนไม่เข้าใจสิ่งตรงหน้าเป็นระยะทำให้ชายหนุ่มนั่งมองภาพที่ส่งผ่านมาทางมือถือจนเพลิน ทุกอิริยาบถทุกความเคลื่อนไหวจากร่างอรชรนั้นส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของเขาอยู่ไม่น้อย จากครั้งแรกที่เจอเมื่อสิบปีก่อนจนถึงตอนนี้จะเรียนจบ high school แล้ว การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายที่โตขึ้นตามวัยจนกลายเป็นสาวที่หน้าตาสวยเด่น จนเขาเองต้องยอมรับว่าเด็กสาวคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดให้หลงใหลมากพอสมควร
“เราจะได้เจอกันเมื่อทุกอย่างถึงเวลา..เด็กน้อย” เสียงเรียบพูดกับหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะกดปิดและนั่งทำงานตรงหน้าต่อ