ตอนที่9 คลั่ง
หลังจากสั่งลูกน้องติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมบริเวณสวนหย่อม พลอยใสก็อยู่ในสายตาของชาร์วีตลอดเวลาที่เด็กสาวออกมานั่งทบทวนบทเรียนหรือเล่นกีตาร์ยามว่างจากการช่วยงานที่บ้านใหญ่
วันถัดมา
วันนั้นพลอยใสเปลี่ยนจากม้าหินกลางสวนหย่อมมานั่งศาลากลางสระบัวแทนเพราะน้ำค้างค่อนข้างแรง ในขณะที่ชาร์วีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูกล้องวงจรปิดทันทีหลังจากกลับมาจากทำงานแต่มองกล้องมุมไหนก็ไม่สามารถมองเห็นเป้าหมายที่อยากเจอ ชายหนุ่มจึงต้องละจากหน้าจอโทรศัพท์กดเปิดLaptopและไล่ดูกล้องตัวอื่น ๆ ที่ติดอยู่รอบ ๆ บริเวณนั้น
“ยัยตัวแสบ แอบหนีมานั่งอยู่นี้เอง” ชาร์วีที่เจอเป้าหมายนั่งอยู่ศาลากลางสระบัวที่เปิดไฟสว่างจ้ารอบบริเวณ แต่ด้วยกล้องตัวที่ส่องไปนั้นติดอยู่ระยะค่อนข้างไกลจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าเด็กสาวได้ชัดเจน
“ธาราเข้ามาหาฉันหน่อย”
“นายมีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ” ธารารีบเข้ามาพบเจ้านายทันทีที่ถูกเรียก
“พรุ่งนี้สั่งคนมาติดกล้องตรงบริเวณสระบัวเพิ่มด้วย” ชาร์วีสั่งสิ่งที่ต้องการออกไปโดยไม่บอกเหตุผลว่าทำไม ทั้งที่ภายในบ้านตอนนี้ก็มีกล้องติดอยู่บริเวณรอบ ๆ เกือบร้อยตัวกระจายอยู่ทั่วบริเวณรอบ ๆ บ้าน ยกเว้นในพื้นที่ส่วนตัวของคนในบ้านเพียงเท่านั้น
“ติดเพิ่มทำไมครับตรงสระบัวก็มีกล้องสองตัวส่องไปตรงนั้นอยู่แล้ว” ธาราถามหาความจำเป็นเพราะพักหลัง ๆ มานี้ดูเหมือนประมุขของบ้านจะใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของคนในบ้านมากเป็นพิเศษ ทั้งที่เรื่องนี้มีลุคค์เป็นคนคอยดูแลอยู่แล้ว
“ไปจัดการตามที่ฉันสั่งก็พอไม่ต้องถามเหตุผล” ชาร์วีตัดบทด้วยการหยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาเซ็น
“พักหลังมานี้ดูเป็นคนไร้เหตุผลบ่อยนะ อย่ารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเด็กมันก็พอ” ธาราที่พอเดาออกพูดขึ้นก่อนจะเดินกลับออกไป
พลอยใสนั่งอ่านหนังสือจนดึกทุกวันเพราะใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัยในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้และเธอก็อยากเข้าเรียนคณะบริหารหรือด้านการตลาดระหว่างประเทศเพราะมีความตั้งใจอยากจบออกมาแล้วมาช่วยงานที่บริษัทของชาร์วี เพื่อตอบแทนบุญคุณเจ้านายผู้ที่อุปการะเธอ
“หน้าเคร่งเครียดเชียวนะเรา ผ่อนคลายบ้างก็ได้” ธาราเอ่ยทักพลอยใสหลังจากที่วันนี้ตั้งใจมาบอกเด็กสาวและเพื่อนว่าช่วงนี้หากต้องเรียนและติวหนักเพื่อเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยให้พักงานในความรับผิดชอบที่บ้านใหญ่ไว้ชั่วคราว เพื่อจะได้มีเวลาทุ่มเทกับการติวหนังสือเพิ่มขึ้น
“พลอยกลัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้นี่คะ พลอยไม่อยากให้คุณวีและพี่ธาราต้องผิดหวังในตัวพลอย” หญิงสาวบอกไปตามที่คิด
“อย่าคิดมากขนาดนั้นเลยเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าพลอยแบกความกดดันและความคาดหวังของคนอื่นมากเกินไป ซึ่งจริง ๆ แล้วนายไม่ได้กดดันอะไร ยิ่งตัวพี่แล้วพี่รู้ดีว่าน้องสาวพี่ทำเต็มที่แค่ไหน ถ้าหากสอบไม่ได้มหาวิทยาลัยที่อยากเข้ายังมีมหาวิทยาลัยเอกชนดัง ๆ และดีอีกมากมาย อย่ากดดันตัวเองจนเกิดผลเสียมากกว่าผลดีก็แล้วกันพี่เชื่อว่าน้องพี่ทำได้แน่นอน” ธาราที่เอ็นดูในความตั้งใจของหญิงสาวตรงหน้าพูดให้กำลังใจเหมือนเช่นเคย
“แล้ววันนี้ทำไมวันนี้พี่ธาราถึงกลับเร็วคะ” พลอยใสถามอย่างแปลกใจเพราะปกติธาราและชาร์วีผู้เป็นเจ้านายจะกลับเข้าบ้านก็ตอนตะวันตกดินไปแล้ว
“พอดีวันนี้นายจะออกไปตรวจความเรียบร้อยที่ผับเลยรีบกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อน เดี๋ยวคงออกไปอีกรอบ”
“คุณวีกับพี่ธาราแล้วก็พี่ลุคค์คงเหนื่อยกันน่าดูเลยนะคะ”
“พี่ชินแล้วล่ะ คนที่เหนื่อยสุดคงเป็นนายมากกว่ารายนั้นวัน ๆ นอกจากจะเซ็นเอกสาร ประชุม พบลูกค้า ยังต้องคอยแก้ปัญหาที่มีมาแทบทุกชั่วโมงอีก” ธาราตอบในสิ่งที่พลอยใสถามไปตามความจริงเหมือนบอกเล่าความเคลื่อนไหวของหัวหน้าครอบครัวให้สมาชิกในบ้านรับรู้ ในขณะที่พลอยใสได้แต่รับฟังเงียบ ๆ และคิดแค่ว่าเธอต้องรีบเรียนให้จบเพื่อจะได้แบ่งเบาภาระของเจ้าของบ้านบ้าง
“พี่ธาราคะ พลอยมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ” เมื่อนึกขึ้นได้พลอยใสจึงรีบพูดในสิ่งที่เธอตั้งใจจะถาม
“มีเรื่องอะไร”
“คือพลอยอยากจะติวข้อสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยน่ะค่ะ และมีรุ่นที่ที่จบไปปีก่อนเขาอาสาจะมาช่วยติวให้ รุ่นพี่คนนี้เรียนเก่งมากเลยนะคะและเขาก็กำลังเรียนอยู่คณะที่พลอยอยากเรียนด้วย วันนี้พี่เขากลับมาเยี่ยมรุ่นน้องที่โรงเรียนและได้คุยกันพลอยเลยอยากจะขออนุญาตให้รุ่นพี่คนนี้มาติวให้ที่นี่ได้ไหม” พลอยใสบอกในสิ่งที่ต้องการพร้อมเหตุผลให้ธาราทราบ
“ได้สิ ดีเสียอีกมีรุ่นพี่เก่ง ๆ มาติวให้แบบนี้น้องสาวพี่จะได้เข้าใจมากขึ้น” เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรธาราจึงเอ่ยอนุญาตหญิงสาวออกไปโดยไม่ได้รายงานให้ชาร์วีทราบ
“ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะถ้าอย่างนั้นพลอยให้รุ่นพี่มาสอนตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยนะคะ” ใบหน้าหวานที่ประกอบไปด้วยรอยยิ้มเอ่ยขอบคุณอย่างดีใจ
“โอเค ช่วงนี้ก็พักช่วยงานบ้านใหญ่กันก่อนก็ได้บอกเพื่อน ๆ ด้วยละกันนะ เอาไว้สอบเสร็จค่อยว่ากันใหม่” ธาราบอกหญิงสาวก่อนจะรีบขอตัวเพราะต้องเตรียมตัวไปตรวจผับกับชาร์วีคืนนี้
หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากธาราวันนี้พลอยใสก็มีรุ่นพี่หนุ่มมาช่วยติวหนังสือให้ ในขณะที่แก้มใสและผ้าไหมสะดวกที่จะทบทวนตำราเรียนด้วยตัวเองเพราะไม่ชอบให้ใครมาคอยชี้แนะและแยกไปอ่านตำราอยู่โซนอื่นของบ้านตามมุมโปรดของแต่ละคน
พลอยใสและสิงโตรุ่นพี่หนุ่มพากันมานั่งติวอยู่ที่ศาลากลางสระบัวโดยมีตำราเรียนหลายเล่มกองอยู่ตรงหน้า และบางเวลาก็ผ่อนคลายโดยการพูดคุยหยอกล้อกันเป็นพัก ๆ
“พอจะเข้าใจหรือเปล่าที่พี่สอน” สิงโตถามรุ่นน้องสาวในสิ่งที่ตัวเองได้สอนไปวันนี้
“ยิ่งกว่าเข้าใจอีกค่ะ ขอบคุณพี่สิงโตมากนะคะที่ยอมเสียเวลามาช่วยติวให้พลอย”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่เต็มใจพลอยจะได้เข้าไปเป็นเฟรชชี่ที่คณะพี่ไง” สิงโตพูดยิ้ม ๆ มองรุ่นน้องสาวอย่างเอ็นดู
“อ๋อ เดี๋ยวค่ะมีตรงนี้อีกนิดที่พลอยไม่แน่ใจว่าพลอยเข้าใจถูกไหม” พลอยใสดึงหนังสือตรงหน้าที่มาร์กไว้เข้ามาใกล้ตัวพร้อมชี้ให้รุ่นพี่ดู สิงโตโน้มใบหน้าเข้ามาดูตำราเรียนในมือพลอยใสทำให้ศีรษะของทั้งคู่ใกล้กันจนเกือบชิด
ชาร์วีที่วันนี้กลับเข้าบ้านเร็วหลังจากที่เจรจาธุรกิจกับลูกค้ารายใหญ่สำเร็จจึงคิดว่าจะกลับมาพักผ่อนหลังจากที่ทำงานหนักต่อกันมาหลายวัน มือหนาล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดดูกล้องที่พึ่งสั่งลูกน้องติดเพิ่มอีกตัวตรงจุดนั้น ภาพที่เห็นจากมือถือตรงหน้าทำเอาชาร์วีขบกรามแน่น มือหนาเลื่อนดูภาพจากกล้องวงจรปิดในมือแบบครบทุกตัวทุกมุมไปพร้อม ๆ กับกองเพลิงที่เริ่มปะทุขึ้นในใจ ก่อนจะโยนโทรศัพท์มือถือราคาแพงลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรงเหมือนกับว่าเป็นเพียงของไร้ค่าชิ้นหนึ่ง
“ไอ้เด็กที่นั่งอยู่กับพลอยใสที่สระบัวคือใคร” เสียงเข้มหันไปถามลูกน้องโดยพยายามบังคับอารมณ์อย่างที่สุด ธาราที่ตอนแรกยังงงในสิ่งที่เจ้านายถามแต่เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะชะเง้อมองไปบริเวณรอบ ๆ ก็เจอเด็กสาวนั่งติวหนังสืออยู่กับรุ่นพี่ที่เธอบอกไว้เมื่อวันก่อน
“รุ่นพี่ที่โรงเรียน เมื่อวานพลอยใสขออนุญาตให้รุ่นพี่มาติวหนังสือให้ ผมเห็นว่าไม่ได้มีอะไรเสียหายจึงอนุญาตไป”
“อยากเรียนทำไมไม่จ้างครูมาสอนพิเศษทำไมต้องให้คนอื่นมาสอน!!” ชาร์วีอาละวาดใส่ธาราแบบไม่มีเหตุผล ธาราที่ไม่คิดว่าเจ้านายจะโมโหด้วยเรื่องแค่นี้จึงเถียงกลับไป
“เด็กนั่นเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนพลอยใส อีกอย่างเด็กมันสอนกันเองจะเข้าใจง่ายกว่า บางอย่างครูก็ใช่ว่าจะสอนเก่งทุกเรื่อง” ธาราพยายามอธิบายเหตุผลให้คนเป็นนายเข้าใจ
“แต่เด็กนั่นเป็นผู้ชายมึงก็เห็น แล้วพลอยใสเป็นผู้หญิง ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองมึงว่ามันเหมาะหรือไง” คนที่ไม่พอใจยังอาละวาดใส่ลูกน้องแบบไม่ยั้ง
“บอดี้การ์ดก็อยู่เต็มบ้านใครมันจะกล้าทำอะไร อีกอย่างพลอยใสก็เป็นเด็กดีอยู่ในกรอบมาตลอด คงไม่ทำอะไรอย่างที่นายคิดหรอกครับ”
“ที่กูให้เด็กอยู่ในความดูแลของมึงเพราะคิดว่ามึงรู้ดีว่าอะไรควรหรือไม่ควร แต่มึงกลับอนุญาตในสิ่งที่ไม่ควรแถมยังไม่ขัดเด็กมันอีก” ชาร์วีเสียงดังใส่ธาราไม่หยุด หน้าแดงเส้นเลือดปูดขึ้นที่ลำคอ
“เด็กมันก็ติวแค่หนังสือให้กัน อีกอย่างบอดี้การ์ดก็เดินเพ่นพ่านบริเวณนั้นตลอด ผมยังไม่เห็นว่ามันไม่สมควรตรงไหนเลยนะครับ” ธารายังอธิบายอย่างใจเย็นต่างกับอีกฝ่ายที่แทบจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าให้พังทลายลง
“อายุแค่สิบแปดแต่พาผู้ชายเข้าบ้าน อย่างนี้จะเรียนจบมหาวิทยาลัยหรือเปล่า” หลังจากที่นั่งสงบสติให้ใจเย็นลง มาเฟียหนุ่มก็พูดขึ้น
“ผู้ชายที่นายว่าลูกท่านรัฐมนตรีเลยนะครับ ถ้าพลอยใสจะคบกับเด็กคนนี้จริง ๆ ผมว่าก็ไม่เลวนะ แถมผลักดันเรื่องการเรียนให้พลอยใสอีกต่างหาก” ธาราพอเข้าใจที่คนเป็นนายโมโหบ้านแทบระเบิดก่อนหน้าคงเป็นเพราะไม่พอใจที่เด็กในการปกครองพารุ่นพี่ที่เป็นชายหนุ่มเข้าบ้านและดูใกล้ชิดสนิทสนมกันด้วย ถ้าหากเด็กคนนั้นเป็นแก้มใสหรือผ้าไหมชาร์วีจะอาละวาดขนาดนี้ไหมธาราเองก็อดสงสัยไม่ได้
“ไอ้ธารา ตกลงมึงจะส่งเสริมให้เด็กมันมีแฟนหรือให้เด็กมันตั้งใจเรียน” ชาร์วีเริ่มเสียงดังขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าหูสักเท่าไหร่
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเด็กเองครับ และผมเชื่อว่าพลอยใสเป็นเด็กที่กตัญญูต่อผู้มีอุปการคุณ จะไม่ทำเรื่องเสื่อมเสียหรือเรื่องที่ไม่ดี สวรรค์ไม่ได้สร้างทุกคนให้สมบูรณ์แบบแต่สวรรค์จะมอบความพิเศษหนึ่งอย่างแก่ทุกคนเสมอ และสวรรค์ก็มอบความกตัญญูให้เด็กคนนี้ สักวันนายจะภูมิใจจนปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้นครับนายต้องให้อิสระในการใช้ชีวิตกับเธอ”