เรื่องราวได้เริ่มต้นขึ้นที่คฤหาสน์หลังใหญ่หรือบ้านของศิลา
"ลุงสมกลับไปก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวหนูให้อาศิไปส่งบ้านเอง หนูโทรบอกอาเตไว้แล้วค่ะว่าหนูมาหาอาศิ" เสียงหวานเล็กๆของเด็กสาววัยสิบเจ็ดหรือซีเซียที่นั่งอยู่ตรงเบาะรถด้านหลังเอ่ยพูดกับสมศักดิ์คนขับรถของที่บ้านเธอที่นั่งอยู่ข้างหน้าตำแหน่งคนขับ
"ได้ครับคุณหนู" สมศักดิ์ชายแก่วัยห้าสิบกลางๆหันมาเอ่ยตอบเด็กสาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ซึ่งเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วที่เด็กสาวจะมาหาเพื่อนสนิทของอาเธอแบบนี้เป็นประจำหลังเลิกเรียน เลิกเรียนก็ไม่ยอมกลับบ้านของตัวเองแต่กลับมาบ้านของศิลาแทน และมาเกือบทุกวันด้วย
ด้านซีเซียก็ไม่รอช้ารีบลงจากรถแล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าบ้านของศิลาประหนึ่งเป็นบ้านของตัวเองที่สามารถเดินเข้าออกเวลาไหนหรือตอนไหนก็ได้ เพราะเธอนั้นเข้าออกบ้านของศิลาเป็นว่าเล่นตั้งแต่เล็กจนโต ทว่าตอนเด็กอาแท้ๆของเธอหรือเตชินท์เป็นคนพามา แต่ตอนนี้เธอโตแล้วไม่จำเป็นต้องให้อาเตของเธอพามาเหมือนตอนเด็กๆอีกต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าเธอนั้นติดศิลาไม่ต่างกับติดอาเตชินท์ของเธอเลย แต่แค่ความรู้สึกรักมันต่างกัน ซึ่งข้อนี้ซีเซียก็รู้ตัวเองดีมาตลอด
และเมื่อเข้ามาในบ้าน ดวงตากลมโตก็กวาดมองไปทั่วบ้านเพื่อหาร่างสูงของคนที่เธออยากเจอเขาทุกวันทุกเวลา ทว่าขณะที่กำลังใช้สายตามองหาอาศิของเธออยู่นั้น เสียงคุ้นเคยก็ดังมาจากด้านข้าง
"หนูเซีย มาหาอาศิเหรอลูก"
ซีเซียหันไปมองตามเสียงแล้วรีบวิ่งเข้าไปกอดเจ้าของเสียงดังกล่าวทันทีอย่างออดอ้อน
"ใช่ค่ะ ว่าแต่อาศิอยู่ไหนเหรอคะ" ปากบางเอ่ยถามขณะที่ยังคงกอดเอวหญิงวัยห้าสิบกลางๆหรือวิมลแม่ของศิลา
"อาศิอยู่บนห้องทำงานจ่ะ"
"งั้นหนูขอไปหาอาศิก่อนนะคะ" พูดจบซีเซียก็ผละกอดออกแล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดใหญ่ตรงโถงกลางบ้านไปหาอาศิลาของเธอบนห้องทำงานของเขาทันที จนวิมลที่กำลังจะอ้าปากบอกว่าบนห้องทำงานมีขวัญตาแฟนสาวของลูกชายเธออยู่ด้วย แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเด็กสาวที่เธอเห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยและเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานวิ่งไวยังกับลูกลิง เธอจึงได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูกับความซุกซนของเด็กสาว
.....
แกรก!
"อา..."
เมื่อวิ่งมาถึงห้องทำงานของศิลา ซีเซียก็ไม่รอช้าเปิดประตูเข้าไปทันทีอย่างถือวิสาสะ ทว่าขณะที่กำลังจะอ้าปากเอ่ยเรียกอาศิของเธอ เธอก็ต้องชะงักไปก่อนจะกรอกตามองบนเมื่อเห็นว่าในห้องมีขวัญตาแฟนสาวของเขายืนอยู่ข้างๆเขาด้วย แต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจแล้วเดินไปหยุดยืนอยู่อีกฝั่งข้างอาศิของเธอที่กำลังนั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ พลางเหลือบมองขวัญตาเล็กน้อย
"อาเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่าให้เคาะประตูทุกครั้งก่อนจะเข้ามา" คำพูดเหมือนจะดุแต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยน ทีแรกศิลากะว่าจะดุเด็กสาวเสียหน่อย แต่พอเห็นใบหน้าสวยหวานปนน่ารักของหลานสาวเพื่อนสนิท เขาก็ดุเธอไม่ลงแล้ว
"น้องเซียรู้ค่ะ แต่มันลืมนี่หน่า อีกอย่างนี่ก็เป็นห้องทำงานของอาศิ น้องเซียเข้าออกตั้งแต่เล็กจนโตคงไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้องเซียรู้ว่าอาศิไม่ถือสาน้องเซียหรอกใช่ไหมคะ" ประโยคสุดท้ายซีเซียพูดพลางยื่นมือบางไปเขย่าแขนแกร่งเบาๆ ทำตาปริบๆอ้อนคนตัวโตตรงหน้า
"น้องเซีย" ศิลาเอ่ยเรียกเด็กสาวน้ำเสียงกดต่ำ ดุเธอทางสายตาพลางดึงแขนแกร่งของตัวเองออกจากการจับกุมของมือบาง แล้วเหลือบมองหน้าขวัญตาแฟนสาวของตัวเองเล็กน้อย
ด้านซีเซียพอเห็นแบบนั้นเธอก็รับรู้ได้ทันที จึงยกแขนเรียวเล็กขึ้นมากอดอกแล้วเบะปากมองบน ทว่าอยู่ๆมุมปากบางก็ยกยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกอะไรสนุกๆออก โดยที่คนตัวโตไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มซุกซนของเธอ
"ทำไมต้องดุด้วย น้องเซียแค่จับแขนอาศิเองนะ เมื่อก่อนน้องเซียทั้งกอดทั้งหอมอาศิไม่เห็นจะว่าอะไรเลย แต่พออาศิมีอาขวัญตาเป็นแฟน น้องเซียทำอะไรก็ผิดไปหมด" เธอแสร้งทำน้ำเสียงหงอย ใบหน้างองำเสมือนน้อยอกน้อยใจเขานักหนา
ด้านศิลาเมื่อได้ยินคำพูดและสีหน้าเศร้าๆของเด็กสาวที่บ่งบอกให้รู้ว่าเธอคงจะน้อยใจเขา เขาจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปพูดกับแฟนสาวของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆ
"คุณไปรอผมข้างล่างก่อนนะขวัญ ผมขอคุยกับน้องเซียหน่อย"
"ค่ะ" ขวัญตาพยักหน้าตอบอย่างว่าง่าย แล้วหันไปยิ้มให้ซีเซียอย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานแม้ว่าเด็กสาวจะไม่เคยยิ้มตอบเธอเลยก็ตาม ซึ่งเธอก็ดูออกว่าซีเซียคิดยังไงกับศิลาแฟนหนุ่มของเธอ แต่เพราะเห็นว่าซีเซียยังเด็กและเป็นหลานของเตชินท์เพื่อนสนิทของแฟนหนุ่ม เธอจึงเลือกที่จะไม่ถือสาอะไรซีเซีย แม้ว่าบางครั้งบางทีซีเซียจะทำอะไรเกินหน้าเกินตาโดยไม่ให้เกียรติและไม่เกรงใจเธอเลยก็ตาม แต่เธอก็พยายามเข้าใจและเลือกที่จะไม่ถือสาเอาความ
เวลาต่อมา17:05 น.ด้านศิลาที่วันนี้ยุ่งกับงานที่บริษัททั้งวัน พอเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเขาก็รีบร้อนมาหาหลานสาวของเพื่อนทันที แต่เมื่อมาถึงบ้านเพื่อนก็พบว่าภายในบ้านเงียบเชียบกว่าปกติ โดยไร้วี่แววของร่างเล็กอรชรอ้อนแอ้นที่เขาคะนึงหาและอยากเจอทั้งวัน ทว่าตาคมกริบก็พลันหันไปเห็นเพื่อนตัวเองกำลังนั่งดื่มน้ำสีอำพันอยู่ที่โต๊ะบริเวณริมสระว่ายน้ำ เขาจึงไม่รอช้าสองขายาวๆก้าวเดินไปทางเพื่อนทันที"น้องเซียล่ะ หรือว่าอยู่บนห้อง" เมื่อเดินมาถึงศิลาก็เอ่ยถามเตชินท์พลางนั่งลงข้างๆเพื่อน"ไปแล้ว" เตชินท์ตอบแค่นั้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้า แล้วยกแก้วใบใสที่มีน้ำสีอำพันอยู่ก้นแก้วกระดกดื่มรวดเดียวหมด จนลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลงยามกลืนน้ำเมาลงคอด้านศิลาที่ได้ยินเช่นนั้น คิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากันยุ่ง รู้สึกใจหายกับคำว่าไปแล้วของเพื่อน เขาจึงถามต่อทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรน"ไปแล้ว ไปไหนวะ""น้องเซียย้ายไปอยู่ใต้กับยายเค้าแล้ว" เตชินท์ก็ยังคงตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเดิม พลางรินน้ำสีอำพันเติมใส่แก้วของตัวเอง แล้วรินใส่แก้วอีกใบไปวางไว้ตรงหน้าเพื่อนศิลาที่ได้ยินเช่นนั้นใจแกร่งก็ก
ด้านเตชินท์ที่พาหลานสาวเข้านอนจนเห็นว่าหลานสาวหลับสนิทแล้ว เขาจึงออกจากห้องของเธอ ทว่าพอเปิดประตูออกมาจากห้องก็เห็นเพื่อนสนิทยืนอยู่หน้าห้อง คิ้วหนาจึงขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่ที่เห็นเพื่อนตัวดียังอยู่ เขาจึงถอนหายใจแรงออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนออกไปกึ่งประชด"มึงยังไม่กลับอีกเหรอวะ""กูไปส่งขวัญตาที่คอนโดแล้ว แต่กูไม่สบายใจกูเลยอยากกลับมาเคลียร์กับน้องเซียให้รู้เรื่องก่อน กูโคตรรู้สึกแย่เลยว่ะไอเต น้องเซียจะเกลียดกูจริงไหมวะ กูกลัวว่ะ ถ้าน้องเซียไม่รักกูเหมือนเดิมกูจะทำยังไงดีวะ"ศิลาพูดร่ายยาวออกมาด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง จนเตชินท์ถึงกับถอนหายใจออกมาอีกครั้งและส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ เขาเองก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไงเหมือนกัน แต่กระนั้นก็ไม่คิดจะช่วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะศิลาทำร้ายหลานสาวสุดที่รักของเขาที่เขาคอยเฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่ตะบันหน้าให้ก็นับว่าเขาใจเย็นมากแล้ว"กูไม่ใช่น้องเซีย มึงมาถามกูแล้วกูจะรู้ไหม ตอนนี้มึงกลับไปก่อนเถอะ น้องเซียหลับไปแล้ว""คืนนี้กูว่าจะนอนที่นี่ว่ะ ถ้ายังไม่ได้เคลียร์กับน้องเซียกลับบ้านไปกูคงนอนไม่หลับแน่" ศิล
เมื่อซีเซียวิ่งออกมาทางหน้าบ้านก็เห็นคนเป็นอาแท้ๆเดินเข้าบ้านมาพอดี เธอจึงไม่รอช้ารีบวิ่งให้เร็วกว่าเดิม แล้วเข้าไปกอดอาเตของเธอทันทีพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายออกมายกใหญ่"ฮือๆ~ อาเตน้องเซียเจ็บ ฮือๆๆ น้องเซียเจ็บ ฮือๆ~" เธอร้องไห้ฟูมฟายแต่คำเดิมๆประหนึ่งฟ้องคนเป็นอาว่าเธอนั้นเจ็บ โดยที่มือบางข้างหนึ่งกุมแก้มนุ่มข้างที่โดนอีกคนตบ มือบางอีกข้างกอดเอวสอบของคนเป็นอาไว้แน่น ซึ่งความเจ็บที่ใบหน้า เทียบไม่ได้กับความเจ็บที่หัวใจดวงน้อยเลย ตอนนี้มันแตกละเอียดจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว"น้องเซียเจ็บตรงไหน ใครมันกล้ามาทำให้น้องเซียของอาเจ็บบอกอามาครับ หนูไม่ต้องร้องนะเดี๋ยวอาจัดการมันให้เอง" เตชินท์ดันร่างเล็กของหลานสาวออกเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามด้วยความร้อนใจที่ไม่รู้ว่าใครมันมาทำให้หลานสาวคนเดียวของเขาร้องไห้ฟูมฟายหนักขนาดนี้ และยิ่งพอได้เห็นแก้มของหลานสาวแดงก่ำเป็นรอยนิ้วมือชัดเจน เตชินท์ก็โมโหเลือดขึ้นหน้าทันทีแม้จะไม่รู้ว่ารอยฝ่ามือนี้เป็นของใครก็ตาม ทว่าสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทวิ่งมาทางเขาพอดี เขาจึงเอ่ยถามออกไปทันทีด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง"ไอศิใครตบหลานกูวะ!""ไอเตกูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ" ปากห
"น้องเซียเป็นอะไร ใครทำอะไรหนูทำไมถึงได้ร้องไห้แบบนี้"ด้านซีเซียเมื่อวิ่งออกมาจากห้องรับแขกก็สวนเข้ากับขวัญตาที่เดินมาทางเธอพอดี ซีเซียจึงหยุดชะงักเมื่อขวัญตาเอ่ยถาม แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดไม่ตอบอะไรออกไป แล้วเตรียมจะเดินหนีเพราะกลัวอีกคนจะวิ่งตามมาทัน ทว่าก็ไม่ทันที่เธอจะได้เดินไปขวัญตาก็คว้าแขนของเธอเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับเอ่ยถามเธออีกครั้งด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง"น้องเซียเป็นอะไร บอกอาขวัญได้นะ""ปล่อย! อย่ามายุ่งกับหนู! เพราะอาขวัญนั่นแหละอาศิถึงไม่รักหนู!" ซีเซียสะบัดแขนออกอย่างแรงแล้วตวาดใส่ขวัญตาเสียงดังอย่างคนพาล ซึ่งการกระทำที่ก้าวร้าวของเธอตกอยู่ในสายตาคมกริบของศิลาที่วิ่งมาทันได้เห็นความก้าวร้าวของเธอเข้าพอดี"ใจเย็นๆก่อนนะ มีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน" ขวัญตาพยายามพูดกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและพยายามคว้าแขนเด็กสาวเอาไว้เพราะอยากให้เธอใจเย็นๆ แม้จะไม่รู้ว่าเด็กสาวเป็นอะไรก็ตามถึงได้ดูโมโหและโกรธเธอมากขนาดนี้ด้านซีเซียตอนนี้หูดับไม่ฟังอะไรทั้งนั้น และด้วยความโมโหบวกกับรำคาญอีกฝ่ายที่เอาแต่จับแขนดึงรั้งเธอไม่ยอมปล่อย เธอจึงสะบัดแขนออกจากมือของขวัญตาอย่างแรงเพี้ยะ!ทว่าซีเซียก็ไม่
ด้านเตชินท์ก็ได้แต่นั่งมองเหตุการณ์ทุกอย่างเงียบๆ เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา แม้ว่าตัวเขาจะรับรู้ทุกอย่างดีอยู่แก่ใจ รู้แม้กระทั่งเหตุผลที่ศิลาคบกับขวัญตาก็เป็นเพราะหลานสาวของเขา แม้เขาจะเตือนเพื่อนอยู่หลายครั้งว่าให้ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง ไม่ใช่หลอกตัวเองอยู่แบบนี้ แต่ศิลาก็ไม่ฟังยังดื้อดึงเลือกที่จะดึงขวัญตาเข้ามาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่มีต่อหลานสาวของเขา ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเพื่อนตัวดีของเขาเลยสักนิดว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แค่บอกชอบหลานสาวของเขาไปก็สิ้นเรื่อง อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้ขัดขวางถ้าเพื่อนจะรักจะชอบหลานสาวของเขา ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจในตัวศิลาแถมยังนึกหมั่นไส้อยู่ลึกๆที่เพื่อนตัวดีไม่ชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองสักที ...ทว่าอยู่ๆโทรศัพท์ของเขาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกลางโซฟาตรงหน้าเขาก็ดังขึ้น เขาจึงละความสนใจจากเพื่อนสนิทและให้ความสนใจกับโทรศัพท์แทน เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายและคุยได้นิดหน่อย เตชินท์ก็ลุกขึ้นเดินออกไป ในขณะที่คุยโทรศัพท์กับคนปลายสายอยู่อย่างนั้น แต่ก็ไม่ลืมหันมาส่งซิกให้เพื่อนว่าเขาจะออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกด้านศิลาที่เห็นแบบนั้นก็พยักหน้าให้เพื่อนแ
ขณะนี้ภายในรถคันหรูมีแต่ความเงียบ ศิลาที่ลอบมองเด็กสาวทางกระจกมองหลังก็เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่นั่งเหม่อมองข้างทางตลอดเวลา"น้องเซียเป็นอะไรรึเปล่าครับ"ซีเซียที่ได้ยินเช่นนั้นก็เบนสายตามามองคนตัวโตเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าเบาๆให้แทนคำตอบ แล้วเบนสายตากลับไปมองข้างทางต่อ"หนูเซียอาจจะหิวมั้งคะศิ พึ่งกลับจากโรงเรียนคงยังไม่ได้กินอะไร" ขวัญตาที่นั่งฟังอยู่ตรงเบาะรถฝั่งตรงข้ามคนขับก็เอ่ยพูดกับแฟนหนุ่มก่อนจะชะโงกหน้าไปมองเด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังของเธอ แล้วยิ้มให้เด็กสาวแม้ว่าเด็กสาวจะไม่สนใจเธอเลยก็ตาม"น้องเซียหิวไหมครับ เดี๋ยวอาแวะร้านอาหารแถวนี้ให้" เมื่อแฟนสาวพูดจบศิลาก็เอ่ยถามเด็กสาวทันทีโดยที่ดวงตาคู่คมมองเด็กสาวทางกระจกมองหลังสลับกับมองถนนเบื้องหน้าตลอดเวลา"ไม่ค่ะ" ซีเซียตอบขณะที่ดวงตาคู่สวยยังคงมองเหม่อข้างทางอยู่อย่างนั้น"ถ้าหิวเมื่อไหร่ก็บอกอานะครับ" ศิลาเอ่ยบอกแค่นั้นก่อนจะตั้งใจขับรถต่อ เขาไม่อยากเล้าหลือเด็กสาวไปมากกว่านี้เพราะกลัวเธอจะรำคาญเอา แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกๆกับพฤติกรรมของเธอตอนนี้ก็ตาม"ค่ะ"สิ้นเสียงตอบรับสั้นๆของเด็กสาวศิลาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เห็นเธอเงียบ