เวลา 21:30 น. #คลับหรูใจกลางเมือง
ทั้งที่ฉันนัดสองคนนั้นเวลานี้แท้ๆ แต่ไม่เห็นจะมีใครโผล่หัวมาเลย พอฉันโทรถามก็บอกกำลังจะออกมา กำลังออกมาที่ว่าคงไม่ใช่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จหรอกนะ “แพร” ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปรอเพื่อนในคลับจู่ๆ ก็มีเสียงเรียกชื่อของฉันดังขึ้น เสียงนั้นเป็นเสียงที่ฉันคุ้นเคย “…พี่เพิร์ท” ฉันเผลอกำมือแน่นเมื่อเห็นพี่เพิร์ทกำลังเดินมาทางนี้ ทั้งที่พยายามจะลืมแล้วแท้ๆ แต่ทำไมต้องมาเจอกันแบบนี้อีก “มาเที่ยวคนเดียวหรอครับ ?” พี่เพิร์ทมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครมากับฉันจึงถาม “แพรมากับเพื่อนค่ะ เดี๋ยวเพื่อนตามมา” แปลกนะ ทั้งๆ ที่ฉันควรจะเกลียดผู้ชายคนนี้แท้ๆ เพราะเขาเป็นคนทิ้งฉันไป เขาเป็นคนทำให้ฉันเจ็บปวด แต่ทำไมฉันถึงยังหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้เจอหน้า “เดี๋ยวนี้มาเที่ยวบ่อยนะ” ที่ถูกถามแบบนี้ก็เพราะตอนฉันคบกับเขาฉันไม่ได้มาคลับเลย พี่เพิร์ทไม่ชอบให้เที่ยวทั้งที่ฉันชอบดื่มชอบปาร์ตี้แต่ก็ยอมตามใจเขา “ไม่มีคนห้ามแล้วนี่คะ” ฉันจ้องลึกไปที่ดวงตาของผู้ชายตรงหน้า มันไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า “วันนั้นไม่เห็นไปรอพี่ที่ห้องเลย” “…..” เมื่อถูกถามแบบนี้มันก็จุกอกเหมือนกันนะ ความต้องการของเรามันต่างกันจริงๆ “พะ แพรขอตัวก่อนนะคะ” หมับ! ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินพี่เพิร์ทก็รั้งแขนฉันเอาไว้ซะก่อน “ไปหาที่เงียบๆ คุยกันหน่อยไหม” “มีอะไรต้องคุยอีกหรอคะ” ฉันพยายามจะดึงมือกลับแต่เขาไม่ยอมปล่อย “ไปคุยกันที่ห้องพี่ได้ไหม ?” แค่เอ่ยปากมาแบบนี้ฉันก็รู้แล้วว่าความต้องการของผู้ชายตรงหน้าคืออะไร วันนั้นฉันคิดน้อยไปที่บอกว่าจะยอมเขา แต่ตอนนี้ต่อให้ยังรักอยู่ฉันก็ไม่ยอม เพราะพี่เพิร์ทไม่ได้รักฉันเลย “แพรกับพี่เพิร์ทเลิกกันแล้ว ต่างคนต่างอยู่แล้วจะให้ไปที่ห้องเพื่ออะไรหรอคะ อยากได้แพรขนาดนั้นเลยหรอ” ฉันยิงคำถามออกไปตรงๆ ทำให้เขาเงียบ ฉันเบือนหน้าหนีสายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นกำลังเดินมาทางนี้ หนึ่งในนั้นมีเด็กผู้ชายที่ฉันรู้จัก ‘อลัน’ อลันมองมาด้วยสายตาที่เย็นชา ฉันพยายามส่งสายตาสื่อให้เขารู้ว่าฉันต้องการความช่วยเหลือ แต่ทว่าเขากลับเฉยเมยและเดินผ่านไปทำเหมือนไม่รู้จักฉันเลยด้วยซ้ำ “พี่รู้ว่าแพรยังรู้สึกดีกับพี่อยู่นะ” “ปล่อยแพร” ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดดึงแขนตัวเองจนหลุดพ้นจากการจับกุมของพี่เพิร์ท ก่อนจะพูด “ใช่แพรยังรู้สึกและแพรก็เสียใจมากที่ยังรักผู้ชายที่เห็นแก่ได้แบบพี่” ฉันพยายามกลั้นเสียงสั่นเครือเอาไว้พอพูดจบก็รีบเดินเข้ามาในคลับ ไม่รู้ว่าพี่เพิร์ทได้ตามมาหรือเปล่าเพราะฉันไม่ได้หันกลับไปมองเขาอีกเลยวันนี้คนค่อนข้างเยอะคงเป็นวันศุกร์ด้วยโชคดีที่จองโต๊ะเอาไว้แล้ว ส่วนหนึ่งที่ฉันชอบมาดื่มที่นี่คงเป็นเพราะสนิทกับเจ้าของคลับด้วย เจ้าของที่นี่ชื่อเฟย ฉันจะเรียกเขาว่าเฮียเฟย เมื่อก่อนเฮียเฟยเข้ามาจีบฉันแต่ฉันไม่ได้เล่นด้วย จีบไปจีบมาเราก็สนิทกัน ตอนนี้ก็เป็นพี่น้องที่สนิทกันมากๆ ไปแล้ว
“มาคนเดียวหรอ เพื่อนล่ะ ?” เฮียเฟยเดินมาทักทายฉัน “เดี๋ยวตามมาค่ะเฮีย” “ห่างหายไปนานนึกว่าจะเลิกเที่ยวไปแล้วซะอีก” “ของแบบนี้เลิกได้ที่ไหนล่ะคะ คงต้องรอให้แก่จนถือไม้เท้าก่อน ^_^” “ถ้าอย่างนั้นก็มาทุกวันสิ เฮียอยากเห็นหน้าแพรทุกวัน” ถึงเราจะอยู่ในฐานะพี่น้องแต่เฮียเฟยก็ชอบหยอดคำหวานใส่ฉันประจำ “เฮียไม่มีงานทำหรอคะ ?” “ถามแบบนี้แปลว่าไล่ ?” “เปล๊า!” ฉันพูดเสียงสูงทำให้ถูกมองค้อน ขณะที่กำลังคุยๆ กับเฮียเฟยอยู่เพื่อนๆ ทั้งสองคนของฉันก็เสด็จมาที่โต๊ะ “เฮียเฟยสวัสดีค่ะ / สวัสดีค่ะเฮีย” ทั้งมินนี่และขวัญทักทายเฮียเฟยอย่างสนิทสนม “งั้นเดี๋ยวเฮียไปตรวจงานก่อนนะ มีปัญหาอะไรบอกเฮียได้” ก่อนจะเดินไปเฮียเฟยเอามือมายีผมฉันเบาๆ และด้วยความที่ผมมันจะเสียทรงฉันจึงรีบปัดมือออกแล้วเบ้บปากใส่ไปหนึ่งที “แกนี่ก็แปลกเฮียเฟยตามจีบมาตั้งหลายปีไม่เคยสนใจ ดันไปเปิดใจให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้แล้วก็มาเจ็บช้ำแบบนี้ มันน่าหยิกจริงๆ เลยนะ” “……” พอได้ยินมินนี่ท้วงมาแบบนั้นฉันที่ยิ้มอยู่ก็หุบยิ้มทันที “มินนี่แกมีหมาในปากหรือไง พูดทำไมเห็นไหมมันเศร้าเลย” ขวัญตีแขนมินนี่เบาๆ เพื่อตำหนิ “ฉันโอเค” ฉันบอก “สีหน้าแกโคตรจะไม่โอเคเลยค่ะ” “เอางี้มาเล่นเกมสนุกๆ กัน คลายเครียด” มินนี่ออกความคิดเห็น “เกมอะไรของแกยะ ?” ขวัญถาม “กติกามีอยู่ว่าพวกแกต้องไปพาผู้ชายที่ฉันชี้มาดื่มที่โต๊ะให้ได้ ถ้าภายในสิบนาทียังดีลมาไม่ได้คนนั้นต้องเลี้ยงเหล้าตลอดหนึ่งเดือน” “น่าสนอยู่นะ” ขวัญพูดแล้วหันมาถามฉัน “เอาไงแพร เล่นปะ” “อื้อๆ ก็ได้เบื่อๆ อยู่เหมือนกัน” “งั้นฉันขอเป็นคนออกคำสั่งคนแรก” ขวัญยกมือขึ้นสั่งมินนี่ “ยัยมินแกต้องไปพาผู้ชายโต๊ะหน้าเวทีเสื้อสีขาวคนนั้นมาดื่มที่โต๊ะ” ขวัญขี้ไปเป้าหมายยังโต๊ะกลุ่มผู้ชายที่นั่งติดขอบเวที มินนี่ฉีกยิ้มกว้าง พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินไป “รับรองว่าไม่ใช่ฉันที่แพ้แน่ๆ” “แกว่ามันจะเอามาได้ไหมแพร” ขวัญถามฉัน “แกก็รู้ว่ามินมันอ่อยผู้ชายเก่งอย่างกับอะไร” “ก็จริงแฮะ” เพียงไม่ถึงห้านาทีที่มินนี่เดินไป เธอก็เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับเป้าหมาย “นี่เพื่อนมินเองค่ะ ^_^” “สวัสดีครับ ^_^” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยทักทายฉันกับขวัญ “ร้ายนะแกน่ะ” ฉันมองแขนของเพื่อนที่โอบรัดแขนผู้ชายคนนั้นไว้ เมื่อเขามาที่โต๊ะเราก็ชนแก้วกันตามมารยาท สักพักมินนี่นางก็บอกให้ผู้ชายคนนั้นไปรอที่โต๊ะแล้วเดี๋ยวจะไปหาอีกรอบ “ฉันรอดแล้วนะ! ที่นี้ฉันขอสั่งยัยแพร” มินนี่เอ่ย “ทำไมไม่ให้ยัยขวัญเล่นก่อนล่ะ” ฉันประท้วง “แกก่อนเลย ฉันขอทีหลัง” “อ่าๆ ใครชี้มา” ฉันถาม “แกต้องไปพาผู้ชายโต๊ะนั้นมา ผู้ชายที่ใส่เสื้อสีดำคนนั้น” ฉันมองตามมือที่มินนี่ชี้ มันคงจะเป็นเรื่องบังเอิญที่โต๊ะนั้นคือโต๊ะของกลุ่มเพื่อนของอลันน้องชายเพื่อนฉัน และที่สำคัญผู้ชายเสื้อสีดำทั้งโต๊ะก็มีแค่อลันที่ใส่สีดำมาคนเดียว “เปลี่ยนคนได้ไหม ?” ฉันถามเพื่อน “ไม่ได้ชี้แล้วชี้เลย ไปค่ะรีบไปเดี๋ยวนี้จับเวลานะ” ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักมันก็ไม่อะไรหรอก แต่นี่เป็นน้องชายของเพื่อน แต่ก็เอาเถอะเขารู้จักฉันคงจะยอมมาที่โต๊ะด้วยง่ายๆ ฉันลุกขึ้นเดินแหวกฝูงผู้คนที่อัดเบียดกันจนมาหยุดที่โต๊ะของอลัน เพื่อนของอลันต่างเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ มีแต่อลันคนเดียวที่แสดงสีหน้าไร้อารมณ์ออกมา “มาหาใครครับ ?” ผู้ชายคนหนึ่งที่โต๊ะถามฉัน “อลัน” ฉันตอบ “อลันเมียมามึงสนใจหน่อยสิวะ” “ไม่ๆ ฉันไม่ใช่เมียเขานะ” ฉันรีบสายหน้าปฏิเสธเมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นอะไรแบบนั้น “มีอะไร ?” อลันเงยหน้าขึ้นมาถามเสียงเย็น จะทำขรึมไปถึงไหนก็ไม่รู้ “ไปที่โต๊ะกับฉันหน่อยแป๊บนึง” “เพื่อ ?” มันรู้สึกหน้าชากับความเย็นชาของเด็กคนนี้ ดูถามสิ ทั้งที่เขาเลือกจะถามคำอื่นก็ได้5 เดือนผ่านไป ชีวิตหลังแต่งงาน “ทำให้มันดีๆ หน่อยสิอลัน” “ก็ทำดีๆ อยู่นี่ไง” “แล้วนายเอาหมูไปผัดแบบนั้นได้ยังไง ทำไมไม่ผัดหมูก่อน”“แล้วทำไมไม่บอกก่อนก็รู้ว่าทำอาหารไม่เป็น”“ทำไม่เป็นก็ถอยไปฉันจะทำเอง”“ไม่ต้องยุ่งออกไปนั่งรอเลยไป” ฉันมองสามีของตัวเองทำอาหารด้วยความเหนื่อยใจ ทำไม่เป็นยังจะเสนอตัวอวดเก่งอยากจะโชว์ฝีมือ ชีวิตคู่ของเราไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้รักกันจนหวานชื่น เรามีปากเสียงกันในบางครั้งไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ความรักที่มีให้กันมันก็ยังคงอยู่และเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ฉันว่ามันคงเป็นธรรมดาของชีวิตคู่ จะให้รักกันปานจะกลืนกินคงไม่ใช่ คนที่อยู่ด้วยกันการทะเลาะและปรับความเข้าใจเป็นเรื่องปกติ “เสร็จแล้วครับคุณเมีย ^_^” อลันถือจานอาหารที่ตัวเองทำมาวางไว้ที่โต๊ะด้วยสีหน้าที่ปลื้มอกปลื้มใจกับฝีมือตัวเอง “ผัดผักยังไงให้ผักไม่สุก แบบนี้จะกินยังไง” “ผักต้องสุก ?” เขาถามอย่างกับไม่เคยกินผัดผักมาก่อนในชีวิตถึงไม่รู้ว่ามันต้องสุกประมาณไหน “ถ้าลูกคลอดออกมาฉันคงไม่ไว้ใจให้นายทำอาหารให้ลูกกินแน่ๆ” “ของแบบนี้มันพัฒนากันได้ ตอนนี้ทำไม่เป็นอีกสิบปีข้างหน้าอาจจะได้เป็นเชฟกระทะเหล็กก็ไ
#บ้านของฉันฉันกับอลันมาที่บ้านด้วยกันเพื่อจะมาบอกพ่อว่าเรากำลังจะมีลูก ก่อนมาเขาได้โทรบอกพ่อกำนันแล้วเห็นว่าดีใจยกใหญ่เลย พรุ่งนี้คงจะขึ้นมากรุงเทพมาคุยเรื่องงานแต่ง “จะมาทำไมไม่บอกก่อนจะได้ให้คนจัดเตรียมอาหารเพิ่ม” พอพ่อเห็นอลันเดินมาพร้อมกับฉันก็รีบท้วงทันที ถึงก่อนหน้านี้จะใจร้ายไปบ้างแต่ตอนนี้พ่อตากับลูกเขยเริ่มเข้ากันได้แล้วนะ “หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกพ่อค่ะ ^_^” ฉันยิ้มให้พ่อแล้วก็หันมายิ้มให้อลัน จากนั้นเราสามคนก็พากันเดินมาที่ห้องขับแขก“มีอะไรทำไมถึงต้องคุยเป็นทางการขนาดนี้ ?” พ่อถาม “พ่ออยากมีหลานคือเปล่าคะ” “อยากสิ พ่อแก่แล้วอยากจะรีบอุ้มหลานเร็วๆ” “งั้นคุณลุงก็สมหวังแล้วครับ” อลันพูดแทรก “หมายความว่ายังไง ?” พ่อขมวดคิ้วมองเราทั้งคู่สลับกัน ฉันคลี่ยิ้มก่อนจะตอบ “หนูท้องค่ะ ^_^” พอบอกว่าท้องพ่อก็เงียบไปเหมือนตกใจ ทำเอาฉันใจหาย ไหนบอกว่าอยากอุ้มหลานเร็วๆ ไง ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น“คุณลุงไม่ดีใจหรอครับ” อลันรีบถามเพราะเห็นพ่อเงียบไป “ลง ลุงอะไรกัน เรียกพ่อได้แล้วไอ้ลูกเขย” พ่อพูดออกมาพร้อใกับรอยยิ้มบนใบหน้า ทำเอาฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกนึกว่าพ่อจะเสียใจซะอีก อีกหนึ่งเรื่องร
โรงพยาบาลตอนนี้ฉันกับอลันอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนอลิชเธอกลับไปที่บ้านแล้วเพราะต้องไปดูลูก ทั้งฉันและอลันได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดทั้งคู่ แต่ที่ต่างออกไปคือหมอให้ฉันตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ ตอนนี้เรากำลังนั่งรอผลตรวจอยู่อาการของอลันดีขึ้น ตอนนี้เขานั่งจนแทบจะสิงร่างฉันอยู่แล้ว “ขยับไปหน่อยได้ไหม ดูสิคนมองเยอะเลยนะ” ฉันกระซิบบอกอลัน “ขยับออกก็อ้วก จะเอาแบบนั้นไหมล่ะ” “แล้วอยู่ใกล้ฉันไม่อยากอ้วกหรือไง” เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ถึงอาการของเขาจะดีขึ้นแต่ร่างกายยังอิดโรย ไม่นานเท่าไหร่คุณหมอก็เรียกให้เราสองคนไปฟังผลตรวจ “ผลตรวจของคุณผู้ชายเป็นปกติดีนะคะ” “แต่เขาทั้งเวียนหัวทั้งอ้วกเลยนะคะคุณหมอ” ฉันรีบพูดแย้งขึ้นทันที “คงจะเป็นอาการแพ้ท้องแทนภรรยาค่ะ ยินดีด้วยนะคะตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ ^_^” หมอพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่คำพูดนั้นยังวนอยู่ในหัวของฉัน ยินดีด้วยนะคะคุณกำลังตั้งครรภ์ มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเราไม่เคยพลาด อลันปล่อยนอกหรือไม่ก็ใส่ถุงยางอนามัยตลอด ตอนนั้นที่ปล่อยในฉันก็กินนาคุมฉุกเฉินแล้ว คิดไม่ออกเลยว่าจะท้องได้ยังไง “จริงหรอครับคุณหมอ ผมกำลังจะมีลูกหรอคร
อลันเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ยังเอามือปิดจมูกอยู่ เขาทำท่าเหมือนขยะแขยงอาหารที่ฉันเตรียมให้มากๆ มันรู้สึกเฟลนิดๆ นะ อุตส่าห์ตั้งใจเตรียมให้แท้ๆ “ไปหาหมอไหม”“ไม่เป็นไรแค่เวียนหัวนิดหน่อย” ฉันเดินมาหาอลันแล้วยกมือขึ้นทาบบนหน้าผากของเขาเพื่อเช็คว่าตัวร้อนหรือเปล่า “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ฉันว่าไปหาหมอดีกว่านะอลัน”อลันสวมกอดฉันเอาไว้แน่นแล้วบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “แค่กอดเมียแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย” แปะ! ฉันฟาดมือลงบนแขนของอลันเบาๆ แล้วพูดค้อน “ฉันเป็นห่วงนะยังจะมาพูดเล่นอีก”“ไม่ได้พูดเล่นมันดีขึ้นจริงๆ นะ” พูดจับอลันก็เอาใบหน้ามาซุกลงบนซอกคอของฉัน “หอมจัง” “…นายคงกินไม่ได้แล้วใช่ไหมฉันจะได้เก็บ” ฉันถามเสียงเศร้า “มันเหม็น” อลันพูดกระซิบบอกที่หูเสียงเบา “อยากกินเมียแทนข้าว” ฝ่ามือสากเริ่มเลื้อยไปมาเป็นปลาหมึก ริมฝีปากหนาพรมจูบไปจนทั่วซอกคอของฉันก่อนจะขยับขึ้นมาที่พวงแก้มและประกบจูบที่ริมฝีปาก “อืม~” เสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจของอลันทำให้ฉันรู้สึกวาบหวิว แควก! เสียงนี้คือเสียงชุดซีทรูตัวบางของฉันถูกฉีกอย่างไร้ความปรานี “อลัน!!” ฉันดันตัวออกแล้วจ้องอลันเขม็ง เข
วันต่อมา หลังจากที่อลันเลิกเรียนเราก็มาเจอเฮียเฟย นัดเจอกันที่ร้านอาหารในห้าง ฉันโทรนัดเฮียเอาไว้แล้ว #ภายในร้านอาหาร “เฮียสั่งจะกินอะไรไหมคะเดี๋ยวแพรสั่งให้” ฉันรีบถามเมื่อเฮียเฟยมาถึง มันรู้สึกเกร็งเอามากๆ สาเหตุก็เพราะอลันที่เอาแต่จ้องมองตลอดเวลา “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเฮียต้องเข้าบริษัทไปกินที่บริษัทก็ได้”“งานยุ่งหรอคะช่วงนี้”“ก็….”“มีอะไรจะพูดก็รีบๆ พูด เอาแต่เนื้อ น้ำไม่ต้อง” อลันพูดแทรกขึ้นมาอย่างเสียมารยาท ฉันจึงหันมามองค้อนเขาด้วยสายตาที่ตำหนิ แต่เขาก็ทำท่าเหมือนทองไม่รู้ร้อน“ทีหลังถ้าจะนัดคุยมาคนเดียวดีกว่านะ แฟนแพรคงไม่สะดวก” เฮียเฟยบอก “ถ้าคุยสองต่อสองคงไม่ปล่อยให้มา” อบันตอบกลับทันควัน “นายช่วยอยู่เงียบๆ ได้ไหมอลัน” ฉันบอกเขาเสียงดุ ใจคอจะหาเรื่องให้ได้เลยหรือไง “แพรขอโทษแทนอลันด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรเฮียเข้าใจ แฟนแพรยังเด็ก….”“เด็กแล้วยังไง ?” เป็นอีกครั้งที่อลันถามอย่างไม่สบอารมณ์ “อลัน!!” ฉันจ้องเขาเขม็งจึงยอมปิดปากเงียบ มันน่าดีดหน้าผากแรงๆ สักทีให้เข็ดหลาบ “ที่นัดมาวันนี้แพรอยากจะมาขอโทษที่เคยพูดให้ความหวังเฮีย อยากขอโทษที่เคยดึงเฮียเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งที่แพรไม่ไ
ทางผู้ใหญ่พูดคุยกันครั้งนี้พ่อฉันยินยอมไม่ได้ขัดอย่างที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ คุณคานส์สามีของอลิชเสนอตัวจะออกค่าใช้จ่าย ส่วนค่าสินสอดวันแต่งพ่อของอลันจะเป็นคนออกเอง โดยงานหมั้นจะจัดหลังจากที่มหาวิทยาลัยของอลันปิดเทอม ซึ่งก็คืออีกไม่นานนี้แล้ว หลังจากคุยธุระเสร็จเรียบร้อยเราก็นั่งกินข้าวด้วยกัน ฉันเองก็ยังเกร็งไม่หาย แต่ก็ดีใจที่พ่อของอลันเอ็นดูฉันมากขนาดนี้ ตอนนี้ฉันกำลังเดินเล่นกับอลิชอยู่ที่สนามหน้าบ้าน ส่วนพ่อฉันกับพ่อของอลันคุยกันเรื่องธุรกิจ พ่อของอลันสนใจอยากจะเปิดธุรกิจเล็กๆ ที่บ้านต่างจังหวัดเลยขอคำปรึกษากับพ่อ ดีใจที่ทั้งสองคุยกันถูกคอ “แกไม่กลับบ้านพร้อมสามีหรออลิช” ที่ถามแบบนี้ก็เพราะว่าฉันเห็นคุณคานส์กลับไปก่อนแล้ว “ฉันกลับพร้อมพ่อน่ะ คุณคานส์รีบไปดูลูก” “สามีดีเด่นนะเนี่ย” “แกก็เถอะ ดีใจด้วยนะ รู้ไหมฉันแทบจะกรี๊ดลั่นบ้านตอนที่รู้ว่าอลันจะจอแกหมั้น” อลิชดีใจจนออกนอกหน้า “แกไม่ห้ามน้องหน่อยหรอ หมั้นทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ” “แพร อลันเป็นผู้ชายไม่มีอะไรเสียหายหรอกนะ ดีซะอีกน้องฉันตั้งใจทำงานมากๆ แถมยังไปเรียนทุกวัน ฉันละนับถือแกจริงๆ เลยที่เอาอลันอยู่หมัดขนาดนี้” “พี่อลิช