Mag-log inผมยกมือกอดอกมองเหตุการณ์ที่กำลังชุลมุนจากการฉุดรั้ง ตรงโต๊ะที่พวกผมก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจึงได้ยินคำพูดพวกนั้นแทบทุกคำ สายตาปราดไปที่ร่างระหง เธอกำลังดิ้นรนหนีพวกมันสุดฤทธิ์
“คืนนี้พี่จะดูแลหนูอย่างดีเลย” ไอ้โดมพูดแล้วหัวเราะท่าทางคุกคาม ขณะที่คนสวยที่กำลังจะกลายมาเป็นเดิมพันผลักอกมันเต็มแรง ถอยหลบเลี่ยงไม่ยอมให้ใครแตะตัว พวกมันหัวเราะสนุกสนานอย่างครื้นเครง
“ว่าไอ้โดมเหี้ยแล้ว ไอ้เมธแม่งเหี้ยกว่าอีก ไม่ยอมเลิกกะน้อง นี่ยังจะใช้น้องเป็นเดิมพันอีกว่ะ เหี้ยโคตร ๆ”
“หัวค@#มาก”
ผมเองก็รู้จักพวกมัน ไอ้โดมมันเรียนรัฐศาสตร์ เรียนมาหลายปีไม่จบสักที แถมยังมีบารมีลูกรัฐมนตรี มันจึงถูกใคร ๆ เรียกว่าพี่
ส่วนเธอ ‘ที่รัก’ ผมรู้จักก็เพราะไอ้ฉินกับไอ้อามมันชอบสะสมสาวมหา’ลัยหน้าตาสวย ๆ สะสมที่หมายถึง สะสมความรู้จัก ทักเขาไปทั่ว เขาตอบมั่งไม่ตอบมั่ง มันเอามาคุยเป็นคุ้งเป็นแคว
แล้วผู้หญิงคนนี้หน้าตาสะสวยอย่างไอ้ฉินว่า ไม่ใช่สวยเรียบหรูดูหวานหรือหน้าตาน่ารัก เธอสวยเฉี่ยว รูปร่างเซ็กซี่ เป็นที่พูดถึงนับแต่เข้ามาเรียน ยิ่งตอนนี้มีข่าวเรื่องพ่อของเธอสะพัดยิ่งถูกใครต่อใครจับจ้อง
ผู้หญิงมากมายมองเธอด้วยความอิจฉาในความสวยสะดุดตา
ผู้ชายมองเธอด้วยความอยากได้น้ำลายหก
ผมมองแววตาเด็ดเดี่ยวถือดีคู่นั้นมันวาววับจับจ้องผู้ชายตัวโตไร้ความหวาดกลัวแล้วรู้สึกสนุกขึ้นมา
“พี่โดมน่ะรวยมากนะ ถ้าแกอ้อนพี่เขาดี ๆ ทำให้พี่เขาเอ็นดู ชีวิตแกจะได้สุขสบายมีกินมีใช้ไงล่ะ”
ผู้หญิงที่ผมเห็นไอ้เมธมันนัวเนียมาหลายวันแล้วจะเข้าไปดึงตัวเธอแต่ถูกเธอผลักเต็มแรง ฉวยจังหวะที่พวกมันมัวสนุกวิ่งลอดวงแขนไอ้เมธออกมา ผมขยับตัวนิดหน่อยก็ขวางหน้า ทำให้เธอวิ่งมาชนเต็มแรง และคงจะล้มลงไปกองบนพื้นถ้าผมไม่รวบตัวไว้
“ชะ ช่วยหน่อย”
เสียงร้อนรนดังขึ้น ทั้งจับแขนผมแน่น ผมกวาดตามองหน้างามที่กำลังร้องขอการช่วยเหลือ
“นายอยากได้เท่าไหร่ฉันจะจ่ายให้แค่ช่วยพาฉันออกไปจากนี่ก็พอ”
“น่าสนใจดีนี่” ผมสานสบตาวิงวอนคู่สวย กดยิ้ม “แน่ใจว่าจ่ายไหว”
เธอพยักหน้าจนผมกระจาย “เท่าไหร่ก็ได้”
“ดี”
ตอนนี้เองที่ไอ้เมธกับไอ้โดมเดินเข้ามาหา คนสวยผละออกไปหลบข้างหลังผมทันที
“ไอ้เกียร์” ไอ้โดมทัก “มาเมื่อไหร่วะ”
“สักพักพี่ เดิมพันน่าสนใจดีนี่หว่า” ผมพยักหน้าทักทายกลับ เรียกมันว่าพี่เพราะไม่อยากขึ้นชื่อว่าปีนเกลียวมากนัก แม้ในใจอยากจะเรียกไอ้เหี้ยก็เถอะ อยู่ในสังคมต้องเคารพกฎสังคมบ้างสักหน่อย
ผมปรายตาไปมองหน้างาม หน้าเธอแดงก่ำ คงเพราะความโกรธและกลัวแต่ทำอะไรไม่ได้
“เล่นด้วยคนดิ”
“เรื่องของกูกับพี่โดมมึงอย่าเสือกน่าไอ้เกียร์ ที่รักมานี่”
ไอ้เมธปราดมาขวางหน้า ผมกับมันไม่กินเส้นกันเท่าไหร่ แต่ไม่เคยปะทะกันตรง ๆ
“เผอิญวันนี้กูนึกอยากเล่นสนุก ขอเสือกด้วยคนสิวะ” ผมปรายตาไปมองคนสวยที่ร้องขอความช่วยเหลือ “ของสวย ๆ น่าเล่นซะขนาดนี้”
“ไม่เอาน่าไอ้เกียร์ไว้หน้ากูกับพี่โดมบ้าง” ไอ้เมธแค่นเสียง
แล้วไง ไม่ใช่พ่อผมสักหน่อย ผมยักไหล่ ขณะคนสวยมีสีหน้าตระหนกกว่าเดิม ทำท่าจะถอยหนีเมื่อเข้าใจอะไรต่ออะไร
“นี่พวกนาย!”
ผมคว้าเอวเธอไว้ ผลักใส่มือไอ้โตที่ยืนอยู่ใกล้ แล้วล้วงบุหรี่ออกมาจุดสูบอย่างใจเย็น ไม่ได้มองไอ้เมธ มันไม่เคยอยู่ในสายตาผมอยู่แล้ว ผมมองไปที่ไอ้โดม เราไม่ได้สนิทกันแต่มีหลายครั้งที่กลุ่มผมกลุ่มมันร่วมปาร์ตี้เดียวกัน พูดได้ว่าต่างคนต่างใส่หน้ากากเข้าหากัน
“กูชอบน้องคนนี้จริง ๆ นะเว้ยไอ้เกียร์” ไอ้โดมออกตัวพูดยิ้ม ๆ
“ผมก็ชอบด้วยไง หรือพี่กลัวผมจะได้ถึงไม่อยากให้เล่นด้วย” ผมท้าทายมัน
เรื่องเงินพวกเราไม่มีปัญหาเพราะมาจากฐานะร่ำรวยกันทั้งนั้น เรื่องผู้หญิงพวกเราก็ไม่เคยขาดแคลน ที่กำลังทำคือแค่หาเรื่องสนุก ๆ ทำกันฆ่าเวลา ไอ้โดมหัวเราะ แดกดันกลับมา
“เออ ไอ้เหี้ย มึงเล่นด้วยก็ได้ เพิ่มเงินเดิมพันเป็นห้าล้าน”
“ห้าล้านก็ได้ แต่ผมจะเอาทั้งเงินทั้งผู้หญิง พี่ดีลปะล่ะ”
ผมกับมันเคยวัดกันมาหลายครั้ง ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ส่วนไอ้เมธ มันคิดว่ามันเก่ง หลายครั้งไอ้โดมยอมอ่อนให้มันโดยที่มันก็ไม่รู้ตัวห่าเหวอะไร เกมนี้ แค่มองผมก็รู้ว่าระหว่างมันสองคนใครจะชนะ
“ไอ้เหี้ย เขี้ยวลากดินเหลือเกินนะมึง” ไอ้โดมมันด่าผมแล้วหัวเราะ อย่างที่บอก ต่อให้ไม่สบอารมณ์ มันเลือกจะเก็บความรู้สึกพวกนั้นไว้เพราะมันก็ไม่อยากปะทะกับผมตรง ๆ พูดได้ว่าเป็นมิตรต่อกันดีกว่าเป็นศัตรู
“ฉันไม่ใช่สิ่งของที่พวกนายจะยกให้กันได้ง่าย ๆ นะ”
เสียงใสแว้ดแหวขึ้นมาน้ำเสียงเดือดดาล ผมหันไปมองด้านหลัง เธอผลักไอ้โตออก ไม่รู้มันไม่ได้ระวังหรือไม่ตั้งใจจับเธอกันแน่ ร้อนถึงผมต้องคว้าลำคอระหงกระชากคนตัวบางเข้ามาประกบปากโดยไม่สนเสียงอุทานของไอ้เมธกับไอ้โดม พวกเพื่อนผมต่างพากันหัวเราะ ขณะเพื่อนไอ้เมธกับไอ้โดมผิวปากหวือ
กายแกร่งตามลงมาบนเตียง ดึงตัวฉันเข้าไปกอด ซุกหน้าเข้าหอมซอกคอจนรู้สึกจั๊กจี้ แต่ฉันก็กอดเขาไว้ ไออุ่นจากตัวพี่เกียร์ค่อย ๆ ทำให้ฉันตาปรืออีกครั้ง และคงจะหลับถ้าเขาไม่พูดขึ้นมา“ที่รัก...เดือนที่แล้วเมนส์ไม่มาใช่มั้ย”“หืม...”“เดือนนี้ก็ยังไม่มา”จริงด้วย ฉันตาสว่างทันที พี่เกียร์ผงกหน้าขึ้นมามองหน้ากัน ก่อนที่มือหนาจะวางลงบนหน้าท้องฉัน ลูบวนเบา ๆ แป๊บเดียวเขาก็ดีดตัวลุกจากที่นอนจนฉันสะดุ้งไปด้วย“เดี๋ยวพี่มานะ”ได้แต่มองตามงง ๆ พี่เกียร์ก็ออกจากห้องไปแล้วหลังแต่งงานเราสองคนย้ายมาอยู่คฤหาสน์คิณณ์ภัทธเป็นหลัก เพนต์เฮาส์ของพี่เกียร์ก็ยังไปกันอยู่บ่อย ๆ แต่นานครั้งจะค้างสักคืนไหน ๆ ก็ตื่นแล้ว ฉันเลยคิดว่าล้างหน้าล้างตาลงไปทำอะไรให้พี่เกียร์กินมื้อเช้าดีกว่า สายสักหน่อยค่อยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจว่าฉันท้องจริงหรือเปล่าลูบท้องตัวเองเบา ๆ ในนี้มีเจ้าตัวเล็กของฉันกับพี่เกียร์อยู่หรือยัง ช่วงนี้งานยุ่งมากอาจจะเหนื่อยเลยเป็นสาเหตุมให้ประจำเดือนก็เป็นได้ แต่ก็อดหวังเล็ก ๆ ไม่ได้เหมือนกัน อาการของพี่เกียร์เหมือนกับคนแพ้ท้องแทนเมียเลย ขอให้ฉันท้องจริง ๆ เถอะ ตั้งแต่แต่งงานกันมา เขาพยายามมากบอกอยา
“ไม่ลืมค่ะ” คนสวยคลี่ยิ้มหวานเอาใจ “แค่แปลกใจ ปกติเราก็อยู่ด้วยกันทุกวัน หนูไม่คิดว่าพี่จะทำเรื่องโรแมนติกแบบนี้อีก”“ทำไมพี่จะไม่ทำล่ะ หืม...”ผมสวมกอดร่างนุ่มจากด้านหลัง ฝังจมูกกับนวลแก้ม ที่รักรู้ใจผินหน้ามารับจูบหวาน ๆ จนเราต่างซาบซ่านไปทุกอณูหลังจูบเธอจนหวามไปทั้งอก ผมชูลูกบอลสีเงินสวยขึ้น ขนาดของมันประมาณลูกเทนนิสได้“อะไรคะ”“เปิดดูสิ”ที่รักเลิกคิ้วเล็กน้อยและมีสีหน้าอ่อนใจด้วยคิดว่าผมคงมอบของมีค่าให้เธออีกแล้วอย่างที่ทำเสมอมาในวันครบรอบครั้นเธอหมุนมันเปิดออกก็ยืนนิ่งขึง จ้องสิ่งที่อยู่ในนั้นไม่ละสายตา“นี่มันอะไรคะ”ผมคลี่ยิ้ม จูบขมับเล็กเบา ๆ ก่อนจะหมุนร่างนุ่มหันหน้ามาหา ดึงของในมือเธอออกมา หยิบแหวนเพชรน้ำงามจากในลูกบอลก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า“แต่งงานกับพี่นะ”“พี่เกียร์...”“มาเป็นเด็กพี่ตลอดไป”ที่รักหลุดหัวเราะทั้งรอยยิ้ม ดวงตาคู่สวยมีน้ำขังคลอแต่กลับยิ่งทำให้มันเปล่งประกายจับสายตา หน้าสวยพยักหน้า“ฮื่อ...”ผมคลี่ยิ้ม สวมแหวนน้ำงามในนิ้วนางข้างซ้ายของคนที่สวยและงดงามที่สุดในชีวิตของผมอีกคนนอกจากแม่ อ้าแขนรับร่างนุ่มที่โถมเข้ากอดแทบไม่ทัน“วู้...วิ้ว...”เสียงเป่าปาก
“ไม่หรอกครับ ไม่ว่า... พี่จำเราไม่ได้จริง ๆ แต่ก็ชอบเราทันทีที่เจอกันอีกครั้ง นี่เรียกว่าพรหมลิขิตหรือเปล่านะ”“ตอนนั้นที่พี่พันแผลให้หนู พี่ไม่ได้พันแค่มือแต่พันหัวใจหนูไว้ด้วย เพราะฉะนั้น พี่ชอบหนูก็ถูกต้องที่สุดแล้ว”ฉันบีบจมูกโด่งหยอกเย้า พี่เกียร์ก็ไล่งับไล่จูบมือข้างนั้นอยู่นาน เลยมาปิดปากฉัน มอบจูบแสนหวานให้ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง อุ้มตัวฉันขึ้นซ้อนตัก คว้าแก้วไวน์จ่อปาก“ฉลองกัน”“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”“โอกาสที่เราตกหลุมรักกัน ได้อยู่ด้วยกันไงครับ นี่เป็นโอกาสพิเศษ ควรฉลองสุด ๆ ว่าไหม”นั่นสินะ การได้มีพี่เกียร์เป็นคนรักเป็นความพิเศษสุด ๆ ในชีวิตของฉันจริง ๆฉันกุมมือทาบมือใหญ่ดันแก้วไวน์ขึ้นจ่อปากอีกครั้ง ดื่มด่ำรสชาติของมันด้วยความรู้สึกละเมียดละไมดื่มไปครึ่งแก้ว พี่เกียร์ก็ดื่มที่เหลือจนหมด ก่อนจะรินใหม่ ป้อนฉันและเขา เราสลับกันป้อนกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรู้สึกละเอียดอ่อนความคิดซุกซนวาบขึ้นในหัวในตอนหนึ่ง ฉันยกขวดไวน์ขึ้นดื่มโดยไม่รินใส่แก้ว ปล่อยให้บางส่วนไหลออกมาตรงมุมปาก อาบลำคอจนถึงทรวงอกเปลือย เห็นสายตาคมเข้มข้นดำดิ่ง ลำคอหนากลืนน้ำลายจนเห็นลูกกระเด
เขาถามเหมือนถามไปงั้นไม่ต้องการคำตอบ ฉันจะดึงแขนหนี เขาก็ยึดไว้ ตวัดตาคมมาดุฉันด้วย ก่อนจะทำให้ฉันนิ่งงันอีกรอบด้วยการดึงเนกไทของเขาออกมาพันรอบแขนตรงที่เป็นแผลถลอก “ปิดแผลไว้ก่อน กลับไปบ้านก็หาแอลกอฮอล์ล้างดี ๆ รู้ไหม จะได้ไม่ติดเชื้อ”“อะ อืม”เพื่อนเขาอีกสองคนพากันยืนมองยิ้ม ๆ พูดให้คลายกังวล“ไม่ต้องกลัวหรอก เราไม่ทำอะไรน้องหรอก” “ต่อไปอย่าเดินคนเดียวแบบนี้อีกล่ะ” “อื้อ”ฉันพยักหน้ารับรัว ๆ เมื่อเขาพันแขนให้เสร็จ ฉันรีบเอ่ยขอตัว“ขอบคุณพวกพี่มาก หนูขอตัวก่อนนะ”ไม่กล้ามองพวกเขาอีก หันหลังเดินเร็ว ๆ ออกไปทางปากซอย แต่ได้ยินเสียงพวกเขาพูดคุยกันตลอดเวลาดังตามมา พอมาถึงป้ายรถเมล์พวกเขาพากันแยกไปยืนอยู่มุม ไม่ได้สนใจฉันเลยด้วยซ้ำ หากเป็นฉันที่แอบมองเขา ความปลื้มปริ่มท่วมท้นล้นใจ และรู้สึกว่าพี่เขาหล่อมาก เท่มาก ฉันคิดว่าพวกเขามารอรถเมล์แต่ไม่ใช่ รถเมล์มากี่คันพวกเขาก็ไม่ได้พากันขึ้น กระทั่งลุงขับรถของฉันมาจอด ตอนจะขึ้นรถ ฉันหันไปมองเขาอีกครั้ง พี่เกียร์พยักหน้าเหมือนเป็นการบอกลากัน ก่อนเขากับเพื่อนจะพากันเดินไปอีกทาง ฉันอดคิดไม่ได้ว่า เขายืนอยู่เป็นเพื่อนฉัน เขาคนนั้นชื่อ...พี่เกีย
ฉันเพิ่งขึ้น ม.2 ได้สองอาทิตย์ ตอนเช้าไปโรงเรียน ตกเย็นเลิกเรียนก็มาเรียนพิเศษต่อที่โรงเรียนกวดวิชาขึ้นชื่อแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงเรียน เดินกันไปได้ เนื่องจากข้างโรงเรียนกวดวิชามีซอยที่เดินทะลุไปถนนอีกฝั่งได้ ไม่ใช่ซอยเปลี่ยวอะไรเพราะอยู่กลางเมือง ฉันกับแสนดีจึงมักจะเดินไปรอรถทุกเย็น แต่วันนี้แสนดีไม่ได้มาเรียนเพราะเป็นไข้ ฉันจึงเดินไปโรงเรียนคนเดียว ใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนนั้นจนถึงสองทุ่ม เลิกเรียนฉันก็เดินออกจากซอยเพื่อมารอลุงคนขับรถเช่นทุกวัน ทว่า เดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็ได้รับโทรศัพท์จากลุงคนขับ [“คุณหนูครับ พอดีรถลุงยางรั่ว จะไปถึงช้าหน่อยนะครับ”]“อ้าว แล้วอยู่ไกลไหม ถ้ายังไงที่รักนั่งแท็กซี่กลับก่อนก็ได้”[“โอ๊ย อย่านะครับคุณหนู ช่างใกล้จะมาแล้ว สักยี่สิบนาทีก็เสร็จแล้วครับ รอลุงก่อน อย่าเรียกแท็กซี่เผื่อเจอคนไม่ดีจะไม่ปลอดภัย”]“งั้นลุงรีบหน่อยนะ ที่รักอยู่คนเดียว”ตู้ด ตู้ด ตู้ด“อ้าว สายตัดไปซะแล้ว แบตหมดหรืออะไรเนี่ย ว่าจะบอกซะหน่อยว่าวันนี้แสนดีไม่ได้มาเรียน” ฉันอยากบอกให้ลุงเร่งช่างหน่อยเพราะวันนี้อยากกลับบ้านเร็ว ที่ป้ายรถที่ไปนั่งรอประจำก็มีคนมารอรถเยอะทุกวัน ฉันจึงไม่ได้ก
หลังได้จูบจนฉ่ำปอด ผมวางลูกบอลสีเงินลูกหนึ่งลงบนฝ่ามือเล็กก่อนจะพารถออกจากมหา’ลัย คนรับทำปากยู่ย่นจมูกอย่างน่าจูบฟัดให้ใจขาดอีกรอบ นั่นเพราะเธอคงจำได้ว่ามันเป็นลูกบอลลูกสุดท้ายจากโหลแก้วกาชาปอง“หนูไม่อยากได้อะไรแล้ว”“ลองเปิดก่อนค่อยพูดว่าไม่อยากได้”“ก็ได้ค่ะ”เธอบิดลูกบอลเปิดอย่างไม่เรื่องมาก หยิบกระดาษแผ่นเล็กมาคลี่ออกดูแล้วนิ่วหน้า“ของรักจะหวนคืน คืออะไรเหรอ เขียนซะเป็นปริศนาเชียว แอบลิเกด้วยนะเนี่ย”นั่นเพราะ ตลอดมา สิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษจะเป็นของมีค่ามีราคา“อย่าบุลลี่ อดใจรอก่อน เดี๋ยวมีซึ้ง”“ทำเป็นมีลับลมคมใน”ที่รักไม่ได้เซ้าซี้ถามแม้สีหน้าแววตาจะเต็มไปด้วยความอยากรู้ กระทั่งผมขับรถมาถึงศูนย์จำหน่ายรถยนต์หรู เป็นหนึ่งในกิจการของครอบครัวผมเอง ตอนนี้ไอ้กายเป็นคนดูแลอยู่ คนสวยหันมาเลิกคิ้วมองผมยิ้ม ๆ แต่ไม่ได้ถาม ผมขับรถผ่านศูนย์รถหรูมาด้านหลังซึ่งเป็นอู่แต่งรถ ที่นี่รับแต่งรถทุกประเภทไม่เน้นเฉพาะรถสปอร์ตและซูเปอร์คาร์“มาเถอะ”พอรถจอด ผมจูงมือที่รักเข้าไปด้านในอู่ นายช่างใหญ่ประจำอู่กำลังคุยงานกับทีมช่างหันมาเห็นก็เดินมาหา“มาเอารถ?”“อืม มึงทำเสร็จยังกาย”“เสร็จนานละ ทางน







