“จะ จำได้ครับ” เขาเอ่ยตะกุกตะกัก แล้วกลืนน้ำลายลงคอ ชั่งใจอยู่ครู่ กับการเริ่มเสนอตัวเองให้ลูกค้าในคืนแรก
“คะ คุณมาเที่ยวเหรอครับ” “แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ”“แล้วคนส่วนใหญ่มาที่นี่ทำไมล่ะครับ ถ้าไม่ใช่มาหาความสุข” เอ่ยออกไปแล้ว เชนก็รู้สึกหน้าร้อน
“งั้นเหรอ” อลิศหัวเราะเบาๆ “นายนี่มันมองโลกด้านเดียวจริงๆ นายคิดว่าผู้หญิงที่มาที่นี่ จะต้องมาพาผู้ชายไปนอนด้วยอย่างเดียวงั้นเหรอ นายไม่คิดบ้างเหรอว่า ที่นี่ทำได้มากกว่าเที่ยวกลางคืน” “เอ่อ ผมไม่ทราบครับ” “เด็กน้อย” เธอยิ้ม “แล้วนายล่ะ มาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่า” เธอปรายตาไปยังชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง กำลังเดินเคียงคู่หญิงสาวแต่งตัวดี ท่าทางกระเป๋าหนักออกไป “ถ้าผมบอกว่าใช่ล่ะครับ” ถึงจะทำใจมากแล้ว หากเชนก็อดนึกอนาถใจในโชคชะตาตัวเองไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงคืนนี้เขาก็จะต้องหาลูกค้าใหม่ซักคนให้ได้ อย่างน้อยก็ผู้หญิงตรงหน้านี่แหละ “นายนี่ซื่อจริงๆ เลยนะ จะไปรอดเหรอ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ บอกตรงๆ ผมเพิ่งมาทำงานที่นี่เป็นวันแรกด้วย” ไม่รู้อะไร ทำให้เขาอยากบอกเธอออกไปตรงๆ แบบนั้น “งั้นเหรอ ไปคุยกันหน่อยสิ” ว่าแล้วเธอก็ลุกเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง มีเขาเดินตามมารินให้อย่างรู้งาน “นายมาทำงานกลางคืนแบบนี้ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือ ทำงานส่งอาจารย์” เธอถามอย่างอยากจะชวนคุยเสียมากกว่าอยากรู้คำตอบจากปากเขา “ผมแบ่งเวลาได้ครับ คือผมต้องหาเงินส่งเสียทางบ้าน ถ้าไม่ทำก็คงแย่” เขาตอบเสียงเบา พร้อมๆ กับโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นเตือนขึ้น อันที่จริง ในการทำงานหัวหน้าไม่อนุญาตให้เขานำโทรศัพท์ติดตัวหรอก แต่เพราะพ่อยังอยู่ที่โรงพยาบาล เขาจึงต้องขอให้หัวหน้าหยวนๆ ให้พกโทรศัพท์ติดตัว เผื่อมีเรื่องเร่งด่วนอะไร จะได้รีบไปโรงพยาบาลได้ “เอ่อ ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ” เชนเดินหายไปทางหลังร้านครู่หนึ่ง เป็นเวลาเดียวกับที่ “โจเยว่” บอดี้การ์ตคนสนิทของอลิศเองก็เดินเข้ามาหาเจ้านายสาวเช่นกัน “เด็กนั่นล่ะครับคุณอลิศ” เขาคงมองความเคลื่อนไหวระหว่างอลิศกับเชนมาตลอด จึงได้เอ่ยถามเช่นนั้น “อ้อ เค้าไปรับโทรศัพท์น่ะ มีอะไรหรือเปล่า” “คุณจะกลับเลยไหมครับ”“ยัง ฉันยังอยากจิบไวน์แก้วนี้ให้หมดก่อน” เธอมองแก้วทรงสูง บรรจุน้ำสีม่วงเข้มเอาเกือบเต็มในมือ สายตากราดไปทางที่เด็กหนุ่มคนนั้นเดินจากไป ครู่เดียวเชนก็เดินกลับมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยุ่งยากใจ
“คุณครับ คือ พ่อผมช็อกเข้าห้องไอซียู ผมต้องรีบไปโรงพยาบาลน่ะครับ เดี๋ยวผมจะหาพนักงานคนอื่นมาชงเหล้าให้คุณนะครับ” เขายังมีกะจิตกะใจเป็นห่วงลูกค้าสาวอีก “ไม่เป็นไร ว่าแต่นายจะไปโรงพยาบาลยังไง” ความที่เขาเคยช่วยพาเธอวิ่งหนหีคนร้ายกลางเยาวราช พาให้เธอถามออกไปเช่นนั้น เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง “ผมว่าจะนั่งวินไปครับ” หญิงสาวพลิกข้อมือขึ้นมองนาฬิกา “นายไม่ต้องเสียเวลาหรอก ไปรถฉันดีกว่าน่า” สายตาดุ เจือด้วยความเด็ดขาดคู่นั้น ทำให้เชนนึกรู้ว่า คำพูดนั้นคือคำสั่ง ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงจำต้องพยักหน้าลง แล้วเดินตามเธอมายังรถเบนซ์คันหรู ที่จอดรออยู่ตรงลานจอดรถหน้าบาร์โฮสต์ เวลา 15 นาที ระหว่างเดินทางจากบาร์โฮสต์ไปยังโรงพยาบาล ช่างยาวนานนักในความรู้สึกของเชน ยิ่งต้องนั่งเบาะหลัง ใกล้ๆกับเธอ เบื้องหน้า มีทั้งคนขับรถและบอดี้การ์ดของเธอ นั่งประจำอยู่ ความเงียบขรึมของเธอ ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ตัวเองจะได้มานั่งอยู่บนรถยนต์คันหรู ของมาเฟียจากฮ่องกงเช่นอลิศได้ อันที่จริง หากเธอ ปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือเขา ปล่อยให้นั่งวินมอเตอร์ไซค์ ไปโรงพยาบาลเอง ก็คงไม่ผิดอะไร แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อเธอยื่นมือเข้ามาช่วยแบบนี้แล้ว เขาก็ทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าการรับความช่วยเหลือจากเธอไว้“โอ๊ย! ฉันไม่มีหรอกเชน นี่ลูกชั้นก็เพิ่งจะคลอดได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ ไหนจะค่าคลอดค่านมค่าแพมเพิส นานา จิปาถะ ฉันจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อกันล่ะ แกถามชินรึยัง”“ถามแล้วพี่ พี่ชิน ก็บอกว่าไม่มีเหมือนกัน”“เอ่อ ฉันก็ไม่มีเว้ย แค่นี้นะ ชั้นจะนอนเดียวต้องตื่นมาปั๊มนมอีก” ว่าแล้วชาร์มก็ตัดการสนทนาไป ทิ้งให้เชนได้แต่ยืนจ้องโทรศัพท์มือถือในมือ ก่อนจะทรุดกายลงกับม้านั่งตรงระเบียงนี่เอง “นายคงกำลังคิดไม่ตกเรื่องเงินอยู่สินะ” เสียงของอลิศพาให้เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธอตาเขม็ง“คุณยังไม่กลับอีกหรอครับ” เขาขมวดคิ้ว“พอดีฉันเพิ่งคุยกับคุณชุลีมาน่ะ เพิ่งรู้ว่า หลังออกจากตระกูลลีมา ครอบครัวนายก็ถือว่าพออยู่พอกินตามอัตภาพมาตลอด เพิ่งจะมาฝืดเคือง ก็ตอนที่ลูกชายคนรองของคุณชุลีติดพนัน จนต้องมาขอเงินคุณชุลีไปใช้หนี้”“ครับ ผมยอมรับ แต่ขอโทษเถอะครับ มันไม่ใช่ธุระอะไรของคุณเลย ที่จริงแม่ไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังด้วยซ้ำ เพราะถึงยังไงคุณก็ไม่ใช่คนในครอบครัวของผม”“แม่นายคงจะอึดอัดใจ นอกจากคุณแล้วก็คงไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังล่ะมั้ง จะว่าไปเมื่อก่อน ฉันกับแม่นาย เราสนิทกันมากเลยนะ
โรงพยาบาล แห่งหนึ่ง ใจกลางกรุงเทพยามค่ำคืน แม้ไม่พลุกพล่านด้วยผู้คนดังเช่นช่วงเช้า หรือกลางวัน แต่ก็ยังมีคนไข้ญาติคนไข้ นั่งอยู่ตามแผนกต่างๆบ้างประปราย เชนก้าวเร็วๆ ไปยังห้องฉุกเฉิน ตามคำบอกเล่าของแม่ ก้อนเนื้อในช่องอกสั่นสะท้าน เมื่อคำพูดของแม่ ยังคงชัดเจนในห้วงคำนึง “พ่อช็อก ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู ลูกมาที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยได้ไหม” “ได้ครับ แม่ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” เขาตอบออกไปเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าแม่นั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ด้านหน้าห้องฉุกเฉิน ชายหนุ่มก็รีบปราดเข้าไปหา มือทั้งสองจับรวบข้อมือแม่เอาไว้แน่น “หมอว่ายังไงบ้างครับแม่”แม่ส่ายหน้าน้ำตาเอ่อรินอาบสองแก้ม“หมอยังไม่ออกมาเลยลูก แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าพ่อจะเป็นยังไงบ้าง เอ่อ แม่ขอตัวเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนึงนะลูก” แม่แกะมือออกจากมือใหญ่ของเขา แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ขณะกำลังล้างมืออยู่ตรงอ่างล้างมือนั่นเอง สายตาของเธอก็ไปปะทะเข้ากับร่างสมส่วนของหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาบ่งเค้าความเป็นคนจีน คงไม่ทำให้เธอแปลกใจอะไรเลย หากดวงหน้าสวยของคนข้างตัวจะไม่ทำให
“จะ จำได้ครับ” เขาเอ่ยตะกุกตะกัก แล้วกลืนน้ำลายลงคอ ชั่งใจอยู่ครู่ กับการเริ่มเสนอตัวเองให้ลูกค้าในคืนแรก“คะ คุณมาเที่ยวเหรอครับ”“แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ”“แล้วคนส่วนใหญ่มาที่นี่ทำไมล่ะครับ ถ้าไม่ใช่มาหาความสุข” เอ่ยออกไปแล้ว เชนก็รู้สึกหน้าร้อน “งั้นเหรอ” อลิศหัวเราะเบาๆ “นายนี่มันมองโลกด้านเดียวจริงๆ นายคิดว่าผู้หญิงที่มาที่นี่ จะต้องมาพาผู้ชายไปนอนด้วยอย่างเดียวงั้นเหรอ นายไม่คิดบ้างเหรอว่า ที่นี่ทำได้มากกว่าเที่ยวกลางคืน” “เอ่อ ผมไม่ทราบครับ” “เด็กน้อย” เธอยิ้ม “แล้วนายล่ะ มาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่า” เธอปรายตาไปยังชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง กำลังเดินเคียงคู่หญิงสาวแต่งตัวดี ท่าทางกระเป๋าหนักออกไป“ถ้าผมบอกว่าใช่ล่ะครับ” ถึงจะทำใจมากแล้ว หากเชนก็อดนึกอนาถใจในโชคชะตาตัวเองไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงคืนนี้เขาก็จะต้องหาลูกค้าใหม่ซักคนให้ได้ อย่างน้อยก็ผู้หญิงตรงหน้านี่แหละ “นายนี่ซื่อจริงๆ เลยนะ จะไปรอดเหรอ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ บอกตรงๆ ผมเพิ่งมาทำงานที่นี่เป็นวันแรกด้วย” ไม่รู้อะไร ทำให้เขาอยากบอกเธอออกไปตรงๆ แบบนั้น “งั้นเหรอ ไปคุยกันหน่อยสิ” ว่าแล้วเธอก็ลุกเดินกลับไปท
“ทะ เท่าไหร่ครับแม่” น้ำ เสียงเขาสั่นเครือ ลมหายใจสะดุดกับอุปสรรคทางการเงินที่กำลังร่วงใส่หัวเขาโครมใหญ่ “ค่าผ่าตัดกับค่ายารวมแล้ว แสนนึงลูก ยาต้องนำเข้า แถมยาบางตัว สิทธิ์รักษาพยาบาล ก็ใช้ไม่ได้ ถ้าไม่มีเงินจ่ายโรงพยาบาลไปก่อน ทางโรงพยาบาลก็จะไม่รักษาให้ แม่ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วลูก” แม่ร้องไห้หนักขึ้น ทำเอาเขาใจเสีย “ใจเย็นๆนะแม่ เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้สิ แล้ว...พี่ชินกับพี่ชาร์มว่าไงบ้างครับ” เชนคิดว่าเขาคงยังฝากความหวังไว้กับพี่ชายและพี่สาวได้แหละ เพราะอย่างน้อยทั้งสองคนก็ทำงาน มีเงินเดือนมากกว่านักศึกษาอย่างเขาที่ทำงานพิเศษไปวันๆ “พี่เค้าก็ไม่มีเหมือนกันลูก เมียชินก็เพิ่งคลอดลูกคนที่สอง ส่วนชาร์มก็เพิ่งได้งานใหม่” แม่สะอื้นฮัก เมื่อพูดถึงลูกอีกสองคน ที่ไม่เคยพึ่งพาอะไรในยามคับขันได้เลยจริงๆ “แม่ใจเย็นๆ ก่อนนะ เชนจะหา...” “เชนจะไปหาเงินมากมายพวกนั้นมาจากไหนลูก ถ้าต้องทำผิดกฎหมาย ไม่เอานะ แม่ไม่ยอม” “ผมไม่ทำหรอกครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ยังไงผมก็จะพยายามหางานพิเศษทำ หาเงินมารักษาพ่อให้ได้” เชนรู้ตัวดีว่า ที่
หลังจากวิ่ง 4 คูณร้อยมาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว เชนก็พาเธอมาถึงร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง เชนยังคงได้แต่หอม ขณะที่หญิงสาวแต่งตัวดีคนนั้นหันมามองเขานิ่ง แล้วเอ่ยเรียบเรื่อยว่า "ฉันชื่ออลิศ ลี ถ้าไม่อยากมีปัญหา อย่าบอกใครเรื่องวันนี้" สายตาเด็ดเดี่ยวจากดวงตาคู่สวยบอกเขาว่า คำพูดของเธอเมื่อครู่นั้น เธอเอาจริงแน่นอนนาทีนี้ เชนไม่รู้หรอกว่า เขาเพิ่งจะช่วยหัวหน้าแก๊งมาเฟีย ฮ่องกง เจ้าของธุรกิจ โรงแรมแห่งใหญ่ บนฝั่งเกาลูน ผู้กำลังเป็นข่าวใหญ่ในแวดวงธุรกิจและแวดวงอาชญากรรมอยู่ในขณะนี้“ผมไม่บอกใครหรอกน่า ว่าแต่ผมช่วยคุณแบบนี้แล้ว ผมจะซวยหรือเปล่า”“คงไม่หรอก พวกมันคงยังไม่ทันเห็นหรอกว่าใครเป็นคนช่วยฉันเอาไว้ ขอบคุณคุณอีกครั้งที่ช่วยเหลือ ฉันไปก่อนล่ะ” พูดจบเธอก็วิ่งหายไปอีกทางหนึ่ง ยังดีนะ ที่เธอยังมีมารยาท รู้จักขอบคุณเขา ไม่ใช่พอปลอดภัยแล้วก็สะบัดตูดหนีหายน่ะ เฮ้อ หวังว่าเขาจะไม่ต้องเจอเหตุการณ์บ้าๆ แบบนี้อีกนะ เชนบอกตัวเอง แล้วออกเดินกลับมาตามถนนสายเล็กในซอยที่สามารถเดินทะลุมายังหอพักของเขาได้ กลับมาถึงบ้าน ก็พอดีแม่โทรมาบอกว่า พ่อบ่นปวดท้องอีกแล้ว แต่ก็ดื้อไม่ยอมไปหาหมอ ลูกที่อยู่
“เอ้า พี่เชน จะกลับแล้วเหรอคะ” เสียงกังวานใสเอ่ยขึ้น ขณะ “เชน” นักศึกษาหนุ่มจากคณะนิเทศศาสตร์ กำลังเดินดุ่มๆ ไปยังป้ายรถเมล์ด้านหน้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาหนุ่มชะงักฝีเท้า หันกลับมามองนักศึกษาสาวรุ่นน้อง “พี่จะกลับแล้วครับ พอดีมาส่งโปรเจค น้องดาวละครับ กลับยังไง มีใครมารับหรือเปล่า” เขาถามไปอย่างนั้นเอง รู้หรอกว่า วาดดาว จะต้องมีรถยนต์คันหรู มาจอดเทียบที่หน้าตึกคณะ ไม่ก็หน้ามหาวิทยาลัย เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว “ดาวยังไม่กลับหรอกค่ะ พอดีเย็นนี้มีซ้อมเต้นที่ชมรมน่ะค่ะ” วาดดาวพูดจ้อยๆ ตามประสารุ่นน้องผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดี “พอดีว่า ดาวออกมาหาอะไรรองท้องก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนซ้อมจะหิวล่ะแย่เลย” เธอเอ่ยยิ้มๆ ก่อนโบกมือให้เขา ก่อนที่เชนจะก้าวเดินต่อ ไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกล หลังจากเสียเวลาฝ่าการจราจร แน่นขนัดบนท้องถนนกรุงเทพฯ มานานร่วมชั่วโมงเชนก็มาถึง หอพักย่านเยาวราช ความเบื่อหน่าย หงุดหงิด ฉายชัดอยู่ในสีหน้าและแววตา กับการเดินทางที่ต้องใช้เวลานานเป็นพิเศษ ทั้งที่จากมหาวิทยาลัยมาถึงเยาวราช ก็ใช่ว่า จะเป็นระยะทางไกลมากเสียเมื่อไหร่ แต่กลับต้องมา