“เป็นคนอื่นคงเตลิดไปแล้ว” ศิรินภายกยิ้ม จริงอยู่ที่ว่านีรามนมิใช่คนแรกของหล่อน
แต่ทว่าเมื่อได้พบเด็กคนนี้ ศิรินภาจึงไม่สนใจทุกอย่าง ไม่สนใจใคร มีแต่นีรามน และต้องการเลี้ยงนีรามนแบบผูกขาด
สัญญานี้ร่างไว้ตั้งแต่สองปีก่อน จะจบสิ้นกันก็ต่อเมื่อหล่อนเบื่อหน่าย นีรามนจึงจะเป็นอิสระจากหล่อน เป็นอิสระจากกันและกัน
ทว่าจนวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม และศิรินภาหมายหมาดว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ มิคิดไขว่คว้าใครอื่นที่ไหน
“พี่รักไม้” พูดครั้งที่สามแล้วในรอบหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ครั้งแรกที่พูดคืออยู่ที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำ...ที่ที่ทั้งสองเคยพบกันครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน
ณ ในอดีตนั้นนีรามนเพิ่งเลิกงาน จึงมายืนพักสมองอยู่ตรงสวนสาธารณะริมแม่น้ำแถวนั้น พื้นที่เริ่มเงียบสงัดเพราะเป็นเวลาเช้ามืด
“มาอยู่กับฉัน” คำสั้น ๆ ทว่ามีอิทธิพลต่อนีรามน มันมาพร้อมกับข้อเสนอที่เธอยากจะปฏิเสธ
ทว่าสิ่งที่นีรามนทำคือการปฏิเสธไป เธอไม่ได้เดือดร้อนถึงขนาดนั้น...
ไม่จริง...เธอโกหก
“แล้วจะเอาเงินจากที่ไหน พ่อของเธอต้องการมันไม่ใช่รึ” อีกฝ่ายคงสืบเรื่องราวของครอบครัวเธอมาพอสมควร จึงได้รู้ลึกถึงอาการป่วยของพ่อที่ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก...ลำพังแค่เงินก้อนจากประกันก็ยังไม่ครอบคลุม จึงได้มาเสนอเงินนั้นต่อหน้าเธอ ที่อีกฝ่ายคงจะถูกใจหรือแค่ต้องการเอาชนะเธอที่คล้ายดูเหมือนม้าพยศในสายตาของอีกฝ่ายกระมัง
เพราะใคร ๆ ก็ต่างมองเธอว่าเป็นแบบนั้น ‘เคี้ยวยาก’
ย้อนกลับไปในอดีตก่อนหน้านี้อีก...
“ขอบคุณครับ” เสียงนุ่มทุ้มของลูกค้าประจำที่เป็นชายหนุ่มทำให้นีรามนจำต้องยกยิ้มการค้าส่งให้ ทั้งที่ปกติเธอที่เพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่กี่เดือนแต่ก็รู้ดีว่าการบริการเสิร์ฟของเธอมิได้อยู่ที่โซนวีไอพีแห่งนี้
ทว่าจู่ ๆ พนักงานที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเธอด้วยก็เข้ามาหาพร้อมทั้งมอบหมายให้นีรามนไปบริการยังโซนนั้น โดยเฉพาะโต๊ะนั้น...ที่จ่ายหนักที่สุด
“นามสกุลนี้คุ้น ๆ นี่มันลูกชายนักการเมืองพรรคร่วมฯ นี่ ...งานดีนะแก” หากได้ร่วมอุ่นเตียงกับเขาคงจ่ายหนักไม่เบา เผลอ ๆ หากเขาถูกใจรับเป็นเด็กเลี้ยงคงสบาย
ทว่านีรามนกลับมิคิดจะเอื้อมสูงไปมากกว่านั้น ท่ามกลางสายตาที่อิจฉาเธอหลายคู่
เพราะเวลาตกลงมา...มันจะเจ็บปางตาย
จนเมื่อหลายวันเข้า เมื่อเขามิสามารถที่จะทำให้นีรามนยอมเลื่อนสถานะและมาสยบอยู่แทบเท้าของเขา
นีรามนหวีดร้องตกใจชั่วครู่ สายตาของเธอแทบจะเถือหนังของอีกฝ่ายที่ฉุดเอวเธอแล้วรั้งเข้าไปนั่งแนบอิงยังตักของเขาทันควัน
กลิ่นน้ำหอมผู้ชายผสานแอลกอฮอล์ทำให้นีรามนคล้ายถูกมึนเมา ผู้คนต่างมองมาด้วยความสนใจใคร่รู้ ทว่ามิคิดมีใครเข้ามายุ่มย่ามหรือช่วยเหลือ
คงคิดว่าเธอเป็นแค่ลูกตาสีตาสาคนหนึ่ง ใครเขาจะมายอมช่วยเพื่องัดข้อกับลูกชายของผู้มีอิทธิพลในการปกครองประเทศ
“คุยกับผมหน่อยสิคนสวย” ปลายจมูกและริมฝีปากร้อนที่ชิดใกล้ทำให้นีรามนสะอิดสะเอียนแทบบ้า ลมหายใจที่เจือกลิ่นน้ำเมานั้นยิ่งทำให้เธอขยะแขยงชนิดที่ว่าน้ำหอมราคาแพงที่อีกฝ่ายบรรจงประโคมมานั้นแทบจะไร้ราคา
“ปล่อยค่ะ” เธอมาทำงานในฐานะเด็กเสิร์ฟ หาใช่ตำแหน่งอื่นที่ตอบสนองเรื่องอย่างว่าอย่างที่พนักงานเสิร์ฟคนอื่นบางคนทำ นีรามนพยายามเบี่ยงกายพร้อมทั้งดันร่างกายอีกฝ่ายออกอย่างรังเกียจที่สุด สัมผัสมือกร้านที่เข้ามายุ่มย่ามกับร่างกายของเธอช่างน่าสะอิดสะเอียน
จนเมื่อนีรามนมิอาจทานทน ศักดิ์ศรีของเธอหาใช่ใครต้องมาปกป้อง
เธอต้องปกป้องตัวเอง...
ใบหน้าคมสันสะบัดตามแรงตบ ในหัวของเขามีเสียงวิ้ง...อื้ออึ้ง ความชาจนกลายเป็นแสบร้อนเต้นตุบ ๆ ที่ซีกหน้าด้านหนึ่ง
เขาหันขวับ มองนังตัวดีที่ผลุนผลันออกจากกายของเขาไปอย่างน่าเสียดาย สายตาแน่วแน่และปราศจากความรู้สึกผิดของผู้หญิงคนนี้ช่างถือดียิ่งนัก...
ทว่าก่อนจะได้ทำอันใดเพื่อเป็นการสั่งสอน เขากลับสบถออกมาเมื่อมีลูกน้องของเขาเข้ามาขัดจังหวะร้อนแรง...
นีรามนมิอาจได้ยินว่าอีกฝ่ายกระซิบกระซาบอันใด รู้เพียงแต่ว่ามันผู้นั้นหันมามองเธอด้วยความเคียดแค้นทว่าทำอันใดมิได้ไปมากกว่าลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป
ใครกันที่กล้าขัดจังหวะ...สุ้มเสียงไต่ถามดังขึ้นรายรอบนีรามนที่ลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกจากบริเวณนั้นเข้าหลังร้าน
จึงมิทันได้สังเกตเห็นว่ายังชั้นสามซึ่งเป็นชั้นที่เหนือชั้นที่สุด มิใช่ใครที่มีเงินแล้วจะเข้าไปผ่อนคลายอารมณ์ ณ ที่ตรงนั้นได้ง่าย ๆ บัดนี้ได้ถูกเปิดโซนใช้งานอย่างสงบ…เพียงหนึ่งเดียว
จากนั้นนีรามนที่คิดจะลาออกจากที่แห่งนั้นเมื่อคิดว่าอย่างไรเธอก็ไม่น่าที่จะถูกเพิกเฉย
ก็เล่นตบหน้าแขกวีไอพี ไหนยังจะสร้างความวุ่นวายในคืนนั้นอีก
ทว่าน้ำเสียงและสีหน้าเรียบเรื่อยของดิษยา...หนึ่งในเจ้าของร้านที่เธอเพิ่งเคยพบหน้าก็วันนี้ ก็เป็นหลักฐานชั้นดีว่าเรื่องนี้นีรามนมิจำเป็นต้องกังวล
“ทำไมถึงอยากลาออก”
“ฉันทำผิดค่ะ”
คิ้วเข้มพาดองศารับกับใบหน้าเรียวสวยเลิกขึ้น สายตาเรียวรีจับจ้องเธออย่างจะค้นหา “คุณตบเขาเพื่อปกป้องตัวเอง คุณทำอะไรผิด”
คล้ายถูกคาดคั้นให้ตอบโดยใช้จิตสำนึกไตร่ตรองให้มากกว่านี้ จนสุดท้ายนีรามนจึงต้องตอบ “ฉันไม่ผิดค่ะ”
รอยยิ้มเรียบเรื่อยผุดขึ้นบนใบหน้าพริ้มเพรา “ไม่ผิดงั้นก็ไม่จำเป็นต้องออก”
การหารือจบแค่นั้น จดหมายลาออกถูกทิ้งขยะไป หนำซ้ำนีรามนถูกทับถมด้วยเงินจำนวนมากที่เจ้าของคลับคนสวยอ้างว่าให้เธอเป็นค่าทำขวัญไปก้อนใหญ่
จนต่อมา เมื่อนีรามนต้องได้ยินข่าวโคมลอยแปลก ๆ ที่มาพร้อมกับการหายตัวไปเลยของลูกชายนักการเมืองพรรคใหญ่คนนั้น
“เห็นว่าพ่อโดนเลื่อยขาเก้าอี้ทิ้งเลยนะ” ข่าวตามทีวีและอินเทอร์เน็ตออกหรา
“แหงสิ ไปทำคุณภาเขาขุ่นเคืองนี่” พวกพี่ ๆ พนักงานเก่าแก่ที่รู้จักหล่อนคนนั้นดีจึงพากันกริ่งเกรง ยกเว้นนีรามนและพนักงานบางส่วนที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ที่ไม่นึกรู้จักคนน่ากลัวที่ว่า
คุณภา... ชื่อเรียกขานย่อ ๆ นั้นติดอยู่ในหัวของนีรามน นึกขอบคุณผู้หญิงคนนั้นที่กำจัดผู้ชายมือปลาหมึกนั่นออกจากชีวิตของเธอได้ ทั้งที่ไม่อยากรู้สักนิดว่าผู้ชายคนนั้นพร้อมทั้งครอบครัวของเขาต้องล่มจมอย่างไรในเบื้องลึก และถูกกำจัดด้วยเพราะสาเหตุใด...นีรามนไม่ค่อยอยากรู้จักคนจำพวกสูง ๆ แบบนี้เท่าใดนัก มันไม่จำเป็นสำหรับเธอ
ทว่าโลกของเธอที่แสนจะธรรมดาและยากเข็ญนั้นกลับต้องมาบรรจบกับผู้หญิงคนนั้นจนได้ในวันหนึ่ง
“เข้ามาสิ” ดิษยาที่นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย และเป็นคนที่เรียกให้นีรามนขึ้นมาบริการที่นี่แบบเจาะจงว่าต้องเป็นเธอเท่านั้น ทั้งที่ปรกติชั้นนั้นรวมทั้งลูกค้าคนนั้นมักจะมีเด็กประจำที่คอยบริการหล่อนอยู่แล้ว
นีรามนจึงถูกพวกรุ่นพี่บางส่วนเขม่นง่ายดาย โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่เป็นเหมือนดาวเด่นของที่นี่ แต่จะออกตัวแรงมากไม่ได้เพราะกฎของที่นี่เข้มงวดมากเรื่องพนักงานขัดแย้งกัน
“ได้ดีแล้วอย่าลืมพวกพี่นะน้องไม้” พวกเขาเอ่ยคล้อยหลังแบบนั้น... ทว่าเธอมิได้ตอบรับอันใด
นีรามนตีหน้านิ่งเรียบ เป็นเอกลักษณ์ของเธอไปเสียแล้วที่หากจะยิ้มก็ต่อเมื่อเสิร์ฟเสร็จเรียบร้อย ทว่าก็เป็นรอยยิ้มที่เพียงมุมปากเล็กน้อยเท่านั้น
เธอไม่สบตา ไม่จ้องหน้าแขกคนสำคัญที่ขนาดเจ้าของร้านมารับรองเอง ใบหน้าและไรผมยังคงชื้นเหงื่อเพราะเลิกงานสอนพิเศษตอนเย็นสายไปนิดจนต้องรีบถ่อมาเข้างานที่นี่อย่างรวดเร็ว ลมหายใจหอบเล็กน้อย...
ซึ่งเหล่านี้ของนีรามนถูกจับสังเกตอย่างไม่ยากนัก เพราะอยู่ใกล้กันแค่นี้
นีรามนเบิกตากว้าง สะดุ้งเมื่อสัมผัสถึงมือร้อนผ่าวและหอมกลิ่นอายบางอย่างจากใครที่อยู่ใกล้กัน
จนต้องเงยหน้ามองเจ้าของผ้าเช็ดหน้าเนื้อนุ่มและหอมนั่นที่เจ้าตัวถือวิสาสะเอามันมาซับเหงื่อที่ขมับชื้นของเธอ... สัมผัสจากปลายนิ้วร้อนเพียงแค่มีเนื้อผ้าเรียบลื่นกางกั้นเท่านั้น
ความกรุ่นโกรธตีคุขึ้น ทว่าช่างขี้โกงที่รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าปานหยาดน้ำผึ้งนั่นทำให้ใจเธอเย็นลงอย่างประหลาด จากการล่วงละเมิดกลายเป็นความหวังดีเสียอย่างนั้น
พร้อมน้ำเสียงนุ่มที่เอ่ยขึ้นข้างหู “เหนื่อยแย่เลยนะคะ” สายตาหวานล้ำนั่นราวกับล่วงรู้ความเหนื่อยยากทุกอย่างของเธอทั้งหมด
มันจะเกินไปแล้ว...
นีรามนรีบผละออกมาพร้อมถาดเสิร์ฟในมือ เธอก้มหัวให้ดิษยาและหล่อนคนนั้นที่มองอยู่
หัวใจมันสั่นไหวแม้กระทั่งเดินเข้ามาประจำที่ยังที่ประจำก็ยังไม่คลาย สายตาพยายามละจากชั้นสามนั่นที่มีกระจกกว้างใสทำให้มองมาเห็นด้านล่างทั้งหมด...ไม่เว้นแม้กระทั่งที่ที่เธอยืนอยู่
จนเพื่อนร่วมงานน้อยใหญ่เข้ามาเกาะแกะและทู่ซี้เธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เป็นไงบ้างไม้”
นีรามนคนที่ค่อนข้างเข้าถึงยากและดูถือตัว ทว่าเมื่อพวกเขาได้ลองทำความรู้จักมาสักพัก พบว่ามันก็แค่เปลือกนอก ก็เป็นแค่เด็กสาวน่าเอ็นดูที่สู้ชีวิตคนหนึ่งเท่านั้น
นีรามนที่กำลังช่วยล้างแก้วและจานเลิกคิ้ว “อะไรคะ”
ก่อนคำตอบของเพื่อนร่วมงานพวกนั้นจะทำให้นีรามนเงยหน้าขึ้นมองยังที่ที่เพิ่งออกมา
คนคนนั้น...ที่กำลังหยิบยื่นข้อเสนอมาให้เธอถึงที่ อย่างที่หากอยากได้คนที่เอาไว้สำหรับทำเรื่องอย่างว่า ระดับอย่างผู้หญิงคนนี้ เพียงกระดิกนิ้วก็มีแต่คนดาหน้าเข้ามาให้เลือกเกลื่อนกลาด
หลังจากวันนั้น จนเวลาผ่านไปสักพัก นีรามนดันเจอผู้หญิงคนนี้อีก ราวกับเจ้ากรรมนายเวรที่คอยตามตัวเธอ รู้ทุกย่างก้าวของเธอ
และจะตามติด จนกว่าจะได้เธอ...
นีรามนเพียงหลับตาฟัง เป็นผู้ฟังที่ดี ดู ๆ แล้วก็เหมือนลูกแมวตัวน้อยที่ถูกจับให้กึ่งนั่งนอนบนตัก แล้วฟังหล่อนระบายความทุกข์ภายใน “เขาโดดเด่นกว่าฉันเสมอ ทั้งที่มาทีหลัง แต่ฉันดันถูกเอาไปเปรียบเทียบกับเขา” น้ำเสียงของศิรินภารวมทั้งสายตาดำมืดลง “ทั้งที่เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการแท้ ๆ” ฝ่ามือกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทา น้ำเสียงเจือความต่ำต้อยน้อยใจด้อยค่าตนเองอย่างน่าตกใจ ทว่าเมื่อมีมือหนึ่งของเด็กน้อยเข้ามาทาบทับ เมื่อนั้นความคิดน้อยใจและความคิดลบ ๆ ทุกอย่างก็มลายหายไป เมื่อหันไปมองเจ้าของมือข้างนั้น ศิรินภาจึงให้ชะงักงัน… เมื่อสายตาของเด็กที่คิดว่าเพียงฟังหล่อนแบบผ่าน ๆ เท่านั้นกลับลืมตาขึ้นเพื่อสบสายตากับหล่อน ราวกับตั้งใจฟังทุกคำพูดของหล่อน คำพูดที่มันแทบจะไม่มีผลได้ผลเสียอันใดเลยกับเด็กคนนี้ หรือทำไปเพื่อเอาใจหล่อน? อย่างไรก็ตาม…บอกเลยว่าเด็กคนนี้ทำสำเร็จ “ความพยายามของคุณมันมีค่า อย่าดูถูกความพยายามของตัวเองสิ” ท่ามกลางความสลัวราง สายตาของนีรามนมั่นคงจริงใจ เปล่งประกาย เหมือนดาวท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด คอยส่องแสงสว่างนำทางใจที่หลงทาง “คุณพยายามเพื่อที่จะทำให้คนที่คุณรักภูมิใจ สำหรั
Thinkin Bout You สายตาเจ็บปวดของนีรามน...เด็กคนนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงของหล่อน หล่อนกำลังรู้สึกผิด? ไม่มีทาง เด็กนั่นมันกำลังแสดง เสแสร้ง ที่ร้องไห้...เพราะอยากให้ฉันสงสาร หรือเพราะเจ็บจริงกันแน่? “เป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้นค่ะ ถึงจะน่ารักจิ้มลิ้มถูกใจแขก แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่รับงานอื่นนอกจากงานครัว” ดิษยาเคยกล่าวกับพันทิวาว่าอย่างนั้น และหล่อนก็รับรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าก็ยังเลือกที่จะรังแกเด็กนั่น ทำให้ตื่นกลัว... ก็แค่เด็กเสิร์ฟ...แค่เด็กเสิร์ฟ แต่ทำไมยังไม่ออกไปจากหัวสักที? “อีกอย่าง...ต่อจากนี้คงจะรับงานอื่นไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เจ้าของดุขนาดนั้น” ดิษยาว่าอย่างมีนัย ซึ่งพันทิวาก็รับรู้ดีว่าเพราะอะไร กลับมายังปัจจุบัน ศิลาอยู่ ณ มุมห้อง พันทิวายกไวน์แดงขึ้นจิบ ภายในเพนท์เฮาส์ที่ถูกเปิดเพียงไฟจากด้านนอกดาดฟ้า แสงภายในจึงสลัวราง แสงไฟระยิบระยับจากเมืองหลวงเบื้องล่างสวยงามเหลือเกิน แต่ในอกกลับว่างเปล่าเหมือนเพนท์เฮาส์หลังนี้ที่ไม่มีใครเลย สายตาคมกริบจับจ้องยังทิวทัศน์มหานคร... คืนนี้ไม่มีใครที่จะได้อยู่กับหล่อนทั้งนั้น ไม่มีใคร . . . นีรามนยิ้มแย้ม ยกมือไหว้ตอบก
สายตาของนีรามนเปิดมองยังคนมาใหม่ที่ยังคงยืนนิ่ง กอดอก ช่วยเธอหน่อย...นีรามนส่งสายตาเชิงขอร้อง ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับมองตอบตาเธอ แล้วยกยิ้ม นีรามนเกือบจะถอดใจ ทว่าสุดท้ายเธอคนนั้นกลับเข้าหาแขกกิตติมศักดิ์ ซึ่งนีรามนมั่นใจว่าหาใช่เพราะผู้หญิงคนนี้อยากช่วยเหลือเธอไม่ “ดูเหมือนคุณแพรจะเข้าใจผิดนะคะ วินอยู่นี่ค่ะ เด็กคนนั้นก็แค่เด็กเสิร์ฟ...” “เธอจะหาว่าฉันเลอะเลือนงั้นสิ” สุ้มเสียงที่พาให้นีรามนหนาวเยือกไปทั้งสันหลัง กอปรกับที่ได้มองสบสายตาคมสวยที่อยู่ชิดใกล้...ที่ยังคงไม่ห่างไปไหนแม้นีรามนจะพยายามขัดขืนเพียงใดก็ตาม พลันสายตาคมสวย เปลี่ยนเป็นดุดัน ห้ำหั่นคนที่เข้ามาขัดจังหวะไม่ดูตาม้าตาเรือ นีรามนรู้สึกถึงความอันตราย และรู้สึกอยากช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ทั้งที่ลำพังตนเองนี่แหละที่ยังเอาตัวไม่รอด ทว่า...หญิงสาวคนนั้นกลับทำให้นีรามนรู้สึกเหนือคาด “เปล่านะคะ วินแค่จะเสนอ... ว่าวินน่ะดีกว่าเป็นไหน ๆ” ว่าพร้อมเยื้องย่างเข้าใกล้ หย่อนก้นนั่งลงไม่ใกล้ไม่ไกลอีกฝั่งของโซฟายาวกว้าง “ระดับคุณแพรน่ะเหมาะสมกับสิ่งที่ดีที่สุด หรือไม่ใช่” ความเงียบคลี่คลุมทั้งห้องแอร์เย็นเฉียบ ก่อนน
มือบอบบางที่แข็งแรงกว่าที่คาด แยกเรียวขาของนีรามนออก กระโปรงตัวสั้นที่เมื่อนั่งก็ร่นขึ้นจนเห็นต้นขาอยู่แล้วก็ยิ่งเลิกขึ้นเมื่อมือร้อนแทรกเข้าไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชั้นในเนื้อบางนุ่ม เสียงครางอย่างพยายามกักกลั้น สีหน้าที่นิ่วนั้นช่างน่ามอง ลมหายใจที่ขาดห้วงราวกับจะขาดใจให้ได้นั่น เด็กน้อยพยายามดิ้นออกจากตักราวลูกแมวน้อยในอยู่ในกำมือหล่อน ทว่าเมื่อหาทางรอดให้ตนเองไม่ได้ จึงซุกหน้าเข้ากับไหล่ของเธออย่างต้องการหลบความสะเทิ้นอาย เนื้อตัวสั่นเทา ลมหายใจและเสียงครางแผ่วขาดห้วงเป็นระยะ พันทิวาทอดสายตามองผลงานที่ตนเองบรรจงทำ ริมฝีปากกดจูบที่หัวไหล่นวลของเด็กน้อย ปลายนิ้วเริ่มสัมผัสได้ถึงความชื้นฉ่ำที่คงหวานล้ำ มือจึงละออกจากส่วนนั้นให้เด็กน้อยหวิวเล่น เข้าไปเกี่ยวแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่มอีกหน ก่อนจะโน้มใบหน้าช้อนเข้าหา แล้วจูบเด็กบนตักที่บัดนี้ไม่ทันตั้งตัวกับจูบนี้ จึงเผลอกลืนบรั่นดีรสร้อนแรงเข้าไปเต็มกลืน บางส่วนหยาดหยดหกเลอะเทอะเสื้อยืดสีขาวตัวน้อย จูบยังคงดำเนินต่อไป นีรามนเริ่มต่อต้านน้อยลงเพราะความร้อนรุ่มที่แผดเผาตามลำคอและช่องท้อง ก่อนจะลามไปทั่วทั้งกาย ตัดกับอากา
หน้าห้องมีการ์ดถึงสี่คนด้วยกันที่คุมอยู่หน้าประตู ประจำหลักกันคนละทิศ ทว่านีรามนกลับไม่สนใจ เธอสนแค่หน้าที่ของเธอ เพียงแค่เดินเข้าใกล้ หนึ่งในนั้นที่ยืนอยู่ใกล้ประตูจึงถอยให้เธอและเปิดประตูบานหนาหนักให้เสร็จสรรพ นีรามนเดินเข้าไปพร้อมถาดเสิร์ฟผลไม้หลากหลายฉ่ำเย็นมีคุณภาพ แอร์เย็นเฉียบปะทะเข้าใบหน้าและผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อสีขาวแขนกุดและกระโปรงสั้นอวดเรียวขา ทว่านีรามนกลับยังทำหน้าที่ของตนเอง ไม่สบสายตากับใครทั้งนั้น แม้จะนึกแปลกใจที่ในห้องนี้โล่ง ไม่มีหญิงสาวสวย ๆ เยอะแยะดังที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทว่ากลิ่นอายอันตรายที่คืบคลานและวนเวียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นคล้ายจะช่วงชิงลมหายใจของเธอไปได้ทุกเมื่อ เสียงแค่นหัวเราะหวานดังขึ้น “คำว่าศักดิ์ศรีคงใช้ไม่ได้สำหรับเธอหรอกมั้ง นีรามน” นีรามนที่กำลังวางถาดผลไม้ถึงกับนิ่งค้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงคล้ายร่างกายถูกสาปให้เย็นเฉียบ กอปรกับที่เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของอีกคนที่ส่งมาทางเธอ ช่างดูถูกเหยียดหยามเธอให้จมดินสิ้นดี นีรามนข่มกลั้นความรู้สึกที่เหมือนหัวใจคล้ายถูกบดบี้ ยิ้มไม่ออก ทั้งควรยิ้มอย่างมีมารยาทต่อแขกคนสำคัญของคลับ “น้องฉันมั
มองดูท่าทีของพันทิวา พบว่าเจ้าตัวแค่นยิ้ม...ยิ้มที่ไม่ถึงดวงตา เท่านั้นนีรามนจึงเบาใจ เธอตบตาอีกฝ่ายสำเร็จ ทั้งที่ในใจนั้นเจ็บปวดราวกับโดนน้ำกรดราดรด พันทิวาแค่นยิ้ม “ถ้างั้นก็ช่วยปอกลอกให้มันตลอดรอดฝั่งสิ ช่วยเป่าหูให้น้องฉันมันทำตามที่ฉันสั่งหน่อย ผลประโยชน์เข้าตัวเธอล้วน ๆ เลยนะ” “บอกให้มันทำตามที่ฉันต้องการ แค่นั้น...” พันทิวายกยิ้มหยัน อย่างดูแคลนอย่างถึงที่สุด “ส่วนจะไปกินกันลับหลังยังไง ฉันไม่ขัดอยู่แล้ว” นีรามนยกยิ้ม ไม่พูดอันใด เพราะหากพูดมากกว่านี้อีกฝ่ายคงจับสังเกตถึงเสียงสั่นเครือของเธอเป็นแน่ “ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารค่ะ” นีรามนยกมือไหว้หล่อนตามประสาเด็กเคารพผู้ใหญ่ ก่อนจะกระชับกระเป๋าผ้าเดินจากอีกฝ่ายไป น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลอาบแก้ม นีรามนใช้หลังมือเช็ดมันออกอย่างไม่ไยดี . . . “หยุด” เสียงเรียบเรื่อยดังจากที่นั่งด้านหลัง ชานนท์ทำตามทันที เขามองสังเกตสายตาของนายจากกระจกมองหลัง นายของเขากอดอก เมียงมองไปยังทางเข้าของห้างไม่ไกลจากถนนใหญ่นัก มองเห็นเด็กสาวในชุดนิสิตเรียบร้อยเดินออกมาจากตัวห้าง พร้อมกับเด็กนักเรียนหญิงวัยมัธยมปลายอีกสองคนที่ยกมือไหว้ติวเตอร์ของพว