“ฉันไม่ทำอย่างที่คุณคิดกันหรอก”
นีรามนด่ากราดไปถึงบุคคลที่เป็นผู้ติดตามของหล่อนที่ยกปืนขึ้นเล็งเธอตั้งแต่ที่เห็นเธอเดินดุ่มเข้ามาหานายเหนือหัวของพวกเขา “ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณคิด”
นีรามนเมินเฉยต่อแรงสั่นครืดของมือถือที่อยู่ในกระเป๋าผ้าของเธอ...ศิรินภาคงโทรมา คงจะรับรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง
ทว่าพันทิวากลับไม่ได้สนใจต่อถ้อยคำจิกกัดนั่น ที่หากเป็นคนอื่น ป่านนี้คงไม่มีโอกาสได้ยืนต่อปากต่อคำกับหล่อนอีกเป็นคำรบสอง
เท้าสีน้ำนมภายใต้รองเท้าส้นสูงสีแดงเพลิงเหยียบย่าง คืบคลานเข้าใกล้
จะดูซิ...ว่าจะปากเก่งได้สักแค่ไหนเชียว
แค่มีน้องสาวของหล่อนหนุนหลัง ไม่ได้หมายความว่าจะปีกกล้าขาแข็งใส่หล่อนได้หรอกหนา...
ทางฝั่งนีรามน ชีวิตของเธอมันไม่ได้สวยหรู... นีรามนคิดมาตลอด
ศิรินภาเป็นคนชุบชีวิตเธอขึ้นมา เธอบูชาหล่อน เทิดทูนหล่อนคล้ายผู้มีพระคุณ
"น้องฉันติดใจอะไรในตัวเธอกันนะ ถึงขนาดทิ้งทุกอย่างเพื่อมาเกลือกกลั้ว"
ทว่าตอนนี้ถ้อยคำและสายตาเสียดแทงเธอให้จมดิน แดดิ้น
เพียงเพราะว่ามันมาจากคนตรงหน้านี้
ก่อนที่เงานั้นจะคืบคลานใกล้ พร้อมลมหายใจร้อนรดรวยริน
คล้ายจะปลิ้นปล้นลมหายใจของเธอไปด้วย
"อ้าขาให้ฉันสักคืน...น้องฉันมันจ่ายเธอเท่าไหร่ ฉันจ่ายหนักกว่านั้น"
กริ๊ก... นีรามนรู้สึกถึงความเจ็บของฝ่ามือของตัวเอง แก้วคงถูกเธอบีบจนแตก บาดมือเธอเรียบร้อย
ทว่าก็ไม่เท่ากับความรู้สึกชาไปทั้งหน้าที่เธอได้รับจากคำพูดเสียดแทงของผู้หญิงตรงหน้า
นีรามนกัดฟันกรอด... ไยเธอจะไม่รู้ว่าตนเองบ้าบิ่นมากเพียงใดที่หล้าต่อปากต่อคำ ต่อกรกับมัจจุราชตรงหน้า...
.
.
.
นีรามนมองดูมือนุ่มขาวและเย็นเฉียบที่ค่อย ๆ ถอดรองเท้าคัชชูออกจากเท้าของเธอทันทีที่กลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของเจ้าตัว
“ก็ถึงได้บอกไงคะว่ามีอะไรให้บอก ไม้น่ะดื้อ” เสียงหวานใสว่าพร้อมกับใบหน้าที่มุ่ยเมื่อมองยังมือด้านซ้ายของเด็กสาวที่บัดนี้ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสะอาดสีขาว ...แก้วบาดมือนีรามน แม้ไม่ลึกมากแต่แค่เห็นเลือดออกจากตัวเด็กคนนี้ ศิรินภาล้วนไม่พึงใจทั้งนั้น
ไม้...ชื่อเล่นของเธอเอง นีรามนยกยิ้มขณะมองคนแก่ที่บ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“บ่นมากเดี๋ยวตีนกาเพิ่มนะคะ” นีรามนหยอกเย้า
จนเมื่อคิดได้ว่าเธอไม่น่าพูดเลย เพราะทันที่ที่พูดจบคำ ราวกับถูกปรามาสรุนแรงว่าแก่
แผ่นหลังของเธอแนบกับโซฟาตัวนุ่มกลางโถงกว้าง ที่มีเพียงเราสอง...
นัยน์ตาคมกริบของอีกคนชิดใกล้ พอกันกับริมฝีปากของเธอที่ถูกช่วงชิงไปกี่ครั้งแล้วมิอาจนับ...
นีรามนกอดอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ
ร่างกายนี้เป็นของหล่อน...
“ว่าพี่แก่ ต้องเจอแบบนี้แหละ”
นีรามนที่หอบหายใจอ่อนหลังจากถูกสูบพลังงานไปเกือบหมดเพียงยกยิ้มให้คนบนร่าง รอยยิ้มเธอสดใส สวยที่สุดในสายตาคนมอง
ศิรินภาจึงยิ้มตอบกลับ และก่อนที่อะไรจะเลยเถิดจนไม่เป็นอันกินข้าวเย็นกัน เนื่องจากดินเนอร์วันนี้ถูกทำลายย่อยยับอย่างคาดไม่ถึง
นีรามนจึงถูกอุ้มขึ้นง่ายดายราวตัวเธอคล้ายนุ่นเบาบาง เธอถูกวางลงบนเก้าอี้เคาน์เตอร์บาร์ของครัว
“อย่าคิดมาก มีพี่อยู่ ไม้ไม่ต้องกลัวอะไร” ดีที่จันจิรา...ผู้ช่วยของหล่อนที่ส่งไปติดตามนีรามนเข้ามาห้ามทัพทุกอย่างเอาไว้ทัน นีรามนจึงรอดพ้นจากเงื้อมมือของพี่สาวของหล่อนได้ และได้กลับมาอย่างสวัสดิภาพ
เห็นทีเร็ว ๆ นี้คงจะได้พบกัน...ศิรินภาครุ่นคิดเงียบเชียบ
“ก็ไม่ได้กลัวสักหน่อย”
ศิรินภายกยิ้ม มองคนตัวเล็กที่นั่งเคียงข้างกัน ศิรินภาตักยำวุ้นเส้นของชอบของนีรามนให้คนตัวเล็ก “พี่รู้ว่าไม้น่ะใจกล้า”
“ถึงอยู่กับคุณได้ไง” นีรามนมองตาหญิงสาวข้างกาย
ก่อนต้องหลับตาลงเมื่ออีกฝ่ายเข้าหา ประทับจุมพิตที่หน้าผากนิ่งนาน... เป็นการกระทำที่ทำให้เธอหวั่นไหวได้เสมอ
ทว่าก็แค่หวั่นไหว...
นีรามนเพียงหลับตาฟัง เป็นผู้ฟังที่ดี ดู ๆ แล้วก็เหมือนลูกแมวตัวน้อยที่ถูกจับให้กึ่งนั่งนอนบนตัก แล้วฟังหล่อนระบายความทุกข์ภายใน “เขาโดดเด่นกว่าฉันเสมอ ทั้งที่มาทีหลัง แต่ฉันดันถูกเอาไปเปรียบเทียบกับเขา” น้ำเสียงของศิรินภารวมทั้งสายตาดำมืดลง “ทั้งที่เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการแท้ ๆ” ฝ่ามือกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทา น้ำเสียงเจือความต่ำต้อยน้อยใจด้อยค่าตนเองอย่างน่าตกใจ ทว่าเมื่อมีมือหนึ่งของเด็กน้อยเข้ามาทาบทับ เมื่อนั้นความคิดน้อยใจและความคิดลบ ๆ ทุกอย่างก็มลายหายไป เมื่อหันไปมองเจ้าของมือข้างนั้น ศิรินภาจึงให้ชะงักงัน… เมื่อสายตาของเด็กที่คิดว่าเพียงฟังหล่อนแบบผ่าน ๆ เท่านั้นกลับลืมตาขึ้นเพื่อสบสายตากับหล่อน ราวกับตั้งใจฟังทุกคำพูดของหล่อน คำพูดที่มันแทบจะไม่มีผลได้ผลเสียอันใดเลยกับเด็กคนนี้ หรือทำไปเพื่อเอาใจหล่อน? อย่างไรก็ตาม…บอกเลยว่าเด็กคนนี้ทำสำเร็จ “ความพยายามของคุณมันมีค่า อย่าดูถูกความพยายามของตัวเองสิ” ท่ามกลางความสลัวราง สายตาของนีรามนมั่นคงจริงใจ เปล่งประกาย เหมือนดาวท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด คอยส่องแสงสว่างนำทางใจที่หลงทาง “คุณพยายามเพื่อที่จะทำให้คนที่คุณรักภูมิใจ สำหรั
Thinkin Bout You สายตาเจ็บปวดของนีรามน...เด็กคนนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงของหล่อน หล่อนกำลังรู้สึกผิด? ไม่มีทาง เด็กนั่นมันกำลังแสดง เสแสร้ง ที่ร้องไห้...เพราะอยากให้ฉันสงสาร หรือเพราะเจ็บจริงกันแน่? “เป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้นค่ะ ถึงจะน่ารักจิ้มลิ้มถูกใจแขก แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่รับงานอื่นนอกจากงานครัว” ดิษยาเคยกล่าวกับพันทิวาว่าอย่างนั้น และหล่อนก็รับรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าก็ยังเลือกที่จะรังแกเด็กนั่น ทำให้ตื่นกลัว... ก็แค่เด็กเสิร์ฟ...แค่เด็กเสิร์ฟ แต่ทำไมยังไม่ออกไปจากหัวสักที? “อีกอย่าง...ต่อจากนี้คงจะรับงานอื่นไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เจ้าของดุขนาดนั้น” ดิษยาว่าอย่างมีนัย ซึ่งพันทิวาก็รับรู้ดีว่าเพราะอะไร กลับมายังปัจจุบัน ศิลาอยู่ ณ มุมห้อง พันทิวายกไวน์แดงขึ้นจิบ ภายในเพนท์เฮาส์ที่ถูกเปิดเพียงไฟจากด้านนอกดาดฟ้า แสงภายในจึงสลัวราง แสงไฟระยิบระยับจากเมืองหลวงเบื้องล่างสวยงามเหลือเกิน แต่ในอกกลับว่างเปล่าเหมือนเพนท์เฮาส์หลังนี้ที่ไม่มีใครเลย สายตาคมกริบจับจ้องยังทิวทัศน์มหานคร... คืนนี้ไม่มีใครที่จะได้อยู่กับหล่อนทั้งนั้น ไม่มีใคร . . . นีรามนยิ้มแย้ม ยกมือไหว้ตอบก
สายตาของนีรามนเปิดมองยังคนมาใหม่ที่ยังคงยืนนิ่ง กอดอก ช่วยเธอหน่อย...นีรามนส่งสายตาเชิงขอร้อง ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับมองตอบตาเธอ แล้วยกยิ้ม นีรามนเกือบจะถอดใจ ทว่าสุดท้ายเธอคนนั้นกลับเข้าหาแขกกิตติมศักดิ์ ซึ่งนีรามนมั่นใจว่าหาใช่เพราะผู้หญิงคนนี้อยากช่วยเหลือเธอไม่ “ดูเหมือนคุณแพรจะเข้าใจผิดนะคะ วินอยู่นี่ค่ะ เด็กคนนั้นก็แค่เด็กเสิร์ฟ...” “เธอจะหาว่าฉันเลอะเลือนงั้นสิ” สุ้มเสียงที่พาให้นีรามนหนาวเยือกไปทั้งสันหลัง กอปรกับที่ได้มองสบสายตาคมสวยที่อยู่ชิดใกล้...ที่ยังคงไม่ห่างไปไหนแม้นีรามนจะพยายามขัดขืนเพียงใดก็ตาม พลันสายตาคมสวย เปลี่ยนเป็นดุดัน ห้ำหั่นคนที่เข้ามาขัดจังหวะไม่ดูตาม้าตาเรือ นีรามนรู้สึกถึงความอันตราย และรู้สึกอยากช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ทั้งที่ลำพังตนเองนี่แหละที่ยังเอาตัวไม่รอด ทว่า...หญิงสาวคนนั้นกลับทำให้นีรามนรู้สึกเหนือคาด “เปล่านะคะ วินแค่จะเสนอ... ว่าวินน่ะดีกว่าเป็นไหน ๆ” ว่าพร้อมเยื้องย่างเข้าใกล้ หย่อนก้นนั่งลงไม่ใกล้ไม่ไกลอีกฝั่งของโซฟายาวกว้าง “ระดับคุณแพรน่ะเหมาะสมกับสิ่งที่ดีที่สุด หรือไม่ใช่” ความเงียบคลี่คลุมทั้งห้องแอร์เย็นเฉียบ ก่อนน
มือบอบบางที่แข็งแรงกว่าที่คาด แยกเรียวขาของนีรามนออก กระโปรงตัวสั้นที่เมื่อนั่งก็ร่นขึ้นจนเห็นต้นขาอยู่แล้วก็ยิ่งเลิกขึ้นเมื่อมือร้อนแทรกเข้าไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชั้นในเนื้อบางนุ่ม เสียงครางอย่างพยายามกักกลั้น สีหน้าที่นิ่วนั้นช่างน่ามอง ลมหายใจที่ขาดห้วงราวกับจะขาดใจให้ได้นั่น เด็กน้อยพยายามดิ้นออกจากตักราวลูกแมวน้อยในอยู่ในกำมือหล่อน ทว่าเมื่อหาทางรอดให้ตนเองไม่ได้ จึงซุกหน้าเข้ากับไหล่ของเธออย่างต้องการหลบความสะเทิ้นอาย เนื้อตัวสั่นเทา ลมหายใจและเสียงครางแผ่วขาดห้วงเป็นระยะ พันทิวาทอดสายตามองผลงานที่ตนเองบรรจงทำ ริมฝีปากกดจูบที่หัวไหล่นวลของเด็กน้อย ปลายนิ้วเริ่มสัมผัสได้ถึงความชื้นฉ่ำที่คงหวานล้ำ มือจึงละออกจากส่วนนั้นให้เด็กน้อยหวิวเล่น เข้าไปเกี่ยวแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่มอีกหน ก่อนจะโน้มใบหน้าช้อนเข้าหา แล้วจูบเด็กบนตักที่บัดนี้ไม่ทันตั้งตัวกับจูบนี้ จึงเผลอกลืนบรั่นดีรสร้อนแรงเข้าไปเต็มกลืน บางส่วนหยาดหยดหกเลอะเทอะเสื้อยืดสีขาวตัวน้อย จูบยังคงดำเนินต่อไป นีรามนเริ่มต่อต้านน้อยลงเพราะความร้อนรุ่มที่แผดเผาตามลำคอและช่องท้อง ก่อนจะลามไปทั่วทั้งกาย ตัดกับอากา
หน้าห้องมีการ์ดถึงสี่คนด้วยกันที่คุมอยู่หน้าประตู ประจำหลักกันคนละทิศ ทว่านีรามนกลับไม่สนใจ เธอสนแค่หน้าที่ของเธอ เพียงแค่เดินเข้าใกล้ หนึ่งในนั้นที่ยืนอยู่ใกล้ประตูจึงถอยให้เธอและเปิดประตูบานหนาหนักให้เสร็จสรรพ นีรามนเดินเข้าไปพร้อมถาดเสิร์ฟผลไม้หลากหลายฉ่ำเย็นมีคุณภาพ แอร์เย็นเฉียบปะทะเข้าใบหน้าและผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อสีขาวแขนกุดและกระโปรงสั้นอวดเรียวขา ทว่านีรามนกลับยังทำหน้าที่ของตนเอง ไม่สบสายตากับใครทั้งนั้น แม้จะนึกแปลกใจที่ในห้องนี้โล่ง ไม่มีหญิงสาวสวย ๆ เยอะแยะดังที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทว่ากลิ่นอายอันตรายที่คืบคลานและวนเวียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นคล้ายจะช่วงชิงลมหายใจของเธอไปได้ทุกเมื่อ เสียงแค่นหัวเราะหวานดังขึ้น “คำว่าศักดิ์ศรีคงใช้ไม่ได้สำหรับเธอหรอกมั้ง นีรามน” นีรามนที่กำลังวางถาดผลไม้ถึงกับนิ่งค้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงคล้ายร่างกายถูกสาปให้เย็นเฉียบ กอปรกับที่เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของอีกคนที่ส่งมาทางเธอ ช่างดูถูกเหยียดหยามเธอให้จมดินสิ้นดี นีรามนข่มกลั้นความรู้สึกที่เหมือนหัวใจคล้ายถูกบดบี้ ยิ้มไม่ออก ทั้งควรยิ้มอย่างมีมารยาทต่อแขกคนสำคัญของคลับ “น้องฉันมั
มองดูท่าทีของพันทิวา พบว่าเจ้าตัวแค่นยิ้ม...ยิ้มที่ไม่ถึงดวงตา เท่านั้นนีรามนจึงเบาใจ เธอตบตาอีกฝ่ายสำเร็จ ทั้งที่ในใจนั้นเจ็บปวดราวกับโดนน้ำกรดราดรด พันทิวาแค่นยิ้ม “ถ้างั้นก็ช่วยปอกลอกให้มันตลอดรอดฝั่งสิ ช่วยเป่าหูให้น้องฉันมันทำตามที่ฉันสั่งหน่อย ผลประโยชน์เข้าตัวเธอล้วน ๆ เลยนะ” “บอกให้มันทำตามที่ฉันต้องการ แค่นั้น...” พันทิวายกยิ้มหยัน อย่างดูแคลนอย่างถึงที่สุด “ส่วนจะไปกินกันลับหลังยังไง ฉันไม่ขัดอยู่แล้ว” นีรามนยกยิ้ม ไม่พูดอันใด เพราะหากพูดมากกว่านี้อีกฝ่ายคงจับสังเกตถึงเสียงสั่นเครือของเธอเป็นแน่ “ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารค่ะ” นีรามนยกมือไหว้หล่อนตามประสาเด็กเคารพผู้ใหญ่ ก่อนจะกระชับกระเป๋าผ้าเดินจากอีกฝ่ายไป น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลอาบแก้ม นีรามนใช้หลังมือเช็ดมันออกอย่างไม่ไยดี . . . “หยุด” เสียงเรียบเรื่อยดังจากที่นั่งด้านหลัง ชานนท์ทำตามทันที เขามองสังเกตสายตาของนายจากกระจกมองหลัง นายของเขากอดอก เมียงมองไปยังทางเข้าของห้างไม่ไกลจากถนนใหญ่นัก มองเห็นเด็กสาวในชุดนิสิตเรียบร้อยเดินออกมาจากตัวห้าง พร้อมกับเด็กนักเรียนหญิงวัยมัธยมปลายอีกสองคนที่ยกมือไหว้ติวเตอร์ของพว