“ทำไมต้องเป็นฉัน” ท่ามกลางสายลมเย็นย่ำ ณ ริมแม่น้ำที่พัดจนเส้นผมพลิ้วไหว นีรามนเลือกถามคำถามไร้สาระและไม่เป็นประโยชน์สำหรับเธอออกไป อาจเพราะต้องการถ่วงเวลา
หรืออาจเพราะอยากรู้...ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเธอกันแน่
หรืออย่างเลวร้าย...อาจเพราะตนเองต้องการประวิงเวลาให้อีกฝ่ายโหยหาเธอก็เท่านั้น
ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับเป็นเพียงรอยยิ้ม สายตานั้นแทบอยากจะกลืนกินเธอรอมร่อ
“เพราะฉันถูกใจเธอ” เหตุผลง่าย ๆ แค่นั้นอย่างที่คิด ไร้ใจ ไม่มีจิตผูกพัน มีเพียงความต้องการที่ขับเคลื่อนระอุเร่าภายในรอให้เธอตอบตกลง...
.
.
.
ดังนั้นการบอกรักอย่างจริงจังครั้งแรกของศิรินภาจึงทำนีรามนนิ่งอึ้งไป
“พี่รักไม้” ศิรินภาบอกย้ำชิดใกล้อีกครั้งราวกับว่ากลัวเธอไม่รับรู้
ทว่าการบอกรัก ณ ครั้งนี้นีรามนจึงคล้ายคุ้นเคยกับมันแล้วกระมัง นักศึกษาสาวจึงเพียงยกยิ้มขณะเคี้ยวยำวุ้นเส้นเต็มปาก “อืม” ส่งเสียงอืออาให้พอรับรู้ว่ารู้แล้ว
“คิดว่าพี่พูดเล่นเหรอ?”
ไม่เลย คนอย่างศิรินภาไม่เคยพูดเล่น นีรามนรู้จักคนชิดใกล้ดีพอ
“เปล่าค่ะ” นีรามนตอบคำ ทว่ามันคงแห้งแล้งยิ่งนักในความรู้สึกคนรอคำตอบกระมัง
และคล้ายอีกฝ่ายจะไม่พอใจกระมัง เหตุเพราะไม่ได้รับคำรักตอบกลับ
นีรามนจึงถูกสวมกอด ปลายคางของศิรินภาวางลงที่ไหล่ของคนตัวเล็กอย่างออดอ้อน “แล้วไม้ล่ะ ไม่รักพี่บ้างเหรอ”
นีรามนมิอาจผละตัวออกจากกอด ทว่าด้วยความบ้าจี้จากการถูกคนขี้แกล้งเย้าเข้า นีรามนจึงร้องขอ “คุณภา ฉันจั๊กจี้”
เสียงหัวเราะจากคนตัวเล็กที่ดังข้างหูทำเอาศิรินภาคลี่ยิ้ม ความเหนื่อยจากการทำงานหายปลิดทิ้งเมื่อได้มาสูดกลิ่นหอม ๆ แป้งเด็กจากกายของนีรามน ไหนจะยังเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายอีก
หล่อนตกหลุมรักเด็กคนนี้เข้าเต็มเปา... ตกหลุมรักอย่างที่ยากจะถอนตัวขึ้นมา
พันทิวา...พี่สาวของหล่อนคงไม่เข้าใจ ไม่มีใครเข้าใจหล่อนสักคนในบ้านนั้น จึงได้ส่งพันทิวาเข้ามาจัดการเด็ดขาด เพราะรู้ว่าศิรินภาเป็นรองพี่สาวนอกไส้อย่างพันทิวา
ทว่าอยากจะบอกว่าไม่เป็นผล หล่อนยกให้แล้ว ยกให้แล้วทุกอย่าง ขอเพียงได้ใช้เวลาอยู่กับเธอคนนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือ
ปลายจมูกโด่งเอาแต่ซุกไซ้ที่ซอกคอเลยถึงพวกแก้มร้อน อย่างเอาแต่ใจเค้นคำตอบที่อยากฟังมานาน “ตอบมาก่อนสิ รักพี่บ้างมั้ย ไม้?”
ไม้เพียงหยุดนิ่ง มองสบตาอ้อนวอน เว้าวอนนั่น...
ก่อนจะถอนหายใจ ทว่าดวงตายังคงไม่ละทิ้งถึงความเป็นประกาย “ฉันนับถือ ...เคารพคุณ”
“พี่ไม่ได้อยากเป็นพระ พี่อยากเป็นผั--” คนแก่ขี้อ้อนไม่ทันได้งอแง นีรามนกลับยัดชิ้นมันฝรั่งทอดเข้าปากสวย ๆ แสนซนของอีกฝ่ายไปทันใด
คนแก่โดนขัดจังหวะจึงเอาแต่เคี้ยวอาหารในปากหนุบหนับ แอบย่ำเท้าไปมาเล็กน้อยอย่างขัดใจ ท่าทางนั้นส่งให้ไม้ยกยิ้มขึ้นมากับท่าทางเด็กน้อยยิ่งนักต่อหน้าเธอเพียงผู้เดียว
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง...คุณภาที่ขึ้นชื่อเรื่องเนี้ยบและดุอย่าบอกใคร บัดนี้กลายเป็นเด็กสามขวบต่อหน้าเธอไปแล้ว
เรื่องรักน่ะหรือ... นีรามนอยากจะรักหล่อนอยู่เหมือนกัน หากเป็นอย่างนั้นอะไรก็คงง่ายขึ้นโข...
ทว่าหัวใจของเธอมันไม่ใช่ของเธอมานานแล้วน่ะสิ...
ลับหลังจากที่นีรามนขอตัวออกมาจากศิรินภา เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกไปหมดเนื่องจากพายุอารมณ์ของศิรินภาที่โหมกระหน่ำเข้าใส่เธอ
จนได้มาจับจ้องตนเองที่หน้ากระจก คล้ายกำลังสังวรณ์ในตนเอง
ดันมาเจอกันอีกครั้งในสภาพที่เธอเป็นแบบนี้ไปเสียได้... นีรามนถอนหายใจ ยกมือกุมขมับ
เธอยังคงจำสายตารังเกียจ เกลียดชังที่อีกฝ่ายส่งให้เธอได้... หัวใจเธอเต้นรัวแรง บีบรัดเจ็บหนึบหน่วง
ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บยิ่งกว่านั่นคือใบหน้าของอีกคน...
ใบหน้าเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงชีวิตที่ผ่านมาของคนคนนั้น... แน่นอนว่านีรามนยังคงจดจำรายละเอียดทุกอย่างของผู้หญิงคนนั้นได้ ทั้งในอดีตตอนนั้นจนถึงตอนนี้ “ผอมยังไงก็อย่างนั้น ได้กินข้าวบ้างมั้ยนะ” พึมพำรำพึงออกมาเมื่อหวนนึกถึงภาพคนที่ทำทีจะปลิดลมหายใจเธออยู่รอมร่อ ภาพที่หล่อนแม้จะดูงามสง่าและน่าเกรงขามแค่ไหน ทว่านีรามนกลับมองลึก ประเมินล้ำ...ไปยังกายที่ผอมแห้งจนเห็นกระดูกไหปลาร้าลึกชัด ข้อมือที่บางจนเห็นข้อกระดูกมือ
ปากเล็กแดงจึงพึมพำรวดร้าว “ฝนยังตกในใจคุณอยู่อีกเหรอคะ” คุณพันทิวา...
.
.
.
นีรามนเพียงหลับตาฟัง เป็นผู้ฟังที่ดี ดู ๆ แล้วก็เหมือนลูกแมวตัวน้อยที่ถูกจับให้กึ่งนั่งนอนบนตัก แล้วฟังหล่อนระบายความทุกข์ภายใน “เขาโดดเด่นกว่าฉันเสมอ ทั้งที่มาทีหลัง แต่ฉันดันถูกเอาไปเปรียบเทียบกับเขา” น้ำเสียงของศิรินภารวมทั้งสายตาดำมืดลง “ทั้งที่เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการแท้ ๆ” ฝ่ามือกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทา น้ำเสียงเจือความต่ำต้อยน้อยใจด้อยค่าตนเองอย่างน่าตกใจ ทว่าเมื่อมีมือหนึ่งของเด็กน้อยเข้ามาทาบทับ เมื่อนั้นความคิดน้อยใจและความคิดลบ ๆ ทุกอย่างก็มลายหายไป เมื่อหันไปมองเจ้าของมือข้างนั้น ศิรินภาจึงให้ชะงักงัน… เมื่อสายตาของเด็กที่คิดว่าเพียงฟังหล่อนแบบผ่าน ๆ เท่านั้นกลับลืมตาขึ้นเพื่อสบสายตากับหล่อน ราวกับตั้งใจฟังทุกคำพูดของหล่อน คำพูดที่มันแทบจะไม่มีผลได้ผลเสียอันใดเลยกับเด็กคนนี้ หรือทำไปเพื่อเอาใจหล่อน? อย่างไรก็ตาม…บอกเลยว่าเด็กคนนี้ทำสำเร็จ “ความพยายามของคุณมันมีค่า อย่าดูถูกความพยายามของตัวเองสิ” ท่ามกลางความสลัวราง สายตาของนีรามนมั่นคงจริงใจ เปล่งประกาย เหมือนดาวท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด คอยส่องแสงสว่างนำทางใจที่หลงทาง “คุณพยายามเพื่อที่จะทำให้คนที่คุณรักภูมิใจ สำหรั
Thinkin Bout You สายตาเจ็บปวดของนีรามน...เด็กคนนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงของหล่อน หล่อนกำลังรู้สึกผิด? ไม่มีทาง เด็กนั่นมันกำลังแสดง เสแสร้ง ที่ร้องไห้...เพราะอยากให้ฉันสงสาร หรือเพราะเจ็บจริงกันแน่? “เป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้นค่ะ ถึงจะน่ารักจิ้มลิ้มถูกใจแขก แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่รับงานอื่นนอกจากงานครัว” ดิษยาเคยกล่าวกับพันทิวาว่าอย่างนั้น และหล่อนก็รับรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าก็ยังเลือกที่จะรังแกเด็กนั่น ทำให้ตื่นกลัว... ก็แค่เด็กเสิร์ฟ...แค่เด็กเสิร์ฟ แต่ทำไมยังไม่ออกไปจากหัวสักที? “อีกอย่าง...ต่อจากนี้คงจะรับงานอื่นไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เจ้าของดุขนาดนั้น” ดิษยาว่าอย่างมีนัย ซึ่งพันทิวาก็รับรู้ดีว่าเพราะอะไร กลับมายังปัจจุบัน ศิลาอยู่ ณ มุมห้อง พันทิวายกไวน์แดงขึ้นจิบ ภายในเพนท์เฮาส์ที่ถูกเปิดเพียงไฟจากด้านนอกดาดฟ้า แสงภายในจึงสลัวราง แสงไฟระยิบระยับจากเมืองหลวงเบื้องล่างสวยงามเหลือเกิน แต่ในอกกลับว่างเปล่าเหมือนเพนท์เฮาส์หลังนี้ที่ไม่มีใครเลย สายตาคมกริบจับจ้องยังทิวทัศน์มหานคร... คืนนี้ไม่มีใครที่จะได้อยู่กับหล่อนทั้งนั้น ไม่มีใคร . . . นีรามนยิ้มแย้ม ยกมือไหว้ตอบก
สายตาของนีรามนเปิดมองยังคนมาใหม่ที่ยังคงยืนนิ่ง กอดอก ช่วยเธอหน่อย...นีรามนส่งสายตาเชิงขอร้อง ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับมองตอบตาเธอ แล้วยกยิ้ม นีรามนเกือบจะถอดใจ ทว่าสุดท้ายเธอคนนั้นกลับเข้าหาแขกกิตติมศักดิ์ ซึ่งนีรามนมั่นใจว่าหาใช่เพราะผู้หญิงคนนี้อยากช่วยเหลือเธอไม่ “ดูเหมือนคุณแพรจะเข้าใจผิดนะคะ วินอยู่นี่ค่ะ เด็กคนนั้นก็แค่เด็กเสิร์ฟ...” “เธอจะหาว่าฉันเลอะเลือนงั้นสิ” สุ้มเสียงที่พาให้นีรามนหนาวเยือกไปทั้งสันหลัง กอปรกับที่ได้มองสบสายตาคมสวยที่อยู่ชิดใกล้...ที่ยังคงไม่ห่างไปไหนแม้นีรามนจะพยายามขัดขืนเพียงใดก็ตาม พลันสายตาคมสวย เปลี่ยนเป็นดุดัน ห้ำหั่นคนที่เข้ามาขัดจังหวะไม่ดูตาม้าตาเรือ นีรามนรู้สึกถึงความอันตราย และรู้สึกอยากช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ทั้งที่ลำพังตนเองนี่แหละที่ยังเอาตัวไม่รอด ทว่า...หญิงสาวคนนั้นกลับทำให้นีรามนรู้สึกเหนือคาด “เปล่านะคะ วินแค่จะเสนอ... ว่าวินน่ะดีกว่าเป็นไหน ๆ” ว่าพร้อมเยื้องย่างเข้าใกล้ หย่อนก้นนั่งลงไม่ใกล้ไม่ไกลอีกฝั่งของโซฟายาวกว้าง “ระดับคุณแพรน่ะเหมาะสมกับสิ่งที่ดีที่สุด หรือไม่ใช่” ความเงียบคลี่คลุมทั้งห้องแอร์เย็นเฉียบ ก่อนน
มือบอบบางที่แข็งแรงกว่าที่คาด แยกเรียวขาของนีรามนออก กระโปรงตัวสั้นที่เมื่อนั่งก็ร่นขึ้นจนเห็นต้นขาอยู่แล้วก็ยิ่งเลิกขึ้นเมื่อมือร้อนแทรกเข้าไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชั้นในเนื้อบางนุ่ม เสียงครางอย่างพยายามกักกลั้น สีหน้าที่นิ่วนั้นช่างน่ามอง ลมหายใจที่ขาดห้วงราวกับจะขาดใจให้ได้นั่น เด็กน้อยพยายามดิ้นออกจากตักราวลูกแมวน้อยในอยู่ในกำมือหล่อน ทว่าเมื่อหาทางรอดให้ตนเองไม่ได้ จึงซุกหน้าเข้ากับไหล่ของเธออย่างต้องการหลบความสะเทิ้นอาย เนื้อตัวสั่นเทา ลมหายใจและเสียงครางแผ่วขาดห้วงเป็นระยะ พันทิวาทอดสายตามองผลงานที่ตนเองบรรจงทำ ริมฝีปากกดจูบที่หัวไหล่นวลของเด็กน้อย ปลายนิ้วเริ่มสัมผัสได้ถึงความชื้นฉ่ำที่คงหวานล้ำ มือจึงละออกจากส่วนนั้นให้เด็กน้อยหวิวเล่น เข้าไปเกี่ยวแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่มอีกหน ก่อนจะโน้มใบหน้าช้อนเข้าหา แล้วจูบเด็กบนตักที่บัดนี้ไม่ทันตั้งตัวกับจูบนี้ จึงเผลอกลืนบรั่นดีรสร้อนแรงเข้าไปเต็มกลืน บางส่วนหยาดหยดหกเลอะเทอะเสื้อยืดสีขาวตัวน้อย จูบยังคงดำเนินต่อไป นีรามนเริ่มต่อต้านน้อยลงเพราะความร้อนรุ่มที่แผดเผาตามลำคอและช่องท้อง ก่อนจะลามไปทั่วทั้งกาย ตัดกับอากา
หน้าห้องมีการ์ดถึงสี่คนด้วยกันที่คุมอยู่หน้าประตู ประจำหลักกันคนละทิศ ทว่านีรามนกลับไม่สนใจ เธอสนแค่หน้าที่ของเธอ เพียงแค่เดินเข้าใกล้ หนึ่งในนั้นที่ยืนอยู่ใกล้ประตูจึงถอยให้เธอและเปิดประตูบานหนาหนักให้เสร็จสรรพ นีรามนเดินเข้าไปพร้อมถาดเสิร์ฟผลไม้หลากหลายฉ่ำเย็นมีคุณภาพ แอร์เย็นเฉียบปะทะเข้าใบหน้าและผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อสีขาวแขนกุดและกระโปรงสั้นอวดเรียวขา ทว่านีรามนกลับยังทำหน้าที่ของตนเอง ไม่สบสายตากับใครทั้งนั้น แม้จะนึกแปลกใจที่ในห้องนี้โล่ง ไม่มีหญิงสาวสวย ๆ เยอะแยะดังที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทว่ากลิ่นอายอันตรายที่คืบคลานและวนเวียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นคล้ายจะช่วงชิงลมหายใจของเธอไปได้ทุกเมื่อ เสียงแค่นหัวเราะหวานดังขึ้น “คำว่าศักดิ์ศรีคงใช้ไม่ได้สำหรับเธอหรอกมั้ง นีรามน” นีรามนที่กำลังวางถาดผลไม้ถึงกับนิ่งค้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงคล้ายร่างกายถูกสาปให้เย็นเฉียบ กอปรกับที่เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของอีกคนที่ส่งมาทางเธอ ช่างดูถูกเหยียดหยามเธอให้จมดินสิ้นดี นีรามนข่มกลั้นความรู้สึกที่เหมือนหัวใจคล้ายถูกบดบี้ ยิ้มไม่ออก ทั้งควรยิ้มอย่างมีมารยาทต่อแขกคนสำคัญของคลับ “น้องฉันมั
มองดูท่าทีของพันทิวา พบว่าเจ้าตัวแค่นยิ้ม...ยิ้มที่ไม่ถึงดวงตา เท่านั้นนีรามนจึงเบาใจ เธอตบตาอีกฝ่ายสำเร็จ ทั้งที่ในใจนั้นเจ็บปวดราวกับโดนน้ำกรดราดรด พันทิวาแค่นยิ้ม “ถ้างั้นก็ช่วยปอกลอกให้มันตลอดรอดฝั่งสิ ช่วยเป่าหูให้น้องฉันมันทำตามที่ฉันสั่งหน่อย ผลประโยชน์เข้าตัวเธอล้วน ๆ เลยนะ” “บอกให้มันทำตามที่ฉันต้องการ แค่นั้น...” พันทิวายกยิ้มหยัน อย่างดูแคลนอย่างถึงที่สุด “ส่วนจะไปกินกันลับหลังยังไง ฉันไม่ขัดอยู่แล้ว” นีรามนยกยิ้ม ไม่พูดอันใด เพราะหากพูดมากกว่านี้อีกฝ่ายคงจับสังเกตถึงเสียงสั่นเครือของเธอเป็นแน่ “ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารค่ะ” นีรามนยกมือไหว้หล่อนตามประสาเด็กเคารพผู้ใหญ่ ก่อนจะกระชับกระเป๋าผ้าเดินจากอีกฝ่ายไป น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลอาบแก้ม นีรามนใช้หลังมือเช็ดมันออกอย่างไม่ไยดี . . . “หยุด” เสียงเรียบเรื่อยดังจากที่นั่งด้านหลัง ชานนท์ทำตามทันที เขามองสังเกตสายตาของนายจากกระจกมองหลัง นายของเขากอดอก เมียงมองไปยังทางเข้าของห้างไม่ไกลจากถนนใหญ่นัก มองเห็นเด็กสาวในชุดนิสิตเรียบร้อยเดินออกมาจากตัวห้าง พร้อมกับเด็กนักเรียนหญิงวัยมัธยมปลายอีกสองคนที่ยกมือไหว้ติวเตอร์ของพว