สายลมเย็นพัดผ่านมา ณ สถานที่จัดงานที่เป็นโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา อดีตเคยเป็นวังของขุนน้ำขุนนางมาก่อนจนกลายเป็นสมบัติของตระกูลหนึ่งที่หยิบจับสถานที่นี้มาเป็นที่พักสุดหรูและได้รับความนิยมจากทั้งในไทยและต่างชาติได้ไม่ยาก
นารยพยัคฆ์ยังคงเป็นที่ต้อนรับและเป็นที่พูดถึงและกำลังถูกสังคมเข้าหาและรุมทึ้ง จากที่ปรกติแทบจะไม่ลงมาจากเหนือ ไม่ค่อยปรากฏตัวสู่สังคมเท่าไหร่นัก นอกเสียจากว่าเป็นงานที่ใหญ่มากพอ หรือจะมีใครบากหน้าขึ้นเหนือเพื่อไปพบและเทียบเชิญนารยพยัคฆ์ด้วยตนเอง
มิเช่นนั้น คงไม่ได้ยลโฉมนายใหญ่แห่งนารยพยัคฆ์คนปัจจุบันดังเช่นนี้เป็นแน่แท้
“เป็นเกียรติมากนะคะที่ได้พบคุณแบบนี้” หลายคนเห็นด้วยกับถ้อยคำของท่านผู้หญิงคนหนึ่งที่กล่าวกับพันทิวา “ลูกสาวของดิฉันแกกำลังเดินทางกลับมาจากอังกฤษ…” แล้วก็ตามด้วยถ้อยคำทาบทามลูกหลานของตนเองมาอีกเป็นพรวนจากอีกหลายคนที่เข้าหาหล่อน
พันทิวาตอบรับ ยิ้มแย้มอย่างที่ทำมาตลอด ทว่าในใจหล่อนเข้าขั้นเบื่อหน่าย
หากไม่ใช่เพราะเด็กคนนั้น หล่อนคงไม่ต้องมาวุ่นวายกับคนพวกนี้แบบนี้แน่ ๆ
ใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางลานร่วงหล่นเพราะสายลมเย็นพัดพาจากแม่น้ำเจ้าพระยา
พร้อมด้วยเสียงบรรเลงขิม ดนตรีไทยเดิมที่ทำให้ผู้คนในงานต่างหยุดพูดคุย แล้วหันไปจับจ้องยังต้นเสียงทันใด
บุคคลที่บังอาจก่อกวนความคิดของหล่อนมาตลอด…ในที่สุดก็มาปรากฏตัวเป็น ๆ ให้หล่อนเห็นต่อตา
พันทิวากอดอก จับจ้อง จ้องมองยังใครบางคนที่นั่งหน้าแฉล้มไม่เข้ากับสถานที่และบรรยากาศ
ทั้งที่จริงนั้นเป็นที่สนใจของคนทั้งงาน เพราะท่าทางนั่งพับเพียบสงบเสงี่ยม มือนวลสองข้างค่อย ๆ จับซี่ไม้บอบบางเคาะเลียลามไปตามสายขิมจนเกิดเสียงกังวานพริ้ง...ฟุ้งฟ่องไปทั่วทั้งบรรยากาศงาน
สายลมพัดผ่านพาปอยผมพลิ้วระใบหน้าอ่อนหวานนั่น อีกทั้งชายสไบของชุดที่พลิ้วสีกลีบบัวอ่อนที่ขับผิวยิ่งนวลลออ นีรามน...เด็กคนนั้นยังคงมีสมาธินิ่ง จดจ่ออยู่กับการละเล่นเครื่องดนตรีไทยเป็นทำนองเพลงลาวดวงเดือน...เพลงไทยเดิมยอดนิยม
จึงไม่รู้เลยว่าทำใครต่อใครมิอาจละสายตาจาก...
“เหมือนางในวรรณคดีเลยนะ” ได้ยินเสียงหนึ่งในแขกที่เข้าร่วมงานกล่าวเช่นนั้น ทว่าพันทิวาหาได้เห็นด้วยไม่... หล่อนพยายามไม่สนใจคำชื่นชมและท่าทางชื่นชมของคนทั้งงาน
ก็แค่เต้นกินรำกิน มันจะอะไรหนักหนา...
หลังเพลงจบ คนในงานจึงยิ่งแตกตื่น เมื่อเห็นศิรินภา นราธิปกเดินฝ่าวงล้อมมาด้วยรอยยิ้มบนวงหน้าแฉล้ม
“พี่มารับค่ะ” ศิรินภายื่นขวดน้ำแร่เย็นเฉียบให้นีรามนที่เพิ่งเล่นดนตรีจบ
นีรามนยกยิ้มให้คนพี่ รับขวดน้ำแร่นั้นมาจิบ “ขอบคุณค่ะ”
ท่าทางของนักบรรเลงขิมสาวน้อยกับศิรินภา...หนึ่งในผู้นำนราธิปก ว่าที่นราธิปกคนต่อไป ได้สร้างความฮือฮาอย่างเงียบเชียบ ไหนจะท่าทีถ้อยอาศัยที่ศิรินภามีให้เด็กคนนั้นอีกเล่า ดูที่คุณภาคอยประคองเด็กคนนั้นลงมาจากเวทีโชว์นั่น ดูรอยยิ้มหวาน ๆ ของคุณเขาสิ
ท่าทางเด็กนักดนตรีคนนั้นคงจะมิใช่แค่นักดนตรีรับจ้างมาบรรเลงงานเลี้ยงนี่เฉย ๆ เสียแล้ว
“มองแค่พี่คนเดียวก็พอค่ะ” ศิรินภากำชับกับนีรามนที่แม้ภายนอกจะนิ่งสงบ แต่ทว่าหล่อนรู้ดีกว่าใครว่านีรามนต้องแบกรับความเสี่ยงมากแค่ไหนกับการเปิดตัวกลาย ๆ ของเธอเอง
ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนและเธอจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป...ศิรินภาต้องการเช่นนั้น และนีรามนจำเป็นต้องทำตามเพราะมิอาจต่อต้านสัญญา ทว่าค่าเสียหายและความปลอดภัยทุกอย่าง ศิรินภาขอแบกรับนีรามนไว้ด้วยชีวิต
คนพี่จึงก้มลงมองหน้าคนน้องอย่างขอโทษด้วยสายตา ทว่ากลับเป็นนีรามนที่สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วยกยิ้ม กุมมือน้อย ๆ ตอบกลับมือเรียวของคนพี่ในท้ายที่สุด
“ฉันต้องทำให้คุ้มค่าจ้างสินะ” นีรามนกล่าวเช่นนั้น เธอต้องรับบทว่ารักกับศิรินภานักหนา...
ศิรินภารู้สึกเจ็บร้าวในอกทว่าสิ่งที่แสดงออกคือยิ้มให้คนน้อง “พี่ต้องรบกวนไม้แล้ว...” เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับคู่และเพื่อประกาศว่าหล่อนนั้นมีเจ้าของแล้ว ก็คือเด็กคนนี้นี่เอง
และแล้วโจทก์ใหญ่ก็มายืนปะทะอยู่ตรงหน้าเธอจนได้ นีรามนสบสายตากับหล่อนคนนั้นที่จงเกลียดจงชังเธอหนักหนา
ศิรินภากระชับมือเธอแน่นขึ้น ท่ามกลางสายตาใคร่รู้ของคนนอก ทว่านีรามนมิได้สนใจใคร...เธอสนใจเพียงความเกลียดที่คนตรงหน้าส่งมาให้เธอ
“ฉลาดดี รู้จักวิธีเปิดตัวให้คนเขาประทับใจ” น้ำเสียงเย้ยหยัน รอยยิ้มงดงามอ่อนหวานทว่าสายตาราวกับยิ้มเยาะ “คุณพ่อรู้เข้าคงชื่นชมว่าสะใภ้ใหญ่นราธิปกก็ไม่น้อยหน้าคนอื่น... เต้นกินรำกิน”
“พี่แพรคะ” ศิรินภาคล้ายจะอ้อนวอนพี่สาวต่างแม่
ทว่าสิ่งที่พันทิวาทำกลับเพียงแค่ปรายตามองน้องสาวต่างมารดาเพียงชั่วครู่ ยกยิ้มอ่อนโยน “คุณพ่อคงมาถึงงานแล้วมั้ง แกไม่ไปรับหน่อยล่ะ” เอ่ยเปลี่ยนประเด็นอย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่สร้างร่องรอยบาดแผลใหญ่หลวงไว้ให้กับนีรามนที่เพียงนิ่งไป
“เด็กคนนั้น...จะพาไปด้วยมั้ย” พันทิวาเอ่ยออกมาตรง ๆ “หรือจะฝากไว้กับฉันก่อน”
แน่นอนว่าศิรินภาไม่มีทางเลือกอย่างหลังแน่นอน “ไม้อยู่กับน้องดีที่สุดแล้วค่ะ” คนเป็นน้องสาวบอกกับพี่สาวอย่างติดงอน ๆ ที่พี่สาวร้ายกับคนของน้องเหลือเกิน
นีรามนเงยหน้ามองศิรินภาที่เพิ่งเอ่ยออกไปว่าจะพาเธอไปด้วย...ไปหาผู้นำบ้านนราธิปกที่หมายมาดในชีวิตเธอที่สุด
ก็ไม่รู้ว่าจะเลือกอยู่ที่นี่ให้พันทิวาโขกสับหรือเลือกที่จะตัวติดกับศิรินภาจะดีกว่ากัน...
ศิรินภาจูบที่หลังมือที่สั่นเทาเล็กน้อยของนีรามนที่ยังคงยิ้มน้อย ๆ รักษาทีท่านิ่งสงบได้เป็นอย่างดีทีเดียว...ในสายตาของพันทิวาที่สังเกตสังกาเด็กคนนี้
จึงทำให้นายเหนือหัวของนารยพยัคฆ์นั้นยิ่งสนเท่ห์...สนเท่ห์ในสายตาที่เศร้าสร้อยตัดพ้อของเด็กคนนั้นที่มองมาทางตนเอง
เธอควรจะโกรธฉันสิ...ถึงจะถูก ไม่ใช่ทำหน้าทำตาเหมือนโดนปฏิเสธแบบนั้น
“คุณไปเถอะ ฉันรอที่นี่แหละค่ะ” นีรามนตัดสินใจกร้าวแกร่ง กล่าวกับศิรินภา
เธอไม่อยากดูเป็นคนอ่อนแอสำหรับใครบางคน ไม่ได้อยากดูสนิมสร้อยให้ใครบางคนหยามเหยียด
นีรามนพยักหน้าให้ศิรินภาพร้อมปล่อยมือจาก...
ศิรินภาถอนหายใจ ยกมือขึ้นลูบที่ศีรษะของเด็กน้อย “เดี๋ยวพี่มา” ละสายตาไปสบตากับพันทิวา “ฝากด้วยนะคะพี่แพร” เอย่ถ่อยคำชัด ไม่ได้ขู่คนพี่ แต่เป็นการขอร้อง...
ศิรินภาจากไป เหลือเพียงนีรามนในงาน เด็กสาวเตรียมจะเดินไปที่อื่นเพราะไม่อยากเป็นจุดเด่นไปมากกว่านี้ ทว่าเธอกลับหยุดเพราะเสียงเรียกของใครบางคน
“เดี๋ยวสิ...”
นีรามนหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไป
พันทิวาหยิบเช็คเปล่าออกมาจากกระเป๋าคลัตช์หรู ปลายนิ้วเหวี่ยงแผ่นเช็คเปล่าเบา ๆ จนเหมือนจะปะทะเข้ากับใบหน้าอ่อนละมุนของนีรามน
“จะเอาเท่าไหร่ก็เขียนมา ฉันเซ็นแล้ว” สายตานิ่งพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยามเต็มขั้น รอยยิ้มเหยียดหยันของพันทิวาช่างกรีดลึกในใจเธอ
ท่ามกลางสายตาใครต่อใครที่ต่างสนเท่ห์ในตัวเด็กคนนี้
นีรามนเพียงหลับตาฟัง เป็นผู้ฟังที่ดี ดู ๆ แล้วก็เหมือนลูกแมวตัวน้อยที่ถูกจับให้กึ่งนั่งนอนบนตัก แล้วฟังหล่อนระบายความทุกข์ภายใน “เขาโดดเด่นกว่าฉันเสมอ ทั้งที่มาทีหลัง แต่ฉันดันถูกเอาไปเปรียบเทียบกับเขา” น้ำเสียงของศิรินภารวมทั้งสายตาดำมืดลง “ทั้งที่เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการแท้ ๆ” ฝ่ามือกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทา น้ำเสียงเจือความต่ำต้อยน้อยใจด้อยค่าตนเองอย่างน่าตกใจ ทว่าเมื่อมีมือหนึ่งของเด็กน้อยเข้ามาทาบทับ เมื่อนั้นความคิดน้อยใจและความคิดลบ ๆ ทุกอย่างก็มลายหายไป เมื่อหันไปมองเจ้าของมือข้างนั้น ศิรินภาจึงให้ชะงักงัน… เมื่อสายตาของเด็กที่คิดว่าเพียงฟังหล่อนแบบผ่าน ๆ เท่านั้นกลับลืมตาขึ้นเพื่อสบสายตากับหล่อน ราวกับตั้งใจฟังทุกคำพูดของหล่อน คำพูดที่มันแทบจะไม่มีผลได้ผลเสียอันใดเลยกับเด็กคนนี้ หรือทำไปเพื่อเอาใจหล่อน? อย่างไรก็ตาม…บอกเลยว่าเด็กคนนี้ทำสำเร็จ “ความพยายามของคุณมันมีค่า อย่าดูถูกความพยายามของตัวเองสิ” ท่ามกลางความสลัวราง สายตาของนีรามนมั่นคงจริงใจ เปล่งประกาย เหมือนดาวท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด คอยส่องแสงสว่างนำทางใจที่หลงทาง “คุณพยายามเพื่อที่จะทำให้คนที่คุณรักภูมิใจ สำหรั
Thinkin Bout You สายตาเจ็บปวดของนีรามน...เด็กคนนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงของหล่อน หล่อนกำลังรู้สึกผิด? ไม่มีทาง เด็กนั่นมันกำลังแสดง เสแสร้ง ที่ร้องไห้...เพราะอยากให้ฉันสงสาร หรือเพราะเจ็บจริงกันแน่? “เป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้นค่ะ ถึงจะน่ารักจิ้มลิ้มถูกใจแขก แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่รับงานอื่นนอกจากงานครัว” ดิษยาเคยกล่าวกับพันทิวาว่าอย่างนั้น และหล่อนก็รับรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าก็ยังเลือกที่จะรังแกเด็กนั่น ทำให้ตื่นกลัว... ก็แค่เด็กเสิร์ฟ...แค่เด็กเสิร์ฟ แต่ทำไมยังไม่ออกไปจากหัวสักที? “อีกอย่าง...ต่อจากนี้คงจะรับงานอื่นไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เจ้าของดุขนาดนั้น” ดิษยาว่าอย่างมีนัย ซึ่งพันทิวาก็รับรู้ดีว่าเพราะอะไร กลับมายังปัจจุบัน ศิลาอยู่ ณ มุมห้อง พันทิวายกไวน์แดงขึ้นจิบ ภายในเพนท์เฮาส์ที่ถูกเปิดเพียงไฟจากด้านนอกดาดฟ้า แสงภายในจึงสลัวราง แสงไฟระยิบระยับจากเมืองหลวงเบื้องล่างสวยงามเหลือเกิน แต่ในอกกลับว่างเปล่าเหมือนเพนท์เฮาส์หลังนี้ที่ไม่มีใครเลย สายตาคมกริบจับจ้องยังทิวทัศน์มหานคร... คืนนี้ไม่มีใครที่จะได้อยู่กับหล่อนทั้งนั้น ไม่มีใคร . . . นีรามนยิ้มแย้ม ยกมือไหว้ตอบก
สายตาของนีรามนเปิดมองยังคนมาใหม่ที่ยังคงยืนนิ่ง กอดอก ช่วยเธอหน่อย...นีรามนส่งสายตาเชิงขอร้อง ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับมองตอบตาเธอ แล้วยกยิ้ม นีรามนเกือบจะถอดใจ ทว่าสุดท้ายเธอคนนั้นกลับเข้าหาแขกกิตติมศักดิ์ ซึ่งนีรามนมั่นใจว่าหาใช่เพราะผู้หญิงคนนี้อยากช่วยเหลือเธอไม่ “ดูเหมือนคุณแพรจะเข้าใจผิดนะคะ วินอยู่นี่ค่ะ เด็กคนนั้นก็แค่เด็กเสิร์ฟ...” “เธอจะหาว่าฉันเลอะเลือนงั้นสิ” สุ้มเสียงที่พาให้นีรามนหนาวเยือกไปทั้งสันหลัง กอปรกับที่ได้มองสบสายตาคมสวยที่อยู่ชิดใกล้...ที่ยังคงไม่ห่างไปไหนแม้นีรามนจะพยายามขัดขืนเพียงใดก็ตาม พลันสายตาคมสวย เปลี่ยนเป็นดุดัน ห้ำหั่นคนที่เข้ามาขัดจังหวะไม่ดูตาม้าตาเรือ นีรามนรู้สึกถึงความอันตราย และรู้สึกอยากช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ทั้งที่ลำพังตนเองนี่แหละที่ยังเอาตัวไม่รอด ทว่า...หญิงสาวคนนั้นกลับทำให้นีรามนรู้สึกเหนือคาด “เปล่านะคะ วินแค่จะเสนอ... ว่าวินน่ะดีกว่าเป็นไหน ๆ” ว่าพร้อมเยื้องย่างเข้าใกล้ หย่อนก้นนั่งลงไม่ใกล้ไม่ไกลอีกฝั่งของโซฟายาวกว้าง “ระดับคุณแพรน่ะเหมาะสมกับสิ่งที่ดีที่สุด หรือไม่ใช่” ความเงียบคลี่คลุมทั้งห้องแอร์เย็นเฉียบ ก่อนน
มือบอบบางที่แข็งแรงกว่าที่คาด แยกเรียวขาของนีรามนออก กระโปรงตัวสั้นที่เมื่อนั่งก็ร่นขึ้นจนเห็นต้นขาอยู่แล้วก็ยิ่งเลิกขึ้นเมื่อมือร้อนแทรกเข้าไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชั้นในเนื้อบางนุ่ม เสียงครางอย่างพยายามกักกลั้น สีหน้าที่นิ่วนั้นช่างน่ามอง ลมหายใจที่ขาดห้วงราวกับจะขาดใจให้ได้นั่น เด็กน้อยพยายามดิ้นออกจากตักราวลูกแมวน้อยในอยู่ในกำมือหล่อน ทว่าเมื่อหาทางรอดให้ตนเองไม่ได้ จึงซุกหน้าเข้ากับไหล่ของเธออย่างต้องการหลบความสะเทิ้นอาย เนื้อตัวสั่นเทา ลมหายใจและเสียงครางแผ่วขาดห้วงเป็นระยะ พันทิวาทอดสายตามองผลงานที่ตนเองบรรจงทำ ริมฝีปากกดจูบที่หัวไหล่นวลของเด็กน้อย ปลายนิ้วเริ่มสัมผัสได้ถึงความชื้นฉ่ำที่คงหวานล้ำ มือจึงละออกจากส่วนนั้นให้เด็กน้อยหวิวเล่น เข้าไปเกี่ยวแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่มอีกหน ก่อนจะโน้มใบหน้าช้อนเข้าหา แล้วจูบเด็กบนตักที่บัดนี้ไม่ทันตั้งตัวกับจูบนี้ จึงเผลอกลืนบรั่นดีรสร้อนแรงเข้าไปเต็มกลืน บางส่วนหยาดหยดหกเลอะเทอะเสื้อยืดสีขาวตัวน้อย จูบยังคงดำเนินต่อไป นีรามนเริ่มต่อต้านน้อยลงเพราะความร้อนรุ่มที่แผดเผาตามลำคอและช่องท้อง ก่อนจะลามไปทั่วทั้งกาย ตัดกับอากา
หน้าห้องมีการ์ดถึงสี่คนด้วยกันที่คุมอยู่หน้าประตู ประจำหลักกันคนละทิศ ทว่านีรามนกลับไม่สนใจ เธอสนแค่หน้าที่ของเธอ เพียงแค่เดินเข้าใกล้ หนึ่งในนั้นที่ยืนอยู่ใกล้ประตูจึงถอยให้เธอและเปิดประตูบานหนาหนักให้เสร็จสรรพ นีรามนเดินเข้าไปพร้อมถาดเสิร์ฟผลไม้หลากหลายฉ่ำเย็นมีคุณภาพ แอร์เย็นเฉียบปะทะเข้าใบหน้าและผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อสีขาวแขนกุดและกระโปรงสั้นอวดเรียวขา ทว่านีรามนกลับยังทำหน้าที่ของตนเอง ไม่สบสายตากับใครทั้งนั้น แม้จะนึกแปลกใจที่ในห้องนี้โล่ง ไม่มีหญิงสาวสวย ๆ เยอะแยะดังที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทว่ากลิ่นอายอันตรายที่คืบคลานและวนเวียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นคล้ายจะช่วงชิงลมหายใจของเธอไปได้ทุกเมื่อ เสียงแค่นหัวเราะหวานดังขึ้น “คำว่าศักดิ์ศรีคงใช้ไม่ได้สำหรับเธอหรอกมั้ง นีรามน” นีรามนที่กำลังวางถาดผลไม้ถึงกับนิ่งค้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงคล้ายร่างกายถูกสาปให้เย็นเฉียบ กอปรกับที่เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของอีกคนที่ส่งมาทางเธอ ช่างดูถูกเหยียดหยามเธอให้จมดินสิ้นดี นีรามนข่มกลั้นความรู้สึกที่เหมือนหัวใจคล้ายถูกบดบี้ ยิ้มไม่ออก ทั้งควรยิ้มอย่างมีมารยาทต่อแขกคนสำคัญของคลับ “น้องฉันมั
มองดูท่าทีของพันทิวา พบว่าเจ้าตัวแค่นยิ้ม...ยิ้มที่ไม่ถึงดวงตา เท่านั้นนีรามนจึงเบาใจ เธอตบตาอีกฝ่ายสำเร็จ ทั้งที่ในใจนั้นเจ็บปวดราวกับโดนน้ำกรดราดรด พันทิวาแค่นยิ้ม “ถ้างั้นก็ช่วยปอกลอกให้มันตลอดรอดฝั่งสิ ช่วยเป่าหูให้น้องฉันมันทำตามที่ฉันสั่งหน่อย ผลประโยชน์เข้าตัวเธอล้วน ๆ เลยนะ” “บอกให้มันทำตามที่ฉันต้องการ แค่นั้น...” พันทิวายกยิ้มหยัน อย่างดูแคลนอย่างถึงที่สุด “ส่วนจะไปกินกันลับหลังยังไง ฉันไม่ขัดอยู่แล้ว” นีรามนยกยิ้ม ไม่พูดอันใด เพราะหากพูดมากกว่านี้อีกฝ่ายคงจับสังเกตถึงเสียงสั่นเครือของเธอเป็นแน่ “ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารค่ะ” นีรามนยกมือไหว้หล่อนตามประสาเด็กเคารพผู้ใหญ่ ก่อนจะกระชับกระเป๋าผ้าเดินจากอีกฝ่ายไป น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลอาบแก้ม นีรามนใช้หลังมือเช็ดมันออกอย่างไม่ไยดี . . . “หยุด” เสียงเรียบเรื่อยดังจากที่นั่งด้านหลัง ชานนท์ทำตามทันที เขามองสังเกตสายตาของนายจากกระจกมองหลัง นายของเขากอดอก เมียงมองไปยังทางเข้าของห้างไม่ไกลจากถนนใหญ่นัก มองเห็นเด็กสาวในชุดนิสิตเรียบร้อยเดินออกมาจากตัวห้าง พร้อมกับเด็กนักเรียนหญิงวัยมัธยมปลายอีกสองคนที่ยกมือไหว้ติวเตอร์ของพว