Share

บทที่ 3.1 เด็กดื้อ

Penulis: Chenaimei
last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-13 16:45:34

การใช้ชีวิตในทุก ๆ วันของอัยย์ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน ตื่นเช้ามาก็รีบออกไปทำงานร้านเบเกอรี่ เลิกงานก็ต้องรีบกลับค่ายไปเตรียมตัวเพื่อไปที่คลับ เป็นอย่างนี้มานานถึงสองปี แม้ในระยะเวลานั้นจะมีการเปลี่ยนงานอยู่เรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง

“สวัสดีครับพี่ผึ้ง สวัสดีครับพี่อัยย์”

พัดยกมือไหว้เจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่อายุมากกว่า ก่อนจะรีบไปสวมผ้ากันเปื้อนออกมาช่วยอัยย์เตรียมเปิดร้าน

“พี่ฝากอัยย์กับพัดช่วยกันดูแลร้านดูแลลูกค้าด้วยนะ ช่วงนี้พี่คงไม่ว่างได้เข้ามาที่ร้านบ่อย ๆ”

“ได้ครับ”

เด็กหนุ่มตอบรับคำสั่งเจ้าของร้าน ก่อนเดินไปปลดล็อกกลอนประตู เป็นจังหวะเดียวกันกับลูกค้าคนแรกที่กำลังเดินมาที่ร้าน

“สวัสดีครับคุณชัชวิน”

เหมือนว่าช่วงนี้เขาจะเจอผู้ชายคนนี้บ่อยขึ้นอย่างไรอย่างนั้น นับตั้งแต่วันที่เขมทัศน์แนะนำให้รู้จัก หลายวันมานี้ชัชวินมักจะแวะมาซื้อกาแฟที่ร้านอยู่บ่อย ๆ บางวันก็เป็นช่วงเช้า บางวันก็เป็นช่วงบ่าย

หากคิดแบบผิวเผินร้านเบเกอรี่นี้อาจเป็นทางผ่าน หรือไม่กาแฟของที่ร้านก็อาจจะถูกปากจนต้องมาซื้อซ้ำ

อัยย์ไม่อยากคิดอะไรให้มากมาย เพราะทุกครั้งที่มาชัชวินก็ไม่ได้พูดคุยกับเขา ทว่าเวลาเขาเผลอหันไปมองก็จะเห็นว่าคุณชัชวินคนนี้มองเขาอยู่ก่อนแล้วทุกครั้ง

หรือไม่เขาอาจจะคิดไปเองก็ได้…

“เอสร้อนดื่มที่นี่ครับ”

“รอสักครู่ครับ”

ชัชวินเลือกนั่งที่โต๊ะเดิมตรงข้ามกับเคาน์เตอร์กาแฟ สามารถมองเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังตั้งใจทำกาแฟมาให้เขาได้ชัดเจน เพียงไม่นานอัยย์ก็ยกกาแฟมาเสิร์ฟให้กับลูกค้าคนแรกของเช้านี้

“ถ้าคุณชัชวินต้องการอะไรเพิ่มเรียกได้เลยนะครับ”

เด็กหนุ่มเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงน่าฟังพลางยกยิ้มบาง ๆ ก่อนก้มศีรษะให้เล็กน้อย เดินกลับไปหลังเคาน์เตอร์ หยิบจับนู่นนี่มาเช็ดเงียบ ๆ เช่นเดียวกับพัดที่เดินออกมาช่วย ทั้งยังชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ ทว่าดูเหมือนเด็กช่างคุยคนนี้จะพูดคนเดียวเสียมากกว่า เพราะอัยย์ทำเพียงยืนฟังเงียบ ๆ มีพยักหน้ารับบ้าง เพื่อให้รู้ว่าเขาฟังในสิ่งที่อีกคนกำลังพูดอยู่

หารู้ไม่ว่ามีสายตาหนึ่งคู่กำลังจ้องมองมายังพวกเขาสองคนแทบจะตลอดเวลา แม้ว่าจะหยิบไอแพดออกมาเลื่อนดูข่าวสารรายวัน แต่ก็ยังไม่วายเลื่อนสายตาไปมองเด็กหนุ่มสองคน

“พี่อัยย์ว่าพัดเลี้ยงแมวดีไหม”

หลังจากเล่าเรื่องเกี่ยวกับแมวจรจัดที่มาวนเวียนแถว ๆ หอพักได้สักพัก พัดก็ลองถามความคิดเห็นของพี่ชายคนนี้ดู เพราะเขาไม่ได้มีความมั่นใจว่าจะเลี้ยงแมวตัวนั้นได้ หากได้คำแนะนำคงจะดี

“แล้วพัดอยากเลี้ยงหรือเปล่าล่ะ?”

“ก็อยากแหละ แต่พัดไม่มั่นใจว่าจะเลี้ยงมันได้หรือเปล่า”

“ถ้าไม่มั่นใจก็อย่าเลย” หากเอามาเลี้ยงแล้วปล่อยปละละเลย ไม่เลี้ยงเสียยังดีกว่า

“อืม ก็จริง .. แล้วพี่อัยย์เคยเลี้ยงแมวไหม”

“เคยเมื่อตอนยังเด็กน่ะ”

เขาเคยได้แมวมาเลี้ยงตัวแรกตอนอายุ 10 ขวบ พ่อเอามาจากที่ไหนสักที่ ตอนนั้นเขาชอบมันมาก ๆ ถึงขนาดอุ้มไปนอนด้วยทุกคืนในห้อง โดนดุไปหลายครั้งเพราะขนของมันร่วงติดตามที่นอนและผ้าห่ม จนทำให้เป็นหวัดอยู่บ่อยครั้ง น่าเสียดายที่แมวตัวนั้นอายุมันสั้น เพียงแค่ปีเดียวมันก็ป่วยตาย นับตั้งแต่นั้นอัยย์ก็ไม่เลี้ยงสัตว์อะไรอีกเลย

Rrrrrr..

“สวัสดีครับ”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงโทรศัพท์ ทว่ากลับสบตากันอย่างไม่ตั้งใจ แต่กลับไม่มีใครหลบตาออกจากกัน

แม้ชัชวินกำลังพูดคุยกับปลายสาย แต่กลับมองหน้าอัยย์ไม่ละสายตา จนสุดท้ายคนที่ทนสายตาไม่ไหวอย่างอัยย์ก็ต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี แสร้งทำเป็นหยิบจับอย่างอื่นแทน

ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าชัชวินมองเขาทำไมนักหนา หรือมีอะไรที่อยากพูด อยากถาม หากเป็นอย่างนั้นก็น่าจะเรียกเขาไปคุยเลยน่าจะง่ายกว่า การที่รู้ตัวว่าถูกมองอยู่ตลอดแบบนี้ มันทั้งอึดอัด และทำตัวไม่ถูก แต่จะให้พูดออกไปตรง ๆ ก็ยังไม่กล้าพอ เพียงเพราะคำว่าเจ้านายมันค้ำคอ

“ครับเดี๋ยวผมไป”

อัยย์ไม่รู้ว่าชัชวินคุยอะไรกับใคร แต่ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินคือกำลังจะไป และแค่อึดใจเดียวก็ได้ยินเสียงกริ่งตรงประตูเบา ๆ เป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีคนเดินออกจากร้านไปแล้ว

และแน่นอนว่าเมื่ออัยย์หันกลับมาก็ไม่เจอชัชวิน มีเพียงเงินค่ากาแฟที่ให้มาเกินถูกแก้วกาแฟทับไว้ เพื่อไม่ให้มันปลิว

“คุณคนนี้เขาให้แบงก์พันอีกแล้วพี่อัยย์!” ทั้งที่ทุกครั้งที่ชัชวินมาดื่มกาแฟที่นี่จะทิ้งแบงก์พันไว้ให้เช่นวันนี้ ก็ยังเรียกความตื่นเต้นให้กับพัดได้ทุกครั้ง “ไม่คิดจะเอาเงินถอนบ้างหรือไง กาแฟแก้วแค่แปดสิบเอง”

เด็กหนุ่มบ่นกระปอดกระแปดเข้าหูบ้างไม่เข้าหูบ้าง สุดท้ายก็เลิกสนใจกลับมาทำงานของตัวเองต่อ

“สวัสดีครับเฮีย” ชายหนุ่มชุดดำค้อมศีรษะกล่าวสวัสดีผู้เป็นนาย

“ใครเป็นคนก่อความวุ่นวาย”

เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้ดูโกรธหรือแสดงสีหน้าไม่พอใจใด ๆ ออกมาแม้แต่น้อย

ในสายก่อนหน้านี้มีลูกน้องโทรตามให้เข้ามาที่บ่อน เพราะเหมือนจะมีพวกผีพนันบางคนที่เล่นจนหมดตัวแล้วสร้างความวุ่นวายจนมีปากเสียงใหญ่โต

“คุณเล้งครับ”

“คนเดิมอีกแล้วเหรอ”

“ครับ แต่ครั้งนี้คุณเล้งทุ่มหมดหน้าตัก พอแพ้ก็เลยพาลครับ พวกผมห้ามแล้วแต่คุณเล้งก็ไม่ยอมบอกว่านายมือโกง โวยวายต้องการจะคุยเฮียให้ได้ครับ”

“ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงจัดการกันไม่ได้ครับ”

เป็นคำถามที่ทำให้คนฟังขนลุกวาบ สีหน้าแววตาที่ยากจะคาดเดายิ่งทำให้ก้านเกรงกลัวเจ้านายกว่ามากกว่าเดิม แม้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่ทำงานกับชัชวิน จะไม่เคยถูกด่าด้วยคำพูดหยาบคาย แต่ทุกคำที่ชัชวินพูดออกมาทำให้คนฟังสะอึกอยู่ในอกไม่น้อยเหมือนกัน

“ขอโทษครับเฮีย”

ก้าวก้มศีรษะขอโทษผู้เป็นนาย ครั้นรู้ตัวว่าไม่สามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ทั้งที่ชัชวินมอบหน้าที่ให้เขาเป็นคนดูแล

“ให้คุณเล้งไปพบผมที่ห้องแล้วกัน”

“ครับ”

ร่างสูงเดินเลี่ยงไปทางด้านข้าง ตรงไปที่ห้องทำงานหลังบ่อน เพื่อรอพบคุณเล้งลูกชายคนใหญ่คนโตที่มักมาที่บ่อนของเขาบ่อย ๆ ทว่าครั้งนี้กลับสร้างปัญหาให้เขาต้องเข้ามาจัดการเอง

ก็คงต้องลองพูดคุยเจรจากันก่อน จะได้ไม่ต้องเเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต แต่หากว่าคุยกันไม่เข้าใจเขาก็มีวิธีจัดการความวุ่นวายน่ารำคาญนี่อยู่เหมือนกัน

...

@ค่ายมวยก้องเมธี

หลังเลิกงานอัยย์กลับมาค่ายมวยเห็นเต้กำลังทำความสะอาดอย่างเช่นทุกวัน เขาเดินเอากระเป๋าไปวางก่อนจะเข้าไปช่วยเต้เก็บกวาด

“มึงไปพักก็เถอะอัยย์ นี่หน้าที่กูเดี๋ยวกูทำเอง”

“ไม่เป็นไร ช่วยกันจะได้เสร็จไว ๆ ไง”

แม้เต้จะอยากปฏิเสธน้ำใจของเพื่อนเพราะเห็นว่าอีกคนทำงานมาเหนื่อย ๆ ควรพักผ่อนมากกว่ามาช่วยเขา ทว่าพอเห็นสีหน้าแววตาความหวังดีอยากช่วยของอัยย์ เต้ก็ได้แต่ฉีกยิ้มพร้อมเอ่ยขอบคุณ

“ขอบคุณนะมึง”

ระหว่างช่วยกันทำความสะอาดเต้ก็ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ จนเผลอพูดสิ่งที่ครูชัยห้ามเอาไว้ว่าไม่ให้บอก

“มีคนติดต่ออครูมาจะให้มึงไปต่อยมวยใต้ด---”

พูดไม่ทันจบประโยคก็นึกขึ้นมาได้จนต้องสะอึกกับคำพูดของตัวเอง ลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ หากครูชัยรู้เข้าว่าบอกเรื่องนี้กับอัยย์มีหวังได้โดนครูชัยจับไปมัดเป็นนวมซ้อมจนน่วมแน่ ๆ

รายนั้นเป็นห่วงหลานคนนี้ยิ่งกว่าอะไร แม้จะทำเหมือนนิ่งเฉยและปล่อยให้อัยย์ได้ทำตามที่ต้องการ แต่ จริง ๆ ครูชัยคอยถามไถ่เรื่องของอัยย์จากเต้อยู่ทุกวัน

เพียงเพราะครูชัยเองกลัวว่าตัวเองจะก้าวก่ายอัยย์มากเกินไป ต่อให้เด็กคนนี้จะไว้ใจและเชื่อใจเขาเหมือนพ่อแท้ ๆแต่นั่นก็ไม่ใช้ข้ออ้างในการที่เขาจะเข้าไปวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของอัยย์ได้

“มีคนติดต่อครูมาเหรอ”

“เอ่อ.. คือ มะ ไม่ใช่หรอก กูพูดไปเรื่อยนะ”

เป็นเพื่อนกันเมาตั้งหลายปีทำไมแค่นี้อัยย์จะดูไม่ออกว่าท่าทีเลิ่กลั่กของเต้ที่แสดงออกมามันหมายความว่ากำลังโกหก อย่างงั้นสิ่งที่เพื่อนของเขาหลุดพูดออกมาก็คงเป็นเรื่องจริง

และดูท่าแล้วครูชัยคงจะปฏิเสธทางนั้นไปแล้วแน่ ๆ ทว่าครั้งนี้เขาคงต้องผิดคำพูดกับครูชัย ที่บอกไว้ว่าจะไม่ลงแข่งมวยใต้ดินอีก

“ตอนนี้ครูอยู่ห้องใช่ไหม”

“อัยย์”

น้ำเสียงคล้ายกำลังห้ามกัน เพราะเต้รู้ดีว่าอัยย์ต้องไปคุยกับครูชัยขอลงแข่งแน่ ๆ

“งั้นเดี๋ยวกูขอไปหาครูก่อน”

“เดี๋ยวสิอัยย์”

ไม่รอฟังให้เต้ได้เอ่ยปากห้ามคนตัวเล็กก็เดินตัวปลิวไปทางห้องของครูชัยเสียแล้ว

เต้ยกมือขึ้นตีปากตัวเองเบา ๆ หลาย ๆ ที โทษฐานที่ปากไม่รักดีพลั้งพูดออกไปจนได้

เด็กหนุ่มเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องพักของครูชัย ก่อนจะชั่งใจเพียงครู่ในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะขอ ครั้นมวลน้ำหนักของความจำเป็นที่ต้องใช้เงินมากกว่าจึงยกมือขึ้นเคาะประตูสองสามครั้ง

“ใคร”

“อัยย์เองจ๊ะครู”

รอเพียงอึดใจเดียวเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา

“มีอะไรหรือเปล่า เข้ามาก่อนสิ” ครูชัยขยับตัวหลีกให้หลานชายเข้ามาในห้อง ก่อนจะปิดประตูไว้ตามเดิม “อัยย์มีอะไรจะคุยกับลุงหรือเปล่า”

“คืออัยย์จะคุยเรื่องที่มีคนติดต่อกันครูมาให้อัยย์ไปขึ้นชก”

คิ้วเข้มกระตุกขมวดเข้าหากันในทันที เรื่องนี้มีแค่เขากับเต้เท่านั้นที่รู้ นึกไว้อยู่แล้วว่าเด็กคนนั้นต้องหลุดปากแน่ ๆ

“ลุงปฏิเสธไปแล้ว” ครูชัยตอบปัดไป พลางหันไปเก็บกระดาษตารางซ้อมบนโต๊ะทำงาน

“ครูให้อัยย์ขึ้นชกไม่ได้เหรอจ๊ะ”

“ครั้งก่อนคุยกันแล้วไม่ใช่หรือไง ลุงไม่อยากให้อัยย์ไปเจ็บตัวแบบนั้นอีก”

“อีกสักครั้งได้ไหมจ๊ะครู ให้อัยย์ขึ้นชกเถอะนะ” น้ำเสียงหวานออดอ้อนเฉกเช่นครั้งก่อนที่เจ้าตัวมาขอ “นะจ๊ะครู”

“ถ้าอัยย์ต้องการเงินก็บอกลุง ไม่ต้องไปขึ้นชกหรอก”

“แค่ครั้งก่อนที่ครูจ่ายหนี้ของพี่อาร์มแทนอัยย์ อัยย์ยังไม่ได้คืนสักบาท จะให้เอาเพิ่มอัยย์ไม่เอาหรอกจ้ะ”

“แต่ลุงไม่อยากให้ไปชกมวยใต้ดินแล้ว อัยย์ก็รู้มันไม่มีกฎ แล้วยังผิดกฎหมายอีก”

“แต่มันได้เงินไวนี่จ้ะ”

ครูชัยลอบถอนหายใจครั้นหลานชายยังดื้อดึงอ้อนวอนเขาจะไปขึ้นชกให้ได้ ไม่ใช่แค่เป็นห่วงว่าอัยย์จะเจ็บตัว แต่ดูจากร่างกายของอัยย์ตอนนี้มันไม่ได้พร้อมเต็มร้อย ไม่ได้มีเวลาซ้อมอย่างจริง ๆ จัง ๆ วันทั้งวันอัยย์ก็เอาแต่ทำงานแทบจะ 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว

หากให้ไปขึ้นชกทั้งที่พักผ่อนไม่เพียงพอ เกรงว่าความตั้งใจที่จะชนะก็คงไม่ได้ ทั้งยังต้องเจ็บตัวเสียฟรี ๆ

“แต่ร่างกายอัยย์มันไม่พร้อม ลุงว่าอย่าเลย” คนอายุมากกว่าพูดตะล่อมเด็กหนุ่มให้คล้อยตาม ทว่าไม่ได้ผลแม้แต่น้อย

“งั้นก่อนถึงวันแข่งอัยย์จะยอมหยุดงานสักวันเพื่อพักผ่อนให้เต็มที่ดีไหมจ๊ะ”

“อัยย์”

“นะจ๊ะครู ให้อัยย์ขึ้นชกเถอะนะ น้าาา.. นะจ๊ะครูจ๋า” มือเล็กเกาะแขนกำยำเขย่าเบา ๆ ส่งสายตาเว้าวอนจนน่าเห็นใจ

“ก็ได้ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายจริง ๆ แล้วนะ”

สุดท้ายก็ต้องยอมใจอ่อนให้กับสายตาคู่นี้ของอัยย์อีกจนได้ ตอนแรกที่คิดไว้ว่าจะทำโทษแต่ เห็นทีคงต้องทำโทษตัวเองไปด้วยอีกคน

“ขอบคุณนะจ๊ะครู”

เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ กอดแขนผู้เป็นลุง เอ่ยขอบคุณจากใจจริง

ยังไงครั้งนี้เขาก็ต้องชนะอีกครั้งให้ได้ นึกถึงเงินที่จะได้มาก็ทำให้ใจชื้นได้ไม่น้อย ยังไงซะเขาก็ต้องจ่ายหนี้ให้ทันจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทส่งท้าย (จบ)

    ตลอดสองเดือนชัชวินโทรหาคนรักกับลูกทุกเวลาที่ว่างอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เขาอยากจะบินไปภูเก็ตใจแทบขาด ทว่างานรัดตัวจนไปไม่ได้ อีกทั้งไทท์ยังเอาแต่ห้าม ไหนจะโรงแรมที่จีนที่เขาต้องจัดการบัญชีทุกเดือน ยังต้องบินไปดูงานด้วยตัวเอง มีคุยงานกับนักธุรกิจหลายท่านเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเริ่มลงทุนร่วมกันเร็ว ๆ นี้ เพราะแต่ละคนมีเวลาว่างต่างกัน ชัชวินจึงไม่สามารถไปไหนได้ ตารางงานแต่ละวันแน่นจนเขาอยากจะหนีไป แต่ก็ทำไม่ได้ทุกการเคลื่อนไหวของชัชวินไทท์ได้รายงานให้อัยย์ทราบทุกอย่าง เนื่องจากอีกฝ่ายขอร้องมา ไทท์เองก็ไม่อยากทำตัวเป็นนกสองหัว เพราะเหมือนกับกำลังทรยศเจ้านาย แต่ทว่าชัชวินไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรไม่ดี เขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไร หากบอกให้อัยย์ทราบ ดีเสียอีกที่อีกคนจะได้เห็นว่าเจ้านายของเขาปรับตัวเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อครอบครัวแล้วจริง ๆ ไม่ทำตัวเหลวไหล หรือมั่วผู้หญิงอย่างแต่ก่อนอัยย์จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ ทำเรื่องย้ายลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ โดยไม่บอกชัชวิน กะไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย โดยมีเขมทัศน์ช่วยเหลืออีกเช่นเคย“เราจะไปไหนกันเหรอม๊า” เด็กน้อยตาใสเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 30 ขยับความสัมพันธ์ครั้งที่สอง

    เวลาเกือบสองทุ่มครึ่งอัยย์ส่งลูกเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะลงมาหาคนที่ยังเอาแต่นั่งอ่านเอกสารหน้าเครียด ก่อนหน้านี้ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้วอัยย์ตั้งใจจะบอกให้ชัชวินกลับไป แต่พอเห็นว่าคนพี่กำลังตั้งใจทำงานก็ไม่อยากกวนคนตัวเล็กแอบทำอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในครัวประมาณยี่สิบนาที ออกมาพร้อมข้าวไข่เจียวร้อน ๆ คาดว่าชัชวินน่าจะหิว เพราะเมื่อตอนเย็นทานไปแค่นิดเดียวก็กลับมานั่งทำงานต่อ คงจะมีปัญหาตรงไหนสักอย่าง“ทานข้าวก่อนสิครับค่อยทำต่อ”ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองเด็กหนุ่ม จากที่ทำหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที ทว่าดวงตาคมดูล้ากว่าปกติ“ขอบคุณครับ แต่เฮียขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวค่อยกินครับ”“ไม่ได้ครับ” ตอบกลับเสียงแข็ง “กินก่อนเถอะครับ เมื่อตอนเย็นคุณกินไปแค่นิดเดียว กว่างานจะเสร็จหิวไส้กิ่วกันพอดี”“กินก็กินครับ ไม่เห็นต้องดุเลย”“ไม่ได้ดุสักหน่อย!”“นี่ไงหนูกำลังดุเฮียอยู่ชัด ๆ”อัยย์กรอกตามองบนพลางถอนหายใจ เบื่อจะเถียงกับคนแก่ ทว่าไม่ทันได้เดินออกไป อีกคนดันจับข้อมือรั้งเขาไว้เสียก่อน“มีอะไรครับ?”“มีเรื่องจะรบกวนครับ”“อะไรครับ?”“พอดีรู้สึกเหนื่อยมากเลยครับ อยากรบกวนขอกำลังใจเป็นกอด

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 29 วันของครอบครัว

    เช้าวันนี้ดูเหมือนเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสามปีของชัชวิน เสียงนกร้องดังอยู่บริเวณบ้านปลุกคนนอนหลับฝันดีให้ตื่นขึ้นมา ร่างหนาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้าน กลิ่นของอาหารหอมโชยมาจากในครัวชัชวินเดินมาตามกลิ่น คนตัวเล็กกำลังง้วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเช้าสำหรับวันนี้ เด็กน้อยที่พึ่งตื่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมานั่งเล่นรอมารดาตัวเองที่โต๊ะทานข้าว“อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช”ศรัณย์เอ่ยพูดประโยคที่ชัชวินเคยสอนเมื่อครั้งก่อน เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ขึ้นใจ“อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์”ชัชวินยกยิ้มให้เด็กน้อย จากตอนแรกที่ได้เจอกันรู้สึกถูกชะตามากอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของตัวเองแท้ ๆ เขายิ่งหลงรักเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าศรัณย์รู้ว่าเขาเป็นพ่อจะดีใจบ้างหรือเปล่าเขาไม่รู้ว่าอัยย์จะบอกลูกตอนไหน แต่ความร้อนใจของเขาเขาอยากให้ลูกรู้เร็ว ๆ ว่าเขาเป็นพ่อ เขาอยากแสดงตัวว่าเป็นพ่อ อยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากชดเชยเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทดแทนได้หรือเปล่าเขาก็อยากทำมันให้เต็มที่ เพื่ออัยย์และลูก“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาครับจะได้กินข้าว”เรื่องที

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 28 ขอโอกาส

    ร่างสูงโปร่งลงจากรถแท็กซี่ ตั้งสติให้ตัวเองทรงตัวก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังหน้าบ้านของคนที่เขาคิดถึง สองมือเกาะรั้ว ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านเสียงดังลั่น"อัยย์! อัยย์ครับ ออกมาคุยกับเฮียหน่อย อัยย์!"เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรียกเจ้าของบ้าน เขมทัศน์ลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวมาเปิดประตู เห็นเพื่อนตัวเองยืนเกาะอยู่ที่รั้วไม้ จึงเดินเข้าไปหา“มึงมาที่นี่ได้ยังไง”อัยย์ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าชัชวินเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร กลัวว่าหากเขมทัศน์รู้เข้าจะมีปากเสียงกับชัชวินเพราะเขาอีก“อัยย์! มาคุยกับเฮียหน่อย”“ถ้าเมาก็กลับไปไอ้ชัช อย่ามาสร้างความเดือดร้อนที่นี่” เขมเอ่ยขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย“มึงไม่ต้องเสือก”น้อยครั้งที่ชัชวินจะพูดหยาบคายกับเขม ทว่าครั้งนี้เขามีเรื่องไม่พอใจที่อีกคนโกหกจึงไม่คิดที่จะยั้งปาก อีกทั้งยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลังจากลูกค้านัดไปคุยงานนั่งดื่มกัน ชัชวินก็ซัดเหล้าเข้าปากเพราะความเครียดที่ตัวเองพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ได้ อย่างน้อยถ้าเมาก็คงกล้าทำอะไรมากขึ้น ตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 27 ความจริง

    หลังจากโดนอัยย์จับได้ว่าแอบเดินตาม ชัชวินก็ใช้เวลาอยู่สามสี่วันกับการกลั่นกรองความคิดตัวเอง เมื่อตกผลึกแล้วสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่สุดคือความคิดถึง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคิดถึง ไม่ว่าจะกินจะนอนก็อยากเจอหน้าให้ได้ ถ้าเป็นคนงมงายสักนิดคงคิดว่าตัวเองโดนของแน่ ๆร่างหนาเดินเลือกซื้อขนมที่เด็ก ๆ ชอบ ซึ่งถามความคิดเห็นจากไทท์ เพราะเลขาของเขามีลูกชายอยู่หนึ่งคน คงจะพอรู้ว่าเด็กผู้ชายชอบกินอะไร รวมถึงพวกของเล่นต่าง ๆเดินเลือกไปเลือกมาสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือตุ๊กตากระต่ายหูยาวสีขาว เพียงแค่ได้สัมผัสความนุ่มชัชวินก็ถูกใจทันที คิดว่าศรัณย์อาจจะชอบ ไม่ว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ขายก็ชอบตุ๊กตาได้ทั้งนั้น ทว่าลึก ๆ แล้วเขาจะใช้มันเป็นตัวแทนของเขาเอง“จะซื้อจริง ๆ เหรอครับ” คนที่โดนหิ้วให้ติดตามขับรถให้อย่างไทท์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“อือ ผมว่าน้องรัณอาจจะชอบ” ว่าพลางยกยิ้มราวกับคนมีความสุขเต็มเปี่ยม หลายวันที่ไทท์เห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ขมวดคิ้วเหม่อคิดอะไรอยู่กับตัวเองคนเดียว ทว่าวันนี้ราวกับคนละคนจ่ายเงินเสร็จก็มุ่งตรงไปที่บ้านของอัยย์ทันที ไทท์ลอบมองชัชวินผ่านกระจกหลังเป็นระยะ ดูท่าแล้วจะมีความสุขมากจริง ๆ ถ

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 26 คำขอโทษ

    แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างพาดผ่านผิวกาย กระทบใบหน้าหล่อเหลา เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นหรี่ตาปรับแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเขยื้อนร่างกาย รู้สึกปวดเมื่อยจากการนอนขดตัวอยู่นโซฟาหลายชั่วโมงดวงตาคมหลุบลงมองผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างของเขาอยู่ จำได้ว่าเมื่อคืนอัยย์ไม่ได้เอามาให้ งั้นคงเอามาห่มให้เขาตอนเขาหลับไปแล้วแน่ ๆ พลันความคิดเข้าข้างตัวเองเกิดขึ้นในหัวมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเผลอไผลทว่าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อหันห้ามาเจอเด็กน้อยหน้าตาสดใสกำลังจ้องมองเขาไม่ละสายตา ชัชวินส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์""อรุณสวัสดิ์คืออะไร" เด็กน้อยทำหน้าตาสงสัยในคำที่ตัวเองไม่เข้าใจ"อรุณสวัสดิ์ก็คือสวัสดีตอนเช้า""อืม รัณเข้าใจแล้ว อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช"ความสดใสจากเด็กคนนี้ทำให้เขาอดนึกถึงภาพของอัยย์ตอนยิ้มร่ามีความสุขไม่ได้ แม่กับลูกเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน"ทำไมรัณตื่นเช้าจังครับ" จริง ๆ ก็ไม่ได้เช้าอะไรมากมาย ตอนนี้ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว"มะม๊าบอกว่าถ้าตื่นสายจะติดเป็นนิสัย ทำให้เป็นเด็กขี้เกียจ รัณไม่อยากเป็นเด็กขี้เกียจ" เด็กช่างพูดจำที่มารดาบอกได้ขึ้นใจ"แล้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status