เช้าวันอาทิตย์อัยย์ได้เริ่มงานส่งอาหารเป็นวันแรก ความยากเดียวของงานนี้คือเขาไม่ได้ชำนาญเส้นทางสักเท่าไร แม้จะอยู่มานานเกือบสิบปี
“เดี๋ยวอัยย์เอาไปส่งตามที่อยู่นี้นะ”
หนึ่งในพนักงานเสิร์ฟยื่นกระดาษแผ่นเล็กที่จดที่อยู่ลูกค้า พร้อมถุงกระดาษบรรจุกล่องอาหารส่งให้อัยย์ ก่อนจะเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
เด็กหนุ่มเปิด GPS ที่อยู่ในมือถือ ก่อนจะออกรถขับออกไปตามเส้นทาง โชคดีหน่อยที่ไม่ไกลมาก ทั้งยังเป็นถนนเส้นหลัก ไม่ต้องเข้าซอย ไม่งั้นคงได้หลงกันพอดี
นิ้วเรียวกดกริ่งหน้าบ้าน รอเพียงไม่นานก็มีแม่บ้านสาววิ่งออกมารับ พร้อมเงินสดสองแบงก์เทา
“ไม่ต้องทอนนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
เด็กหนุ่มค้อมศีรษะขอบคุณเล็กน้อย เก็บเงินใส่กระเป๋าเอาไว้อย่างดี ก่อนกลับไปที่ร้านเพื่อรับออร์เดอร์ต่อไป
การเริ่มงานวันแรกสำหรับวันนี้ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี พี่ ๆ ที่ทำงานด้วยกันก็ค่อนข้างจะใจดีกับอัยย์
เงินรายวันตามค่าแรกขั้นต่ำบวกกับค่าทิปจากลูกค้า ทางเจ้าของร้านให้อัยย์ทั้งหมด รวมแล้วได้ประมาณพันกว่าบาท
อัยย์จำเป็นต้องเก็บเอาไว้ทั้งหมด เพื่อรวมกับเงินที่มีอยู่ อีกเพียงหนึ่งอาทิตย์ก็ถึงเวลาต้องจ่ายดอกเบี้ย
ร่างบางขึ้นรถเมล์มาลงที่บ้านก่อนจะต่อวินมอเตอร์ไซค์ไปลงที่ค่ายมวย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปทำงานที่คลับต่อ
“ไม่คิดจะพักบ้างเหรอไอ้อัยย์”
“มีเวลาให้พักที่ไหน”
ตอบกลับไปด้วยท่าทีสบาย คงเป็นเรื่องที่ชินไปแล้ว หากไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน จะมานั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ได้ยังไง ในเมื่อภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบยังมีอยู่ท่วมหัว
“จริง ๆ มึงให้ครูชัยช่วยก็ได้นะอัยย์ ครูเต็มใจช่วยมึงอยู่แล้ว” เต้มักพูดโน้มน้าวเพื่อนตัวเองอยู่บ่อย ๆ เห็นอัยย์โหมงานหนักจนไม่มีเวลาพักก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ด้วยลำพังเต้เองก็ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะช่วยเพื่อน จึงทำได้แค่พูดให้อัยย์ยอมขอให้ครูชัยช่วย
“จะให้เอาภาระของตัวเองไปทำให้ครูเดือดร้อนได้ยังไง แค่ทุกวันนี้ครูให้ข้าวให้น้ำ คอยดูแลกูแทนพ่อมันก็มากพอแล้ว”
“แต่ครูเขาเต็มใจนะอัยย์”
“กูรู้.. แต่กูก็เกรงใจอยู่ดีถ้าต้องรบกวนครูทุกครั้งที่มีปัญหา”
เขาไม่ได้อยากทำตัวเป็นภาระให้ครูชัย อะไรที่รับผิดชอบด้วยตัวเองได้เขาก็อยากจะหาทางออกด้วยตัวเอง เขารู้มาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาอยู่ที่นี่ว่าครูชัยรักและเป็นห่วงเขาเหมือนลูกคนหนึ่ง พร้อมที่จะยื่นมือเขามาช่วยอยู่เสมอ แต่เป็นเขาเองที่เกรงใจครูชัย
“กูต้องไปทำงานแล้ว มึงง่วงก็นอนไปก่อนเลย ไม่ต้องฝืนรอกู”
“รู้แล้วน่า” ที่ต้องสั่งเอาไว้เพราะหลายครั้งที่กลับมาหลังเลิกงาน เขาก็เห็นเต้นั่งรออยู่ตลอด “ถึงร้านแล้วไลน์มาบอกด้วย”
“อือ ไปนะ”
เต้พยักหน้าตอบรับ ชะเง้อมองเพื่อนตัวเล็กที่เดินหายไปในความมืดจนลับตา
@Hola Club
ร่างเล็กเดินไปหลังร้านเก็บของเขาล็อกเกอร์ ยังเหลือเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าร้านจะเปิด อัยย์หยิบผ้าขี้ริ้วผืนเล็กออกไปช่วยพนักงานคนอื่น ๆ ทำความสะอาด
“อัยย์” พนักงานสาวเข้ามาสะกิดเรียก
“ครับ”
“เฮียเขมให้ขึ้นไปหาที่ห้องทำงาน”
“อ๋อ ครับ”
เด็กหนุ่มเอาผ้าไปเก็บไว้หลังร้านก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นสอง ไม่ได้สนใจเสียงซุบซิบของพนักงานคนอื่นที่กำลังพูดถึงตัวเอง ก็พอจะเดาได้ว่าทุกคนกำลังพูดอะไร
ขาวเรียวก้าวเท้าตรงไปสุดทางเดิน ซึ่งคือห้องทำงานของเจ้าของร้าน
ก๊อก ก๊อก!
เคาะประตูเพียงสองสามครั้งเพื่อขออนุญาตคนที่อยู่ในห้อง ก่อนเปิดเข้าไป
“อ้าวอัยย์ มานี่สิ”
ชายหนุ่มละสายตาจากสมุดบัญชี เงยหน้ามองคนตัวเล็กที่ตัวเองสั่งให้เด็กในร้านไปตามขึ้นมา
“พี่เขมเรียกอัยย์มามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เต้มันโทรมาฟ้องพี่ว่าอัยย์ยังไม่ได้ทานอะไรก่อนมาทำงาน พี่มีขนมอยู่เลยเรียกให้อัยย์มาเอาไปกิน”
ก่อนหน้านี้ที่อัยย์จะมาถึงร้าน เขมได้รับสายจากเต้เพื่อนสนิทของอัยย์ โทรมาบอกว่าอัยย์ยังไม่ทานข้าวตั้งแต่เที่ยงเลยอยากให้เขมทัศน์ใช้งานอัยย์น้อย ๆ เพราะกลัวว่าเพื่อนตัวเองจะเป็นลมเป็นแล้งไป
เพราะอัยย์สนิทกับเขมเต้เลยพลอยสนิทสนมไปด้วย เขมทัศน์เลยตกปากรับคำไปแล้วว่าจะคอยดูอัยย์ให้เอง
“เต้นะเต้”
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เข้าใจอยู่หรอกว่าเป็นห่วงแต่เขาไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เขาแข็งแรงกว่าที่เต้คิดตั้งเยอะ อีกอย่างร่างกายก็ชินไปแล้วกับการที่เขาทานข้าวไม่ตรงเวลา
“มานี่สิ กินสักหน่อยแล้วค่อยไปทำงาน”
“อีกเดี๋ยวร้านก็เปิดแล้ว อัยย์ต้องลงไปช่วยคนอื่น ๆ ครับ มานั่งกินอยู่คงไม่ได้”
“พี่เป็นคนเรียกอัยย์มา ไม่มีใครกล้าว่าอะไรหรอก”
“เก็บไว้ก่อนก็ได้ครับ อัยย์ยังไม่หิว ไว้เลิกงานค่อยกิน”
ยืนกรานที่จะไม่ทานขนมที่เขมเตรียมไว้ให้ ในตอนนี้เขามีหน้าที่ต้องทำ คงมานั่งทานขนมอยู่บนห้องเจ้านายหน้าตาเฉยไม่ได้ทั้งที่พนักงานคนอื่นกำลังทำงานกันอยู่ อีกอย่างหากมีคนรู้เข้าคงได้เป็นขี้ปากให้เขานินทาไปทั่วแน่ ๆ
“พี่บังคับอะไรอัยย์ไม่ได้เลยสินะ งั้นก็ได้ครับ พี่ตามใจอัยย์” สุดท้ายก็ต้องยอมอีกตามเคย
“เอ่อ.. พี่เขมครับ” ตอนแรกก็ตั้งใจจะเดินออกไป แต่นึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องที่อยากขอให้เขมช่วย
“ครับ?”
“พี่เขมพอจะมีงานอะไรให้อัยย์ทำนอกเวลางานบ้างไหมครับ”
ตอนได้งานที่คลับนี้เขมทัศน์ก็เป็นแนะนำ และพาเข้ามา หากอยากได้งานที่ทำช่วงกลางคืนก็ต้องลองถามเขมดูก่อน เผื่อพี่ชายคนนี้จะมีอะไรอะไรให้เขาทำอีก
“นี่อัยย์หางานเพิ่มอีกแล้วเหรอ”
“ครับ”
“งานที่คลับกว่าจะเลิกก็เที่ยงคืนแล้วนะอัยย์ จะหางานทำหลังเลิกงานอีกร่างกายมันจะไม่ไหวเอานะ”
“…”
ที่้เขมทัศน์พูดมามันก็จริงอย่างที่ว่า เขาพูดอะไรไม่ออก แม้ปากจะบอกว่าไหวแต่เขาก็รู้ตัวดีว่ามันเหนื่อยเท่าไร ที่ต้องวิ่งไปงานนั้นทีงานนี้ที แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อยังมีเรื่องจำเป็นที่ต้องใช้เงิน…
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูดังอยู่ทางด้านหลังเรียกสายตาให้อัยย์หันไปมอง ร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำเดินไปนั่งที่โซฟามุมห้อง ใบหน้าเรียบนิ่งไม่สามารถเดาได้ว่ากำลังรู้สึกเช่นไร ทว่าสายตายังจับจ้องมาที่อัยย์
ไม่รู้ว่าชัชวินได้ยินที่เขาคุยกับเขมหรือเปล่า
เข้าไปอยู่ในนั้นนานยังนะ…
“งั้นเดี๋ยวอัยย์ขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะครับ”
“เลิกงานรอพี่นะ เดี๋ยวไปส่ง”
“ครับ”
เด็กหนุ่มค้อมศีรษะให้เจ้านายทั้งสองคนก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องลงไปยังชั้นล่าง
สายตาที่ชัชวินมองมาเขาไม่สามารถเดาได้เลยว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ และเพราะอะไรถึงได้เอาแต่มองเขาทุกครั้งที่เจอกัน อัยย์สะบัดหัวไล่ความคิดเบา ๆ ก่อนจะรีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ร่างบางยืนพิงเคาน์เตอร์บาร์มองพวกเด็กหนุ่ม เด็กสาวที่กำลังนั่งเคียงข้างพวกลูกค้าวีไอพี ทั้งเอาใจชงเหล้าให้ นวดให้ พูดคุยหยอกล้อกันอย่างถึงรสถึงชาติ ครั้นถูกใจลูกค้าก็ยัดทิปใส่มือให้แบบไม่อั้น งานตำแหน่งแบบนั้นคงจะได้เงินเยอะน่าดู ไม่ได้เปลืองตัวมากมายแค่บริการให้ลูกค้าพอใจก็เท่านั้น
“สนใจเหรอ”
เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นเรียกคนที่ยืนเหม่อให้กลับมาหันมองชายหนุ่มร่างเล็กข้างกาย ผู้ซึ่งทำงานในตำแหน่งพีอาร์เช่นเดียวกับหนุ่มสาวที่เขามองอยู่เมื่อกี้
“หืม?” เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยในคำถาม
“อยากลองทำตำแหน่งพีอาร์เหรอ เราเห็นอัยย์มองอยู่ตั้งนานแล้ว หรืออยากเป็นลูกค้าได้พีอาร์มาดูแล” คนถามยิ้มขำราวกับแซวเป็นเรื่องขำขัน ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
“แค่มองเฉย ๆ น่ะ อยากรู้ว่าคนที่ทำตำแหน่งแบบนั้นเขาทำอะไรบ้าง”
“อยากรู้ก็ถามเราสิ เราก็เป็นพีอาร์เหมือนกันนะ”
อาชิชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ครั้นคนตรงหน้าอยากรู้แต่กลับไม่ยอมถามเขา ทั้งที่ในร้านนี้เขาแทบเป็นคนเดียวที่พูดคุยกับอัยย์มากที่สุดตั้งแต่วันแรกที่อัยย์เข้ามาทำงาน
“เกรงใจน่ะ”
“ถามได้”
สิ่งที่อยากรู้มากที่สุดคงไม่พ้นเรื่องเงิน
“เป็นพีอาร์ได้เงินดีไหม”
“อืม.. ก็ดีนะ ได้เยอะเลยล่ะ ยิ่งถ้าทำให้ลูกค้าถูกใจมาก ๆ ก็ยิ่งได้ทิปเยอะ บางเดือนได้ถึงหกหลักก็มีนะ” ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาในทันทีที่ได้ยิน แค่นั่งดื่มนับดริ๊งก์ละสามสิบนาที พร้อมทั้งยังได้ทิปอีกหากทำให้ลูกค้าพึงพอใจ “อัยย์สนใจอยากลองทำดูหรือไง”
“เปล่า..”
เคยสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าไม่ว่าตัวเองจะเดือดร้อนเรื่องเงินแค่ไหน ก็จะไม่ทำงานที่ต้องเปลืองตัว แม้ชีวิตจะไม่เหลืออะไรเลยก็ขอเหลือศักดิ์ศรีที่มีให้ตัวเองได้ชื่นชมบ้าง
ไม่ใช่ว่าคนทำงานกลางคืนจะเป็นคนไม่ดีหรืออะไร เพียงแต่เขาไม่อยากพาตัวเองไปอยู่ในจุดนั้น
นอกเสียจากหมดทางเลือกแล้วจริง ๆ …
“แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจอยากลองทำดูอัยย์ก็ลองไปคุยกับเฮียเขมนะ รูปร่างหน้าตาแบบอัยย์ทำงานเหมือนเราได้สบายเลยละ”
อาชิพูดพลางตบบ่าส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปทำงานของตัวเอง ทิ้งไว้ให้เด็กหนุ่มได้ครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังมองเขาผ่านกระจกอยู่ชั้นบน
“มองอะไรวะ”
เขมทัศน์เอ่ยถามครั้นหันมาก็เห็นเพื่อนตัวเองเอาแต่นั่งนิ่งมองออกไปทางกระจกซึ่งสามารถเห็นโซนด้านล่างของร้านได้ทั้งหมด ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนหันมาตอบเพื่อนด้วยท่าทีสบาย
“เปล่านี่” ชัชวินลุกขึ้นหยิบเสื้อสูทที่พาดไว้ตรงพนักโซฟาขึ้นมาใส่ “กูกลับก่อนแล้วกัน มีงานต้องทำต่อ”
“เออ ๆ กลับดี ๆ”
เขมทัศน์มองเพื่อนสนิทเดินออกไปจากห้อง พลางไหวไหล่เล็กน้อย ครั้นเห็นท่าทีนิ่งเฉยของชัชวิน ก่อนหันกลับไปชะเง้อหน้ามองตรงกระจกบานเดียวกับชัชวิน
“ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า”
เมื่อมองออกไปทุกอย่างก็ปกติดี ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ แล้วทำไมชัชวินถึงได้มองอยู่นานสองนาน…
ตลอดสองเดือนชัชวินโทรหาคนรักกับลูกทุกเวลาที่ว่างอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เขาอยากจะบินไปภูเก็ตใจแทบขาด ทว่างานรัดตัวจนไปไม่ได้ อีกทั้งไทท์ยังเอาแต่ห้าม ไหนจะโรงแรมที่จีนที่เขาต้องจัดการบัญชีทุกเดือน ยังต้องบินไปดูงานด้วยตัวเอง มีคุยงานกับนักธุรกิจหลายท่านเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเริ่มลงทุนร่วมกันเร็ว ๆ นี้ เพราะแต่ละคนมีเวลาว่างต่างกัน ชัชวินจึงไม่สามารถไปไหนได้ ตารางงานแต่ละวันแน่นจนเขาอยากจะหนีไป แต่ก็ทำไม่ได้ทุกการเคลื่อนไหวของชัชวินไทท์ได้รายงานให้อัยย์ทราบทุกอย่าง เนื่องจากอีกฝ่ายขอร้องมา ไทท์เองก็ไม่อยากทำตัวเป็นนกสองหัว เพราะเหมือนกับกำลังทรยศเจ้านาย แต่ทว่าชัชวินไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรไม่ดี เขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไร หากบอกให้อัยย์ทราบ ดีเสียอีกที่อีกคนจะได้เห็นว่าเจ้านายของเขาปรับตัวเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อครอบครัวแล้วจริง ๆ ไม่ทำตัวเหลวไหล หรือมั่วผู้หญิงอย่างแต่ก่อนอัยย์จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ ทำเรื่องย้ายลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ โดยไม่บอกชัชวิน กะไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย โดยมีเขมทัศน์ช่วยเหลืออีกเช่นเคย“เราจะไปไหนกันเหรอม๊า” เด็กน้อยตาใสเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื
เวลาเกือบสองทุ่มครึ่งอัยย์ส่งลูกเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะลงมาหาคนที่ยังเอาแต่นั่งอ่านเอกสารหน้าเครียด ก่อนหน้านี้ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้วอัยย์ตั้งใจจะบอกให้ชัชวินกลับไป แต่พอเห็นว่าคนพี่กำลังตั้งใจทำงานก็ไม่อยากกวนคนตัวเล็กแอบทำอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในครัวประมาณยี่สิบนาที ออกมาพร้อมข้าวไข่เจียวร้อน ๆ คาดว่าชัชวินน่าจะหิว เพราะเมื่อตอนเย็นทานไปแค่นิดเดียวก็กลับมานั่งทำงานต่อ คงจะมีปัญหาตรงไหนสักอย่าง“ทานข้าวก่อนสิครับค่อยทำต่อ”ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองเด็กหนุ่ม จากที่ทำหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที ทว่าดวงตาคมดูล้ากว่าปกติ“ขอบคุณครับ แต่เฮียขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวค่อยกินครับ”“ไม่ได้ครับ” ตอบกลับเสียงแข็ง “กินก่อนเถอะครับ เมื่อตอนเย็นคุณกินไปแค่นิดเดียว กว่างานจะเสร็จหิวไส้กิ่วกันพอดี”“กินก็กินครับ ไม่เห็นต้องดุเลย”“ไม่ได้ดุสักหน่อย!”“นี่ไงหนูกำลังดุเฮียอยู่ชัด ๆ”อัยย์กรอกตามองบนพลางถอนหายใจ เบื่อจะเถียงกับคนแก่ ทว่าไม่ทันได้เดินออกไป อีกคนดันจับข้อมือรั้งเขาไว้เสียก่อน“มีอะไรครับ?”“มีเรื่องจะรบกวนครับ”“อะไรครับ?”“พอดีรู้สึกเหนื่อยมากเลยครับ อยากรบกวนขอกำลังใจเป็นกอด
เช้าวันนี้ดูเหมือนเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสามปีของชัชวิน เสียงนกร้องดังอยู่บริเวณบ้านปลุกคนนอนหลับฝันดีให้ตื่นขึ้นมา ร่างหนาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้าน กลิ่นของอาหารหอมโชยมาจากในครัวชัชวินเดินมาตามกลิ่น คนตัวเล็กกำลังง้วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเช้าสำหรับวันนี้ เด็กน้อยที่พึ่งตื่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมานั่งเล่นรอมารดาตัวเองที่โต๊ะทานข้าว“อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช”ศรัณย์เอ่ยพูดประโยคที่ชัชวินเคยสอนเมื่อครั้งก่อน เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ขึ้นใจ“อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์”ชัชวินยกยิ้มให้เด็กน้อย จากตอนแรกที่ได้เจอกันรู้สึกถูกชะตามากอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของตัวเองแท้ ๆ เขายิ่งหลงรักเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าศรัณย์รู้ว่าเขาเป็นพ่อจะดีใจบ้างหรือเปล่าเขาไม่รู้ว่าอัยย์จะบอกลูกตอนไหน แต่ความร้อนใจของเขาเขาอยากให้ลูกรู้เร็ว ๆ ว่าเขาเป็นพ่อ เขาอยากแสดงตัวว่าเป็นพ่อ อยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากชดเชยเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทดแทนได้หรือเปล่าเขาก็อยากทำมันให้เต็มที่ เพื่ออัยย์และลูก“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาครับจะได้กินข้าว”เรื่องที
ร่างสูงโปร่งลงจากรถแท็กซี่ ตั้งสติให้ตัวเองทรงตัวก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังหน้าบ้านของคนที่เขาคิดถึง สองมือเกาะรั้ว ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านเสียงดังลั่น"อัยย์! อัยย์ครับ ออกมาคุยกับเฮียหน่อย อัยย์!"เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรียกเจ้าของบ้าน เขมทัศน์ลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวมาเปิดประตู เห็นเพื่อนตัวเองยืนเกาะอยู่ที่รั้วไม้ จึงเดินเข้าไปหา“มึงมาที่นี่ได้ยังไง”อัยย์ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าชัชวินเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร กลัวว่าหากเขมทัศน์รู้เข้าจะมีปากเสียงกับชัชวินเพราะเขาอีก“อัยย์! มาคุยกับเฮียหน่อย”“ถ้าเมาก็กลับไปไอ้ชัช อย่ามาสร้างความเดือดร้อนที่นี่” เขมเอ่ยขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย“มึงไม่ต้องเสือก”น้อยครั้งที่ชัชวินจะพูดหยาบคายกับเขม ทว่าครั้งนี้เขามีเรื่องไม่พอใจที่อีกคนโกหกจึงไม่คิดที่จะยั้งปาก อีกทั้งยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลังจากลูกค้านัดไปคุยงานนั่งดื่มกัน ชัชวินก็ซัดเหล้าเข้าปากเพราะความเครียดที่ตัวเองพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ได้ อย่างน้อยถ้าเมาก็คงกล้าทำอะไรมากขึ้น ตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู
หลังจากโดนอัยย์จับได้ว่าแอบเดินตาม ชัชวินก็ใช้เวลาอยู่สามสี่วันกับการกลั่นกรองความคิดตัวเอง เมื่อตกผลึกแล้วสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่สุดคือความคิดถึง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคิดถึง ไม่ว่าจะกินจะนอนก็อยากเจอหน้าให้ได้ ถ้าเป็นคนงมงายสักนิดคงคิดว่าตัวเองโดนของแน่ ๆร่างหนาเดินเลือกซื้อขนมที่เด็ก ๆ ชอบ ซึ่งถามความคิดเห็นจากไทท์ เพราะเลขาของเขามีลูกชายอยู่หนึ่งคน คงจะพอรู้ว่าเด็กผู้ชายชอบกินอะไร รวมถึงพวกของเล่นต่าง ๆเดินเลือกไปเลือกมาสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือตุ๊กตากระต่ายหูยาวสีขาว เพียงแค่ได้สัมผัสความนุ่มชัชวินก็ถูกใจทันที คิดว่าศรัณย์อาจจะชอบ ไม่ว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ขายก็ชอบตุ๊กตาได้ทั้งนั้น ทว่าลึก ๆ แล้วเขาจะใช้มันเป็นตัวแทนของเขาเอง“จะซื้อจริง ๆ เหรอครับ” คนที่โดนหิ้วให้ติดตามขับรถให้อย่างไทท์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“อือ ผมว่าน้องรัณอาจจะชอบ” ว่าพลางยกยิ้มราวกับคนมีความสุขเต็มเปี่ยม หลายวันที่ไทท์เห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ขมวดคิ้วเหม่อคิดอะไรอยู่กับตัวเองคนเดียว ทว่าวันนี้ราวกับคนละคนจ่ายเงินเสร็จก็มุ่งตรงไปที่บ้านของอัยย์ทันที ไทท์ลอบมองชัชวินผ่านกระจกหลังเป็นระยะ ดูท่าแล้วจะมีความสุขมากจริง ๆ ถ
แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างพาดผ่านผิวกาย กระทบใบหน้าหล่อเหลา เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นหรี่ตาปรับแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเขยื้อนร่างกาย รู้สึกปวดเมื่อยจากการนอนขดตัวอยู่นโซฟาหลายชั่วโมงดวงตาคมหลุบลงมองผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างของเขาอยู่ จำได้ว่าเมื่อคืนอัยย์ไม่ได้เอามาให้ งั้นคงเอามาห่มให้เขาตอนเขาหลับไปแล้วแน่ ๆ พลันความคิดเข้าข้างตัวเองเกิดขึ้นในหัวมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเผลอไผลทว่าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อหันห้ามาเจอเด็กน้อยหน้าตาสดใสกำลังจ้องมองเขาไม่ละสายตา ชัชวินส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์""อรุณสวัสดิ์คืออะไร" เด็กน้อยทำหน้าตาสงสัยในคำที่ตัวเองไม่เข้าใจ"อรุณสวัสดิ์ก็คือสวัสดีตอนเช้า""อืม รัณเข้าใจแล้ว อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช"ความสดใสจากเด็กคนนี้ทำให้เขาอดนึกถึงภาพของอัยย์ตอนยิ้มร่ามีความสุขไม่ได้ แม่กับลูกเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน"ทำไมรัณตื่นเช้าจังครับ" จริง ๆ ก็ไม่ได้เช้าอะไรมากมาย ตอนนี้ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว"มะม๊าบอกว่าถ้าตื่นสายจะติดเป็นนิสัย ทำให้เป็นเด็กขี้เกียจ รัณไม่อยากเป็นเด็กขี้เกียจ" เด็กช่างพูดจำที่มารดาบอกได้ขึ้นใจ"แล้