Share

บทที่ 3.2 เด็กดื้อ

Penulis: Chenaimei
last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-13 16:46:04

หลายวันต่อมา

ที่รับปากเอาไว้กับครูชัยว่าก่อนถึงวันขึ้นชกจะหยุดงานเพื่อพักผ่อนให้เต็มที่ อัยย์ทำอย่างนั้นจริง ๆ เป็นครั้งแรกในรอบปีที่รู้สึกว่าร่างกายได้นอนพักอย่างเต็มที่

เริ่มเดินทางไปสถานที่แข่งตอนหกโมงเย็น ยังมีเวลาอีกนิดหน่อยให้อัยย์มาแอบซุ่มซ้อมอยู่คนเดียว

Rrrrrr..

ร่างเล็กจับกระสอบทรายให้หยุดนิ่ง พลางเดินไปรับสายเจ้าของเบอร์คุ้นเคย

“ฮัลโหลครับพี่เขม”

[วันนี้เข้าร้านไหม]

“เข้าครับ แต่อาจจะสายหน่อยนะครับ”

[หืม? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า]

“อัยย์มีขึ้นชกครับ”

ปลายสายเงียบไป ทว่ากลับมีเสียงถอนหายใจดังออกให้ได้ยินเบา ๆ หากตอนนี้เขมทัศน์ยืนอยู่ตรงหน้า คงต้องห้ามเขาไม่ให้ไปเหมือนครูชัยแน่นอน

[พี่ไปดูได้ไหม]

“อย่าเลยครับ ที่นั่นไม่มีอะไรน่าดูหรอก”

[พี่จะห้ามอัยย์ยังไงดีนะ]

“ห้ามไม่ได้หรอกครับ ฮ่า ๆ”

ตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะ ราวกับเป็นเรื่องขำขัน แตกต่างจากปลายสายที่ยืนคิ้วขมวดติดกันจนเกิดปม

เด็กหนุ่มหันมองเพื่อนสนิทที่เดินมาตาม ครั้นเห็นเขาคุยโทรศัพท์อยู่ก็เลือกที่จะทำมือชี้ออกไปทางซ้ายเพื่อให้อัยย์รู้ว่าถึงเวลาที่ต้องไปเตรียมตัวแล้ว

“เดี๋ยวอัยย์ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันที่ร้านครับ”

[ครับ]

อัยย์กดตัดสายก่อนจะรีบเก็บกระเป๋าเดินตามเต้ออกไปติด ๆ เห็นครูชัยยืนรออยู่ที่รถเป็นที่เรียบร้อย สีหน้าดูไม่ดีเท่าไรนัก คงกังวลเรื่องที่ต้องส่งหลานไปขึ้นชกกับชายร่างใหญ่ ครูชัยรู้อยู่แล้วว่าคู่แข่งเป็นใคร หลายวันที่ผ่านมาพยายามพูดคุย หว่านล้อมให้อัยย์ตัดสินใจใหม่อีกรอบ ทว่าเด็กดื้อคนนี้ยังยืนยันที่จะขึ้นชกให้ได้

“พร้อมนะอัยย์”

“พร้อมจ๊ะ ครูไม่ต้องห่วงนะ อัยย์จะเอาชนะให้ได้”

ครูชัยยืนส่งหลานชายขึ้นเวที นึกเป็นห่วงเมื่อเห็นคู่แข่งฝ่ายตรงข้าม ร่างใหญ่กว่าอัยย์หลายเท่าตัว

“อัยย์มันจะไหวแน่เหรอครู ฝ่ายนั้นตัวอย่างกับยักษ์”

เด็กหนุ่มกระซิบกระซาบกับครูชัย ทั้งที่ไม่ใช่คนที่ต้องขึ้นชกเองยังนึกหวั่นกลัวขนาดนี้ แล้วเพื่อนของเขาที่ยืนอยู่บนสังเวียนจะรู้สึกกลัวบ้างหรือเปล่า ทว่าใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นเรียบนิ่ง สายตามั่นคงไม่ว่อกแว่ก ไม่แสดงอาการเกรงกลัวอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

“อัยย์มันเก่ง ข้าเชื่อว่ามันจะเอาชนะได้อย่างที่มันบอก” ต่อให้กังวลแค่ไหน ครูชัยก็ยังเชื่อมั่นในตัวอัยย์

เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณ คู่ต่อสู้เริ่มก้าวเท้าเข้าหากันเพื่อลองเชิง พร้อมเสียงผู้ชมโห่เชียร์ดังลั่น

ดูก็รู้ว่าอัยย์เสียเปรียบในเรื่องของร่างกาย และครูชัยก็รู้ด้วยว่าที่ฝ่ายนั้นติดต่อมาขอขึ้นชกกับอัยย์ก็เพราะการแข่งขันครั้งก่อนอัยย์ล้มแชมป์สามสมัยได้ จนเป็นที่พูดถึงกันในแวดวงมวยใต้ดิน

ทว่าครั้งนี้คู่ต่อสู้เป็นถึงแชมป์สิบสมัย ที่ยังไม่เคยแพ้ให้ใครมาก่อนตั้งแต่ก้าวเข้ามาในวงการนี้

สายตาแน่วแน่จ้องมองตรงไปยังคู่ต่อสู้ จับจังหวะการออกหมัด การก้าวเท้าของอีกฝ่าย ทว่าอีกคนมีชั้นเชิงและประสบการณ์ที่มากกว่าทำให้หมัดที่ถูกส่งมาเข้าข้างแก้มซ้ายอย่างจัง

ร่างเล็กกระเด็นถอยหลังออกไปเล็กน้อย สะบัดหัวไล่ความมึนงงเพียงครู่เดียวก็ก้าวเข้าหาคู่ต่อสู้อีกครั้ง

“สู้เขาไอ้อัยย์!”

เสียงตะโกนดังให้กำลังใจเพื่อน แอบใจหายไม่น้อยกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้

ทุกคนต่างลุ้นไปตาม ๆ กัน ไม่คิดว่าเด็กตัวแค่นี้จะทนเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

แม้ชั้นเชิงและประสบการณ์จะน้อยกว่าแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานครูมวยเขาจะไม่ยอมให้เสียชื่อครูชัยแน่นอน!

.

.

เด็กหนุ่มก้าวลงจากวินมอเตอร์ไซค์ด้วยสภาพสะบักสะบอม ทั้งที่เป็นถึงขนาดนี้แต่ยังเลือกที่จะพาตัวเองมาที่คลับแทนโรงพยาบาล ใครห้ามก็ไม่ฟัง

“อา ...ปวดหัวชะมัด”

เสียงหวานพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ยืนตั้งสติครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าเดินได้ไม่กี่เก้าขาก็อ่อนแรงล้มพับลงไปนั่งบนพื้น

“อัยย์”

เสียงทุ้มเย็นเอ่ยเรียกพลางประคองตัวอัยย์เอาไว้ ใบหน้าบอบช้ำเงยมองเจ้าของเสียง ก็ร้องอ๋อคลายความสงสัยในใจได้ทันที

“คุณชัชวิน”

“ทำไมสภาพเป็นแบบนี้” ทั้งที่เห็นว่าคนในอ้อมแขนบอบช้ำมากแค่ไหน แต่กลับมีท่าทีนิ่งเฉยไม่ได้แสดงอาการตกใจแม้แต่น้อย “ลุกขึ้นไหวไหม ผมจะพาไปโรงพยาบาล”

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเคไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก”

“ล้มทั้งยืนยังบอกว่าไหวอีกเหรอ?”

คิ้วหนากระตุกขึ้นเล็กน้อยไม่เข้าใจว่าจะทนไปทำไม ดูก็รู้ว่าไม่ไหว หากเขาไม่บังเอิญเข้าร้านเวลานี้ ไม่ขับรถผ่านมาเห็น ตอนนี้คงนอนกองไปกับพื้นแล้วด้วยซ้ำ

“ผมไม่เป็นอะไรครับ” เด็กหนุ่มยังคงดื้อดึง หยันร่างตัวเองให้ลุกขึ้นยืนทรงตัวตามเดิม “เลยเวลางานมานานแล้ว ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ”

ก้าวขาได้ไม่ถึงสองก้าวก็เซเกือบล้มอีกครั้ง ยังดีที่มีชัชวินยืนอยู่ตรงนี้ ถึงได้เข้ามาช่วยพยุงได้ทัน

“หยุดดื้อ แล้วไปโรงพยาบาลกับผมดีกว่าครับ”

“ผมแค่มึนหัวนิดหน่อยเองครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“ก่อนมาทำงานน่าจะส่องกระจกดูสักหน่อยนะครับ”

“…”

“สภาพแบบนี้ลูกค้าเห็นได้ตกใจกันหมดพอดี”

ก็คงจะจริงอย่างที่ชัชวินว่า หากลูกค้าเห็นใบหน้าช้ำเขียวของเขาคงตกใจไม่น้อย คนเป็นเจ้าของคลับก็คิดถูกแล้วที่ไม่อยากให้พนักงานของตัวเองไปทำงานในสภาพแบบนี้ แทนที่จะเรียกแขกจะกลายเป็นไล่แขกเสียมากกว่า

“งั้นเดี๋ยวผมหารถไปโรงพยาบาลเองก็ได้ครับ”

ไปเองคงสบายใจมากกว่า อีกอย่างเขาไม่ได้คิดที่จะพาตัวเองไปสูดดมกลิ่นยากลิ่นแอลกอฮอล์ที่โรงพยาบาล หากไม่ได้ทำงานอย่างนั้นกลับค่ายไปนอนพักตื่นมาก็คงจะดีขึ้นเอง

“ไม่มีรถให้ไปหรอกครับ”

“ถ้าอย่างนั้นผมโทรหาพี่เขมให้พาไปก็ได้ครับ”

“ตอนนี้เขมน่าจะจัดการบัญชีอยู่ ไม่รบกวนเวลาทำงานของเขาน่าจะดีกว่านะครับอัยย์” รู้สึกเหมือนโดนดักทุกทาง ถูกต้อนให้จนมุมยอมทำตามในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ

“ผม.. ผมไม่รบกวนใครเลยดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะโทรให้เพื่อนมารับแล้วกันครับ”

‘ดื้อ’ คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของชัชวิน พอจะเดาได้อยู่บ้างว่าเด็กคนนี้ไม่ชอบรับน้ำใจจากใครสักเท่าไร ทั้งยังคิดเยอะกังวลไปเอง อย่างตอนนี้คงจะเกรงใจเขา แต่ก็ไม่อยากรบกวนพี่ชายคนสนิท จึงตัดสินใจตอบออกมาแบบนั้น

ร่างเล็กกระถดตัวตัวออกห่างจากเจ้านายสองสามก้าว พลางค้อมศีรษะกล่าวขอบคุณในความหวังดี และที่ช่วยเขาเอาไว้ไม่ให้ล้ม

แต่อาการปวดหัวก็เหมือนจะเล่นงานเขาอีกครั้ง ไม่ทันที่จะได้เงยหน้าขึ้นมาก็ตาพร่า ชาวาบขึ้นมาที่ขมับ ก่อนทุกอย่างจะดับไป…

“อัยย์!” ชัชวินเข้ารับคนตัวเล็กได้พอดิบพอดี ครั้นเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบกลับก็รู้ได้ทันทีว่าอีกคนหมดสติไปแล้ว “ดื้อจนได้เรื่องจริง ๆ”

คนตัวเล็กถูกอุ้มขึ้นมาในท่าเจ้าสาวก่อนชัชวินจะพาเดินไปที่รถ จัดการเอนเบาะรัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาเองจะรีบเดินมาฝั่งคนขับออกรถตรงไปโรงพยาบาลทันที

หลังตรวจร่างกายทำแผลเสร็จก็ย้ายคนป่วยมาที่ห้องพัก เรื่องค่าห้อง ค่ายาชัชวินเป็นคนจัดการให้เองทั้งหมด

ร่างสูงนั่งกอดอกมองเด็กหนุ่มที่นอนให้น้ำเกลือไม่ได้สติอยู่ตรงโซฟามุมห้อง ผิวเนื้อที่เสื้อผ้าปิดไม่มิดทำให้เห็นรอยช้ำบนตัวได้อย่างชัดเจน ครั้นมองอยู่ครู่หนึ่งก็เผลอหลุดคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว

ก่อนหน้านี้หมอได้คุยกับเขาเรื่องอาการของอัยย์ มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่บ้าง เพราะร่างกายของอัยย์บอบช้ำมากเกินไป ครั้นเช็กประวัติดูแล้วเคยมีการเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารอักเสบอยู่สองถึงสามครั้ง ทั้งยังมีภาวะเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ

อยากรู้จริง ๆ ว่าเด็กอายุแค่นี้พบเจอปัญหาอะไรมาบ้าง ทำไมถึงอยู่ในสภาพแบบนี้ได้

Rrrrr..

ชัชวินลุกขึ้นเดินมาดูสายเรียกเข้าที่โทรเข้ามาหาคนป่วย ทว่าเมื่อเห็นเบอร์และชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอก็เอื้อมมือไปกดปิดเสียง ยืนมองนิ่ง ๆ ปล่อยให้สายตัดจนหน้าจอดับไปเอง

ไม่ใช่โทรศัพท์เขานี่น่า.. รับไปสุ่มสี่สุ่มห้าก็คงเสียมารยาทน่าดู

ทว่า..

Rrrrr..

“สวัสดีครับ”

 ไอ้ความคิดเมื่อกี้มันก็ไม่ต่างจากข้ออ้าง จริง ๆ เขาก็แค่ไม่อยากรับ

[คุณเป็นใครครับ] ทันทีที่ได้ยินเสียงก็รู้ได้ทันทีว่าคนพูดไม่ใช่เจ้าของโทรศัพท์แน่นอน

“ผมชัชวินครับ เป็นเจ้าของคลับที่อัยย์ทำงานอยู่”

[อ๋อครับ แล้วทำไมคุณถึงมารับโทรศัพท์เพื่อนผมได้ครับ]

ชัชวินอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนเจ้าของโทรศัพท์ฟังทั้งหมด พลันได้ยินเสียงร้อนรนรีบวิ่งไปบอกใครสักคน เอ่ยถามถึงโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป คาดว่าเพื่อนของอัยย์คงกำลังเดินทางมาที่นี่อีกไม่ช้า

ร่างสูงก้มดูเวลาตรงนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว พรุ่งนี้มีนัดประชุมตั้งแต่เช้าเวลานี้เขาควรกลับบ้านไปอ่านเอกสาร และเข้านอนพักผ่อน

แม้คิดได้อย่างนั้นแต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนอง ยืนมองใบหน้าจิ้มลิ้มบอบช้ำตรงหน้านิ่ง ๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเหมือนทุกครั้งที่เจอกันคล้ายว่าตัวเขาโดนเด็กคนนี้ดึงดูดเอาไว้ทั้งร่างกายและสายตา

มุมปากยกยิ้มขำเล็กน้อยกับความคิดแปลก ๆ ของตัวเอง พลางทอดถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนสาวเท้าเดินออกไปจากห้อง

เพ้อเจ้อไปเองทั้งนั้น..

เด็กคนนั้นจะมาดึงดูดอะไรเขาได้ยังไงกัน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทส่งท้าย (จบ)

    ตลอดสองเดือนชัชวินโทรหาคนรักกับลูกทุกเวลาที่ว่างอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เขาอยากจะบินไปภูเก็ตใจแทบขาด ทว่างานรัดตัวจนไปไม่ได้ อีกทั้งไทท์ยังเอาแต่ห้าม ไหนจะโรงแรมที่จีนที่เขาต้องจัดการบัญชีทุกเดือน ยังต้องบินไปดูงานด้วยตัวเอง มีคุยงานกับนักธุรกิจหลายท่านเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเริ่มลงทุนร่วมกันเร็ว ๆ นี้ เพราะแต่ละคนมีเวลาว่างต่างกัน ชัชวินจึงไม่สามารถไปไหนได้ ตารางงานแต่ละวันแน่นจนเขาอยากจะหนีไป แต่ก็ทำไม่ได้ทุกการเคลื่อนไหวของชัชวินไทท์ได้รายงานให้อัยย์ทราบทุกอย่าง เนื่องจากอีกฝ่ายขอร้องมา ไทท์เองก็ไม่อยากทำตัวเป็นนกสองหัว เพราะเหมือนกับกำลังทรยศเจ้านาย แต่ทว่าชัชวินไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรไม่ดี เขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไร หากบอกให้อัยย์ทราบ ดีเสียอีกที่อีกคนจะได้เห็นว่าเจ้านายของเขาปรับตัวเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อครอบครัวแล้วจริง ๆ ไม่ทำตัวเหลวไหล หรือมั่วผู้หญิงอย่างแต่ก่อนอัยย์จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ ทำเรื่องย้ายลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ โดยไม่บอกชัชวิน กะไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย โดยมีเขมทัศน์ช่วยเหลืออีกเช่นเคย“เราจะไปไหนกันเหรอม๊า” เด็กน้อยตาใสเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 30 ขยับความสัมพันธ์ครั้งที่สอง

    เวลาเกือบสองทุ่มครึ่งอัยย์ส่งลูกเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะลงมาหาคนที่ยังเอาแต่นั่งอ่านเอกสารหน้าเครียด ก่อนหน้านี้ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้วอัยย์ตั้งใจจะบอกให้ชัชวินกลับไป แต่พอเห็นว่าคนพี่กำลังตั้งใจทำงานก็ไม่อยากกวนคนตัวเล็กแอบทำอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในครัวประมาณยี่สิบนาที ออกมาพร้อมข้าวไข่เจียวร้อน ๆ คาดว่าชัชวินน่าจะหิว เพราะเมื่อตอนเย็นทานไปแค่นิดเดียวก็กลับมานั่งทำงานต่อ คงจะมีปัญหาตรงไหนสักอย่าง“ทานข้าวก่อนสิครับค่อยทำต่อ”ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองเด็กหนุ่ม จากที่ทำหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที ทว่าดวงตาคมดูล้ากว่าปกติ“ขอบคุณครับ แต่เฮียขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวค่อยกินครับ”“ไม่ได้ครับ” ตอบกลับเสียงแข็ง “กินก่อนเถอะครับ เมื่อตอนเย็นคุณกินไปแค่นิดเดียว กว่างานจะเสร็จหิวไส้กิ่วกันพอดี”“กินก็กินครับ ไม่เห็นต้องดุเลย”“ไม่ได้ดุสักหน่อย!”“นี่ไงหนูกำลังดุเฮียอยู่ชัด ๆ”อัยย์กรอกตามองบนพลางถอนหายใจ เบื่อจะเถียงกับคนแก่ ทว่าไม่ทันได้เดินออกไป อีกคนดันจับข้อมือรั้งเขาไว้เสียก่อน“มีอะไรครับ?”“มีเรื่องจะรบกวนครับ”“อะไรครับ?”“พอดีรู้สึกเหนื่อยมากเลยครับ อยากรบกวนขอกำลังใจเป็นกอด

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 29 วันของครอบครัว

    เช้าวันนี้ดูเหมือนเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสามปีของชัชวิน เสียงนกร้องดังอยู่บริเวณบ้านปลุกคนนอนหลับฝันดีให้ตื่นขึ้นมา ร่างหนาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้าน กลิ่นของอาหารหอมโชยมาจากในครัวชัชวินเดินมาตามกลิ่น คนตัวเล็กกำลังง้วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเช้าสำหรับวันนี้ เด็กน้อยที่พึ่งตื่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมานั่งเล่นรอมารดาตัวเองที่โต๊ะทานข้าว“อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช”ศรัณย์เอ่ยพูดประโยคที่ชัชวินเคยสอนเมื่อครั้งก่อน เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ขึ้นใจ“อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์”ชัชวินยกยิ้มให้เด็กน้อย จากตอนแรกที่ได้เจอกันรู้สึกถูกชะตามากอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของตัวเองแท้ ๆ เขายิ่งหลงรักเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าศรัณย์รู้ว่าเขาเป็นพ่อจะดีใจบ้างหรือเปล่าเขาไม่รู้ว่าอัยย์จะบอกลูกตอนไหน แต่ความร้อนใจของเขาเขาอยากให้ลูกรู้เร็ว ๆ ว่าเขาเป็นพ่อ เขาอยากแสดงตัวว่าเป็นพ่อ อยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากชดเชยเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทดแทนได้หรือเปล่าเขาก็อยากทำมันให้เต็มที่ เพื่ออัยย์และลูก“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาครับจะได้กินข้าว”เรื่องที

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 28 ขอโอกาส

    ร่างสูงโปร่งลงจากรถแท็กซี่ ตั้งสติให้ตัวเองทรงตัวก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังหน้าบ้านของคนที่เขาคิดถึง สองมือเกาะรั้ว ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านเสียงดังลั่น"อัยย์! อัยย์ครับ ออกมาคุยกับเฮียหน่อย อัยย์!"เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรียกเจ้าของบ้าน เขมทัศน์ลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวมาเปิดประตู เห็นเพื่อนตัวเองยืนเกาะอยู่ที่รั้วไม้ จึงเดินเข้าไปหา“มึงมาที่นี่ได้ยังไง”อัยย์ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าชัชวินเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร กลัวว่าหากเขมทัศน์รู้เข้าจะมีปากเสียงกับชัชวินเพราะเขาอีก“อัยย์! มาคุยกับเฮียหน่อย”“ถ้าเมาก็กลับไปไอ้ชัช อย่ามาสร้างความเดือดร้อนที่นี่” เขมเอ่ยขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย“มึงไม่ต้องเสือก”น้อยครั้งที่ชัชวินจะพูดหยาบคายกับเขม ทว่าครั้งนี้เขามีเรื่องไม่พอใจที่อีกคนโกหกจึงไม่คิดที่จะยั้งปาก อีกทั้งยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลังจากลูกค้านัดไปคุยงานนั่งดื่มกัน ชัชวินก็ซัดเหล้าเข้าปากเพราะความเครียดที่ตัวเองพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ได้ อย่างน้อยถ้าเมาก็คงกล้าทำอะไรมากขึ้น ตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 27 ความจริง

    หลังจากโดนอัยย์จับได้ว่าแอบเดินตาม ชัชวินก็ใช้เวลาอยู่สามสี่วันกับการกลั่นกรองความคิดตัวเอง เมื่อตกผลึกแล้วสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่สุดคือความคิดถึง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคิดถึง ไม่ว่าจะกินจะนอนก็อยากเจอหน้าให้ได้ ถ้าเป็นคนงมงายสักนิดคงคิดว่าตัวเองโดนของแน่ ๆร่างหนาเดินเลือกซื้อขนมที่เด็ก ๆ ชอบ ซึ่งถามความคิดเห็นจากไทท์ เพราะเลขาของเขามีลูกชายอยู่หนึ่งคน คงจะพอรู้ว่าเด็กผู้ชายชอบกินอะไร รวมถึงพวกของเล่นต่าง ๆเดินเลือกไปเลือกมาสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือตุ๊กตากระต่ายหูยาวสีขาว เพียงแค่ได้สัมผัสความนุ่มชัชวินก็ถูกใจทันที คิดว่าศรัณย์อาจจะชอบ ไม่ว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ขายก็ชอบตุ๊กตาได้ทั้งนั้น ทว่าลึก ๆ แล้วเขาจะใช้มันเป็นตัวแทนของเขาเอง“จะซื้อจริง ๆ เหรอครับ” คนที่โดนหิ้วให้ติดตามขับรถให้อย่างไทท์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“อือ ผมว่าน้องรัณอาจจะชอบ” ว่าพลางยกยิ้มราวกับคนมีความสุขเต็มเปี่ยม หลายวันที่ไทท์เห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ขมวดคิ้วเหม่อคิดอะไรอยู่กับตัวเองคนเดียว ทว่าวันนี้ราวกับคนละคนจ่ายเงินเสร็จก็มุ่งตรงไปที่บ้านของอัยย์ทันที ไทท์ลอบมองชัชวินผ่านกระจกหลังเป็นระยะ ดูท่าแล้วจะมีความสุขมากจริง ๆ ถ

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 26 คำขอโทษ

    แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างพาดผ่านผิวกาย กระทบใบหน้าหล่อเหลา เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นหรี่ตาปรับแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเขยื้อนร่างกาย รู้สึกปวดเมื่อยจากการนอนขดตัวอยู่นโซฟาหลายชั่วโมงดวงตาคมหลุบลงมองผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างของเขาอยู่ จำได้ว่าเมื่อคืนอัยย์ไม่ได้เอามาให้ งั้นคงเอามาห่มให้เขาตอนเขาหลับไปแล้วแน่ ๆ พลันความคิดเข้าข้างตัวเองเกิดขึ้นในหัวมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเผลอไผลทว่าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อหันห้ามาเจอเด็กน้อยหน้าตาสดใสกำลังจ้องมองเขาไม่ละสายตา ชัชวินส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์""อรุณสวัสดิ์คืออะไร" เด็กน้อยทำหน้าตาสงสัยในคำที่ตัวเองไม่เข้าใจ"อรุณสวัสดิ์ก็คือสวัสดีตอนเช้า""อืม รัณเข้าใจแล้ว อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช"ความสดใสจากเด็กคนนี้ทำให้เขาอดนึกถึงภาพของอัยย์ตอนยิ้มร่ามีความสุขไม่ได้ แม่กับลูกเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน"ทำไมรัณตื่นเช้าจังครับ" จริง ๆ ก็ไม่ได้เช้าอะไรมากมาย ตอนนี้ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว"มะม๊าบอกว่าถ้าตื่นสายจะติดเป็นนิสัย ทำให้เป็นเด็กขี้เกียจ รัณไม่อยากเป็นเด็กขี้เกียจ" เด็กช่างพูดจำที่มารดาบอกได้ขึ้นใจ"แล้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status