Home / โรแมนติก / เด็กเสี่ย / คิแพง - บทที่ 4 -- หลบซ่อน

Share

คิแพง - บทที่ 4 -- หลบซ่อน

last update Huling Na-update: 2025-11-09 14:18:58

           

 เช้าวันต่อมา 

           เมื่อคืนพะแพงกลับถึงบ้านกว่าจะเข้านอนเกือบตีสาม แบบไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเธอช้าเพราะอะไร อาบน้ำนาน หรือมัวแต่นอนกระสับกระส่ายคิดถึงแต่เรื่องนั้น

           “แพง!”

           “...!!!”

           “ทำเป็นสะดุ้ง ม่อนเรียกแพงหลายรอบแล้วนะ”

           ตอนนี้เลยต้องมานั่งหลับอยู่ในรถของบาส ที่อุตส่าห์แวะมารับเธอก่อนถึงเวลานัดตั้งหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากกลัวเธอจะผิดนัดอย่างเช่นครั้งก่อนอีก ด้วยความไม่พร้อมแต่เพื่อนขอให้พร้อม สภาพของเธอในตอนนี้จึงไม่ต่างกับคนป่วย

           “ว่า?”

           “เปล่าค่า แค่จะให้ดูอะไร แต่มันเลยมาแล้ว ช่างเถอะ” ม่อนทำปากยู่ พะแพงเห็นอย่างนั้นถึงกับส่ายหน้าเบื่อหน่าย เตรียมจะหลับต่อ แต่อีกคนไม่ยอมปล่อย ชวนคุยอยู่นั่น “อดหลับอดนอนมาจากไหน”

           “ม่อนดูสภาพแพง แพงควรไปนอนโรงบาลนะเอาจริง”

           เธอปรือตาขึ้นมาตอบเพื่อน แต่คนขำกลับเป็นคนขับที่ฟังอยู่ด้วย เขาปล่อยเสียงหัวเราะออกมาลั่นรถจนอีกฝ่ายถึงกับมองบน 

           “ทำไมอ่า เกิดอะไรขึ้น”

           “ค่อยเล่าได้ไหม ขอนอนก่อน”

           กว่าจะถึงอีกตั้งชั่วโมง อีกทั้งรถติดขนาดนี้ หากเธอได้นอนจริงๆ ตื่นขึ้นมาอีกทีใบหน้าที่ซีดเผือด คงจะมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง แต่อีกคนก็ยังไม่ยอมปล่อยอีกตามเคย

           “ตอนนี้แหละ กำลังอยู่ในรถ เดี๋ยวไปดูหนัง ก็ไม่ได้คุยกันแล้ว”

           “ดูหนังปุ๊บ เป็นใบ้เลย?” คนตัวเล็กทำหน้ายียวน “ม่อนเห็นสภาพแพงไหมเนี่ย แต่งหน้าก็ไม่ติด ไม่อายคนอื่นเขาหรือไง”

           “อย่ามาเยอะ แพงสวย ต่อให้หน้าเป็นศพตอนนี้ก็ยังสวย”

           “เดี๋ยวเถอะ”

           ทั้งคู่เถียงกันโดยมีเสียงของคนขับเป็นดนตรีประกอบ พะแพงที่เลือกนั่งเบาะหลังตั้งแต่ต้นหวังนอนระหว่างเดินทางถึงกับหน้าบูดบึ้ง เธอยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ไล่ความง่วงอยู่อึดใจจึงจะตัดสินใจเล่า และแน่นอนประโยคนั้นทำคนขับถึงกับเหยียบเบรก

           “เมื่อคืนมีคนมาขอเลี้ยงแพง”

           “บาส! ไอ้บ้า ดีไม่มีรถตามหลังมา”

           “โทษๆ กระผมตกใจ”

           ม่อนแยกเขี้ยวใส่เขาเสร็จ ทันทีที่ทรงตัวเกือบหัวคะมำกระแทกคอนโทรลขึ้นมาได้ ก็หันไปยังคนข้างหลังต่อ ที่ตอนนี้เหมือนจะหลับไปอีกแล้ว พลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาใหม่ ขึงตาใส่เพื่อนสนิท 

           “ไอ้แพง อย่าเพิ่งหลับ อะไรยังไงไหนเล่ามาสิ!”

           “รำคาญมากบอกเลย...”

           “รำคาญคนมาขอเลี้ยง?”

           “รำคาญม่อนนี่แหละ!”

           

           พะแพงเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ทั้งสองคนฟังอย่างละเอียด พอเล่าเสร็จก็ถึงที่หมายพอดี ความเห็นหลังจากนั้นจึงสะดุดเพราะหาที่จอดรถเจอเร็วราวกับเจ้าที่มายืนโบกให้

           “ถึงแล้วครับคุณหญิง”

           “ไปชั้นโรงหนังเลยเนอะ?”

           “อ้าว ไม่กินข้าวก่อน?”

           “โหบาส ขับรถถึงช้ายังมีน่ามาพูด แกดูหนังจะเข้าโรงอยู่แล้วเนี่ย”

           “ไม่ได้ขับช้าโว้ย ก็รถมันติดคุณหญิงก็เห็น”

           เสียงเถียงกันของคนทั้งคู่ระหว่างเดินเข้ามาในห้าง ตรงไปยังบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นชั้นสูงสุด ทำพะแพงที่ฟังอยู่ถึงกับกลั้นขำ พลันจังหวะก้าวข้ามพื้นก่อนขึ้นบันไดเลื่อน สายตาเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งซึ่งเธอรู้จักดี ถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ

           “บาส ยืมหลังแกหน่อยดิ้”

           “หะ ได้ๆ”

           แม้จะงงกับการกระทำของเพื่อน แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรที่พะแพงขอความช่วยเหลือ เขาก็พร้อมที่จะช่วยเสมอ เข้าข่ายวลีที่ว่าซัพพอร์ตไปก่อนค่อยถามทีหลัง ผิดก็ว่าไปตามถูก อะไรเถือกนั้น

           “มีอะไรเหรอแพง”

           ม่อนก้าวเร็วขึ้นมาประชิดแผ่นหลังกระซิบถาม หญิงสาวผู้ที่ไม่เคยปิดบังเพื่อนจึงหันหน้ามากระซิบกลับเช่นกัน

           “เพชร”

           “ฮะ ไหน”

           “มันมากับผู้หญิง สงสัยแฟน”

           “จริงเหรอ?”

           “แกอย่าให้มันเห็นฉันนะ เดี๋ยวมันมาขอเงิน ฉันไม่มีเงินจะให้มันแล้ว”

           “เฮ้อ... บ้าบอ”

           ม่อนเหลือบตามองบน พอๆกับบาสที่พอได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไปตามกัน เขารู้สึกเห็นใจเพื่อนจนโกรธอีกฝ่าย แต่เพราะนั่นคือน้องชายจึงไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมา ทั้งที่แต่ก่อนมักได้ยินเป็นเรื่องเล่าจากปากพะแพง หลายครั้งทำได้แค่ออกความเห็น บางทีก็แค่เงียบเลือกที่จะปล่อยผ่าน แต่พอมาเห็นกับตาของตัวเองครั้งนี้ ถึงขั้นคนตัวเล็กกลัวจนต้องหาที่กำบัง มือที่คลายหลวมถึงกับกำหมัดแน่นทันที 

           “แพงจะยอมเขาทุกครั้งไม่ได้นะ”

           “ใช่แพง ทุกวันนี้แกทำงานหนักมาก ไหนจะส่งตัวเองเรียนอีก ค่าเทอมแกอีก”

           “อือๆ เข้าใจแล้ว เราไปดูหนังกันเถอะ”

           พะแพงจงใจตัดบทเพราะไม่อยากให้เพื่อนต้องเครียด หรือไม่สบายใจอะไรที่เกี่ยวกับเธอ หญิงสาวดุนแผ่นหลังเพื่อนทั้งสอง ไม่นานความตึงเครียดที่มีก็หายไป พลางถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อบาสเดินสะดุดเชือกรองเท้าตัวเองจนหน้าเกือบคะมำ และม่อนก็ตีความหมายนั้นเป็น...

           “สมน้ำหน้ากรรมตามสนอง เมื่อกี้แกทำพวกฉันหัวทิ่มในรถ”

           “ไปเรื่อยว่ะม่อน”

           เธอเองก็ขำ แต่เป็นการขำที่ออกไปทางฝืดสักหน่อย 

           

           

           ช่วงสายของอีกวัน 

           วันนี้พะแพงตื่นเช้าเนื่องจากเมื่อคืนได้นอนเต็มที่ หลังจากดูหนังจบเธอก็ไปหาอะไรกินกับเพื่อนต่อ ราวประมาณห้าโมงเย็นถึงจะพากันกลับ พอกลับถึงห้องอาบน้ำเสร็จ เธอก็หลับแบบซ้อมตายไปเลย ตื่นอีกทีคือหกโมงเช้าของวันนี้ และตอนนี้เธอกำลังคุยกับแม่ของตัวเองอยู่ 

           (แพงกินไรหรือยังลูก)

           “ยังเลยค่ะ แพงกะว่าไปหาแถวที่ทำงาน”

           (แพงซื้อของมาแช่ตู้เย็นเก็บไว้อย่างที่แม่บอกหรือเปล่า เผื่อเวลาหิวตอนดึกจะได้ลุกมากิน ไม่ต้องทนจนถึงเช้า)

           “ซื้อค่ะแม่”

           เธอโกหก แต่การโกหกนั้นถือว่าเป็นคำหลอกลวงที่ขาวสะอาด ไม่มีเจตนาใดแอบแฝง เนื่องจากไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าลูกสาวนั้นทำงานกลางคืนแบบพาร์ทไทม์ หวังหารายได้เพิ่มส่งตัวเองเรียน และซัพพอร์ตน้องชายที่เอาแต่ขอเงินไม่หยุดหย่อน ไม่อยากบอกให้แม่รู้ว่าลำพังเงินที่แม่ส่งมาช่วยได้แค่ค่าเทอมเท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยค่าเดินทางและกินอยู่ ยิ่งมีน้องชายที่ถูกส่งมาเรียนด้วยกันที่นี่ ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ถึงเขาจะเป็นวิทยาลัย ส่วนเธอเป็นมหาลัย แต่สมารถไปมาหาสู่กันได้อยู่ดี แถมยังมีห้าง  และสถานที่เที่ยวอยู่ตรงใจกลาง กึ่งกลางระหว่างสถาบันของพวกเขา ก็ยิ่งเจอกันง่ายมากขึ้น

           (แม่ไม่อยากให้แพงออกไปไหนตอนกลางคืน และก็ไม่อยากให้หนูต้องทนหิวด้วย)

           “แพงเข้าใจค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงนะ แพงทำอย่างที่แม่บอกหมดเลย”

           (ดีแล้ว ว่าแต่เจอน้องบ้างไหม ไปอยู่กับลุงไม่รู้ไปสร้างปัญหาอะไรให้เขาหรือเปล่า แม่โทรไปไม่รับเลย แถมไม่ค่อยจะโทรกลับด้วยนะ)

           มาถึงตรงนี้คนตัวเล็กถึงกับเงียบกริบ ความทรงจำของเมื่อวานผุดขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติ มีภาพเหตุการณ์ตอนไปดูหนังแล้วเจอเขา ภาพเหล่านั้นค่อยๆเข้ามาทีละฉาก ทีละฉาก และไม่รู้มีอะไรผิดพลาดตรงไหนสมองถึงได้เลยเถิดไปไกล นึกถึงเรื่องที่นานกว่าเมื่อวานขึ้นมา      

 ‘ถ้าเสี่ยคิระเขาสนใจแพง แพงจะโอเคไหม’

  

 (แพง!)

 “ขาแม่”

 (แม่เรียกตั้งนานแน่ะ นึกว่าสายตัดไปซะละ)

 “เปล่าค่ะ แพงไม่ได้วาง  เมื่อกี้แม่ถามแพงว่าอะไรนะ”

 (ถามว่าเจอน้องบ้างไหม)

 “อ๋อ ไม่ค่ะ แต่เดี๋ยวว่างๆแพงจะแวะไปหาให้นะ”

 (ดีเลย บอกให้น้องโทรหาแม่บ้างนะ อย่าหายเงียบ คนทางนี้เป็นห่วง จะให้โทรหาลุงทุกครั้งก็คงไม่ได้หรอก เกรงใจเขา)

 “ค่ะแม่ แพงจะบอกน้องให้”

 (ถ้าอย่างนั้นแม่เลิกละนะ  ดูแลตัวเองด้วยล่ะ)

 “แม่ก็ด้วยนะคะ รักแม่ค่ะ”

 (รักลูกเช่นกันจ้ะ)

 พอวางสายเสียงถอนหายใจก็พุ่งพรวดออกมาทันที ถึงกับยกกำปั้นเคาะหัวตัวเอง ทำโทษที่เผลอวอกแวกไปนึกถึงเรื่องที่ไม่ควรนึก 

 “จะต้องสมองกลับด้านขนาดไหนกันนะ ถ้าตอบตกลง..”

 คนตัวเล็กพึมพำเพียงตัวเองได้ยิน พลันส่ายหน้าติดตลก ลุกไปอาบน้ำเตรียมตัวไปหางานเสริมเพิ่ม เพื่อเก็บไว้ทำในช่วงกลางวัน ก่อนไปทำงานร้านอาหารในช่วงเย็น  

  

           

           

           

           

           

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เด็กเสี่ย    บทที่ 12 ช่องทางการติดต่อ

    จาก อาคีรา เบญ xxx-xxx000-0ดวงตากลมหรี่แคบเนื่องจากรู้สึกแสบร้อนหลังไม่ได้กะพริบมาหลายวิ ขณะเปิดดูรายการธุรกรรมในธนาคารของตัวเอง และพบว่าใครเป็นคนโอนมา ไม่ต้องคิดนานก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา คู่กรณีของเธอเมื่อคืนมันเยอะเกินจนเธอเป็นกังวล และไม่กล้านำออกมาใช้ แม้ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้จะเป็นแก้วละห้าหมื่น แต่เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ดื่มเยอะจนเขาต้องจ่ายเป็นแสน และต่อให้เป็นค่านั่งดริงก์ทั้งคืน ครึ่งล้านก็ไม่น่าจะถึง อีกอย่างเธอไม่เชื่อว่าคนโอนให้จะไม่มีอะไรแอบแฝงด้วย!ด้วยความกลัวบวกกับความไม่สบายใจ เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเข้าไปหาชื่อของเขา เพียงพิมพ์แค่ชื่อไม่ทันได้พิมพ์นามสกุล รูปของเขาก็โชว์หราเต็มจอ ตึกบ้าน คอนโด โครงการเป็นหมื่นล้าน ราวกับจะต้องเรียกเขาว่าเจ้าอสังหาริมทรัพย์!“.....!!”พะแพงในตอนนี้คือช็อคไปแล้ว เธอนั่งตัวแข็งทื่อ หากแต่นิ้วนั้นกำลังเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพเขายืนโดดเด่นรวมกลุ่มอยู่กับนักธุรกิจด้วยกัน ส่วนใหญ่ผู้คนเหล่านั้นต่างมีดีกรีเป็นคนชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของก็เป็นทายาทอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บางรูปเขายังถ่ายกับดารา หรือนักร้องชื่อดังด้วย ในขณะบางคนเธอยังเป็นแฟนค

  • เด็กเสี่ย    บทที่ 11 ข้อความ

    คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากโซฟาเกือบหัวคะมำ โดยร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา เขาต้องการจะพาเธอไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก หากแต่จังหวะนั้นเหนือเมฆผลักประตูเข้ามาซะก่อน และนั่นทำเขาหัวเสียไม่น้อย“เฮ้ยๆ จะพาน้องเขาไปไหน”“โรงแรม..”อีกมือที่ว่างดันคนยืนขวางประตูให้ถอยห่าง ทว่ากลับต้องฉุนอีกครั้งเมื่อถูกเขายื้อแขนเอาไว้ และไม่มีทีท่าจะว่าจะหลบไป แรงนั้นกระชากคนตัวเล็กจังหวะพุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกกระชากกลับมาข้างหลังถึงกับเวียนหัว โชคดีที่เขาคว้าทันจังหวะหันไปเห็น และกลัวเธอจะล้มจึงโอบเอวไว้“ใจเย็นก่อนไอ้เสือ” ทั้งที่รู้ยิ่งเมาเพื่อนของเขาจะยิ่งหัวร้อน การไปขวางทางกันแบบนั้นมีแต่เสี่ยงจะเสียชีวิต หากแต่จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นห่วง ดูท่าเพื่อนเขาเองก็เมาไม่เบา ถึงได้ขาดสติลากเด็กออกจากร้านอย่างประเจิดประเจ้อแบบนี้ “ใจเย็นแล้วฟังกูก่อน มึงจะลากน้องเขาไปแบบนี้ไม่ได้ มึงดูสภาพน้องเขาด้วย กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด อยากโดนข่าวดราม่ารึไง เรามันนักธุรกิจดังนะโว้ย”คราวนี้เขานิ่ง ประหนึ่งกำลังฉุกคิดตามคำเตือนเพื่อน หันมองคนตัวเล็ก ที่ขนาดทรงตัวยืนยังต้องใช้การบังคับจากเขาเลย และเมื่อเห็นด้วยร

  • เด็กเสี่ย    บทที่ 10 ห่อกลับบ้าน

    เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงเพลงในผับ แต่ดังอยู่ภายนอก มีแค่เสียงเบสเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามาได้ ทั้งห้องมีแค่พวกเขาสองคน อีกสองคนไม่อยู่แล้ว พวกเขาพากันหายไปตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน ไม่มีวี่แววจะกลับมา นานจนเธอแอบคิดติดตลกว่าบางทีพวกเขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำกันที่บ้านคนตัวเล็กมองแก้วช็อตที่วางว่างเปล่าเรียงกันอยู่สองแก้วด้วยดวงตาพร่ามัว ส่วนในมือถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง และถ้ากระดกเข้าไปอีกคงจะเป็นแก้วที่สาม และแน่นอนเมื่อเหลือบไปเห็นคนข้างกายนั่งเฉยไม่ไหวติง เธอจึงกระดกรวดเดียวหมด ทว่าทันทีที่หมด แก้วใบนั้นก็ถูกฉกไปด้วยมือของเขา“เต็มที่ได้แค่นี้” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู “มากกว่านี้เดี๋ยวมันจะไม่สนุก”ไม่พูดเปล่า แต่มือใหญ่ที่ไม่ได้สากมากถูกยกมาวางไว้บนต้นขาเนียนด้วย พลางใช้ท้องนิ้วหัวแม่มือกดลงมาเบาๆ สลับกับการลูบไล้ไปมา และไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นไม่คิดจะปัดป่ายหรือเพราะเธอเมาแล้วทีแรกกะจะดื่มแค่แก้วเดียวตามแผนที่คิดไว้ เพราะเงินแค่นั้นสามารถเอาตัวรอดได้หลังลาออกจากงาน และระหว่างหางานใหม่ แต่ด้วยแรงกดดันจากการถูกคะยั้นคะยอย่างเหนือชั้นจนเกินไป ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง“ใค

  • เด็กเสี่ย    บทที่ 9 -- หนูยังได้อีกนะพี่ว่า

    เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกันท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆ ยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง“จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ”เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้“ตรงนี้ก็ได้”มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึง

  • เด็กเสี่ย    บทที่ 8 -- ข้อเสนอของเสี่ย

    พะแพงเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกคอแห้ง กลืนก้อนแข็งติดคอก็คราวนี้ เป็นสิ่งที่มาพร้อมๆ กับความตกใจ และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใบหน้าของเธอร้อนวูบขณะสบตากับเขา ร่างสูงในชุดดำทั้งชุดจ้องเขม็งมา ราวกับว่าเขานั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ยิ้ม?”คนตัวเล็กหันไปเค้นเสียงใส่รุ่นพี่ วินาทีแรกยังคงมองหล่อนในแง่ดีอยู่ คิดว่าไม่รู้เรื่องราว แต่พอได้ยินประโยคนั้นจากปากของเกียรติ แทบจะล้มทั้งยืน“ยิ้มไปพูดอีท่าไหนน้องถึงยอมมา” เขาทำราวกับเป็นเรื่องน่าขัน พลันหันไปทางอีกคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าเรียบ แต่ไม่คิดจะละสายตาออกไปจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับเสี่ย”“จะรีบไปไหน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันก่อน”เห็นได้ชัดว่าเกียรติหน้าถอดสี เมื่อไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา แต่ขอให้อยู่ต่อเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ความคิดที่ต้องการหลบหลีกไม่กล้าเผชิญหน้ากับพะแพงจึงหายไปทันที เสมือนคิระรู้ ถึงได้ยกยิ้มริมฝีปากหยัก จังหวะรินบรั่นดีเพิ่มในแก้วตัวเองอย่างพอใจ“จะไปบอกเด็กให้นำค็อกเทลชุดพิเศษสำหรับวันเกิดมาให้น่ะครับ”“ไม่ต้องหรอก กูกับเพื่อนไม่ดื่มค็อกเทล”จังหวะนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าลลิสาเพื่อนของเข

  • เด็กเสี่ย    บทที่ 7 -- โดนหลอก

    เกียรติชะลอรถช้าลงขณะถึงที่หมายและกำลังเลี้ยวเข้าซองจอดที่ประจำของตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์กะพริบถี่แจ้งหมายเลขของคนคุ้นเคย ที่พักนี้โทรบ่อยซะจนน่าใจหาย เริ่มเป็นห่วงชีวิตของตัวเองและกังวลมากขึ้น ถึงชะตากรรมที่เสี่ยงขาดสะบั้นในไม่ช้านี้ทันทีที่เขาเห็นชื่อถึงกับใช้เกียร์ถอยไม่ถูก กว่าจะหาองศาจอดให้เรียบร้อย สายนั้นก็ถูกตัดไปเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะโทรกลับในเวลาไล่เลี่ยกัน“ขอโทษทีครับคุณปุณ ผมกำลังจอดรถถึงร้านพอดี มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”(เปล่า แค่จะบอกว่านายกูอยู่ร้านมึง)ได้ยินอย่างนั้นเจ้าของร้านถึงกับหูดับทันที พร้อมใบหน้าร้อนวูบ ใจสั่นอัตโนมัติราวกับคนหิวจัดแต่ไม่มีเวลากิน“ครับ? ตอนนี้นะเหรอครับ”(ใช่ นายพาเพื่อนไปจัดงานวันเกิด กูรอรับอยู่ข้างนอก ส่วนข้างในยกให้เป็นหน้าที่ของมึง ดูแลดีๆ ล่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าขัดใจนาย เขาเพิ่งจะทะเลาะกับพี่ชายมา)นี่ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการบอกกล่าวและตักเตือน ประหนึ่งว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ถ้ามีบางอย่างผิดพลาด เผลอทำนายเขาไม่พอใจ เกียรติหน้าเสีย จังหวะนั้นการพาตัวเองไปข้างหน้าแทบจะลอยไปมากกว่าเดิน โชคดีที่ขาไม่สะดุดจนพาตัวเองล้มลงให้ขายขี้หน้าลูก

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status