Mag-log in
พะแพงเองยังตกใจกับการกระทำของตัวเองแล้วนับประสาอะไรกับเขา แก้วบรั่นดีกำลังจะถูกกระดกเข้าปากอยู่แล้ว แต่กลับต้องชะงักกลางคัน เพราะเสียงหวานของเธอ ดวงตาคมกริบเหลือบมอง ไม่นานแก้วใบนั้นก็ถูกลดลงมากึ่งหนึ่ง หลังเจอสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า
ในหน้าสวยหมดจด แม้ไม่ได้เผยรอยยิ้มเหมือนกับตอนยืนคุยกับเพื่อน ถึงขนาดเพศตรงข้ามคนอื่นบังเอิญเห็น พากันใจละลาย แต่เพียงแค่นี้ก็สามารถสร้างภาพจำในหัวเขาได้แล้ว เธอจะเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ตราตรึง
“อืม”
หากแต่คนอย่างคิระ หรืออาคีรา ที่คิดว่าการนิ่งเฉยเป็นการควบคุมตัวเองไม่ให้เสียอาการในสถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคย และผู้คนที่ไม่ได้สนิทด้วยเป็นการวางตัวที่ดีที่สุด จึงทำเพียงได้พยักหน้ากลับคืนไปให้
ตรงข้ามกับคนตัวเล็กเธอมองสิ่งนั้นเป็นการถูกเมิน ใบหน้าของเธอร้อนวูบ ที่ไม่รู้ว่ามาจากความประหม่าหรือความเขินอาย กระนั้นไม่ว่าข้อไหนก็ทำตัวไม่ถูกด้วยกันทั้งนั้น และวิธีแก้คือการหมุนตัวพาตัวเองออกมาทันที
แต่แล้ว
จังหวะกำลังจะหลุดออกมาจากกรอบประตูกลับสวนกับอีกคนที่เดินกลับมาพร้อมกับเจ้าของร้าน
“อ้าวแพง จะกลับแล้วเหรอ”
เกียรติทักทายเธอด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็เหมือนมองหาใครไปด้วย เธอมองตามเขาเห็นยิ้มที่อยู่ห่างไกลออกไปหันมาเห็นแล้วเร่งเดินมาทางนี้ ถึงได้คำตอบ
“ค่ะ พี่เกียรติ”
“เดี๋ยวก่อนสิ รีบไปไหน”
ประโยคนี้คล้ายเสียงกระซิบแกมตำหนิ พอคนตัวเล็กได้ยินแบบนั้นก็หน้าเสีย ราวกับถูกเข้าใจผิดว่าเธอกำลังทิ้งแขก ทั้งที่ร้านยังไม่ปิด แต่นี่มันหมดเวลางานเธอ รุ่นพี่เป็นคนจัดแจงและอนุญาตให้เธอกลับเอง แต่พอมาเจอเจ้าของร้านที่เหมือนไม่รู้เรื่องอะไรด้วยถึงกับเกร็งขึ้นมาซะได้
หญิงสาวอยากอธิบายในวินาทีนั้น เป็นการปกป้องตัวเองที่ถูกเข้าใจผิด ทว่าดูจากสถานการณ์แล้วคงไม่ได้รับโอกาสเลย เมื่อเกียรติเปลี่ยนสีหน้าทันควันหลังหันไปเห็นผู้ชายคนเดียวกันกับที่เธอเพิ่งจะบอกลา
“สวัสดีครับเสี่ย ขอโทษที่มาช้าครับ ผมมัวแต่ยุ่งกับอีกสาขา”
ดวงตากลมสวยขึงกว้างทันที เธอหันไปมอง เห็นท่าทางของเกียรติที่ดูถ่อมตน รีบดึงเก้าอี้มานั่งข้างเขาอย่างลนลานก็รู้สึกใจหาย ผู้ชายคนนั้นต้องระดับไหนกัน เจ้าของร้านที่เธอเกรงใจนักเกรงใจหนาถึงได้เกรงใจออกนอกหน้าขนาดนี้
“แพง”
ใบหน้าซีดเผือดหันไปมองตามเสียง เห็นยิ้มเดินเข้ามาจับแขน ดึงเบาๆ ให้หลบจากตรงนั้นไปยืนข้างในแทน ซึ่งห่างกับพวกเขาพอสมควร สิ่งนั้นทำให้เธอตระหนักว่าเธอไม่ได้กลับบ้านไม่พอ แต่รุ่นพี่ยังทำราวกับนี่เป็นความผิดของเธออีก
“พี่ยิ้ม..”
“พี่ขอโทษนะ ไม่คิดว่าพี่เกียรติจะโผล่มาอะ”
ดูเหมือนว่าหล่อนเองก็งง สังเกตจากหน้าที่ซีดมากกว่า อย่าบอกนะว่าหล่อนเองก็ไม่รู้ คนคนนี้เป็นใคร ก็นั่นนะสิแล้วใครล่ะ ...เธอเองเป็นเพียงสาวก้นครัว ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับงานส่วนหน้าสักนิด
พะแพงกลั้นหายใจ ขณะก้มลงมองพื้น เธอไม่ได้สนใจในสิ่งที่ยิ้มพูด สิ่งที่กำลังจะทำให้เธอรู้สึกอึดอัดคือความเหนื่อย จากร่างกายกลายเป็นใจ คล้ายกับแผนที่วางไว้ว่าจะได้กลับบ้านไปนอนพัก อีกวันตื่นขึ้นมาไปดูหนังกับเพื่อนๆเนื่องจากเป็นวันหยุดหนึ่งวันต่อสัปดาห์ หายวับไปในพริบตาเดียว อีกทั้งภายใต้ความกดดันของการเปลี่ยนแปลง สิ่งใหม่กระดังเข้ามาตอนไม่ทันตั้งรับ เป็นการฝืนทำก็ว่าผลของมันกินพลังไปมากพอแล้ว พอมาเจอแบบนี้ถึงกับท้อไปเลย
“ต้องอยู่จนจบงานสินะ”
คนตัวเล็กพึมพำ ช้อนตามองคนกลุ่มนั้นที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสไม่มีความเห็นใจใครทั้งนั้น ทั้งที่ผับกำลังจะปิด แถมดูเหมือนว่าคนที่เธอเคยยกให้เป็นที่พึ่งมาโดยตลอดในระยะเวลาของการทำงาน เคารพ เชื่อฟังแบบไม่เคยขัดเลยสักครั้ง วันนี้กลับกำลังเกรงใจอีกคน ด้วยทั้งคำพูด และการกระทำ ถูกด้อยค่าด้วยตัวเขาเองทั้งสิ้น
จนเธองงว่าสิ่งนี้คืออะไร ท้ายที่สุดกลับนึกขำอยู่ในใจว่ามัน.....ตลกดี
เขาคนนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ไม่ได้ยินดีด้วยซ้ำ และไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด แต่คนของเธอกลับทำราวกับว่าการนิ่งเฉยของเขาคือการเยินเยอ ที่สมควรได้รับการถูกยกย่องยังไงอย่างนั้น ทั้งที่ก็เห็นกันอยู่มีแต่สายตาคมกริบแฝงอะไรบางอย่างไม่น่าไว้ใจ จ้องอยู่
“เรื่องนั้น ที่เสี่ยโทรมา ขอผมคุยกับน้องเขาก่อนนะครับ”
ทว่า ในขณะกำลังใจลอย พอได้ยินประโยคนี้เข้าถึงกับหูผึ่ง เหลือบตาหันมองยิ้มเสมือนต้องการจะถาม กลับเห็นว่ายิ้มกำลังก้มหน้า ใบหน้าซีดเซียว ไม่เพียงแค่นั้นมือบางของหล่อนกำลังจิกเข้าหากันแน่นด้วย รุ่นน้องจึงทำได้เพียงเก็บความสงสัยนั้นไว้จนกระทั่ง..
ถูกเรียกไปรับเงินพิเศษในเวลาตีหนึ่ง!
เดินไปกับรุ่นพี่ที่ชื่อยิ้ม พร้อมความงุนงงที่ว่า ปกติเจ้าของร้านจะโอนให้ ไม่เคยจ่ายสด
“พี่ยิ้มหนูว่าพี่ รู้นะ”
ระหว่างทางเดินไปห้องทำงานของเกียรติ ซึ่งใช้เวลาพอสมควร มากพอที่ถ้าเธอต้องถามอะไรออกไป แล้วคนถูกถามเต็มใจตอบ สามารถจับใจความได้เลย นอกจากว่าคนถูกถามจะจงใจเงียบไม่พูด ปล่อยให้เวลาเลยไปจนถึงที่หมาย แน่นอนหล่อนทำแบบนั้นจนพะแพงต้องเรียกซ้ำอีกรอบ
“พี่ยิ้ม..”
“แพงไม่ใช่คนที่จะยอมคนนะน้อง”
“คะ?”
“พี่รู้ว่าหนูจะจัดการมันได้ เหมือนที่พี่จัดการมันแล้ว”
ประตูถูกเปิดอ้าเป็นการบังคับให้เธอเดินเข้าไปโดยคนพูด รู้ทันทีว่าจะไม่ได้คำตอบจากหล่อนหรอก ไม่เช่นนั้นรุ่นพี่คงไม่เลือกที่จะขยับปากในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ ถึงขนาดทำเธอไม่มีโอกาสได้ถามต่อ มีแต่สายตาของความไม่เข้าใจส่งไป และยิ้มก็ส่งแววตาเห็นใจกลับคืนมา
“พี่เกียรติ”
“มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ”
เธอพยักหน้าทำตามอย่างว่าง่าย เนื่องจากไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ในเวลาล่วงเลยไป พังแผนตื่นเช้าเพื่อจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆแบบนี้ ถึงตอนนี้จะให้อยู่ยันเช้าก็ยังได้
“แพง วันนี้ดูแลแขกยังไงครับ”
เป็นคำถามที่ชวนขมวดคิ้วยุ่ง พะแพงละสายตาจากปลามังกรตัวใหญ่ในตู้ข้างหลังโต๊ะทำงานเขามายังเขา พลันเอียงหน้า
“ทำไมเหรอคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
อันที่จริงเธอจะไม่ถามอย่างนี้เลย ถ้าน้ำเสียงถามของเขานั้นไม่ห้วนถัดไปทางร้อนรน คนตรงหน้ายกมือขึ้นเท้าเอวสอบข้างหนึ่ง อีกข้างพลิกแฟ้มเอกสารบัญชีร้านรวมยอดรายรับของวันนี้ทั้งหมด ทั้งที่เป็นเวลาดู สิ่งนี้จะต้องทำให้เสร็จวันต่อวัน ทว่าวันนี้เขาไม่มีสมาธิมากพอจนขนาดแยกประสาทได้หรอก การพลิกแผ่นกระดาษไปมาจึงเป็นการระบายความคุกรุ่นที่มีต่อผู้หญิงตรงหน้าก็เท่านั้น
“พี่ให้แพงมาดูแขก หมายถึงนั่งดริงก์นะน้อง”
“คะ?”
“ไม่ใช่มายืนเฉย ทำหน้าที่แค่เติมเหล้า”
คิ้วดกดำเรียงตัวเป็นแพลับกับขนตาที่งอนยาวย่นเข้าหากันจนหน้าผากขึ้นเส้น ส่วนดวงตาขึงกว้างบ่งบอกถึงความตกใจมากกว่างุนงง ไม่ใช่ไม่เข้าใจ ถึงจะอยู่ในครัว แต่ตำแหน่งนี้เธอก็รู้จัก เพียงแต่ไม่คิดว่าคำถามนี้จะพ่นออกมาจากปากของเขา โดยที่เธอไม่รู้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
“แพงไม่รู้ว่าพี่เกียรติต้องการให้แพงทำแบบนั้น แพงถามพี่ยิ้มแล้ว พี่เขาบอกแพงมาแบบนี้ ทำไมคะ แขกโต๊ะนั้นเขาไม่โอเคเหรอ”
“ใช่!”
คราวนี้หลุบตาต่ำ ข้างในเคลื่อนไหวไปมาด้วยความมึนงง มีหลายคำถามผุดขึ้นอัตโนมัติ
“ทำไมคะ แพงดูเหมือนพวกเขาไม่ได้เรื่องมากอะไร..ทำไมถึง..”
“แพงนี่มันงานนะครับ แพงต้องรู้หน้าที่สิ”
“ไม่พี่เกียรติ แพงไม่รู้ นี่มันไม่ใช่หน้าที่ของแพง พี่เป็นคนมาขอให้แพงออกช่วยเอง แล้วถ้าพี่ชี้แจงแพงเหมือนที่พี่เรียกแพงมาว่า แพงคงจะปฏิเสธพี่ไปแล้ว”
เกียรติได้ยินถึงกับตัวแข็งทื่อ ถึง เขารู้นิสัยหญิงสาวตรงหน้า เธอไม่ใช่คนยอมคน แต่การมานั่งเถียงเขาให้กลายเป็นคนแพ้พ่ายแบบนี้ จึงมองว่าวันนี้เธอไม่ค่อยน่ารักกับเขาเท่าไหร่ แม้เรื่องที่พูดออกมาจะจริงก็เถอะ
“แพงคิดแบบนั้นจริงๆเหรอน้อง”
วันนี้เขายุ่งมาก ยุ่งชนิดที่การจะจับโทรศัพท์สักครั้งยังยากเลย ถึงได้วานให้ยิ้มซึ่งคล้ายเป็นรองผู้จัดการร้านทำหน้าที่ตรงนี้แทน และการที่เขาไม่ได้ระบุหน้าที่ของเธอให้ยิ้มฟังอย่างละเอียดนั้น ไม่คิดว่าเธอจะไม่รู้ และยิ้มเองจะไม่อธิบายน้อง
“พะ แพง...”
“คิดจะปฏิเสธพี่จริงๆเหรอ”
“แพงเปล่า ก็อาจจะมีการต่อรองนิดหน่อย ซึ่งสุดท้ายแล้ว นี่ไงคะ ที่แพงจะทำ... ถึงต่อให้พี่บอกแพง แพงก็ทำได้แค่นี้ค่ะ แพงไม่ชอบ”
ประโยคทิ้งท้ายข้างหลังมาจากคำพูดที่ขาดห้วงเบาหวิวคล้ายพึมพำ เสียงถอนหายใจของเกียรติดังออกมาจนเธอได้ยิน ความหนักใจที่ออกมาจากเขานั้นสาวน้อยตรงหน้ารับรู้ได้ พลันทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบ ได้ยินแค่เสียงลิ้นชักที่ถูกไข ดึงออก และหยิบเงินปึกหนึ่งขึ้นมา
“ถ้าเขาสนใจแพง แพงจะว่าไงน้อง”
“คะ?”
แต่ละประโยคที่ออกมาจากปากเกียรติ มักทำคนฟังงงทุกทีไปสิน่า และมักจะดังขึ้นมาตอนเธอกำลังเหม่อลอยอยู่ทุกครั้งด้วย
“ถ้าเสี่ยคิระเขาสนใจแพง แพงจะโอเคไหม”
คนตัวเล็กไม่รู้ว่าคนที่เขาพูดถึงคือใครในสามคนนั้น ความตกใจที่มีทำให้ลืมบริบทของบุคคลเหล่านั้นไปหมดสิ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังสั่งเมนูพิเศษให้กันอยู่เลย หากแค่คำถามของเกียรติที่ลอยมาทำให้ไม่พอใจ และเกิดอารมณ์คุกรุ่น เธอที่เป็นแค่ลูกน้องก็พร้อมจะก้าวร้าวได้ทุกเมื่อ
“พี่ถามอะไรแพงอะ นี่พี่อย่าบอกนะว่าพี่เรียกแพงมาช่วยครั้งนี้ คือต้องการให้แพงดูแลพวกเขาโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวกับคนไม่พอ”
“อันนั้นก็เกี่ยว คนไม่พอจริงๆแพง แต่ไม่ได้จำเป็นถึงขนาดต้องลากเด็กในครัวออกมาทั้งที่ในนั้นก็ยุ่ง รู้ไหมป้าน้อยเกือบเป็นลมตั้งหลายรอบ”
“แล้ว? พี่ยังจะเรียกแพง..”
“แพงใจเย็นสิ พี่แค่ถาม”
เสียงของเกียรติอ่อนลงก่อน จึงดึงสติเธอกลับมาด้วย ความร้อนในตัวของเธอค่อยๆลดลง พอเริ่มมีสติขึ้นมาก็พลันเห็นคนตรงหน้า พร้อมความจริงทั้งหมดปรากฏอยู่ในนั้น เธอเป็นเพียงลูกน้องควรจะฟังเขาก่อน ที่นี่คือที่ไหนเธอย่อมรู้อยู่แก่ใจดี การจะมีใครสักคนมองเธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นไม่ใช่เรื่องผิด และการที่เจ้าของร้านอย่างเกียรติจะเรียกมาคุยยามแขกต้องการเด็กในมือ ก็ถูกต้องแล้ว
แล้วเธอเป็นอะไรไป
“เฮ้อ แพงขอโทษค่ะพี่เกียรติ แพงแค่..”
“แพงไม่ชอบถูกบังคับพี่รู้ รู้ด้วยว่าให้แพงออกมาทำในส่วนหน้าคราวนี้ลึกๆแพงไม่โอเคหรอก พี่ผิดเองที่ไม่ได้อธิบายน้องก่อน แต่มันฉุกละหุกจริงๆแพง ต้องเข้าใจพี่ด้วย ลูกน้องของเสี่ยโทรมาขอให้พี่หาเด็กแบบเร่งด่วน เจาะจงด้วยว่าต้องสวยแบบตะโกน พี่ไม่มีเวลาสแกนใครเลย อีกอย่างมองไม่เห็นว่าในนี้จะมีใครเหมาะ และการขัดเขานั้นเป็นเรื่องใหญ่ เขาสามารถปิดร้านพี่ได้เลยนะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ เขาเป็นใครกันคะ” เห็นเกียรติเงียบไป เธอจึงเปลี่ยนคำถาม “พี่ก็เลยนึกถึงแพง..”
“ก็แค่อยากให้ได้เจอกันก่อน อยากให้เขาเห็นว่าพี่มีเด็กอย่างที่เขาต้องการ แต่ถ้าเด็กมันไม่ยอม เขาก็ต้องปล่อยและหาใหม่ แบบให้พี่ได้มีเวลาเลือกบ้าง”
คำอธิบายเหยียดยาวของเกียรติทำให้พะแพงนิ่งไป ใจเย็นลง แต่นอกจากหัวคิ้วที่ชนกันก็ไม่มีอวัยวะส่วนไหนขยับอีกเลย เธอนั่งตัวแข็งทื่อ พลันความคิดนั้นก็แวบไปนึกถึงดวงตาคมกริบคู่นั้นที่สามารถเรียกคนใกล้ตัวให้หันไปมองได้ ราวกับต้องมนต์
“เขาจะไม่บังคับแพงจริงๆใช่ไหม”
“เขาจะไม่บังคับครับ ถ้าแพงไม่ยินยอม”
“โอเค ถ้าอย่างนั้นพี่เกียรติช่วยไปบอกเขาด้วยนะคะว่า แพงไม่ยอมค่ะ”
กลายเป็นเกียรติที่ยืนนิ่งแทน มือที่กำลังเปิดเอกสารกำลังยื่นไปหยิบปากกาถึงกับชะงัก ไม่คาดคิดว่าเธอจะมีนิสัยมุทะลุได้ขนาดนี้ พลันเกิดรอยยิ้มที่มุมปาก รู้สึกพึงพอใจขึ้นมาแปลกๆ
“ได้ครับ พี่จะบอกเขาให้ ว่าแต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดแพงใช่ไหม อะ เงินพิเศษพี่จ่ายเลยนะ เผื่อแพงอยากไปเที่ยวไหน ส่วนทิปรวมไว้มาเอากับยิ้มวันมาทำงาน คิดว่าคงยังไม่ได้นับ”
และประโยคสุดท้ายนั้นก็เรียกรอยยิ้มของเธอกลับมาไม่น้อย แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ใบหน้าที่ขึงขังในทีแรกก็เปลี่ยนเป็นสวยใสเหมือนเดิม
“ขอบคุณนะคะพี่ รู้ใจแพงที่สุดเลย”
“แน่นอนอยู่แล้ว... และแพงก็ต้องหายโกรธพี่ด้วย”
“แพงไม่เคยโกรธพี่ค่ะ”
จาก อาคีรา เบญ xxx-xxx000-0ดวงตากลมหรี่แคบเนื่องจากรู้สึกแสบร้อนหลังไม่ได้กะพริบมาหลายวิ ขณะเปิดดูรายการธุรกรรมในธนาคารของตัวเอง และพบว่าใครเป็นคนโอนมา ไม่ต้องคิดนานก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา คู่กรณีของเธอเมื่อคืนมันเยอะเกินจนเธอเป็นกังวล และไม่กล้านำออกมาใช้ แม้ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้จะเป็นแก้วละห้าหมื่น แต่เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ดื่มเยอะจนเขาต้องจ่ายเป็นแสน และต่อให้เป็นค่านั่งดริงก์ทั้งคืน ครึ่งล้านก็ไม่น่าจะถึง อีกอย่างเธอไม่เชื่อว่าคนโอนให้จะไม่มีอะไรแอบแฝงด้วย!ด้วยความกลัวบวกกับความไม่สบายใจ เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเข้าไปหาชื่อของเขา เพียงพิมพ์แค่ชื่อไม่ทันได้พิมพ์นามสกุล รูปของเขาก็โชว์หราเต็มจอ ตึกบ้าน คอนโด โครงการเป็นหมื่นล้าน ราวกับจะต้องเรียกเขาว่าเจ้าอสังหาริมทรัพย์!“.....!!”พะแพงในตอนนี้คือช็อคไปแล้ว เธอนั่งตัวแข็งทื่อ หากแต่นิ้วนั้นกำลังเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพเขายืนโดดเด่นรวมกลุ่มอยู่กับนักธุรกิจด้วยกัน ส่วนใหญ่ผู้คนเหล่านั้นต่างมีดีกรีเป็นคนชั้นสูง ซึ่งไม่ใช่เจ้าของก็เป็นทายาทอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บางรูปเขายังถ่ายกับดารา หรือนักร้องชื่อดังด้วย ในขณะบางคนเธอยังเป็นแฟนค
คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากโซฟาเกือบหัวคะมำ โดยร่างสูงที่อยู่ๆ ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา เขาต้องการจะพาเธอไปที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก หากแต่จังหวะนั้นเหนือเมฆผลักประตูเข้ามาซะก่อน และนั่นทำเขาหัวเสียไม่น้อย“เฮ้ยๆ จะพาน้องเขาไปไหน”“โรงแรม..”อีกมือที่ว่างดันคนยืนขวางประตูให้ถอยห่าง ทว่ากลับต้องฉุนอีกครั้งเมื่อถูกเขายื้อแขนเอาไว้ และไม่มีทีท่าจะว่าจะหลบไป แรงนั้นกระชากคนตัวเล็กจังหวะพุ่งไปข้างหน้าแต่ถูกกระชากกลับมาข้างหลังถึงกับเวียนหัว โชคดีที่เขาคว้าทันจังหวะหันไปเห็น และกลัวเธอจะล้มจึงโอบเอวไว้“ใจเย็นก่อนไอ้เสือ” ทั้งที่รู้ยิ่งเมาเพื่อนของเขาจะยิ่งหัวร้อน การไปขวางทางกันแบบนั้นมีแต่เสี่ยงจะเสียชีวิต หากแต่จำเป็นต้องทำเพราะความเป็นห่วง ดูท่าเพื่อนเขาเองก็เมาไม่เบา ถึงได้ขาดสติลากเด็กออกจากร้านอย่างประเจิดประเจ้อแบบนี้ “ใจเย็นแล้วฟังกูก่อน มึงจะลากน้องเขาไปแบบนี้ไม่ได้ มึงดูสภาพน้องเขาด้วย กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด อยากโดนข่าวดราม่ารึไง เรามันนักธุรกิจดังนะโว้ย”คราวนี้เขานิ่ง ประหนึ่งกำลังฉุกคิดตามคำเตือนเพื่อน หันมองคนตัวเล็ก ที่ขนาดทรงตัวยืนยังต้องใช้การบังคับจากเขาเลย และเมื่อเห็นด้วยร
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงเพลงในผับ แต่ดังอยู่ภายนอก มีแค่เสียงเบสเท่านั้นที่เล็ดลอดเข้ามาได้ ทั้งห้องมีแค่พวกเขาสองคน อีกสองคนไม่อยู่แล้ว พวกเขาพากันหายไปตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน ไม่มีวี่แววจะกลับมา นานจนเธอแอบคิดติดตลกว่าบางทีพวกเขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำกันที่บ้านคนตัวเล็กมองแก้วช็อตที่วางว่างเปล่าเรียงกันอยู่สองแก้วด้วยดวงตาพร่ามัว ส่วนในมือถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง และถ้ากระดกเข้าไปอีกคงจะเป็นแก้วที่สาม และแน่นอนเมื่อเหลือบไปเห็นคนข้างกายนั่งเฉยไม่ไหวติง เธอจึงกระดกรวดเดียวหมด ทว่าทันทีที่หมด แก้วใบนั้นก็ถูกฉกไปด้วยมือของเขา“เต็มที่ได้แค่นี้” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู “มากกว่านี้เดี๋ยวมันจะไม่สนุก”ไม่พูดเปล่า แต่มือใหญ่ที่ไม่ได้สากมากถูกยกมาวางไว้บนต้นขาเนียนด้วย พลางใช้ท้องนิ้วหัวแม่มือกดลงมาเบาๆ สลับกับการลูบไล้ไปมา และไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นไม่คิดจะปัดป่ายหรือเพราะเธอเมาแล้วทีแรกกะจะดื่มแค่แก้วเดียวตามแผนที่คิดไว้ เพราะเงินแค่นั้นสามารถเอาตัวรอดได้หลังลาออกจากงาน และระหว่างหางานใหม่ แต่ด้วยแรงกดดันจากการถูกคะยั้นคะยอย่างเหนือชั้นจนเกินไป ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง“ใค
เอาเข้าจริงเธอก็เกร็งไม่ใช่น้อย เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตอบตกลงเขาไปแล้ว ร่างบางยืนประจันหน้ากับเขา ด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ระดับของชายผ้าพ้นเข่ามาคืบนึง เธอจำได้ชุดนี้ยิ้มเคยใส่ และเธอก็เอ่ยปากชมว่าหล่อนสวย แต่หารู้ไม่เมื่อมาอยู่บนตัวเธอกลับสวยยิ่งกว่า มันทั้งเซ็กซี่และเย้ายวนในเวลาเดียวกันท่ามกลางการมองอยู่ของชายชุดดำที่แค่นั่งเฉยๆ ยังดูน่าค้นหา เขามองเธอนับตั้งแต่เดินเข้ามา มองตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากัน ด้วยสายตานี้ แววตานี้ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแน่นอนตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ว่าด้วยกลอุบายใดของใคร นั่นหมายความว่าไปเปิดทางให้เขาได้เดินเข้ามาแล้วกึ่งหนึ่ง“จะ จะให้นั่งตรงไหนคะ”เสี่ยคิระเลิกคิ้วสูง คำถามของเธอราวกับปลุกเขาตื่นจากภวังค์ ขณะจ้องมองคนตรงหน้าแบบตาไม่วางตา เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่าไม่สามารถละสายตาไปไหนได้“ตรงนี้ก็ได้”มือหนาตบเบาะตรงที่ว่างข้างๆ พลางกระเถิบไปฝั่งซ้ายที่มีลลิสานั่งอยู่และหล่อนก็กระเถิบหลีกให้ตามสัญชาตญาณไปประชิดกับอีกคน ปลุกให้อีกคนหลุดจากการเหม่อลอยตื่นตามกัน ละสายตาจากการมองแก้วบรั่นดีในมือมาสนใจพวกเขาทั้งหมด แต่พอสายตาไปปะทะกับคนคู่นั้น ถึง
พะแพงเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกคอแห้ง กลืนก้อนแข็งติดคอก็คราวนี้ เป็นสิ่งที่มาพร้อมๆ กับความตกใจ และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ใบหน้าของเธอร้อนวูบขณะสบตากับเขา ร่างสูงในชุดดำทั้งชุดจ้องเขม็งมา ราวกับว่าเขานั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ยิ้ม?”คนตัวเล็กหันไปเค้นเสียงใส่รุ่นพี่ วินาทีแรกยังคงมองหล่อนในแง่ดีอยู่ คิดว่าไม่รู้เรื่องราว แต่พอได้ยินประโยคนั้นจากปากของเกียรติ แทบจะล้มทั้งยืน“ยิ้มไปพูดอีท่าไหนน้องถึงยอมมา” เขาทำราวกับเป็นเรื่องน่าขัน พลันหันไปทางอีกคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าเรียบ แต่ไม่คิดจะละสายตาออกไปจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับเสี่ย”“จะรีบไปไหน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันก่อน”เห็นได้ชัดว่าเกียรติหน้าถอดสี เมื่อไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา แต่ขอให้อยู่ต่อเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ความคิดที่ต้องการหลบหลีกไม่กล้าเผชิญหน้ากับพะแพงจึงหายไปทันที เสมือนคิระรู้ ถึงได้ยกยิ้มริมฝีปากหยัก จังหวะรินบรั่นดีเพิ่มในแก้วตัวเองอย่างพอใจ“จะไปบอกเด็กให้นำค็อกเทลชุดพิเศษสำหรับวันเกิดมาให้น่ะครับ”“ไม่ต้องหรอก กูกับเพื่อนไม่ดื่มค็อกเทล”จังหวะนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าลลิสาเพื่อนของเข
เกียรติชะลอรถช้าลงขณะถึงที่หมายและกำลังเลี้ยวเข้าซองจอดที่ประจำของตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์กะพริบถี่แจ้งหมายเลขของคนคุ้นเคย ที่พักนี้โทรบ่อยซะจนน่าใจหาย เริ่มเป็นห่วงชีวิตของตัวเองและกังวลมากขึ้น ถึงชะตากรรมที่เสี่ยงขาดสะบั้นในไม่ช้านี้ทันทีที่เขาเห็นชื่อถึงกับใช้เกียร์ถอยไม่ถูก กว่าจะหาองศาจอดให้เรียบร้อย สายนั้นก็ถูกตัดไปเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะโทรกลับในเวลาไล่เลี่ยกัน“ขอโทษทีครับคุณปุณ ผมกำลังจอดรถถึงร้านพอดี มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”(เปล่า แค่จะบอกว่านายกูอยู่ร้านมึง)ได้ยินอย่างนั้นเจ้าของร้านถึงกับหูดับทันที พร้อมใบหน้าร้อนวูบ ใจสั่นอัตโนมัติราวกับคนหิวจัดแต่ไม่มีเวลากิน“ครับ? ตอนนี้นะเหรอครับ”(ใช่ นายพาเพื่อนไปจัดงานวันเกิด กูรอรับอยู่ข้างนอก ส่วนข้างในยกให้เป็นหน้าที่ของมึง ดูแลดีๆ ล่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าขัดใจนาย เขาเพิ่งจะทะเลาะกับพี่ชายมา)นี่ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นการบอกกล่าวและตักเตือน ประหนึ่งว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ถ้ามีบางอย่างผิดพลาด เผลอทำนายเขาไม่พอใจ เกียรติหน้าเสีย จังหวะนั้นการพาตัวเองไปข้างหน้าแทบจะลอยไปมากกว่าเดิน โชคดีที่ขาไม่สะดุดจนพาตัวเองล้มลงให้ขายขี้หน้าลูก







