เมื่อรถแล่นเข้ามาในบ้าน ที่ปกคลุมไปด้วยป่าล้อมรอบไปด้วยสวนยางพารา ม่านฟ้ามองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ต่อไปนี้เธอไม่อาจรู้ได้ ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง คเชนทร์คงไม่ปล่อยให้เธอมีชีวิตที่สงบสุขแน่
แม้ว่ารถจะจอดสนิทแล้ว เธอกลับไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้าลงไป ใจของเธอมันเริ่มสั่น และหวาดกลัว ภายนอกใครพบเห็นต่างก็มองว่า ม่านฟ้าเป็นเด็กก้าวร้าวเอาแต่ใจ การแสดงออกแบบนั้น มันเป็นแค่เพียงการปกปิดปมด้อยที่มีภายในใจ ความอ่อนแออ่อนแอที่โหยหาความอบอุ่นความรักจากผู้เป็นมารดาเท่านั้น
"เชิญครับคุณม่านฟ้า" เมื่อคนขับรถเปิดประตูให้ และเรียกเธอเป็นครั้งที่สอง ม่านฟ้าจึงตัดสินใจ ก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะเดินตามชายผู้นั้นไป
พอม่านฟ้าเดินเข้ามาในบ้าน ก็พบกับคเชนทร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ราคาแพง ที่ถูกขัดเงาวาววับจนแสงมันระยิบระยับแสบตาไปหมด
“นายสักกระเป๋าของเธอ ทำไมไม่ให้เธอถือมาเอง วางไว้ตรงนั้นแหละ!”
คำทักทายแรกของคเชนทร์ ช่างเป็นมิตรกับม่านฟ้าเหลือเกิน วาจาที่เปล่งออกมาแข็งกร้าว ราวกับเกลียดชังเธอมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
ม่านฟ้ารู้ดีว่าคเชนทร์เกลียดมารดาของเธอมาก ถึงมากที่สุด และเขาคงไม่หยุดความเกลียดไว้เพียงแค่นั้น เพราะมันได้ลามมาถึงเธอด้วยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เธออายุเพียงแค่สิบแปด ไม่มีทางเลือกอื่นเลย มันจำเป็นที่เธอต้องมาอยู่ที่นี่กับคเชนทร์เพียงเพราะเงินตรา ที่เธอไม่มีปัญญาหามาใช้เอง
"สวัสดีค่ะคุณคเชนทร์" ม่านฟ้าพูดทักทายพร้อมกับยกมือไหว้เจ้าของบ้านตามมารยาท อย่างน้อยเธอคงต้องอาศัยอยู่ที่นี่อีกยาวนานการสร้างศัตรูกับเขานั้น มันไม่ดีสำหรับเธอเลย
“ไม่เต็มใจก็ไม่ต้องยกมือไหว้ เพราะฉันไม่รับ เอากองไว้ตรงนั้นแหละ” เขาพูดพร้อมกับมองมาที่เธออย่างเหยียดๆ เหมือนกับว่าเธอเป็นตัวน่ารังเกียจสำหรับเขา
"ดูจากการแต่งตัวแล้ว นึกว่ามาจากซ่อง นายสักไม่ลากลงข้างทางก็บุญหัวเธอเท่าไหร่แล้ว" เขายังคงพูดกัดเธอไม่ปล่อย ม่านฟ้าไม่รู้ว่าจะรับศึกครั้งนี้ได้ยังไง เธอจะใช้อาวุธอะไรต้านทานเขาได้
"มันตัวฉัน ชีวิตฉัน จะใส่เสื้อผ้าหรือไม่ใส่ มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ" ม่านฟ้าไม่อาจยอมให้เขามาดูถูกเธออีกต่อไป ได้ลองสักตั้งฟันต่อฟัน ตาต่อตา ให้มันฉิบหายวายวอดไปเลย
“หึ! หึ!” เสียงสบถอยู่ในลำคอของคเชนทร์ดังขึ้นมา ทำให้ม่านฟ้ารู้ว่าสงครามระหว่างเธอกับเขากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
"ก่อนที่เธอจะมายืนโชว์เนื้อหนังมังสา ขึ้นไปเก็บกวาดที่ซุกหัวนอนก่อนดีไหม"
เขาพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง แสดงว่าบ้านหลังนี้ไม่มีคนรับใช้ไม่มีแม่บ้านเลยหรือยังไง เขาถึงใช้เธอไปทำความสะอาด ทั้งที่เพิ่งทางมาถึงเหนื่อยๆ
"ก็ให้แม่บ้านทำไปสิ มันเป็นหน้าที่ของพวกเขา ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน”
“หึ! หึ!” ฉันล่ะเกลียดเสียงนี่จริงๆ เลย หน้าตาก็หล่อเหล่าดูดี แต่เสียงที่อยู่ในลำคอนั่นราวกับปิศาจร้าย
"ที่นี่เขาอยู่กันแบบพี่น้อง ไม่มีคนรับใช้ ไม่มีแม่บ้าน ต้องช่วยเหลือตัวเอง หุงข้าวกินเอง ทำกับข้าวกินเอง ล้างจานเอง ซักผ้าเองและที่สำคัญต้องทำงานทุกคน!”
“ฮ๋า!...” ม่านฟ้าอุทานออกมาเสียงหลง สิ่งที่เขาบรรยายและพูดออกมานั้น เธอทำไม่เป็นสักอย่าง นี่พ่อเลี้ยงของเธอส่งเธอมาลงนรกหรืออย่างไร ที่นี่มันคือหลุมฝังศพเธอชัดๆ
ม่านฟ้ารีบอาบน้ำทันที เมื่อเข้ามาถึงห้อง เพราะเธอรู้สึกเหนียวตัวไปหมด เมื่อโดนน้ำเค็มแถมชุดที่ใส่ก็ยังเปียกโชกอยู่เลย เธอไม่รู้ว่าต่อไปนี้ชีวิตจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เมื่อนายหัวคเชนทร์นั้นประกาศเป็นศัตรูกับเธออย่างชัดเจน ยังดีที่ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นสุภาพบุรุษ คอยช่วยเหลือเธอ แต่นั่นก็คงจะไม่ตลอด เพราะยังไงนายหัวคเชนทร์ก็คงจะไม่ปล่อยให้ชีวิตของเธออยู่แบบเป็นสุขแน่ เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จม่านฟ้าจึงเดินลงมาด้านล่าง เพื่อหาอะไรรับประทาน เพราะเธอเริ่มหิวจนไส้จะกิ่วแล้ว "ป้ามีอะไรทานบ้างคะ" "มีแกงเหลือง แกงไตปลา คุณม่านฟ้าไปนั่งรอที่โต๊ะเลยค่ะ เดี๋ยวป้าจัดการให้ นายหัวคเชนทร์ก็กำลังทานอยู่พอดี" คำบอกเล่าของป้าอุ่นทำให้ม่านฟ้าอยากแกล้ง นายหัวหนุ่ม เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร "ไม่มีมารยาท" คำพูดของนายหัวคเชนทร์ดังขึ้น ทำให้ม่านฟ้าอยากจะเอากำปั้นตะบันหน้าเ
ม่านฟ้าถูกนายหัวคเชนทร์ลากขึ้นเรืออย่างทุลักทุเล เขาไม่ปรานีหรือแยแสต่อร่างเล็กของเธอเลยสักนิด เวลานี้ที่หน้าแข้งของเธอมีรอยถลอกเป็นทางยาว แล้วยังมีเลือดไหลซิบออกมา เมื่อนายหัวหนุ่มนั้นลากเธอไม่พ้น แล้วหน้าขาของม่านฟ้าครูดเข้ากับขอบเรือ “โอ๊ะ!! โอ๊ย!” ม่านฟ้าร้องออกมาเสียงดัง เมื่อเขาโยนร่างเล็กของเธอนั้นทุ่มลงไปกองกับท้องเรือ“หึหึ! แค่นี้มาทำเป็นสำออย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะม่านฟ้า มารยาของเธอใช้กับฉันไม่ได้หรอก” พูดจบคเชนทร์ก็สั่งให้คนออกเรือ ไม่นานม่านฟ้าก็เริ่มเวียนหัว อยากจะอ้วกออกมา “อ้วกกก! ขับช้าหน่อยได้ไหม ฉันจะอ้วกแล้วเนี่ย! หรือจะให้อ้วกใส่เรือ” “เธอนี่มันเรื่องมากจังเลยนะยัยหน้ามึน” นายหัวคเชนทร์จำใจต้องสั่งให้คนขับเรือหยุดก่อน เพราะไม่อย่างนั้นม่านฟ้าคงอ้วกออกมาเต็มท้องลำเรือ และเขาก็ไม่ปรารถนาที่จะให้เป็นเช่นนั้น เพราะขยะแขยงทุกอย่างที่เป็นเธอ “อ้วก! อ๊วก!” ม่านฟ้าอ้วกออกจนหมดไส้หมดพุง ไม่นานเธอ
นายหัวคเชนทร์เดินตรงดิ่งมาที่ม่านฟ้าเขาไม่รอช้ากระชากเธอลุกขึ้นทันที ผู้หญิงอย่างเธอไม่ควรได้รับความปรานีจากเขาเช่นกัน เธอมันร้ายกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ “โอ๊ะ! โอ้ยย!” "ปล่อยฉันเจ็บ!” ม่านฟ้าพยายามใช้เท้ายันพื้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้นายหัวคเชนทร์นั้น ลากเธอออกไปจากห้องได้ แต่มันก็ไร้ผล เมื่อแรงของเขานั้นมีมหาศาลยังกับแรงของช้างก็ไม่ปาน ไม่นานเธอก็พ่ายแพ้ให้กับแรงชายจนได้ “นายหัวคเชนทร์ปล่อยคุณม่านฟ้าเถอะค่ะ เธอไม่สบายอยู่นะคะ” มารดาของมาหยาร้องขอออกไป แต่นายหัวคเชนทร์ก็ไม่ได้สนใจ ในการการกระทำนั้นเลย ข้อมือเล็กเรียวของเธอถูกเขากำไว้แน่น จนกระดูกแทบหัก ตอนนี้มันแดงไปหมดแล้วเพราะมือแกร่งที่แข็งแรงบีบรัดข้อมือเล็กเรียวเอาไว้แน่นเกินไป เหมือนเขากำลังตั้งใจแกล้งเธอ ก่อนจะผลักร่างอรชรให้ล้มลงไปต่อหน้าต่อตาอย่างไม่แยแส ตุ๊บ!!
ในขณะที่ม่านฟ้ากำลังหลับใหลได้ที่ ด้วยความเหนื่อยและเพลียจากการเดินทาง แถมยังต้องมาจัดห้องที่รกรุงรัง ร่างกายที่บอบบางของเธอ ซึ่งไม่เคยแม้แต่จะกวาดบ้าน เวลานี้ก็เริ่มจะมีไข้ตัวของเธอเริ่มร้อนระอุเป็นไฟ ในขณะที่นายหัวคเชนทร์เตรียมตัวจะออกไปสวนยาง ในเวลาเที่ยงคืน เขาตั้งใจจะแกล้งเธอ ให้สาสมกับที่มารดาของเธอได้พรากความรักของบิดาไปจากมารดาของเขา ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! คเชนทร์เคาะประตูหลายครั้ง แต่ม่านฟ้าก็ไม่เปิดให้เขาสักที เพราะในเวลานี้เธอไม่มีแม้แต่แรงจะลุกยืน มันปวดเมื่อยไปหมด "ม่านฟ้าฉันบอกให้เธอเปิดประตู ออกมาได้เวลาแล้ว!” นายหัวคเชนทร์ตะโกนออกไป แต่ก็ไร้เสียงตอบรับกลับมา ทำให้เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ตัดสินใจพังประตูเข้าไป ปึง!!! "ลุกขึ้นมาได้ยินไหมที่เรียก บอกใ
คเชนทร์ขับรถกลับก็มืดค่ำแล้ว แต่ไฟที่บ้านหลังนี้เปิดจ้าทุกดวง ปกติถ้าเขาออกไปไหนมาหยา และมารดาของเธอ ก็จะทำอาหารรอกลับมาก็ทานได้เลย แต่วันนี้เขาสั่งให้ทุกคนไม่ต้องมาทำอาหาร งดงานบ้านทุกอย่าง เพราะเขาจะทานข้าวมาจากในเมือง และจะมีคนทำงานบ้านแทนแล้ว คนนั้ที่เขาพูดถึงก็คือม่านฟ้าในเวลานี้ม่านฟ้าหิวจนไส้กิ่วแล้ว เธอนั่งรอคเชนทร์กลับมา รอแล้วรอเล่าเขาก็ไม่มาสักที ในครัวก็ไม่มีอะไรทานได้ ข้าวที่เหลืออยู่ก้นหม้อ มันไม่พออิ่มด้วยซ้ำไข่ในตู้เย็นมีไม่กี่ฟองมันก็ดิบเธอกินไม่ได้ ติดเตาก็ไม่เป็น ม่านฟ้าเดินไปเดินมาแล้วก็กลับมานั่งที่เดิมอีกรอบ แล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น เมื่อรถของคเชนทร์เข้ามาจอด พอเขาเดินเข้ามาในบ้านม่านฟ้าไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปถามทันที "คุณซื้ออะไรมาทานบ้าง" นั่นคือคำถามของหญิงสาวอายุสิบแปดที่เวลานี้เธอยอมเอ่ยปากพูดดีกับเขา เพียงเพื่อปากท้อง ที่มันหิวจนยอมลดอีโก้ลงมาพูดดีกับคเชนทร์ คเชนทร์หันหน้ามามองม่านฟ้า พร้อมกับแสยะยิ้มส่งไปให้เธอ นั่นแหละสิ่งที่เขาต้องการ ต่อให้เธอหิ
ม่านฟ้าลากกระเป๋าขึ้นมาบนห้องอย่างทุลักทุเล เมื่อคเชนทร์ไม่ยอมให้ใครช่วยเหลือเธอเลย แถมยังให้คนเดินมาบอกห้องที่เธอจะนอนนั้นรกยังกับรังหนู ตายแน่ๆ แล้วเธอจะทำยังไง กวาดบ้านถูบ้านก็ไม่เคยทำม่านฟ้ายืนนึกอะไรได้สักพัก เวลานี้คเชนทร์ไม่อยู่บ้าน เขาขับรถออกไปข้างนอก เธอไม่รู้หรอกว่าเขาไปไหน แล้วเธอก็ไม่สนใจ เมื่อหญิงสาวกำลังมีแผนการแก้เผ็ดคเชนทร์ เขาคิดลองดีอยากแกล้งเธอนัก จะเอาให้ชักดิ้นชักงอตายเลยคอยดู หญิงสาวเปิดกระเป๋า แล้วหาผ้ามาปิดจมูกเอาไว้ ก่อนจะจัดการเปิดหน้าต่าง แล้วรื้อของในห้องโยนลงไปทีละชิ้น โดยไม่แยแสว่ามันจะแตกหรือไม่ ของชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ถูกโยนลงไปเกือบหมด เหลือเฉพาะชิ้นที่ใหญ่มาก ไม่พอดีกับหน้าต่าง และเธอก็ยกไม่ไหว เมื่อเสร็จเรียบร้อยม่านฟ้านั่งลงที่พื้นอย่างคนหมดแรง “คุณคเชนทร์ คุณต้องการเปิดศึกกับฉันใช่ไหม ถึงได้แกล้งฉันสารพัดแบบนี้ ถ้าคุณต้องการ ฉันก็จะจัดให้ รู้จักม่านฟ้าน้อยไปซะแล้ว”ม่านฟ้าพูดขึ้นอย่างผู้มีชัย เธอหารู้หรือไม่ว่าภัยกำลังคืบคลานมาใกล้ตัว คเชนทร์ไม่ปล่อยเธอไว้แน่ หากรู้ว่าสิ่งที่เธอ