“แล้วเธอ ทำไมไม่ทำงาน มัวงอมืองอเท้าเป็นคนพิการรึยังไง หยินเยว่ ฉันอดทนให้เธอโขกสับลูกสาวฉันมานานเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ไปอย่าไปยุ่งกับถิงถิงมันอีก!!!” หลิวหยางตวาดใส่ภรรยาของตนอย่างไม่ไว้หน้า หยินเยว่มองเขาตาขวาง
“หึๆ ถ้าฉันจะยุ่งกับมันพี่จะทำไม มันต้องออกมาช่วยดูแลน้องสิ ในเมื่อพ่อมันไม่มีปัญญา มันเป็นลูก มันจะทิ้งให้น้องลำบากแล้วตัวมันมาสุขสบายอยู่ที่นั่นคนเดียวได้ยังไงกัน” หลิวหยางเอือมระอากับหยินเยว่ เขารู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้ความหลงครอบงำเขา จนยอมขายสมบัติที่มีทุกอย่างมาปรนเปรอนังจิ้งจอกตัวนี้ ที่วันนี้ได้แว้งกัดจะมาทำร้ายลูกของเขา ก่อนที่หลิวหยางจะได้พูดอะไรขึ้นมาอีก ต้าฉินก็เอ่ยขึ้นเสียงเย็น “เมื่อก่อนหลิว ถิงถิงอาจจะโดนป้าโขกสับ หรือใช้ได้ตามใจชอบ แต่ตอนนี้ป้าไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นแล้วล่ะ” “ทำไมยะ แล้วแกเป็นใคร จับพวกฉันมาทำไม!!!” หยินเยว่เอ่ยถามข่มความกลัว ดวงตาที่เกรี้ยวกราดของผู้ชายตรงหน้า น่ากลัวกว่าสามีของเธอที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก “เราต้องขอโทษคุณหลิวด้วยนะครับ ที่ต้องเชิญคุณมาด้วยวิธีนี้ นั่นก็เพราะตอนแรกเรายังไม่แน่ใจว่าคุณมีส่วนที่บังคับให้หลิวถิงถิงลาออกจากมหาวิทยาลัยหรือเปล่า เราเลยต้องพามาเพื่อสืบหาความจริง แต่ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าคุณยังคงมีสัญชาตญาณของความเป็นพ่อ ไม่ได้ร่วมมือกับยังจิ้งจอกนี่” น้ำเสียงอ่อนลงเอ่ยขึ้นกับชายวัยกลางคน ก่อนที่ลูกน้องคนหนึ่งจะไปแก้มัดให้นายหลิวหยาง ชายวัยกลางคนมองอย่างงงๆ “ส่วนป้า เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อย คุณหลิว ผมคงต้องขอเวลาส่วนตัวคุยกับภรรยาจิ้งจอกของคุณสักหน่อย” เสียงเข้มหันไปบอกคนที่กำลังนั่งตัวสั่นมองไปที่สามีของตนที่ตอนนี้เป็นอิสระจากการถูกมัดแล้ว “ไม่นะพี่ อย่าทิ้งฉันนะ ซือเยว่กำลังรอฉันอยู่ ลูกกลับมาบ้านแล้วคงหิวแย่ ฉันต้องกลับบ้าน ปล่อยนะ!!! ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับพวกแก!!!” หยินเยว่อ้อนวอนผู้เป็นสามีที่กำลังลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินจากไป แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อนึกถึงบุตรสาวคนเล็ก “คุณหลิวกลับไปก่อนนะครับ รับรองว่าผมจะส่งคุณหยินเยว่กลับบ้านอย่างปลอดภัย หลังจากเราทำความเข้าใจกันแล้ว” ต้าฉินบอกกับหลิวหยาง เขามองไปที่ใบหน้าภรรยาที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนมา ก่อนที่จะมองไปยังคนแปลกหน้าที่ดูก็รู้ว่าไม่น่าจะธรรมดา นี่ลูกเขาไปรู้จักกับคนพวกนี้ได้ยังไงกัน “ผมหวังว่าพวกคุณจะรับปาก ว่าจะไม่ทำร้ายผู้หญิง” หลิวหยางเอ่ย ถึงภรรยาจะเป็นคนไม่ดี แต่เธอก็มีลูกสาวกับเขา ลูกสาวที่อายุเพียง16ปี และตอนนี้น่าจะกำลังรออยู่ที่บ้าน “มะ..ไม่นะพี่หลิว พี่อย่าทิ้งฉันไปนะ...” หยินเยว่อ้อนวอน “คุยกับเขาสักหน่อยนะหยินเยว่ เผื่อเธอจะได้ดีขึ้น และเข้าใจอะไรง่ายขึ้น” หลิวหยางบอกก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับชายแปลกหน้าหนึ่งในสี่ หยินเยว่น้ำตาไหล ก่อนที่จะหันไปถามผู้ชายแปลกหน้าที่คิดว่าเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้อย่างใจกล้า “พวกแก........เป็นอะไรกับหลิวถิงถิง” “พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกับเธอหรอก แต่กับนายของเราน่ะเธอเป็น....” ต้าฉินบอกพร้อมรอยยิ้มที่เยือกเย็น “ใครเป็นนายพวกแก นังถิงถิงมันไปขายตัวให้นายแกใช่ไหม” ความคิดน่ารังเกียจยังออกมาจากปากของหญิงวัยกลางคนได้อย่างไม่รู้สึกผิด “หึๆ สมองอย่างป้าคงคิดได้แค่นี้สินะ ทำไมถ้าคุณหลิวเธอขายจริงๆ ป้าจะไปไถเงินจากเธออีกหรือไง” ต้าฉินหัวเราะออกมา ก่อนที่จะมองหน้าของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างรู้สึกเอือมระอา “กะ...ก็ มันยังมีน้องที่ต้องดูแลไง ถ้ามันมีเงินมันก็ต้องแบ่งมาให้น้องบ้างพวกนายว่าจริงไหมล่ะ” หยินเยว่เอาลูกสาวของตนมาอ้าง “หึๆ น้องที่ไม่ใช่น้องแท้ๆ น่ะหรอ” ต้าฉินแสยะยิ้ม หยินเยว่ตาเบิกกว้างอย่างตกใจ เธอไม่คิดว่าจะมีคนรู้ความลับเรื่องนี้ คนตรงหน้านี้รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน "ถ้าป้ายังไม่อยากให้มีใครรู้เรื่องนี้ ก็จงใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวอย่างสงบเสงี่ยม อย่าได้เสนอหน้าไปหาหลิวถิงถิงที่มหาวิทยาลัยอีก ถ้าป้าไม่ฟัง ป้าจะมาโอดครวญทีหลังไม่ได้นะ เพราะครั้งหน้าจะไม่ใช่แค่ป้าเท่านั้นที่โดนจับมา อาจจะมีลูกสาววัยกำลังโตของป้าด้วย" ต้าฉินบอกก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา หยินเยว่รู้สึกหวาดกลัวผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาทันที“ยินดีด้วยนะลี่หลิน คุณจางหลง ในที่สุดก็จะลงเอยกันเสียที” เจ้าของร้านคนสวยเอ่ยแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวทันทีที่เห็นคู่รักเดินเข้ามาในงานเลี้ยงขนาดเล็กภายในร้านของเธอ วันนี้ร้านของเธอปิดทำการขายหนึ่งวัน และได้นำขนมบางส่วนไปให้เด็กๆ ตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ทาน ส่วนสามีสุดหล่อแถมสายเปย์ก็มอบทุนการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาสในนามของตระกูลซือ“จ้ะ ขอบใจเธอมากนะที่ทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน” ลี่หลินเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมาจับมือเพื่อนสาวคนสวยที่ราศีคุณนายจับ ผิวขาวเนียนผุดผ่องตามประสาคนไม่ค่อยโดนแสงแดด“มันเป็นพรหมลิขิตมากกว่า จริงไหมคะคุณจางหลง” ซือถิงถิงเอ่ยออกมาพร้อมกับเอ่ยถามบอดี้การ์ดมือซ้ายของสามีหนุ่มยิ้มๆ “ใช่ครับคุณนาย” จางหลงตอบพร้อมยิ้มกว้างออกมา ‘อันที่จริงก็เพราะคุณนายหนีไปทำงานที่เมืองเอ็มอยู่กับลี่หลินนั่นแหละครับผมถึงได้เจอเธอ’ จางหลงคิดในใจหากแต่เขาไม่พูดออกมาเพราะการหนีไปครั้งนั้นของเธอทำให้คุณชายซือผู้ที่เคยเย็นชาของเขากลับกลายเป็นคุณชายซือผู้คลั่งรักและแสนอบอุ่นกับภรรยาและลูกๆ ทั้งสองในวันนี้ สองหนุ่มสาวทักทายเจ้าของร้านคนสวยอยู่สักพักก่อนที่จะเข้าไปเล่นกับคุณชายน้อยและคุณหนูน้
5 ปีผ่านไป สองแฝดน้อยเติบโตมาเป็นเด็กดี และด้วยไอคิวและอีคิวที่สูงกว่าเด็กทั่วไปเลยทำให้ทั้งสองเด็กน้อยถูกเรียกว่าเด็กอัจฉริยะ ทั้งลู่ชิงและลู่เหลียนต่างเป็นที่รักของครอบครัว ครูอาจารย์และเพื่อนๆ ทั้งชั้นเรียน เพราะความเก่ง ฉลาด และมีนิสัยน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ถือว่าตนอยู่ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่หรือสูงส่ง ลู่ชิงและลู่เหลียนมีเพื่อนตั้งแต่ตระกูลธรรมดาไปจนถึงลูกเจ้าของบริษัท“แม่ครับ วันนี้ผมขอไปเตะบอลกับต้าเฟยนะครับ” เสียงเล็กๆ ของบุตรชายเอ่ยดังขึ้นหลังจากกลับมาจากโรงเรียน ต้าเฟยคือบุตรชายของต้าฉิน กับหลินหลิน ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานและมีลูกในทันทีทำให้สองเด็กน้อยมีอายุห่างกันแค่สิบเดือนเท่านั้น“แล้วลู่เหลียนจะไปอยู่ไหนล่ะคะพี่ลู่ชิง” น้องสาวที่คลอดห่างกันไม่กี่นาทีเอ่ยถามพี่ชายขึ้นเพราะต้าเฟยนั้นก็เป็นผู้ชาย เด็กวัยเดียวกันกับเธอนั้นไม่มีเลย มีก็แต่น้องซูหนี่ว์ บุตรสาวของคุณน้าซือซือ ซุปตาร์สาวเพื่อนของมารดาที่อายุน้อยกว่าเธอไปถึงสามปี น้องเพิ่งจะได้สองขวบ เพราะคุณน้าซือซือเพิ่งตกลงแต่งงานกับคุณลุงเจียอีที่ตามจีบคุณน้ามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย “เอาอย่างนี้ไหมคะลูก เดี๋ยวลู่เหลียนไปที
“ชอบเขาหรอวะจางหลง” ต้าฉินโพล่งถามขึ้นมาทันที จางหลงที่ยกน้ำขึ้นมากระดกพอดีน้ำแทบจะพุ่งพรวดออกจากปาก มือหนายกขึ้นมาเช็ดปากก่อนที่จะหันขวับไปมองใบหน้าหล่อเหลาของไอ้เพื่อนสนิท “เออ...ว่าแต่อาการของข้ามันมองออกขนาดนั้นเลยหรอวะ” จางหลงเอ่ยถามขึ้นเสียงหลง “มาก ไม่ค่อยแสดงออกเลยฮ่าๆๆ” “เออ..ใครมันจะไปเก็บความรู้สึกเก่งแบบแก ระวังเถอะ ระวังสุนัขคาบไปรับประทาน แม่นักข่าวสาวเพื่อนสนิทของแกน่ะ” จางหลงไม่ยอมให้เพื่อนมาแขวะอยู่ฝ่ายเดียว เลยเอาความลับที่รู้มาแขวะเพื่อนกลับไปเช่นกัน ต้าฉินมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างตกใจ “เฮ้ย!! แล้วแกรู้ได้ไงวะ ฉันไม่เคยแสดงออกเลยนะ” ต้าฉินอุทานพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัยปนตกใจ “ก็แกน่ะคบผู้หญิงสักคนที่ไหน ก็เห็นจะมีแต่หลินหลินคนเดียวที่แกคุยด้วย โถ่!! ไอ้ต้าฉินอย่าคิดว่าแกถือไพ่เหนือกว่าคนเดียวสิวะ ขนาดเรื่องนี้คุณชายยังรู้เลยฮ่าๆๆๆ” จางหลงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ต้าฉินตาเบิกโพลงเขาไม่คิดว่าคุณชายผู้ที่ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ แต่ดันมารู้เรื่องของหัวใจที่เขาปิดบังเอาไว้สองหนุ่มหยอกล้อกันระหว่างที่นั่งคุมเชิงอยู่หน้าห้องพักฟื้นVVIPของคุณนายซือ
หกเดือนต่อมา และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงวันที่สองแฝดน้อยได้กำหนดการในการลืมตามาดูโลก คุณนายใหญ่ดูจะเป็นผู้ที่ตื่นเต้นกว่าใครทั้งหมด ด้วยยังไม่รู้ว่าหลานๆ ของตนนั้นเป็นเพศไหน เพราะทั้งบุตรชายและสะใภ้ต่างอยากจะรอลุ้นในวันคลอดทีเดียว ผู้เป็นย่าจึงทำได้แค่เพียงรอคอยและเตรียมชื่อไว้ให้สองแฝดเท่านั้น ซือมู่อันตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขาคอยทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ภรรยาสาวมาเป็นอย่างดี แถมเขายังงดเรื่องบนเตียงมาได้เกือบสามเดือนแล้ว เนื่องจากกลัวว่าจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกน้อยทั้งสอง ซือถิงถิงเคยพูดเล่นให้เขาไปทำแบบเดิมช่วงที่เธอไม่สามารถมอบความสุขให้เขาได้ แต่ผู้ชายแบบเขาก็ไม่มีทางผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับภรรยาเด็ดขาด เขาเลือกที่จะช่วยตนเองและออกกำลังกาย แทนการไปปลดปล่อยกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตน “สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะพี่ตงตง ถิงถิงเข้าห้องคลอดไปนานหรือยังคะ” เสียงหวานจากซุปตาร์สาวที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนี้เอ่ยทักทายครอบครัวของเพื่อนสนิท ก่อนที่จะถามถึงเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “อ้าว สวัสดีจ้ะหนูซือซือ เข้าไปได้สักพักแล้วจ้ะ เห็นว่าจะคลอดเองนะ แม่ก็อดท
หลิวถิงถิงเขินจนหน้าแดง ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ของสามีหนุ่มอย่างหมั่นไส้ และหันไปมองสองบอดี้การ์ดหนุ่มข้างหลังก็พบว่าคนทั้งคู่กำลังมองไปทางอื่นเลยถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างรู้สึกโล่งใจที่สองบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ทันเห็น แต่หารู้ไม่ว่าริมฝีปากหนาของทั้งจางหลงและต้าฉินยกยิ้มขึ้นมาอย่างขบขันเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่แผนกบัญชีและการเงิน ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสีขาวลายดอกไม้ก็เดินออกมาจากลิฟต์อย่างสง่างาม พร้อมด้วยบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างจางหลงที่มาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับคุณนายซือ สี่สาวและสองหนุ่มมองมาที่หญิงสาวในสถานะใหม่อย่างตกตะลึง ก่อนที่ทุกคนจะรีบเดินออกมายืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานเพื่อต้อนรับคุณนายซือ“สวัสดีค่ะพี่จินหยูและพี่ๆ ทุกคน สบายดีกันไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ผู้จัดการแผนกมองไปที่หญิงสาวที่มีรูปร่างอวบอิ่มอย่างตื่นเต้นและดีใจ“พี่สบายดีค่ะ น้องถิงถิง เอ่อ...คุณนายซือก็สบายดีใช่ไหมคะ” หญิงสูงวัยกว่าทักทายกลับก่อนที่จะเอ่ยถามภรรยาของท่านประธาน“เรียกว่าถิงถิงเหมือนเดิมก็ได้ค่ะพี่จินหยู พี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะ”“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้น้องถิงถิง..เอ
เรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่านอนกอดก่ายอยู่บนเรือนร่างหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสามีหมาดๆ เปลือกตาบางหลับพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากผ่านค่ำคืนที่บ่งบอกว่าเธอและเขาคือคนคนเดียวกันโดยสมบูรณ์ วงแขนอบอุ่นโอบกอดเธอเอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เธอจากไปไหน แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องเป็นการเตือนว่าเช้านี้ทั้งสองชีวิตได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตคู่อย่างแท้จริงแล้ว ร่างหนาของซือมู่อันค่อยๆ ขยับร่างระหงของภรรยาสาวที่ยังนอนหลับอยู่บนหน้าอกของเขาด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาถึงความสุข มือเรียวดึงผ้าห่มมาคลุมร่างอวบอิ่มของภรรยาสาวเอาไว้ก่อนที่สายตาคมที่ทอแสงแห่งความอบอุ่นส่งไปยามมองไปที่ใบหน้าสวย เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอนก่อนที่จะตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ในเวลาต่อมาร่างหนาในชุดคลุมสีขาวเดินตรงไปยังส่วนของห้องครัว มื้อนี้เขาจะเป็นคนลงมือทำอาหารเช้ามื้อแรกสำหรับภรรยาคนสวยของเขา ขณะที่มือเรียวยาวของพ่อครัวหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำลังจับตะหลิวคนโจ๊กร้อนๆ อยู่ที่หน้าเตา ช่วงเอวสอบก็ถูกลำแขนเสลาสอดเข้ามากอดจากทางด้านหลัง ริมฝีปากบางสีกุหลาบยกยิ้มขึ้นมาอย่างอบอุ่น“กำลังทำอะไรอยู่คะ...คุณสามี” เสียงหว