Share

บทที่ 1

last update Last Updated: 2025-02-20 17:04:56

ทยากร ธาราบวรวิชญ์ วัยสามสิบสามปี ที่กำลังนั่งดื่มกาแฟยามเช้าอยู่กับบิดาที่กำลังนั่งอ่านข่าวสารธุรกิจอยู่ในไอแพดเช่นเดิมทุกครั้ง

พลันสายตาเหลือบมองบุตรชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม แววตาของชายหนุ่มนั้นช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน นับตั้งแต่วันที่ทยากรกลับไปทำงานที่ไร่ของตนและวนเวียนกลับมาเยี่ยมบิดามารดาบ้างบางครั้ง แต่ทั้งสองคนก็คลาดเคลื่อนไม่ได้พบหน้ากันเสียที อีกคนงานยุ่ง ส่วนอีกคนหลบหน้าไม่อยากพบเจอ

ราวกับสวรรค์ไม่เป็นใจให้ทั้งคู่ได้เจอกันเสียอย่างนั้น

ตั้งแต่วันที่ทั้งสองคนได้จดทะเบียนสมรสกันอย่างเงียบ ๆ เมื่อหลายปีก่อน ตามความต้องการของผู้เป็นย่าและบิดา แต่หากถูกคัดค้านโดยมารดาของชายหนุ่มแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ มันจึงทำให้เขาไม่อยากจะกลับมาที่นี่หรือเจอหน้าภรรยาของตนเองอีก

แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นวันนี้

“ทำไมแกถึงไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องบ้างเหอะ” ผู้เป็นพ่อถามทั้ง ๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้ว ว่าคำตอบของลูกชายเป็นเช่นไร

และสิ่งที่ได้มามันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเมื่อก่อนตอนที่ให้จดทะเบียนเลย

“ผมไม่ว่าง งานที่ไร่มันยุ่ง ๆ น่ะครับ”

นั่นไง! มันต่างจากที่คิดเสียที่ไหน เหตุผลหนึ่งก็คงไม่อยากเจอผู้หญิงที่ตอนนี้อยู่อีกบ้านเป็นแน่

“แน่ใจว่างานยุ่ง หรือไม่อยากเจอหนูลินกันแน่”

“นั่นสิ หนูลินของย่า เขาแย่ขนาดนั้นเลยหรือยังไง เวลาผ่านมาตั้งหลายปีแล้วไม่เคยมองน้องดีเลยรึ”

น้ำเสียงของผู้เป็นย่าไม่ค่อยจะพอใจหลานชายของตนสักเท่าใด ที่จดทะเบียนสมรสกับนันท์นลินมาก็หลายปีแล้ว แต่สองสามีภรรยานั่นกลับแยกกันอยู่เสียนี่แล้วแบบนี้เมื่อไหร่นางจะได้อุ้มเจ้าตัวน้อยกัน

“โธ่คุณย่าครับ ผมไม่ว่างจริงๆ นี่ครับ งานที่ไร่มันเยอะมากเลยนะครับคุณย่าก็รู้”

คนเป็นหลานชายรีบลุกพรวดพราดออกจากจากเก้าอี้ของตนเอง เข้ามาออดอ้อนคุณย่าราวกับกำลังประจบประแจงท่านไม่ให้บ่นเรื่องที่หายหน้าหายตาไปอยู่ที่ไร่องุ่นไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ

  “เชอะ ย่าไม่อยากจะฟังคนโกหก”

“ผมพูดจริงครับย่า ผมไม่ว่างจริง ๆ ที่เข้ากรุงเทพฯ รอบนี้เพราะมีสัมมนาหลายวันเลยไม่ค่อยได้กลับมานอนที่บ้าน”

ย่าดาหลาถึงกับส่ายศีรษะไปมาน้อย ๆ ให้กับหลานชายที่หวงความโสดของตัวเองมาตั้งแต่ไหน แต่ไร แต่ที่ให้แต่งงานก็เพื่อตัวของทยากรเองทั้งนั้น ไม่ใช่เพื่อใครเลยเพราะนางเลือกสิ่งที่ดีที่สุด คนที่ดีและสามารถช่วยเหลือหลานชายในอนาคต

“ภายในปีนี้แกต้องมีหลานให้ฉันอุ้ม” นนทกรที่นั่งเงียบฟังสองย่าหลานอยู่นานสองนานเอ่ยขึ้น ทำเอาคนที่กำลังกอดดาหลาถึงกับหันขวับ

พอ ๆ พับคนที่กำลังเดินเข้ามาต้องหยุดชะงักปลายเท้าอย่างตกใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

เธอต้องมีลูกกับคนที่ไม่ชอบเธออย่างนั้นหรือ แค่ขนาดจดทะเบียนสมรสกันในครั้งนั้นก็แทบไม่ได้มองหน้ากันเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อเขาไม่อยากเจอหน้าตน เธอก็จะไม่ย่างกายเข้าไปให้เขาเห็นหน้า

หากว่าเจอกันคงไม่วายที่ชายหนุ่มจะคอยหาเรื่องอยู่เป็นแน่ จากที่จะเดินเอาของเข้าไปข้างในห้องนั้น จึงรีกลับหลังหันเดินกลับอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเธอกำละงจะออกไปก็สวนกันกับแม่เนียม แม่บ้านสูงวัยของบ้านหลังนี้เดินสวนมาพอดี

“จะไปไหนเหรอคุณลิน” ป้าเนียมถามด้วยน้ำเสียงแข็งด้วยความไม่ชอบในในตัวของหญิงสาว แต่ก็ไม่ได้เกลียดเด็กสาวคนนี้

“ลินปวดหัวน่ะค่ะ ป้าเนียม ลินขอฝากเอาขนมเข้าไปข้างในหน่อยนะคะ”

ด้วยความสีหน้าของนันท์นลินไม่ค่อยจะดีนัก จึงจัดการนำถาดที่อยู่ในมือไปให้คุณ ๆ ข้างในแทน หลังจากที่รับมา คนตัวเล็กรีบเดินดุ่มออกไปอย่างรวดเร็วทำเอาแม่เนียมสงสัยในอาการของเธอเหลือเกินว่าเป็นอะไร

“เป็นอะไรของเขาพิลึกคน”  บ่นเพียงแผ่วเบาก่อนที่จะเอาของเข้าไปในห้องที่มี นนทกร ทยากร และ ดาหลา ที่กำลังคุยกันอย่างออกรส

“ขนมมาแล้วค่ะ คุณลินฝากเนียมเอามาให้ค่ะ”

“เอ้า แล้วเจ้าตัวไปไหนเสียแล้วล่ะ” ดาหลาถามถึงหลานสะใภ้พร้อมทั้งชะเง้อคอมองหาว่าเธอนั้นจะเข้ามาหรือไม่   หมายทีจะให้ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้ง

“เห็นบอกว่าปวดหัวน่ะค่ะ”

อาการของหญิงสาวที่พอสังเกตุได้ทำเอาคนอย่างเขาไม่พอใจ

“ใครจะไปอยากเจอผู้หญิงอ้วน ๆ ไม่สวยแบบนั้นกัน” เขาว่าอย่างไม่สบอารมณ์

“ไอ้ลูกเวรปากเสียนักนะ หนูลินเขาผอมแล้วเว้ยแถมยังสวยด้วย ใช่ไหมครับคุณแม่” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นให้ลูกชายของตัวเองงหายอคติกับนันท์นลินเสียที

“ใช่ ที่แกไม่มาเจอหน้าน้องเพราะเรื่องที่น้องอ้วนแล้วก็ไม่สวยหรือเปล่า”

ทยากรเฉไฉไม่ยอมตอบได้แต่ผละออกไปข้างนอกแทน วันนี้เขาว่าจะไม่ออกไปไหนจะพักผ่อนอยู่ที่บ้าสนก่อนเดินทางกลับไร่ในวันพรุ่งนี้

เพราะเขาเองก็มีงานที่ต้องจัดการต่ออีกหลายอย่าง

“ดู๊ดู หลานชายฉันทำไมบอกยากอะไรแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้อุ้มเหลนตัวน้อย ๆ สักที” ดาหลาบ่นหลานชายที่ทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเสียสักอย่าง

“คุณแม่ใจเย็น ๆ ครับเดี๋ยวเป็นลมไป”  นนทกรเองก็ไม่ต่างอะไรจากมารดาของตนที่เหนื่อยใจกับบุตรชายของตัวเอง

“ดูตาทิวสิ”

“เอาน่าคุณแม่ ผมว่ารอไอ้ทิวมันเจอหนูลิน เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนใจ”

“แม่ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น แต่เอ๊ะ ว่าแต่เมียเราไปไหนล่ะ ไม่เห็นหน้าตั้งแต่เช้าแล้ว”

ตั้งแต่ที่นางเดินเข้ามาที่บ้านหลังนี้ ก็ไม่เห็นหน้าเห็นตาของลูกสะใภ้ตนแม้แต่เสี้ยวเดียว ไม่รู้ทำไมพักนี้ไม่ค่อยจะอยู่บ้านกันนัก มีเรื่องอะไรที่ออกไปไหนกันนักหรือ

นางเอกก็ไม่เข้าใจผู้คนสมัยนี้เสียจริง ๆ

“ออกไม่งานสมาคมพบปะเพื่อน ๆ ของเขาเหมือนทุกครั้งแหละครับคุณแม่”

ดาหลาไม่ตอบอะไรนอกเสียจากส่ายหน้าน้อย ๆ กับเบญญาภาลูกสะใภ้ของตนต่อให้แต่งงานกับบุตรชายของนามาเกือบสามสิบสี่สิบปีแล้วก็ตาม แต่มารู้ทำไมนับตั้งแต่รับนันท์นลินมาเป็นหลานอีกคนของนางเองนับตั้งแต่ครอบครัวของหญิงสาวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อน

ดาหลานับว่านันท์นลินเป็นเด็กที่โชคชะตาอาภัพเหลือเกินกำพร้าโดยที่ตัวเองไม่เหลือใคร มีเพียงธาราบวรวิชญ์ ที่เป็นที่ญาติและครอบครัวให้กับผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้น

“ที่ฉันให้ตาทิวแต่งงานกับยัยลินก็เพื่อที่จะฝากให้ดูแลซึ่งกันและกัน”

“ผมรู้ครับคุณแม่ว่าคุณแม่หวังดี ผมเองก็อยากได้หนูลินมาเป็นลูกสะใภ้เหมือนกัน เพื่อชดเชยให้กับหนูลิน” นนทกรเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยสายตาทอดมองไปข้างนอกราวกับไร้จุดหมายเหมือนมีอะไรที่อยู่ในใจยังไม่สามารถบอกกับผู้ใดได้

แม้กระทั่งคนที่เป็นมารดาก็ไม่อาจพูดได้

อีกด้านของคนที่หนีออกมาเดินเล่นที่สวนหลังบ้านที่อยู่เยื้อง ๆ กับบ้านหลังเก่าของดาหลาที่กำลังปรับปรุงซ่อมแซมให้สะดวกสะบายมากขึ้น อีกทั้งไม่อยากให้ท่านเดินขึ้นเดินลงชั้นสองจนเกิดอุบัติเหตุเกือบพลัดตกจากบันใด แต่โชคดีมีคนช่วยเอาไว้ทัน

“ใครมันจะอยากเจอผู้หญิงคนนั้นกัน”

เอ่ยกับตัวเองเพียงแผ่วเบาพลางเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตนเองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงที่ได้ยินเสียงน้ำกระทบกับหินหรือไม่ก็พื้นดินราวกับตอนฝนตกใหม่ ๆ กับความชุ่มของน้ำ จึงทำให้เขาเงยหน้ามองก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างสูงเพรียวที่ยืนจับสายยางรดน้ำต้นไม้ในวันที่บรรยากาศค่อนข้างดีแสงแดดอ่อน ๆ

ใบหน้าเล็กเรียว จมูกโด่งน้อย ๆ รับกับรูปหน้าอีกทั้งริมฝีปากเล็กที่กำลังขยับพึมพรำไปมาราวกับตนกำลังพึมพำร้องเพลงอะไรบางอย่าง 

ทรงผมที่ถูกมวยขึ้นเป็นบันดังโงะฟู ๆ บวกกับหน้าม้าซีทรูบางเบาเข้ากับรูปหน้าของเธอชวนหลงไหลาในสายตาของหลายคน

แต่ทว่าทำไมใบหน้านี้มันคุ้นเหลือเกินเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเสียอย่างนั้น

ใครกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เขาได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอคนนั้น

มันเลยทำให้เขารู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าชื่ออะไร

“คุณลินคะ คุณย่าเรียกหาค่ะ” เสียงนั้นเป็นเสียงของปรางค์ซึ่งเป็นหลานของป้าเนียมที่อายุน้อยกว่าเจ้าของชื่อที่เรียกเมื่อครู่

“จ้า” เจ้าของเสียงหวานขานรับ ก่อนที่จะผละสายตาจากเหล่าดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้า ในจังหวะที่เธอกำลังจะเดินไปปิดวาวน้ำที่อยู่ด้านหลังของใครบางคนในจังหวะที่เธอนั้นมองที่สายยางยาวไปข้างหลัง  แต่ก็ต้องชะงักกับร่างที่ยืนอยู่

ซึ่งไม่ใช่ใครนอกเสียจากทยากรกำลังมองเธออยู่แววตาของเขามันช่างตกใจราวกับเห็นผีเสียอย่างนั้นแหละ นันท์นลินไม่สนใจอะไรเขานอกเสียจากเดินผ่านชายหนุ่มไปอย่างไม่สนใจ ก่อนที่จะเดินไปหาคนที่เรียกเมื่อสักครู่นี้

ความสวยของนันท์นลินทำเอาคนที่คัดค้านในใจ ว่าคนที่เขาไม่ชอบในเมื่อก่อนจะสวยดูดีอะไรเช่นนี้ ผู้หญิงคนนั้นคือยัยแก้มยุ้ยคนที่คุณย่าบังคับจดทะเบียนสมรสกับเขาเมื่อหลายปีก่อนน่ะหรือ

เป็นไปไม่ได้เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

“เป็นไปไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่ปีจะสวยอะไรขนาดนี้”

ลับหลังที่ทยากรบ่นกับตัวเองเบา ๆ อย่างครุ่นคิดว่ามันเป็นเป็นแบบนี้ได้อย่างไร ชายหนุ่มได้แต่หันมองตามแผ่นหลังของคนที่เดินผ่านไป แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ชอบผู้หญิงคนนี้อยู่ดีต่อให้สวยขนาดไหนก็เถอะ

สิ่งที่เขาต้องการที่สุดในตอนนี้คือหย่ากับนันท์นลินให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าทั้งย่าและพ่อจะต้องการให้เขามีลูกกับผู้หญิงคนนั้นก็ตาม

เขาจะไม่มีวันที่จะผูกใจอยู่กับนันท์นลินเป็นแน่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เปลืองรัก   ตอนที่ 14

    ใครว่าทยากรไม่ร้อนใจที่ติดต่อเมียของตัวเองไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืน เขาเพียรพยายามโทรหาหญิงสาวหลายต่อหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเขาแม้แต่ครั้งเดียว ครั้นโทรฯมาก ๆ เข้า หญิงสาวก็เปิดเครื่องหนีเขาเสียอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจไม่น้อย จนต้องรีบตรงดิ่งกลับมาบ้านในคืนนั้น แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้คนที่บ้านแตกตื่นว่าทะเลาะอะไรกัน จนต้องข่มใจอดทนรอให้ถึงเช้าเสียก่อน ค่อยมาหานันท์นลินเพื่อที่จะปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งและอธิบายในสิ่งที่เธอได้ยินว่ามันไม่เป็นความจริง เขาไม่อยากเสียหน้าในยามที่อยู่ต่อหน้าเพื่อน เพราะเขขาเองเป็นคนที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับพวกนั้นว่าจะไม่มีวันชอบนันท์นลินและไม่ยอมรับมาตลอดว่าตนจดทะเบียนสมรสและมีภรรยาแล้ว อีกทั้งเขาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะอยู่ที่นั่นด้วยและบังเอิญได้ยินเรื่องพวกนั้นทยากรเดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่นอยู่หน้าบ้านของย่าดาหลา อันที่จริงเขานอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนเฝ้ารอให้เช้าเร็ว ๆ ชายหนุ่มชะเง้อคอมองหานันท์ลินว่าจะลงมาตอนไหน เขาอยากจะคุยกับเธอเหลือเกิน จนกระทั่งป้าเนียมที่กำลังยกอะไรบางอย่างเข้าไปเ

  • เปลืองรัก   บทที่ 13

    "หนูลิน!" บทสนทนาที่ดังขึ้น ณ ขณะนั้นหยุดชะงักขึ้นมาทันที หันมองไปตามต้นเสียงว่าเป็นใคร "คุณลุง...เอ่อคุณพ่อ" ถึงแม้ว่าเวลานานผ่านไปเท่าใดเธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามที่นนทกรให้เรียกเสียที เพราะด้วยความเกรงใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอเองก็พยายามที่จะปรับเปลี่ยน มีบ้างที่จะเผลอเรียกแบบเดิมไป "ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะลูก" นางถามอย่างสงสัยเพราะนี่ไม่ใช่เวลากลับบ้านของบุตรชาย "ประชุมและทำทุกอย่างเรียบร้อยเร็ว ผมเลยกลับมาแวะตลาด ได้ยินคุณแม่บ่นอยากกินมาหลายวันแล้ว ""ขอบใจมากลูก มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินอะไรก่อน"“ครับแม่ แต่ผมยังไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ ผมมีงานที่ต้องจัดการอีกเยอะเลยครับ” คนเป็นลูกชายหย่อนกายนั่งตรงข้ามมารดาและลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งรับประทานขนมไทยอย่างอเอร็ดอร่อย“แล้วนี้เจ้าทิวไปไหนซะล่ะครับ ทิ้งเมียให้อยู่บ้านแบบนี้ยังไง”“คุณทิวไปเป็นวิทยากรให้กับทางมหาวิทยาลัย สามว

  • เปลืองรัก   บทที่ 12

    ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของทยากรและนันท์นลินดำเนินการไปด้วยดี โดยที่ไม่มีเรื่องราวอะไรมาให้กวนจิตใจ หรือให้คิดมากไปเอง รวมถึงเรื่องที่ต้องการหย่าขาดจากกันด้วย วันนี้นันท์นลินที่ถูกห้ามไม่ให้ทำงานจากผู้เป็นสามีได้มาที่แปลงองุ่นที่คนงานกำลังเก็บผลผลิตอยู่นั้น หญิงสาวไม่ชอบอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรหากหยิบจับอะไรเพียงนิดเดียวก็ถูกห้ามอยู่ตลอด จนวันหนึ่งเธอตั้งใจที่จะคุยกับทยากรอย่างจริงจังเรื่องการทำงานของเธอ ด้วยความเคยชินจากหลายเดือนมานี้ทำงานทุกวันจนแทบไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไร แต่พอมาวันหนึ่งไม่ได้ทำงานชีวิตเหมือนขาดอะไรไปเสียนี่“พี่ทิวจ๋า พาลินไปหาคุณย่าหน่อยสิคะ”ตกค่ำของวันเดียวกันหลังจากที่ทยากรกลับถึงบ้านมีคนตัวเล็กมาคอยต้อนรับเหมือนเช่นทุกวัน เพียงเขาได้เห็นใบหน้าหวาน ๆ ของเธอก็ทำให้หายเหนื่อยแล้ว แล้วยิ้มได้ยินเสียงออดอ้อนหวานอีก“หืม ว่าไงนะ” ทั้งที่ได้ยินเสียงออดอ้อนเต็มสองหูก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงของเธออีก“ลินอยากไปหาคุณย่าค่ะ พาลินไปนะคะ” ว่าแล้วพลางเดินเข้ามาควงแขนออเซอะเอียงใบหน้าสวยหวานซบลงที่ท่อนแขนแกร่งของสามี

  • เปลืองรัก   บทที่ 11

    หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่ทยากรเห็นเมียตัวเล็กเศร้าสร้อยจากเรื่องข่าวลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงหากเรื่องเท็จมีเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพราะแน่นอนมันล่วงรู้ไปถึงหูของผู้เป็นย่า ถึงขั้นต่อสายตรงมาหาเขา หากไม่จัดการให้เรียบร้อยจะลงมาเป็นคนพูดเอง หลังจากวันนั้นทุกคนต่างไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย อาจมีบ้างที่บางคนคับข้องใจ ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงลงเอ่ยซึ่งกันและกันแบบนี้“เมื่อวานไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึก”“เดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบทั้ง ๆ ที่ตัวของเธอนั้นอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว อาหารที่ป้าอนงค์ทำเอาไว้ก็เย็นชืดจึงเอามาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย“แน่ใจ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาไกล้คนตัวเล็กใบหน้าคมคายโน้มเข้าไกล้หญิงสาวอีกทั้งกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“ค่ะ ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา”“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่ายังไง”หญิงสาวไม่ตอบอะไรได้แต่ปิดเตา แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเข้า ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มห่างเพียงคืบเดียวเท่านั้น เขาเอาลมหายใจของนันท์นลินติดขัดไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเคยแนบชิดมาก

  • เปลืองรัก   บทที่ 10

    ตกดึกของวันเดียวกัน หลังจากที่ทยากรพานันท์นลินไปซื้อของเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็กลับไปทำงานต่อ โดยที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอนั้นพักผ่อนหรือว่างงานแม้แต่น้อย เขาสั่งให้พนักงานในออฟฟิศอีกคนนำเอกสารและรายละเอียดต่าง ๆ มาให้เธออ่านทำความเข้าใจ พร้อมทำให้หาข้อมูลเกี่ยวกับองุ่นพันธุ์ใหม่ว่าเป็นอย่างไรให้กับเขา โดยการสั่งงานผ่านบุลคคลที่สามอีกทีตามเคยแน่นอนว่าคนที่อยากได้หัวใจของเขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าจะงวยงงนในการกระทำอยู่บ้างก็ตาม แต่บางทีเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ใจหนึ่งก็รัก แต่อีกดใจก็ปฎิเสธชายหนุ่ม ทว่าสมาธิที่จดจ่อกับงานกลับหายไปเกือบครึ่งเพราะเธอนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนที่ยังไม่กลับบ้านอย่าง ทยากร โดยปกติแล้วเขาไม่กลับดึก ในยามนี้ก็จวนจะเข้าวันใหม่เสียแล้วก็ยังไม่เห็นหรือมีวี่แววว่าจะกลับ“ทำไมยังไม่กลับนะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นห่วง พลันลุกจากโซฟาที่กำลังทำงานของตนชะเง้อมองทางด้านนอก ไม่วายที่มือเล็กๆ ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือที่เปิดเพลงฟังเมื่อครู่มาด้วย ในตอนนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่นัก ช่วงก

  • เปลืองรัก   บทที่ 9

    เช้าวันใหม่นันท์นลินออกบ้านเช้ากว่าปกติดั่งเช่นเมื่อวาน เพราะเธอนั้นไม่อยากเจอหน้าคนที่อยู่ในบ้าน ในยามนี้เขายังไม่ตื่นหรอก หากว่าเธอไปออฟฟิศในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มงาน ทว่าคราแรกจะปั่นจักรยานไปเหมือนทุกครั้งด้วยความที่กลัวว่าจะถึงเร็วจึงตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศในตอนเข้าที่หาไม่ได้จากในกรุงเทพฯคนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ ไปเรื่อย ๆ ไม่วายที่จะถ่ายคลิปวิดิโอสั้นพร้อมทั้งข้อความเล็ก ๆ น้อยลงไปในนั้นด้วย“ตื่นเช้ามันก็ดีเหมือนกันนะ”หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางยิ้มขำให้กับคำพูดของตัวเองไม่น้อย หากพูดว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ เพราะเธอนั้นนอนไม่หลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อยู่ ๆ ก็หวนคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ใจร้ายกับเธอมาตลอด ไม่รู้ทำไมเธอยังรักเขาอยู่ทุกวันแต่ก็ต้องเอาใบหน้านั้นออกไปจากความคิดที่รบกวนการหลับการนอน มือเล็กเอื้อมไปคว้าสมาท์โฟนคู่ใจของตนขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชันสั่งของออนไลน์ เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอขอที่อยู่ของที่นี่กับมะเฟือง ด้วยความที่มีของใช

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status