“คุณจำคำพูดของตัวเองไม่ได้เหรอคะ ตอนที่พูดกับเพื่อนคุณบอกว่ายังไง ถ้าม่านท้องขึ้นมาคุณจะหย่ากับม่าน และสัญญาของม่านกับคุณมันก็สิ้นสุดลงแล้วด้วย” “ม่าน…” เพียงเขาอ้าปากเรียกชื่อเธอ ม่านทิวาก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่ยอมให้โอกาสคนใจร้ายอย่างเขาได้พูดอธิบายสักคำ “ที่คุณทำไปทั้งหมดก็เพราะต้องการแก้แค้นให้ยัยวิเจ็บใจแล้วก็เอาชนะเดิมพันเพื่อนของคุณ” เธอยอกย้อนเสียงราบเรียบ แต่มันกลับบาดลึกเข้าไปในหัวใจของชายหนุ่มจนเจ็บปวด “ฉัน...” รณพีร์กำลังจะเอ่ยค้าน แต่ก็ถูกม่านทิวาพูดดักคอเอาไว้เสียก่อน “อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกนะคะ เพราะการหลอกลวงให้ ผู้หญิงคนหนึ่งรักคุณจนหมดใจ แต่คุณกลับตอบแทนเขาด้วยความเจ็บช้ำ มันจะทำให้ ผู้หญิงคนนั้นหมดความหวัง ความศรัทธา ความเชื่อใจในความรักจนหมดสิ้น” เสียงสั่นเครือของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มอยากจะกอดปลอบ แต่เธอคงไม่ต้องการ “ม่าน...ฉันขอโทษ”
Lihat lebih banyak"ตั้งแต่มึงมาที่นี่ มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องไปอยู่กับเมียบ้างหรือไง" ตุลธรพูดขึ้นท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น แต่มันพอที่จะทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และเพื่อนของเขาได้ยินด้วย
ทำเอาคนที่กำลังกระดกเหล้าเข้าปากอย่างเพลินใจถึงกับชะงักในสิ่งที่ได้ยิน "พูดอะไรของมึง กูไม่มีเมีย"
"แน่ใจนะว่ามึงไม่มีเมีย”
“เออกูไม่มีเมีย” ทยากรยังคงปากแข็งและยืนยันคำเดิมว่าตนนั้นไม่มีใคร ไม่มีภรรยาหรือแต่งงานแล้วตามที่เพื่อนทั้งสองพูดมา
“แล้วผู้หญิงสวย ๆ ที่กูเจอที่บ้านมึงเป็นใครวะ พวกกูไม่เคยเห็นหน้าเลยถึงไปบ้านมึงบ่อย ๆ ก็เถอะ" เตชินท์ถามด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจเพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาไปเยี่ยมบิดามารดาของทยากรมา และบังเอิญได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย พร้อมกับประโยคหนึ่งที่นนทกรบิดาของทยากรเอ่ยออกมา
'ไอทิว...ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ ทิ้งเมียอยู่กรุงเทพฯ ส่วนตัวเองทำงานที่สวนอย่างสบายใจ มันไม่ห่วงเมียมันเลยหรือยังไงนะ' มันทำให้เขาต้องเก็บความสงสัยมาถึงทุกวันนี้
วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว นับจากที่ทยากรขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางกลับที่ไร่
"กูจะบอกอีกครั้งว่ากูโสด" ทยากรหงุดหงิดไม่น้อยที่เพื่อนของเขาพูดเรื่องที่เขามีภรรยาและถามเซ้าซี้ไม่เลิก
ใช่ เขามีภรรยาแล้วก็จริง เจ้าหล่อนก็เป็นเพียงภรรยาในนามที่เขาไม่ต้องการและรอวันหย่าเท่านั้น
"ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียมึงจริง เขาก็สวยมากเลยนะ" เตชินท์เอ่ยพลางจับสังเกตุเพื่อนว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง เมื่อเพื่อนของตนพูดถึงเรื่องนี้
"คนแบบนั้นนะเหรอสวย อ้วนก็อ้วน ความสวยความน่ารักก็ไม่มี พวกมึงเอาตาที่ไหนดูว่าสวย"
ชายหนุ่มเพียงแค่พึมพรำเบา ๆ เท่านั้นแต่มันก็ทำให้คนที่นั่งอยู่ลักลอบดูท่าทางของเขาได้เช่นกันอิริยาบถนั้น ทำให้สองหนุ่มถึงกับส่ายหน้าให้กับคนที่ปฏิเสธเสียงแข็ง
กลับปากแข็งไม่ยอมรับว่าตัวเองมีเมียแล้ว ทว่าท่าทางที่แสดงออกมากลับตรงกันข้าม
แต่จะว่าก็ว่าเสียเถอะ ทยากรไม่เคยพาสาวสวยคนนั้นมาเปิดตัวแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ให้รู้จักใครเก็บเงียบราวกับเธอคนนั้นเป็นคนในความลับของเพื่อนอย่างนั้น
“มันก็ไม่เคยมาเปิดตัวเลยนะเอาจริง” เพื่อนอีกคนเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียง
“ก็ไม่มีใครและไม่เคยที่จะพามาเปิดตัว ถ้าคนที่พวกมึงพูดถึงคือ นันท์นลิน ก็แค่แม่บ้านคนนึง”
“โอเค ๆ แม่บ้านก็แม่บ้าน พวกกูยอมแล้ว ไม่มีเมียก็ไม่มีเมีย”
เพื่อนทั้งสองคนต่างเอ่ยขึ้นและยกมือยอมแพ้กับท่าทางของหนุ่มเจ้าของไร่องุ่นที่ยังคงยืนยันเสียงแข็งเช่นนั้น
หนุ่ม ๆ ทั้งสามคนที่ชวนนัดกันดื่มสังสรรค์ตามประสาคนที่ไม่ได้พบกันนานทีปีหนที่จะมีเวลาตรงกัน จึงออกมาหาที่ผ่อนคลายกันบ้าง อีกทั้งพวกเขาและทยากรไม่ได้เจอกันมาหลายปี เนื่องด้วยชายหนุ่มปลีกตัวไปทำธุรกิจไร่องุ่นที่ต่างจังหวัดในสิ่งที่เขาชอบ อีกทั้งเป็นการดูธุรกิจของย่าและครอบครัวไปในตัวอีกด้วย
เรียกได้ว่าแทบไม่มีเวลาที่จะได้กลับกรุงเพทฯ มาเจอเพื่อนเสียด้วยซ้ำ
“เฮ้ย…ผู้หญิงคนนั้น”
ปลายหางตาคมของเตชินท์ดันเหลือบไปเห็นร่างเล็กบอบบางของกลุ่มผู้หญิงสามคนที่กำลังจะเดินออกจากร้าน แต่ผู้หญิงคนหนึ่งนั้นสามมัน
ช่างคุ้นหน้าคุ้นตาจนต้องอุทานออกมาอย่างเผลอไม่ได้ มันเลยทำให้เพื่อนที่นั่งอยู่หันมองไปทางเดียวกันแทบจะรวมกันเป็นตาเดียวก็ว่าได้“อะไรของมึงวะ ร้องอย่างกับเห็นผีตกใจหมด” คนที่กำลังนั่งนึกอะไรเพลิน ๆ ถึงกับสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ
“เห็นอะไรวะ เมียมึงมาตามรึไง” ตุลธรถามอย่างสงสัย
“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร แค่ผู้หญิงคนนั้นสวยดี” ชายหนุ่มเฉไฉไม่ตอบกับอะไรต่อเพราะยิ่งต่อความยาวสาวความยืดมันจะยิ่งไม่จบ
ในขณะเดียวกันทั้งสามคนที่กำลังจะเดินออกจากร้านเพราะมาเลี้ยงฉลองให้กับเพื่อนร่วมงานและขอตัวกลับก่อน
“จะไม่ไปต่อจริง ๆ เหรอลิน”
หนึ่งในสามสาวที่เดินมาด้วยกันพลางเอามือวางไว้บนไหล่มนของคนที่ถูกเรียกว่าลิน ทำเอาหญิงสาวถึงกับยิ้มออกมากับแววตาที่อ้อนวอนของคนตรงหน้าจนต้องเผลอยิ้มออกมาเสียไม่ได้
“เอาไว้วันหลังนะ วันนี้คุณย่าไม่สบาย ลินต้องกลับไปดูแลน่ะ บอกคุณย่าว่าออกมาไม่นานน่ะ” เธอตอบยิ้ม ๆ พร้อมทั้งให้เหตุผลกับเพื่อนว่าเพราะอะไรถึงต้องขอตัวกลับก่อนเวลา
“แกนี่น้ายัยลิน…”
“กลับเถอะนี่ก็ดึกแล้วนะ”
ท่าทางทำดวงออดอ้อนปริบ ๆ ทำเอาเพื่อนส่ายหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งผลัดดันให้สองสาวที่อยู่หน้าเธอ เดินออกจากร้านไป โดยที่ไม่ทันสังเกตเลยว่ามีสายตาหลายคู่ของใคร ๆ กำลังมองอยู่ กับท่าทางขี้อ้อนน่ารัก แต่ดูเหมือนว่าหนึ่งในสายตานั้นมองมาเหมือนคับคล้ายคับคลาว่าเคยเจออยู่ที่ไหนเสียนี่
แต่ก็ช่างเถอะ มันไม่ได้สำคัญอะไรเสียหน่อย
ใครว่าทยากรไม่ร้อนใจที่ติดต่อเมียของตัวเองไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืน เขาเพียรพยายามโทรหาหญิงสาวหลายต่อหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเขาแม้แต่ครั้งเดียว ครั้นโทรฯมาก ๆ เข้า หญิงสาวก็เปิดเครื่องหนีเขาเสียอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจไม่น้อย จนต้องรีบตรงดิ่งกลับมาบ้านในคืนนั้น แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้คนที่บ้านแตกตื่นว่าทะเลาะอะไรกัน จนต้องข่มใจอดทนรอให้ถึงเช้าเสียก่อน ค่อยมาหานันท์นลินเพื่อที่จะปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งและอธิบายในสิ่งที่เธอได้ยินว่ามันไม่เป็นความจริง เขาไม่อยากเสียหน้าในยามที่อยู่ต่อหน้าเพื่อน เพราะเขขาเองเป็นคนที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับพวกนั้นว่าจะไม่มีวันชอบนันท์นลินและไม่ยอมรับมาตลอดว่าตนจดทะเบียนสมรสและมีภรรยาแล้ว อีกทั้งเขาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะอยู่ที่นั่นด้วยและบังเอิญได้ยินเรื่องพวกนั้นทยากรเดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่นอยู่หน้าบ้านของย่าดาหลา อันที่จริงเขานอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนเฝ้ารอให้เช้าเร็ว ๆ ชายหนุ่มชะเง้อคอมองหานันท์ลินว่าจะลงมาตอนไหน เขาอยากจะคุยกับเธอเหลือเกิน จนกระทั่งป้าเนียมที่กำลังยกอะไรบางอย่างเข้าไปเ
"หนูลิน!" บทสนทนาที่ดังขึ้น ณ ขณะนั้นหยุดชะงักขึ้นมาทันที หันมองไปตามต้นเสียงว่าเป็นใคร "คุณลุง...เอ่อคุณพ่อ" ถึงแม้ว่าเวลานานผ่านไปเท่าใดเธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามที่นนทกรให้เรียกเสียที เพราะด้วยความเกรงใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอเองก็พยายามที่จะปรับเปลี่ยน มีบ้างที่จะเผลอเรียกแบบเดิมไป "ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะลูก" นางถามอย่างสงสัยเพราะนี่ไม่ใช่เวลากลับบ้านของบุตรชาย "ประชุมและทำทุกอย่างเรียบร้อยเร็ว ผมเลยกลับมาแวะตลาด ได้ยินคุณแม่บ่นอยากกินมาหลายวันแล้ว ""ขอบใจมากลูก มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินอะไรก่อน"“ครับแม่ แต่ผมยังไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ ผมมีงานที่ต้องจัดการอีกเยอะเลยครับ” คนเป็นลูกชายหย่อนกายนั่งตรงข้ามมารดาและลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งรับประทานขนมไทยอย่างอเอร็ดอร่อย“แล้วนี้เจ้าทิวไปไหนซะล่ะครับ ทิ้งเมียให้อยู่บ้านแบบนี้ยังไง”“คุณทิวไปเป็นวิทยากรให้กับทางมหาวิทยาลัย สามว
ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของทยากรและนันท์นลินดำเนินการไปด้วยดี โดยที่ไม่มีเรื่องราวอะไรมาให้กวนจิตใจ หรือให้คิดมากไปเอง รวมถึงเรื่องที่ต้องการหย่าขาดจากกันด้วย วันนี้นันท์นลินที่ถูกห้ามไม่ให้ทำงานจากผู้เป็นสามีได้มาที่แปลงองุ่นที่คนงานกำลังเก็บผลผลิตอยู่นั้น หญิงสาวไม่ชอบอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรหากหยิบจับอะไรเพียงนิดเดียวก็ถูกห้ามอยู่ตลอด จนวันหนึ่งเธอตั้งใจที่จะคุยกับทยากรอย่างจริงจังเรื่องการทำงานของเธอ ด้วยความเคยชินจากหลายเดือนมานี้ทำงานทุกวันจนแทบไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไร แต่พอมาวันหนึ่งไม่ได้ทำงานชีวิตเหมือนขาดอะไรไปเสียนี่“พี่ทิวจ๋า พาลินไปหาคุณย่าหน่อยสิคะ”ตกค่ำของวันเดียวกันหลังจากที่ทยากรกลับถึงบ้านมีคนตัวเล็กมาคอยต้อนรับเหมือนเช่นทุกวัน เพียงเขาได้เห็นใบหน้าหวาน ๆ ของเธอก็ทำให้หายเหนื่อยแล้ว แล้วยิ้มได้ยินเสียงออดอ้อนหวานอีก“หืม ว่าไงนะ” ทั้งที่ได้ยินเสียงออดอ้อนเต็มสองหูก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงของเธออีก“ลินอยากไปหาคุณย่าค่ะ พาลินไปนะคะ” ว่าแล้วพลางเดินเข้ามาควงแขนออเซอะเอียงใบหน้าสวยหวานซบลงที่ท่อนแขนแกร่งของสามี
หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่ทยากรเห็นเมียตัวเล็กเศร้าสร้อยจากเรื่องข่าวลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงหากเรื่องเท็จมีเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพราะแน่นอนมันล่วงรู้ไปถึงหูของผู้เป็นย่า ถึงขั้นต่อสายตรงมาหาเขา หากไม่จัดการให้เรียบร้อยจะลงมาเป็นคนพูดเอง หลังจากวันนั้นทุกคนต่างไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย อาจมีบ้างที่บางคนคับข้องใจ ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงลงเอ่ยซึ่งกันและกันแบบนี้“เมื่อวานไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึก”“เดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบทั้ง ๆ ที่ตัวของเธอนั้นอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว อาหารที่ป้าอนงค์ทำเอาไว้ก็เย็นชืดจึงเอามาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย“แน่ใจ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาไกล้คนตัวเล็กใบหน้าคมคายโน้มเข้าไกล้หญิงสาวอีกทั้งกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“ค่ะ ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา”“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่ายังไง”หญิงสาวไม่ตอบอะไรได้แต่ปิดเตา แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเข้า ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มห่างเพียงคืบเดียวเท่านั้น เขาเอาลมหายใจของนันท์นลินติดขัดไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเคยแนบชิดมาก
ตกดึกของวันเดียวกัน หลังจากที่ทยากรพานันท์นลินไปซื้อของเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็กลับไปทำงานต่อ โดยที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอนั้นพักผ่อนหรือว่างงานแม้แต่น้อย เขาสั่งให้พนักงานในออฟฟิศอีกคนนำเอกสารและรายละเอียดต่าง ๆ มาให้เธออ่านทำความเข้าใจ พร้อมทำให้หาข้อมูลเกี่ยวกับองุ่นพันธุ์ใหม่ว่าเป็นอย่างไรให้กับเขา โดยการสั่งงานผ่านบุลคคลที่สามอีกทีตามเคยแน่นอนว่าคนที่อยากได้หัวใจของเขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าจะงวยงงนในการกระทำอยู่บ้างก็ตาม แต่บางทีเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ใจหนึ่งก็รัก แต่อีกดใจก็ปฎิเสธชายหนุ่ม ทว่าสมาธิที่จดจ่อกับงานกลับหายไปเกือบครึ่งเพราะเธอนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนที่ยังไม่กลับบ้านอย่าง ทยากร โดยปกติแล้วเขาไม่กลับดึก ในยามนี้ก็จวนจะเข้าวันใหม่เสียแล้วก็ยังไม่เห็นหรือมีวี่แววว่าจะกลับ“ทำไมยังไม่กลับนะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นห่วง พลันลุกจากโซฟาที่กำลังทำงานของตนชะเง้อมองทางด้านนอก ไม่วายที่มือเล็กๆ ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือที่เปิดเพลงฟังเมื่อครู่มาด้วย ในตอนนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่นัก ช่วงก
เช้าวันใหม่นันท์นลินออกบ้านเช้ากว่าปกติดั่งเช่นเมื่อวาน เพราะเธอนั้นไม่อยากเจอหน้าคนที่อยู่ในบ้าน ในยามนี้เขายังไม่ตื่นหรอก หากว่าเธอไปออฟฟิศในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มงาน ทว่าคราแรกจะปั่นจักรยานไปเหมือนทุกครั้งด้วยความที่กลัวว่าจะถึงเร็วจึงตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศในตอนเข้าที่หาไม่ได้จากในกรุงเทพฯคนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ ไปเรื่อย ๆ ไม่วายที่จะถ่ายคลิปวิดิโอสั้นพร้อมทั้งข้อความเล็ก ๆ น้อยลงไปในนั้นด้วย“ตื่นเช้ามันก็ดีเหมือนกันนะ”หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางยิ้มขำให้กับคำพูดของตัวเองไม่น้อย หากพูดว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ เพราะเธอนั้นนอนไม่หลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อยู่ ๆ ก็หวนคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ใจร้ายกับเธอมาตลอด ไม่รู้ทำไมเธอยังรักเขาอยู่ทุกวันแต่ก็ต้องเอาใบหน้านั้นออกไปจากความคิดที่รบกวนการหลับการนอน มือเล็กเอื้อมไปคว้าสมาท์โฟนคู่ใจของตนขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชันสั่งของออนไลน์ เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอขอที่อยู่ของที่นี่กับมะเฟือง ด้วยความที่มีของใช
Komen