หลายวันผ่านไปทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ตามชีวิตประจำวันของแต่ละคนว่าเป็นเช่นไร เช่นเดียวกับนันท์นลินที่ออกไปทำงานเป็นพนักงานร้านกาแฟตั้งแต่เช้า โดยที่ทุกคนในบ้านรู้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กจะออกไปทำงานในตอนเช้า และกลับค่อนข้างจะดึกเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนต่างเข้าใจในการทำงานของหญิงสาว แต่ทว่าอีกสองวันข้างหน้าจะเป็นวันหยุดของเธอ
“ลิน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ว่างไหมลูก” นายนนทกรถามลูกสะใภ้หลังจากที่กลับมาจากที่ทำงานแล้ว และมาช่วยแม่บ้านทำงานอย่างไม่อิดออด
"ว่างค่ะ"
หญิงสาวตอบเพียงสั้น ๆ เท่านั้นโดยที่ไม่แสดงอาการวิตกกังวลใด ๆให้คนตรงหน้าได้รับรู้ในสิ่งที่ตนเองเพิ่งจะพบเจอมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้
"เหรอลูก พ่อเห็นย่าเขาอยากจะไปบ้านตาทิวที่ต่างจังหวัด แต่พ่อกับแม่ติดธุระ"
เขาอยากจะไหว้วานให้นันท์นลินไปเป็นเพื่อน ลินเต็มใจไปกับคุณ
"ได้ค่ะ คุณลุงไม่ต้องขอร้องหรือไหว้วานก็ได้ค่ะ"
"บอกแล้วให้ให้เรียกว่าพ่อ ไม่ต้องเรียกแล้วคุณลุง"
"ลินยังไม่ชินน่ะค่ะ ให้เวลาลินหน่อยนะคะ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มพร้อมทั้งส่งยิ้มจาง ๆ ให้กับคนตรงหน้า
“หนูมีอะไรในใจหรือเปล่าลิน”
“ไม่มีค่ะ วันนี้คุณลุงกับคุณป้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“อะไรก็ได้ลูก” เธอพยักหน้ารับและเดินเข้าครัว เพื่อที่จะไปช่วยอาหารในมื้อนั้น ๆ วันนี้ก็เช่นเดียวกันที่เธอมาช่วย อันที่จริงเธอทำอาหารไม่ที่ยาก ๆ ไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยก็สามารถเอาตัวรอดได้ในแต่ละครั้งไม่อดตาย
ก็ถือว่าเป็นการดีแล้ว
หลังจากการรับประทานอาหารเย็นผ่านไปเรียบร้อยแล้ว นันท์นลินก็มานั่งดูรายการโทรทัศน์เป็นเพื่อนดาหลาเป็นประจำทุกวัน บ้างก็ดูละครหลังข่าว บ้างก็ดูข่าวสารประจำวัน หรือรายการที่สร้างเสียงหัวเราะคลายเครียดให้ไม่เหงา
“วันนี้ละครสนุกดีนะคะคุณย่า ปมเรื่องดีด้วย”
“นั่นสิ ไม่น้ำเน่าเหมือนสมัยก่อน” นางคุยกับหลานสะใภ้โดยที่
ริมฝีกานางยังคงขยับสายตาก็ยังจดจ้องอยู่ที่ภาพหน้าจอเบื้องหน้า“ถ้าคุณย่าชอบดูปมเรื่องดี ๆ ไม่น้ำเน่า มาดูซีรีย์จีนกับลินไหมคะ”
“ตาย ๆ ซีรีย์จีน ย่าดูไม่รู้เรื่องหรอกดูไม่ทันเด็กสมัยนี้เขาหรอก” ดาหลาบอกตามความจริงจะให้ตนมานั่งดูซีรีย์ตามวัยรุ่นสมัยนี้ ให้นั่งอ่านซับไตเติ้ลนางคงตาลายอ่านไม่ไหวหรอกอีกอย่างนางเองก็อายุมาแล้ว
“โธ่คุณย่าค่ะ สมัยนี้มีพากย์ไทยหลายเรื่องเลยค่ะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องรอมาฉายรอบดึกผ่านช่องหลัก ๆ เท่านั้น”
“จริงรึ วันหลังเปิดให้ย่าดูหน่อยแล้วกัน”
“ได้ค่ะ แต่ตอนนี้คุณย่าต้องทานยาตามที่คุณหมอสั่งมาก่อนนะคะ แล้วก็แ
“กินยาอีกแล้ว วันๆ ก็กินแต่ยา”
“เพื่อสุขภาพของคุณย่านะคะ ทานยาเสร็จลินจะไปส่งคุณย่าเข้านอน”
นันท์นลินบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและนุ่มนวล พลางส่งแก้วน้ำเปล่าและยาที่ดาหลาต้องทานก่อนเข้านอนหนึ่งชุด แน่นอนว่าคนแก่
อิออดเล็กน้อยแต่ก็ยอมจำนนที่จะรับยาไปทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“ลินสุดสัปดาห์ไปบ้านตาทิวกัน”
“ค่ะคุณย่า พอดีคุณลุงคุยกับลินเมื่อตอนเย็นน่ะค่ะ ว่าคุณย่าอยากไปเที่ยว ต่อให้ไม่ชวนลิน ลินก็จะไปด้วยอยู่ดีค่ะ”
“นึกว่าจะไม่ไปกับย่าซะแล้ว”
“ทำไมคุณย่าพูดแบบนั้นล่ะคะ”
หญิงสาวยื่นมือไปกุมมือเหี่ยวย่นเอาไว้ก่อนจะบีบเบา ๆ ราวกับไม่ให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จะน้อยใจ
“ก็ทุกครั้งที่ย่าชวนไปบ้านตาทิว ลินก็ไม่ค่อยอยากไป ไม่อยากเจอหน้าพี่เขาขนาดนั้นเลยหรือ”
ดาหลาถามในสิ่งที่นางเองก็ค้างคาใจมาตลอดหลายปี นับตั้งแต่วันที่ทั้งคู่จดทะเบียนสมรสกันในวันนั้น จากที่ไม่ลงรอยกันอยู่แล้วยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิมอีก มันเลยทำให้ผู้มากวัยถึงกับคิดหนักที่จะชวนหญิงสาวไปที่นั่น
“ลินไม่มีอะไรหรอกค่ะ มีแต่คุณทิวนั่นแหละที่ไม่ชอบลินมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
เธอตอบไปตามความจริง เขาไม่ชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยิ่งต้องมาจดทะเบียน เขายิ่งเกลียดเธอเพราะเธอคือ ‘กาฝาก’ สำหรับบ้านหลังนี้
“แน่นะลูก” นางถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ค่ะคุณย่า”
อันที่จริงความรู้สึกของนันท์นลินมันตรงกันข้ามกับกับทยากรโดยสิ้นเชิง เขาเกลียดเธอ แต่ผิดกับตัวหญิงสาวที่รักเขาสุดใจ ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักแค่ไหน เธอก็รักเขา
“งั้นหนูเตรียมตัวเลยนะลูก ย่าว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนหลายวันหน่อย หนูลางานเพิ่มไหมหรือมีโควตาวันหยุดอีกไหมเ”
“ไม่มีปัญหาเลยค่ะ ไปกี่วันก็ได้ตามใจคุณย่าเลย”
เธอบอกอย่างเอาอกเอาใจ โดยที่หญิงสาวไม่ได้บอกความจริงเกี่ยวกับงานของตัวเอง
“งั้นหนูไปเตรียมตัวเก็บของไว้นะลูก” นางบอกยิ้ม ๆ ส่วนคนตัวเล็กก็พยักหน้ารับเท่านั้น
“ไปขึ้นนอนพักผ่อนเถอะลูก นี่ก็เริ่มดึกมากแล้ว”
หญิงสาวจัดการกดปิดโทรทัศน์ก่อนจะเดินเข้ามาหาย่าดาหลา เพื่อที่จะประคองท่านขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพาตัวเองกลับลงมาพักผ่อนที่ห้องข้างล่างภายในบ้านหลังใหญ่หลังนี้
เมื่อถึงวันที่จะต้องเดินทางไปที่บ้านของทยากรทั้งดาหลา นันท์นลินเดินทางมาพร้อมคนขับรถของที่บ้านมุ่งตรงไปยังไร่ทิวทยาทันที ซึ่งชายหนุ่มได้ย้ายสัมมโนครัวอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่เคยบอกกับทุกคนเอาไว้ทำเอาทุกคนต้องยอมให้เจ้าของไร่ทำตามที่ใจต้องการ ผสมกับเขาเองหลงใหลในบรรยากาศที่แสนร่มรื่นของที่นั่น และพื้นที่สามารถทำอะไรต่อมิอะไรต่อยอดทางธุรกิจได้หลายอย่าง อีกทั้งไร่แห่งนี้เป็นมรดกของคุณปู่กับคุณย่า ที่ยกให้บิดาของเขากิ่นที่จะมายกให้เขาได้มาบริหารและจัดการทุกอย่าง
ไร่แห่งนี้ทางบิดาของเขารับช่วงต่อเพียงระยะเวลาสั้น ๆเท่านั้น แต่ก็ต้องไปดูแลกิจการของตัวเองที่อยู่กรุงเทพฯด้วย ทว่าในคราแรกเขาไม่อยากจะทำไร่ แต่พอใช้เวลาอยู่กับมันไปสักระยะหนึ่งมันเลยทำให้เขาชอบและหลงไหลไปกับมันอย่างหลีอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“สวยไหมลูกที่นี่”
นันท์นลินที่กำลังประคองดาหลาลงจากรถตู้คันหรูประจำบ้าน ทอดสายตามองไปรอบ ๆไร่ที่มีบรรยากาศเขียวขจีเพลินตา พลอยทำให้ผ่อนคลายจากอากาศที่เป็นมลภาวะไปด้วย
“สวยค่ะคุณย่า ร่มรื่นมากด้วย แถมทางด้านโน้นลูกค้ามาใช้บริการเยอะด้วยนะคะ”
หญิงสาวว่าพลางชี้มือไปยังลูกค้าแต่ละกลุ่มที่ยืนกระจัดกระจายอยู่ในโซนต่าง ๆ ภายในพื้นที่แห่งนี้ ในตอนแรกเธอคิดว่าจะเป็นไร่องุ่นเพียงอย่างเดียว แต่ที่ไหนได้เป็นทั้งไร่และฟาร์มวัวนมอยู่ในที่เดียวกัน และดูเหมือนว่าจะเปิดให้นักเรียนมาเรียนรู้ด้วยหรือเปล่า
เพราะตอนที่รถแล่นเข้ามาท้ายไร่เห็นรถบัสจำนวนหลายคันมาจอดอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย
“เอ่อคุณย่าคะ คุณทิวเปิดที่นี่ให้นักเรียนได้ศึกษาด้วยเหรอคะ”
“ย่าก็ไม่รู้เหมือนกันลูก เดี่ยวรอถามพี่เขาแล้วกัน”
คนตัวเล็กพยักหน้ารับเล็กน้อยพลางส่งยิ้มให้กับท่าน ก่อนที่จะบอกดาหลาว่ายืนรอเธอสักครู่หนึ่ง เพราะตนจะไปช่วยลงสมบูรณ์ยกกระเป๋าลงจากรถก่อนที่จะเอาไปวางที่หน้าบ้าน อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากข้างในบ้านหลังใหญ่ มันเลยทำให้เธอถึงกับหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมถึงเสียงดังขนาดนี้
“นังเฟืองอยู่ไหนเว๊ย ไปดูหน้าบ้านสิใครมา”
“โธ่ป้า หนูซักผ้าอยู่ แปปนึงได้ไหมเล่า เดี๋ยวหนูออกไปดูให้นะป้า”
เหมือนจะเป็นเสียงของผู้เป็นหลานที่ร้องตะโกนออกมาจากที่ไหนสักแห่งของบ้านหลังนี้ ก่อนจะตามด้วยเสียงโหวกแหวกโวยวายตามด้วยเสียงบ่นของผู้เป็นป้าที่ค่อย ๆ ดังขึ้นมาเรื่อย ๆ จนได้ยินได้อย่างเด่นชัด
“นังเฟืองนะ ใช้นิดใช้หน่อยก็ไม่ได้ ขี้เกียจนัก” เจ้าตัวบ่นโดยที่ยังคงหันมองไปทางด้านหลังและไม่ได้มองมายังเบื้องหน้าว่าใครยืนอยู่ที่หน้าบ้านกันบ้าง
“คุณท่าน สวัสดีค่ะ” ป้าอนงค์ยกมื้อไหว้และวิ่งเข้ามาสวมกอดผู้ที่มีอายุมากกว่าตนหลายปี พร้อมทั้งจับมือกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ย่าดาหลาแลพส่งยิ้มให้เออย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะคุณลิน”
“สวัสดีค่ะป้านงค์ ป้าสบายดีไหมคะ” เธอถามด้วยรอยยิ้ม
“สบายดีค่ะ ป้าว่าอย่าเพิ่งมายืนคุยกันหน้าบ้านแบบนี้เลยค่ะ เชิญเข้าข้างในบ้านกันดีกว่า”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ ยืนนาน ๆ ก็ชักจะเมื่อยแล้วเหมือนกัน” ดาหลาพูดขึ้นอย่างขบขัน
“ใช่ค่ะ เข้ามานั่งพักเย็นเหนื่อยดื่มน้ำเย็นๆ รอคุณทิวกลับมาดีกว่าค่ะ”
ว่าแล้วสองสาวสูงวัยจับมือกันเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ที่ประกอบไปด้วยไม้ ทิ้งให้คนรุ่นหลานยืนมองพลางอมยิ้มไปพลางกับท่าทางของทั้งคู่ท่าเดินจูงมือกันไปคุยไปตามประสาคนที่ไม่ได้พบกันมานาน คนตัวเล็กมองอยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนจะช่วยคุณลุงคนขับรถหิ้วกระเป๋าเข้าบ้านหลังใหญ่ โดยที่ตนเองไม่รู้เลยว่ากำลังมีสายตาของใครบางคนจำนวนสองคู่จับจ้องมองอยู่
ใครว่าทยากรไม่ร้อนใจที่ติดต่อเมียของตัวเองไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืน เขาเพียรพยายามโทรหาหญิงสาวหลายต่อหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเขาแม้แต่ครั้งเดียว ครั้นโทรฯมาก ๆ เข้า หญิงสาวก็เปิดเครื่องหนีเขาเสียอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจไม่น้อย จนต้องรีบตรงดิ่งกลับมาบ้านในคืนนั้น แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้คนที่บ้านแตกตื่นว่าทะเลาะอะไรกัน จนต้องข่มใจอดทนรอให้ถึงเช้าเสียก่อน ค่อยมาหานันท์นลินเพื่อที่จะปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งและอธิบายในสิ่งที่เธอได้ยินว่ามันไม่เป็นความจริง เขาไม่อยากเสียหน้าในยามที่อยู่ต่อหน้าเพื่อน เพราะเขขาเองเป็นคนที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับพวกนั้นว่าจะไม่มีวันชอบนันท์นลินและไม่ยอมรับมาตลอดว่าตนจดทะเบียนสมรสและมีภรรยาแล้ว อีกทั้งเขาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะอยู่ที่นั่นด้วยและบังเอิญได้ยินเรื่องพวกนั้นทยากรเดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่นอยู่หน้าบ้านของย่าดาหลา อันที่จริงเขานอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนเฝ้ารอให้เช้าเร็ว ๆ ชายหนุ่มชะเง้อคอมองหานันท์ลินว่าจะลงมาตอนไหน เขาอยากจะคุยกับเธอเหลือเกิน จนกระทั่งป้าเนียมที่กำลังยกอะไรบางอย่างเข้าไปเ
"หนูลิน!" บทสนทนาที่ดังขึ้น ณ ขณะนั้นหยุดชะงักขึ้นมาทันที หันมองไปตามต้นเสียงว่าเป็นใคร "คุณลุง...เอ่อคุณพ่อ" ถึงแม้ว่าเวลานานผ่านไปเท่าใดเธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามที่นนทกรให้เรียกเสียที เพราะด้วยความเกรงใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอเองก็พยายามที่จะปรับเปลี่ยน มีบ้างที่จะเผลอเรียกแบบเดิมไป "ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะลูก" นางถามอย่างสงสัยเพราะนี่ไม่ใช่เวลากลับบ้านของบุตรชาย "ประชุมและทำทุกอย่างเรียบร้อยเร็ว ผมเลยกลับมาแวะตลาด ได้ยินคุณแม่บ่นอยากกินมาหลายวันแล้ว ""ขอบใจมากลูก มาเหนื่อย ๆ มานั่งกินอะไรก่อน"“ครับแม่ แต่ผมยังไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ ผมมีงานที่ต้องจัดการอีกเยอะเลยครับ” คนเป็นลูกชายหย่อนกายนั่งตรงข้ามมารดาและลูกสะใภ้ที่กำลังนั่งรับประทานขนมไทยอย่างอเอร็ดอร่อย“แล้วนี้เจ้าทิวไปไหนซะล่ะครับ ทิ้งเมียให้อยู่บ้านแบบนี้ยังไง”“คุณทิวไปเป็นวิทยากรให้กับทางมหาวิทยาลัย สามว
ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของทยากรและนันท์นลินดำเนินการไปด้วยดี โดยที่ไม่มีเรื่องราวอะไรมาให้กวนจิตใจ หรือให้คิดมากไปเอง รวมถึงเรื่องที่ต้องการหย่าขาดจากกันด้วย วันนี้นันท์นลินที่ถูกห้ามไม่ให้ทำงานจากผู้เป็นสามีได้มาที่แปลงองุ่นที่คนงานกำลังเก็บผลผลิตอยู่นั้น หญิงสาวไม่ชอบอยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรหากหยิบจับอะไรเพียงนิดเดียวก็ถูกห้ามอยู่ตลอด จนวันหนึ่งเธอตั้งใจที่จะคุยกับทยากรอย่างจริงจังเรื่องการทำงานของเธอ ด้วยความเคยชินจากหลายเดือนมานี้ทำงานทุกวันจนแทบไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไร แต่พอมาวันหนึ่งไม่ได้ทำงานชีวิตเหมือนขาดอะไรไปเสียนี่“พี่ทิวจ๋า พาลินไปหาคุณย่าหน่อยสิคะ”ตกค่ำของวันเดียวกันหลังจากที่ทยากรกลับถึงบ้านมีคนตัวเล็กมาคอยต้อนรับเหมือนเช่นทุกวัน เพียงเขาได้เห็นใบหน้าหวาน ๆ ของเธอก็ทำให้หายเหนื่อยแล้ว แล้วยิ้มได้ยินเสียงออดอ้อนหวานอีก“หืม ว่าไงนะ” ทั้งที่ได้ยินเสียงออดอ้อนเต็มสองหูก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงของเธออีก“ลินอยากไปหาคุณย่าค่ะ พาลินไปนะคะ” ว่าแล้วพลางเดินเข้ามาควงแขนออเซอะเอียงใบหน้าสวยหวานซบลงที่ท่อนแขนแกร่งของสามี
หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่ทยากรเห็นเมียตัวเล็กเศร้าสร้อยจากเรื่องข่าวลือ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงหากเรื่องเท็จมีเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพราะแน่นอนมันล่วงรู้ไปถึงหูของผู้เป็นย่า ถึงขั้นต่อสายตรงมาหาเขา หากไม่จัดการให้เรียบร้อยจะลงมาเป็นคนพูดเอง หลังจากวันนั้นทุกคนต่างไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย อาจมีบ้างที่บางคนคับข้องใจ ว่าทำไมทั้งสองคนนี้ถึงลงเอ่ยซึ่งกันและกันแบบนี้“เมื่อวานไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึก”“เดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบทั้ง ๆ ที่ตัวของเธอนั้นอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว อาหารที่ป้าอนงค์ทำเอาไว้ก็เย็นชืดจึงเอามาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย“แน่ใจ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาไกล้คนตัวเล็กใบหน้าคมคายโน้มเข้าไกล้หญิงสาวอีกทั้งกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“ค่ะ ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมเวลา”“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแทนตัวเองว่ายังไง”หญิงสาวไม่ตอบอะไรได้แต่ปิดเตา แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเข้า ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มห่างเพียงคืบเดียวเท่านั้น เขาเอาลมหายใจของนันท์นลินติดขัดไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเคยแนบชิดมาก
ตกดึกของวันเดียวกัน หลังจากที่ทยากรพานันท์นลินไปซื้อของเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็กลับไปทำงานต่อ โดยที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอนั้นพักผ่อนหรือว่างงานแม้แต่น้อย เขาสั่งให้พนักงานในออฟฟิศอีกคนนำเอกสารและรายละเอียดต่าง ๆ มาให้เธออ่านทำความเข้าใจ พร้อมทำให้หาข้อมูลเกี่ยวกับองุ่นพันธุ์ใหม่ว่าเป็นอย่างไรให้กับเขา โดยการสั่งงานผ่านบุลคคลที่สามอีกทีตามเคยแน่นอนว่าคนที่อยากได้หัวใจของเขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าจะงวยงงนในการกระทำอยู่บ้างก็ตาม แต่บางทีเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ใจหนึ่งก็รัก แต่อีกดใจก็ปฎิเสธชายหนุ่ม ทว่าสมาธิที่จดจ่อกับงานกลับหายไปเกือบครึ่งเพราะเธอนั้นรู้สึกเป็นห่วงคนที่ยังไม่กลับบ้านอย่าง ทยากร โดยปกติแล้วเขาไม่กลับดึก ในยามนี้ก็จวนจะเข้าวันใหม่เสียแล้วก็ยังไม่เห็นหรือมีวี่แววว่าจะกลับ“ทำไมยังไม่กลับนะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า”คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างเป็นห่วง พลันลุกจากโซฟาที่กำลังทำงานของตนชะเง้อมองทางด้านนอก ไม่วายที่มือเล็กๆ ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือที่เปิดเพลงฟังเมื่อครู่มาด้วย ในตอนนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่นัก ช่วงก
เช้าวันใหม่นันท์นลินออกบ้านเช้ากว่าปกติดั่งเช่นเมื่อวาน เพราะเธอนั้นไม่อยากเจอหน้าคนที่อยู่ในบ้าน ในยามนี้เขายังไม่ตื่นหรอก หากว่าเธอไปออฟฟิศในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มงาน ทว่าคราแรกจะปั่นจักรยานไปเหมือนทุกครั้งด้วยความที่กลัวว่าจะถึงเร็วจึงตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศในตอนเข้าที่หาไม่ได้จากในกรุงเทพฯคนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของตนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ ไปเรื่อย ๆ ไม่วายที่จะถ่ายคลิปวิดิโอสั้นพร้อมทั้งข้อความเล็ก ๆ น้อยลงไปในนั้นด้วย“ตื่นเช้ามันก็ดีเหมือนกันนะ”หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบา ๆ พลางยิ้มขำให้กับคำพูดของตัวเองไม่น้อย หากพูดว่านอนแล้วก็ไม่ใช่ เพราะเธอนั้นนอนไม่หลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อยู่ ๆ ก็หวนคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ใจร้ายกับเธอมาตลอด ไม่รู้ทำไมเธอยังรักเขาอยู่ทุกวันแต่ก็ต้องเอาใบหน้านั้นออกไปจากความคิดที่รบกวนการหลับการนอน มือเล็กเอื้อมไปคว้าสมาท์โฟนคู่ใจของตนขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชันสั่งของออนไลน์ เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอขอที่อยู่ของที่นี่กับมะเฟือง ด้วยความที่มีของใช