ไทเกอร์เดินตามพรพระพายเข้ามาในร้าน สายตาของพนักงานต่างพากันจ้องมองพรพระพาย บางคนก็เดินเข้ามาขอถ่ายรูป สิ่งที่เขากลัวคือจะมีข่าวของเขาหลุดออกไป
“หากว่ามีข่าวของผมหลุดออกไปร้านของคุณจะเหลือไว้แต่ชื่อ!” เขาข่มขู่พร้อมลากหญิงสาวเข้าไปในห้องลองชุด ซึ่งเขาไม่คิดจะเลือกชุดด้วยซ้ำ
“ชุดนี้หล่อดีนะครับ” พายุบอกเจ้านายที่นั่งทำหน้าไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“พวกนายเลือกมาสิว่าอันไหนดี” เขาเปิดแท็บเล็ตนั่งอ่านงาน โดยไม่ยอมหันมองชุดที่ลูกเลือก
“ผมว่านายน้อยมาลองใส่ดีกว่าครับ จะได้รู้ว่าเหมาะมั้ย”
“มึงว่ากูไม่หล่อเหรอ?” เขาใส่อะไรก็เหมาะทั้งนั้น
“เปล่าครับผมไม่ได้หมายถึงแบบนี้” เขาหมายถึงว่าชุดจะเหมาะกับชุดของเจ้าสาวหรือไม่
“เอาสีดำนั่นแหละเลือกๆ มา” เขาไม่สนใจสักพักประตูอีกห้องก็เปิด พร้อมกับร่างคนตัวเล็กกว่าเขาเดินออกมาในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด
พรพระพายก้าวออกมาช้าๆ ด้วยท่าทีสง่างาม ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่กลับทำให้เธอดูโดดเด่นราวกับเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย
ดวงตาของไทเกอร์หยุดอยู่ตรงหน้าเธอทันทีแน่นิ่ง ไม่มีแม้แต่การกะพริบตา พรพระพายไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงยืนนิ่ง แววตารู้ดีว่าตัวเองกำลังเป็นจุดสนใจ และเธอก็มั่นใจว่าสวยพอจะทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก
“โอ๊ย... สายตาคุณเจ้าบ่าวนี่บอกชัดเลยนะคะ ว่าหลงเจ้าสาวเต็มๆ” พนักงานต่างพากันเขินอายอิจฉาเจ้าสาวที่มีเจ้าบ่าวหล่อและรวยมาก
“ก็พอดูได้” เสียงนั้นดึงไทเกอร์กลับสู่ความเป็นจริง เขากระแอมเบาๆ หันหน้าหลบ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงพยายามปิดบังความรู้สึก
“คุณยังไม่เปลี่ยนชุดอีกเหรอคะ” ตอนเย็นเธอมีงานต่อเกรงว่าจะไปไม่ทัน
เขายกมือไล่ทุกคนออกไปจากห้อง ซึ่งลูกน้องรู้ทันรีบพากันออกไปอย่างไว
“ฉันทำงานเวลาของฉันมีค่า ไม่ได้มาไร้สาระกับไอ้แค่สายรูปปัญญาอ่อนแบบนี้!”
“เวลาของพายก็มีค่าเหมือนกันค่ะ ตอนเย็นมีงานต่อไม่ได้มาไร้สาระกับคุณ” เอาสิแรงมาแรงกลับคิดว่าเธอจะเป็นคนหัวอ่อนยอมคนง่ายๆ หรือ
“ไอ้งานเต้นเดินแก้ผ้าอวดผู้ชายนั่นเหรอ”
“คุณ! พายไม่ได้แก้ผ้ายังใส่ชุดครบ” เธอเริ่มไม่พอใจเมื่อเขาเริ่มถ่วงเวลา
“ต่างกันตรงไหนผู้ชายมันเห็นมันแข็งเหมือนกันหมดนั่นแหละ”
“เชิญคุณไร้สาระไปคนเดียวเถอะ” เธอจับชายกระโปรงและเดินออกไปรอเขาที่สตู ไทเกอร์ไม่พอใจที่อีกฝ่ายเมินจึงรีบแต่งตัว ออกไปแบบไม่ได้แต่งหน้าทำผม
“เจ้าบ่าวขอเข้าใกล้เจ้าสาวอีกนิดนะครับ เอาแบบแนบชิดเลย ยิ้มให้กล้องนิดหนึ่งเยี่ยมครับ!”
พรพระพายพยายามวางสีหน้าให้เป็นธรรมชาติ แต่ภายในกลับรู้สึกประหม่าเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของไทเกอร์ที่อยู่ใกล้เกินไป หัวใจเธอเต้นแรงอย่างไม่คาดคิด มือบางที่ประคองชายชุดกระโปรงสั่นน้อยๆ อย่างควบคุมไม่ได้
ไทเกอร์เห็นท่าทีลังเลของหญิงสาว ดวงตาโตหวานหลบสายตาเขาเล็กน้อย ขณะเดียวกันริมฝีปากก็เม้มเข้าหากันแน่นราวกับกำลังระงับความรู้สึกบางอย่าง
เขาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ทำแบบนั้น แต่ในเสี้ยววินาทีที่ช่างภาพยกกล้องขึ้นอีกครั้ง ไทเกอร์กลับยื่นแขนออกไปโอบเธอเข้ามาแนบอกแน่น กลิ่นหอมจางๆ จากเรือนผมของเธอลอยเข้าจมูก ก่อนที่เขาจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ใบหูเธอแล้วกระซิบเบาๆ
“ขอทำท่าจะจูบกันหน่อยครับ” ช่างภาพตะโกนบอก
“เอ่อ ค่ะ” พรพระพายเกร็งเล็กน้อย แต่ภาพที่ออกมาเหมือนว่าทั้งสองคนเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน
“ขอเจ้าบ่าวโน้มลงไปใกล้ๆ เลยครับ”
ไทเกอร์คว้าท้ายทอยของเธอไว้และก้มลงประกบจูบ พรพระพายตัวแข็งทื่อตกใจกับสิ่งที่เขาทำ ช่างภาพรีบเก็บภาพนั่นไว้
“อย่าเพิ่งกลัวไป เพราะนี่ยังไม่ใช่จุดเริ่มต้นเลย”
เสียงต่ำกระซิบชิดผิวเนื้อ ทำเอาพรพระพายสะดุ้งเล็กน้อย ดวงหน้าแดงซ่านแต่พยายามคงท่าทีไว้ ไม่ให้กล้องจับได้ถึงความสั่นไหวในใจ
“ปล่อยพายได้แล้ว” เธอไม่กลัวเขาแต่ก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่
เวลาผ่านไปราวเกือบสองชั่วโมง พรีเวดดิ้งเซตใหญ่จบลงพร้อมกับความเหนื่อยอ่อนและอึดอัดบางอย่างที่สุมในอกของทั้งสองฝ่าย
พรพระพายเดินกลับเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด และเมื่อออกมาอีกครั้งในชุดเดรสลำลองเรียบง่ายก็เห็นว่าไทเกอร์ยืนพิงผนังรออยู่ ใบหน้าคมคายแฝงแววไม่สบอารมณ์อย่างเคย
“กลับเองได้ใช่ไหม?” เสียงเรียบถามขึ้น ขณะเขาหยิบมือถือขึ้นมาเช็กนัดหมายถัดไปโดยไม่มองหน้าเธอ
“อะไรนะ” พรพระพายชะงักเล็กน้อย
“ฉันไม่ว่างไปส่ง แล้วอีกอย่างก่อนที่เธอจะคิดเพ้อฝันอะไรไปไกล ฉันขอเตือนเอาไว้ก่อนว่าถึงฉันจะยอมแต่งงานด้วย แต่ไม่ได้แปลว่าฉันจะยอมให้เธอกอบโกยเงินจากฉัน เข้าใจไหม” ไทเกอร์พูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ คำพูดนั้นเหมือนกรรไกรคมกริบตัดผ่านความรู้สึกบางอย่างของพรพระพายทันที
เธอกระชับกระเป๋าในมือแน่น ยกคางขึ้นสบตาเขาเต็มๆ ด้วยสายตาแข็งกร้าวที่เริ่มกลับมาประจำที่เดิม
“ถ้าไม่ใช่เพราะต้องจ่ายหนี้คุณ พายไม่ยอมแต่งงานกับคนแบบคุณหรอก”
“คนแบบนั้นมันทำไมวะ สาวๆ ที่ไหนก็อยากได้ทั้งนั้น”
“เพราะคุณไม่ใช่สเปคของพาย พายชอบผู้ชายอบอุ่นใจดีพูดเพราะๆ ไม่ดูถูกเพศแม่ตัวเอง ชอบคนที่น่ารักกับพายและเข้าใจพาย ชอบผู้ชายไม่เจ้าชู้และจริงใจว่าจะมีพายแค่คนเดียว ไม่ใช่ผู้ชายปากหมาและร้ายกาจเจ้าชู้แบบคุณ”
“ฝันไปเถอะว่าจะเจอไอ้พวกหน้าซื่อๆ นั่นแหละมันร้าย” เขาเจอมาเยอะแล้ว ผู้ชายด้วยกันเขามองออก
“เรื่องของพายรู้เอาไว้ด้วยหัวใจของพายไม่มีวันมอบให้คุณ” เธอเดินผ่านเขาออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย และนั่นทำให้ไทเกอร์ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแพ้ทั้งที่ยังไม่ทันเริ่มสู้ เขาตะโกนตามหลังไปอย่างขุ่นเคือง
“ใครอยากได้หัวใจของเธอกัน คนอย่างฉันได้แค่ตัวก็พอโว้ย” เขาตะโกนตามหลังไปไม่ง่ายเลยที่จะกำราบพรพระพาย คนอะไรดื้อตาใสเถียงก็เก่ง
ภายในรถซีดานสีดำด้าน ไทเกอร์นั่งเอนหลังเหม่อลอย สายตาจ้องมองออกไปนอกกระจกราวกับใช้สมองไปไม่ถึงจุดหมาย
“เป็นอะไรครับนายน้อย” แจ็กสันถามพลางเลี้ยวรถเข้าเส้นทางด่วน
“ผู้หญิงชอบผู้ชายแบบไหนวะ” ไทเกอร์ถามเสียงเครียด
“เอาจริงเหรอครับนายน้อยกำลังคิดเรื่องความรักอยู่เนี่ยนะ” แจ็กสันทำหน้าเหวอไปแวบหนึ่งก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ตอบมาอย่ากวนตีน” ไทเกอร์เหลือบมองอย่างไม่ตลกด้วย
“ก็แล้วแต่คนมั้งครับ แต่เท่าที่ผมเห็นผู้หญิงชอบคนที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย ไม่ว่าจะอบอุ่นหรือแบดบอย ขอแค่อยู่ด้วยแล้วรู้ว่าเขาเป็นที่พึ่งได้ แล้วก็ต้องไม่เห็นเธอเป็นแค่ของเล่น”
“แล้วนายคิดว่าไงพายุ” เขาหันไปถามพายุที่นั่งข้างคนขับ
“ให้ผมพูดจริงเหรอครับ” พายุลำบากใจที่จะตอบ
“เออ พูดมา!”
“ผู้หญิงที่เขาจริงจังเรื่องความรักเขาไม่ชอบคนแบบนายน้อยหรอกครับ หล่อรวยก็จริงแต่ไม่เหมาะเอามาเป็นพ่อของลูก”
“ไอ้เหี้*ย มึงหุบปาก” เขาโกรธที่ลูกน้องพูดออกมาตรงๆ ใครไม่ชอบก็เรื่องของมัน เขาก็เป็นของเขาแบบนี้ไม่อยากจริงจังกับความรัก
“คุณพายทั้งสวยทั้งน่ารักไม่เหมาะกับนายน้อยเลยครับ” แจ็คสันเสริมทัพเข้าไปอีก และรีบหลบสายตาเพราะกลัวจะถูกด่าอีก
ไทเกอร์ไม่ตอบและไม่เข้าใจอะไรด้วย ยังไงพรพระพายต้องหลงเสน่ห์เขาเข้าสักวัน หากเธอเป็นของเขาแล้วผู้ชายที่ไหนจะกล้าเข้ามายุ่ง
“พรพระพายมีงานที่ไหนต่อ?”
“คุณพายมีงานอีเว้นท์ที่ห้างสรรพสินค้าX ครับเห็นว่าออกงานคู่กับนายแบบชื่อ เอียน อีเวนสัน”
“ไอ้เวรที่ไหนอีกวะ” เขาจะต้องทำยังไงพรพระพายจึงจะออกจากวงการได้ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว
“ฉันประชุมเสร็จกี่โมง”
“นายน้อยจะประชุมเสร็จประมาณ 6 โมงเย็นครับคุณจอนสันเชิญคุณรับประทานอาหารด้วย มีลูกสาวเขามาด้วย”
เบื่อจริงๆ พวกชอบเอาลูกสาวมาประเคนมาให้ถึงที่ ผู้หญิงเหล่านั้นก็ทำตัวไร้ค่ามาก
“เสร็จจากประชุมแล้วไปห้างต่อ”
“แล้วเรื่อง...” พายุพูดไม่ทันจบ
“ฉันไม่รับนัดใครทั้งนั้น!” ไทเกอร์กอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กล้าทำกับเขานอกจากพรพระพาย แววตาของเธอไม่มีเขาอยู่ในนั้นเลย เจอกันแบบจังๆ ครั้งแรกเธอก็หาว่าเขาเป็นคนตาบอด
ร้านอาหารหรูที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม วันนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองครอบครัวนัดเจอกัน แต่เสียดายที่พรพระพายติดงานถ่ายแบบเลยมาด้วยไม่ได้ ทุกคนกำลังนั่งรอไทเกอร์อย่างใจจดใจจ่อ “เดี๋ยวเอวาโทรตามพี่ไทเกอร์เองค่ะ” เอวารินทร์ลุกไปจากโต๊ะอาหาร รู้ว่าพี่ชายตั้งใจมาช้า ที่ชั้นบนสุดของกาสิโนสุดหรู กลางห้องทำงานที่เต็มไปด้วยจอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดและเอกสารกองพะเนิน ไทเกอร์กำลังนั่งตรวจสัญญาการเงินด้วยสายตาเย็นเฉียบ สองมือถือแฟ้มและปากกาดูตัวเลขอย่างแม่นยำ “ว่ายังไง...” เขายังพูดไม่ทันจบ “พี่ไทเกอร์เมื่อไหร่จะมาคะ ผู้ใหญ่รอนานแล้ว” “รอไม่ไหวก็ให้เขากลับไปยังไงก็ต้องแต่งอยู่ดี” จะอะไรกันนักกันหนาแค่เรื่องแต่งงาน “วันนี้น้องพายสวยมากเลยนะคะถ้าไม่มาเห็นจะไม่มีบุญตาแน่” เอวารินทร์วางสายทันที หมั่นไส้พี่ชายตัวเองทีกับผู้หญิงร้ายๆ กลับเดินเข้าหา “นายหญิงบอกว่าถ้าไม่ไปตอนนี้จะให้นายใหญ่จัดการเจ้าพยัคฆ์ขั้นเด็ดขาด” พายุเข้ามารายงานไทเกอร์เงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาคมดุสบตากับคนพูดนิ่งสนิทเขาไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงเสี้ยววินาทีถัดมา เขาก็วางแฟ้มในมือลงบ
ไทเกอร์เดินตามพรพระพายเข้ามาในร้าน สายตาของพนักงานต่างพากันจ้องมองพรพระพาย บางคนก็เดินเข้ามาขอถ่ายรูป สิ่งที่เขากลัวคือจะมีข่าวของเขาหลุดออกไป “หากว่ามีข่าวของผมหลุดออกไปร้านของคุณจะเหลือไว้แต่ชื่อ!” เขาข่มขู่พร้อมลากหญิงสาวเข้าไปในห้องลองชุด ซึ่งเขาไม่คิดจะเลือกชุดด้วยซ้ำ “ชุดนี้หล่อดีนะครับ” พายุบอกเจ้านายที่นั่งทำหน้าไม่ทุกข์ร้อนอะไร “พวกนายเลือกมาสิว่าอันไหนดี” เขาเปิดแท็บเล็ตนั่งอ่านงาน โดยไม่ยอมหันมองชุดที่ลูกเลือก “ผมว่านายน้อยมาลองใส่ดีกว่าครับ จะได้รู้ว่าเหมาะมั้ย” “มึงว่ากูไม่หล่อเหรอ?” เขาใส่อะไรก็เหมาะทั้งนั้น “เปล่าครับผมไม่ได้หมายถึงแบบนี้” เขาหมายถึงว่าชุดจะเหมาะกับชุดของเจ้าสาวหรือไม่ “เอาสีดำนั่นแหละเลือกๆ มา” เขาไม่สนใจสักพักประตูอีกห้องก็เปิด พร้อมกับร่างคนตัวเล็กกว่าเขาเดินออกมาในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด พรพระพายก้าวออกมาช้าๆ ด้วยท่าทีสง่างาม ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่กลับทำให้เธอดูโดดเด่นราวกับเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายดวงตาของไทเกอร์หยุดอยู่ตรงหน้าเธอทันทีแน่นิ่ง ไม่มีแม้แต่การ
คฤหาสน์หลังใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้สดที่ประดับไว้รอบบ้านอย่างประณีต พรพระพายก้าวลงจากรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง ไม่ใช่เพราะความร้อนจากแดด แต่เป็นเพราะความรู้สึกประหม่าเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีจะต้องเผชิญหน้ากับแม่ของว่าที่เจ้าบ่าวหญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า ก่อนเดินเข้าไปในห้องรับรองของบ้านหลังนั้นอัญญากำลังนั่งจิบชารออยู่บนโซฟาไม้สัก แววตาเฉียบคมแต่นิ่งสงบพรพระพายเดินเข้าไปหา ก่อนจะยกมือไหว้อย่างสุภาพ“สวัสดีค่ะคุณป้าพายขอโทษด้วยนะคะที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้มาด้วย” พรพระพายส่งยิ้มให้แม่ของเขา ซึ่งแววตาของอีกฝ่ายนั้นดูอ่อนโยนมาก ซึ่งแตกต่างกับไทเกอร์อัญญารับไหว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ ใบหน้าหญิงสูงวัยดูเคร่งขรึมในตอนแรก แต่แววตาไม่ได้แฝงความรังเกียจแม้แต่น้อย“ไม่เป็นไรลูกเรียกแม่ว่าคุณแม่ก็ได้ ถ้าไม่รังเกียจ”“ค่ะคุณแม่” พรพระพายยิ้มเก้อ ๆ นิดหน่อย แต่ก็พยักหน้าเสียงฝีเท้าเล็กๆ ดังมาจากด้านหลัง ก่อนหญิงสาววัยรุ่นร่างโปร่งจะวิ่งเข้ามาแล้วโผเข้ากอดแม่อัญญาอย่างสนิทสนม“ขอโทษค่ะเอวาไปเปลี่ยนเสื้อช้านิดหน่อย พี่เอวาค่ะยินดีที่ได้รู้จักว่าที่พี่สะใภ้”พรพระพายหันไปมองยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า
สตูดิโอเต็มไปด้วยทีมงานที่วิ่งวุ่นตลอดทั้งเช้า พรพระพายนั่งอยู่หน้ากระจกขนาดใหญ่ เธอสวมเพียงเสื้อคลุมผ้าซาตินบางเบาชุดจริงอยู่ข้างใน ชุดถ่ายโฆษณาโลชั่นที่เผยผิวเนียนเปลือยช่วงไหล่และแผ่นหลังอย่างเย้ายวน“พร้อมนะ” เสียงตากล้องเอ่ยขึ้นเมื่อทุกอย่างพร้อม นางแบบสาวยิ้มบาง ลุกขึ้นจัดเสื้อคลุมให้เผยร่องไหล่พอดีแล้วก้าวเข้าไปกลางฉากสีขาวเธอเริ่มโพสต์ท่าลูบไล้โลชั่นลงบนผิวอย่างอ่อนช้อย นิ้วเรียวยาวแตะเนื้อครีมสีขาวมุกก่อนจะแตะลงบนต้นขาเนียนแน่น แล้วลากขึ้นถึงช่วงสะโพก ตากล้องกดชัตเตอร์รัว ใบหน้าพรพระพายยิ้มบาง ดวงตาออดอ้อนส่งให้กล้องอย่างมืออาชีพ แต่กลับไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ กำลังยืนมองอยู่หลังม่านด้านหลังทีมงานไทเกอร์ยืนกอดอกดวงตาดุดันจ้องไปที่หญิงสาวคนเดียวในฉาก ดวงหน้าเข้มเครียดขณะมองพรพระพายยิ้มหวาน ลูบไล้เนื้อโลชั่นลงบนต้นแขนเนียนนุ่มแล้วหันไปยิ้มให้ตากล้องที่ส่งเสียงชมไม่ขาดปาก“สุดยอดเลยน้องพายสวยมาก เซ็กซี่มาก!”คำพูดนั้นทำให้เขากัดกรามแน่น หัวใจเขาเต้นแรง ไม่ใช่เพราะความงามของเธอ แต่เพราะความรู้สึกอยากเป็นคนเดียวที่ได้เห็นแบบนี้ผู้ชายทั้งหมดในห้องนี้มองเธอเหมื
ไทเกอร์นั่งเอนตัวพิงเก้าอี้หนังแท้ สีดำเข้ากับบุคลิกดุดันของเขา แสงไฟสลัวทำให้รอยสักใต้ปลายแขนเสื้อดูน่ากลัวกว่าปกติ สายตาคมกริบดั่งเหยี่ยวไล่ไถ่ตัวเลขบนกระดาษบัญชี รายได้ของกาสิโนประจำเดือน ไม่มีอะไรหลุดจากสายตาเขาได้ติ๊ง... ติ๊ง...เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแผ่วเบา หน้าจอส่องแสงวูบวาบ แต่เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองปล่อยให้เสียงนั้นดังไปอย่างน่ารำคาญ“จะโทรอะไรนักหนา” เขาสบถเบาๆ ในลำคอ ขณะยังจดจ่ออยู่กับตัวเลขตรงหน้า ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดอย่างนอบน้อม ร่างสูงของมือขวาคนสนิทของไทเกอร์ ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“นายน้อยครับ...” เขาเดินตรงเข้ามาแล้วยื่นโทรศัพท์อีกเครื่องให้ แต่ไทเกอร์ไม่รับปรายตามอง“บอกนายใหญ่ไปว่าฉันไม่ว่าง!” เจ้าพ่อมาเฟียถอนหายใจหนักๆ ราวกับถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ขัดใจ“แต่...”“ไทเกอร์นี่แม่เอง! ไม่ใช่ป๊า” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ผู้หญิงที่เขากลัวที่สุดคือแม่“ครับคุณแม่ ผมคิดถึงที่สุดเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นอกจากแม่ก็มีน้องสาวที่เขารักมากที่สุด รองลงมาก็เป็นพ่อที่ไม่ค่อยถูกกับเขาเท่าไรนัก“ไทเกอร์กลับบ้านเดี๋ยวนี้เป็นคำสั่ง”“ครับผมจะกลับ...” เขายังพูดไม
ห้องใต้ดินลับในกาสิโนหรูหราใจกลางเมือง ถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัดและแสงสลัวจากหลอดไฟเพียงดวงเดียวที่แกว่งไกวเหนือเพดาน สายโซ่ที่ถูกพันไว้แน่นหนาบนข้อมือเปื้อนเลือดของชายหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงกระทบพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ ดวงตาเขาเบิกกว้างอย่างหวาดกลัว เหงื่อกาฬไหลอาบขมับทั้งที่อากาศเย็นยะเยือกเสียงรองเท้าหนังราคาแพงก้าวลงบันไดอย่างหนักแน่นเป็นจังหวะทีละขั้น ราวกับเสียงของยมทูตที่กำลังจะเดินเข้ามาเอาวิญญาณเงาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทดำสนิทปรากฏขึ้นจากเงามืด ผิวเข้มดุดัน ใบหน้าคมสันไร้รอยยิ้ม ดวงตาคมกริบเปรียบเหมือนเสือที่พร้อมขย้ำทุกอย่างที่ขวางทางเขาคือ ไทเกอร์ หรือที่คนในวงการใต้ดินเรียกเขาว่า เสือดำแห่งกรุง มาเฟียผู้ควบคุมอำนาจเหนือทุกอย่างตั้งแต่กาสิโนสนามแข่งรถ ไปจนถึงตลาดค้าอาวุธระดับโลกแต่สิ่งเดียวที่ไทเกอร์ไม่แตะต้องคือยาเสพติดและการค้ามนุษย์ เพราะเขามีน้องสาวและแม่ที่เขารักที่สุด เขาทำใจไม่ได้หากจะเห็นผู้หญิงถูกย่ำยีแบบไม่เต็มใจ“ขอร้องผมผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ!” เสียงชายที่นั่งกองอยู่บนพื้นร้องโหยหวน ร่างกายเขาสั่นสะท้านทั้งจากความหนาวและความหวาดกลัวไทเกอร์หยุดยืนตรงหน้าชายคนน